ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Prologue
คราดาราดับดิ้น    อับแสง สุริยา
ปถวีพลิกแพลง        โศกเศร้า
ราตรีย่ำกลับแผลง    ลืมตื่น ลืมสูญ
แสงแห่งรักจักให้      กลับฟ้าคืนมา
                            รูดี้ เทอร์แมน
                  จอมเวทย์นักพยากรณ์
บทนำ
“เฟอดินาน...” เสียงร้องเรียกของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ในสวนหย่อมที่เคยสวยงาม แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณทั้งของมนุษย์และสัตว์ประหลาด ท้องฟ้ามืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหว
“แมรี่ ความรักของพวกเจ้าจะทำลายอำนาจทั้งหมดของข้า ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด” เสียงที่ดังขึ้นฟังน่ากลัว และเยือกเย็นจับขั้วหัวใจ ชวนให้รู้สึกโดดเดี่ยว “โลกแห่งความเกลียดชังและโดดเดี่ยวต้องถือกำเนิดขึ้น ด้วยน้ำมือของข้า”
หญิงสาววิ่งตรงเข้ามาประคองร่างบุรุษผู้เปรียบเสมือนชีวิตของเธอไว้ในอ้อมแขน ใบหน้างดงามที่มักสะกดผู้พบเห็นให้ตกอยู่ในภวังค์กลับดูซีดเซียวด้วยคนรักต้องถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยเปล่งประกายเจิดจ้า บัดนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่รินไหลออกมาไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่พรากดวงใจไปจากเธออย่างไร้ความปราณี บุรุษผู้มีใบหน้าที่ฉายชัดถึงความเหี้ยมเกรียม นัยน์ตาสีรัตติกาลวาววับสื่อถึงความเกลียดชังที่ปิดไว้ไม่มิด บุรุษผู้มีกลิ่นไอแห่งความตายรายล้อมอยู่รอบตัว...
จอมเวทย์ปีศาจ แอโรว์
“แอโรว์ ทำไมท่านถึงทำกับข้าได้ถึงเพียงนี้ ท่านก็รู้ว่าข้ารักเฟอดินานมากเพียงใด ทำไม” แมรี่พูดด้วยเสียงสั่นเครือแสดงถึงความโศกเศร้า
“ก็เพราะข้ารู้น่ะสิว่าเจ้ากับเฟอดินานรักกันมากเพียงใด ข้าถึงต้องรีบกำจัด หากข้าสามารถสาปความรักของคู่โซลเมทได้ พลังอำนาจทั้งหมดก็จะตกเป็นของข้า” จอมเวทย์ปีศาจแอโรว์พูดพลางจ้องตาหญิงสาว
“ท่านหญิง ท่านชาย” เสียงจากชายหนุ่มคนหนึ่งร้องขึ้นขณะที่วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ “แอโรว์ แกทำอะไรท่านชายเฟอดินาน”
“เจ้าก็รู้คำทำนายของบรรพบุรุษเจ้าดีนะ มู้ดดี้” แอโรว์หันไปมองเจ้าของเสียง “ข้าไม่ยอมให้คำทำนายเป็นไปหรอก”
“งั้นเจ้าก็คงรู้สิ ว่าเจ้าในตอนนี้ ยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะครองโลกนี้ได้” มู้ดดี้พูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “คู่โซลเมทน่ะแม้จะไม่ได้สมรักกันในชาตินี้ ชาติหน้าก็ยังมี เจ้าไม่มีทางทำสำเร็จหรอก”
จอมเวทย์ปีศาจได้ยินคำกล่าวของนักพยากรณ์จึงพูดตอกกลับไป
“เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้วมู้ดดี้ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ หากข้าขัดขวางคู่โซลเมทไม่ให้ได้สมหวังกันเป็นเวลาสิบชาติแล้วล่ะก็ คู่โซลเมทก็จะถูกทำลายลง แล้วข้าก็จะหมดเสี้ยนหนาม” ว่าพลันแอโรว์ก็หัวเราะแล้วหันไปทางแมรี่
“ได้เวลาแล้วแมรี่” พูดจบแอโรว์ก็เริ่มร่ายมหาเวทมนตร์ดำต้องห้ามเพื่อขัดขวางการพบรักกันของคนทั้งคู่
“แอโรว์!!” มู้ดดี้ตะโกนลั่น ไม่ทันจะสิ้นเสียง กระแสอากาศก็เริ่มปั่นป่วน ไอดำทะมึนพุ่งกระแทกออกมาจากร่างของบุรุษผู้ร่ายเวทย์ ลมเริ่มพัดแรงขึ้นราวกับพายุ มู้ดดี้พยายามยืนทรงตัวต้านแรงลมอย่างสุดความสามารถ
“ไม่มีวัน... ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าทำสำเร็จเด็ดขาด” มู้ดดี้เรียกคทาคู่ใจเข้ามือแล้วปักลงพื้นดินทันที “ข้าจะร่ายเวทย์ขังเจ้า”
พลันเสียงร่ายเวทย์ของคนทั้งสองก็ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม แสงสว่างแผ่รัศมีออกมาจากมู้ดดี้ต้านกับมนตร์ดำของจอมเวทย์ปีศาจแอโรว์ไว้อย่างสูสี และแล้วก็เกิดแรงระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง มนตร์ดำของจอมเวทย์ปีศาจแตกกระจายเป็นเพียงไอมนตร์ออกไปคนละทาง ทำให้เวทมนตร์ของมู้ดดี้เข้าไปถึงตัวของแอโรว์จนได้
อ๊าก!!!
เสียงร้องลั่นของจอมเวทย์ปีศาจแอโรว์ดังขึ้นพร้อมกับไอดำที่ค่อยๆ ถูกดูดออกมาจากร่าง มู้ดดี้ได้นำพลังชั่วร้ายของจอมเวทย์ปีศาจแยกเป็นสองส่วนเพื่อขังไว้ในแหวนสองวง ซึ่งถูกเตรียมไว้เป็นแหวนแต่งงานของท่านหญิงและท่านชายที่ตอนนี้ไม่มีโอกาสได้ใช้เสียแล้ว
“จบสิ้นกันสักทีนะ แอโรว์” มู้ดดี้พึมพำเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ แต่แล้วเสียงหัวเราะเย้ยหยันก็ดังขึ้นพร้อมกับคำจากร่างที่กำลังจะแหลกสลายไปของจอมเวทย์ปีศาจเบื้องหน้า
“แม้เวทย์คำสาปของข้าจะไม่สมบูรณ์ ไม่อาจขวางให้ทั้งคู่ไม่ได้พบกันก็ตามที แต่มันก็มีฤทธิ์พอที่จะทำให้สองคนนี้ต้องผิดหวังในรัก มิอาจได้ครองคู่ คลาดแคล้วกันทุกชาติไป” ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของจอมเวทย์ปีศาจฉายแววแห่งผู้กำชัยชนะ “จงจำไว้...ว่าข้าจะกลับมา ข้าจะกลับมาขัดขวางทั้งสองคน ข้าขอท้าเจ้ามู้ดดี้ เทอร์แมน เตรียมรับมือข้าให้ดีแล้วกัน” แล้วเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั่นก็จากไปพร้อมกับพลังเฮือกสุดท้ายที่ถูกดูดเข้าไปในแหวน ทิ้งไว้ก็เพียงเถ้าธุลีของร่างอันน่าเกลียดน่าชังและมู้ดดี้ที่ยืนตะลึงอยู่กับคำพูดสุดท้ายนั่น
“ท..ทำยังไงดี” มู้ดดี้พึมพำพลางกัดฟันอย่างขบคิด
“เฟอดินาน... ข้าจะขอตามท่านไป” แมรี่กล่าวเสียงสั่นพร้อมกับหยิบดาบที่อยู่ในมือของเฟอดินานขึ้นมา คำพูดนั่นทำให้มู้ดดี้หลุดจากภวังค์และหันกลับไปมองทันที
“ท่านหญิง.........”
สวบ!!!
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าแทบจะทำให้มู้ดดี้แข็งเป็นหิน เสียงตะโกนของเขาเงียบลงไปทันที ร่างบางของท่านหญิงถูกอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน มือน้อยๆ นั่นค่อยปล่อยดาบที่ปักร่างของตนไว้อย่างไร้เรี่ยวแรง
“ท..ท่านหญิงแมรี่” มู้ดดี้ตะโกนขึ้นทันทีที่ได้สติหากแต่เสียงที่เล็ดลอดออกมากลับดังเพียงแค่เสียงกระซิบ เขารีบวิ่งตรงไปช้อนร่างของท่านหญิงขึ้นมาทันที “ท..ทำไม ท่านหญิงแมรี่... ทำไมท่านถึงทำอย่างนี้”
เปลือกตาบางของสาวน้อยค่อยกระตุกเปิดออกอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยมองไปยังคู่สนทนา แมรี่แย้มรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย มือเล็กขยับไปกุมมือของมู้ดดี้อย่างยากลำบาก
“ม..มู้ดดี้ ข..ข้าขอโทษที่ทำแบบนี้” เสียงใสที่เคยก้องกังวานบัดนี้กลับแหบแห้งชวนให้คนฟังรู้สึกเศร้าใจ
“ไม่เป็นไรท่านหญิง ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ข้าจะช่วยรักษาท่านก่อน” ว่าพลันจะร่ายเวทย์รักษา แต่ท่านหญิงกลับกระตุกมือของเขาเบาๆ พลางส่ายหัว
“ม..ไม่ต้องหรอก ท่านเสียพลังมากพอแล้ว อึ้ก... ถ้าช่วยข้า..อาจทำให้ท่าน..ลำบากไปด้วย” แมรี่พูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ลมหายใจของเธอแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ
“ต..แต่ว่า..” มู้ดดี้รีบกล่าวท้วง แต่ท่านหญิงยังคงกระตุกมือเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ
“ข้าอยู่ต่อไป...ก็ไม่มีความหมาย... เฟอดินาน...กำลังรอข้าอยู่” แมรี่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หากท่านต้องการช่วยข้า...ก็รับปากข้า ว่าท่านจะช่วยข้า... อึ้ก.. ช่วยให้ข้ากับเฟอดินานสมหวัง เพื่อปกป้องไม่ให้โลกต้องตกอยู่ในความเกลียดชังอย่างที่แอโรว์ต้องการ...” แมรี่พยายามพูดด้วยเสียงอ่อนแรง ใบหน้างามซีดลงเรื่อยๆ
“ด..ได้.. ข้ารับปาก” มู้ดดี้พูดเสียงสะอื้น แล้วน้ำตาที่มิอาจกลั้นไว้ก็ไหลรินลงอาบสองข้างแก้มจนเขาต้องหลุบใบหน้าลงต่ำเพื่อซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้ท่านหญิงต้องเห็น
“ข้าไม่อยากให้ใคร... ต้องเป็นอย่างแอโรว์... อีกแล้ว” แล้วเปลือกตาบางก็ปิดลง น้ำตาหยาดสุดท้ายของแมรี่ไหลรินออกมาพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของเธอ รอยยิ้มบางยังคงฉาบอยู่บนใบหน้างามนั่น
“ในที่สุด... เหลือแต่เพียงข้าสินะ...” มู้ดดี้พึมพำเบาๆ ทั้งน้ำตาแห่งความเสียใจก็ยังไม่หยุดไหล “ไม่อาจฝืนชะตากรรมได้จริงๆ หรือนี่”
นักพยากรณ์หนุ่มนั่งกล้ำกลืนน้ำตาอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางซากศพที่เกลื่อนกลาดไปทั่วสวนหย่อม ลมพายุและเมฆหมอกที่เคยปกคลุมอยู่เริ่มสลายตัว ความมืดครึ้มค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้าอย่างที่เคยเป็น แล้วลมเอื่อยๆ ของธรรมชาติก็พัดผ่านทั่วบริเวณราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงฝันไป
“ท่านรับปากข้าแล้วนะมู้ดดี้” เสียงกระซิบหวานที่ผ่านข้างหูเบาๆ ตามสายลม ทำให้มู้ดดี้หลุดจากภวังค์แห่งความเศร้าสร้อย
“จริงสินะท่านหญิง...” มู้ดดี้ปาดน้ำตาและลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง “ข้ารับปากท่านแล้ว...” มู้ดดี้มองไปยังแหวนสองวงที่กองอยู่กับพื้น เขาเอื้อมมือไปหยิบมันมากำไว้แน่น “แม้วิถีทางแห่งโชคชะตากำหนดให้พวกท่านต้องพรากจากกัน แต่ข้าจะต้องหาทางช่วยพวกท่านให้ได้” ดวงตาของมู้ดดี้เปล่งประกายวาววับอย่างมุ่งมั่น “แอโรว์ ไม่มีวันที่เจ้าจะสมหวัง...”
“ไม่มีวัน!!!”
------------------------------------------------------------------
ปถวีพลิกแพลง        โศกเศร้า
ราตรีย่ำกลับแผลง    ลืมตื่น ลืมสูญ
แสงแห่งรักจักให้      กลับฟ้าคืนมา
                            รูดี้ เทอร์แมน
                  จอมเวทย์นักพยากรณ์
บทนำ
“เฟอดินาน...” เสียงร้องเรียกของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ในสวนหย่อมที่เคยสวยงาม แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณทั้งของมนุษย์และสัตว์ประหลาด ท้องฟ้ามืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหว
“แมรี่ ความรักของพวกเจ้าจะทำลายอำนาจทั้งหมดของข้า ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด” เสียงที่ดังขึ้นฟังน่ากลัว และเยือกเย็นจับขั้วหัวใจ ชวนให้รู้สึกโดดเดี่ยว “โลกแห่งความเกลียดชังและโดดเดี่ยวต้องถือกำเนิดขึ้น ด้วยน้ำมือของข้า”
หญิงสาววิ่งตรงเข้ามาประคองร่างบุรุษผู้เปรียบเสมือนชีวิตของเธอไว้ในอ้อมแขน ใบหน้างดงามที่มักสะกดผู้พบเห็นให้ตกอยู่ในภวังค์กลับดูซีดเซียวด้วยคนรักต้องถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยเปล่งประกายเจิดจ้า บัดนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่รินไหลออกมาไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่พรากดวงใจไปจากเธออย่างไร้ความปราณี บุรุษผู้มีใบหน้าที่ฉายชัดถึงความเหี้ยมเกรียม นัยน์ตาสีรัตติกาลวาววับสื่อถึงความเกลียดชังที่ปิดไว้ไม่มิด บุรุษผู้มีกลิ่นไอแห่งความตายรายล้อมอยู่รอบตัว...
จอมเวทย์ปีศาจ แอโรว์
“แอโรว์ ทำไมท่านถึงทำกับข้าได้ถึงเพียงนี้ ท่านก็รู้ว่าข้ารักเฟอดินานมากเพียงใด ทำไม” แมรี่พูดด้วยเสียงสั่นเครือแสดงถึงความโศกเศร้า
“ก็เพราะข้ารู้น่ะสิว่าเจ้ากับเฟอดินานรักกันมากเพียงใด ข้าถึงต้องรีบกำจัด หากข้าสามารถสาปความรักของคู่โซลเมทได้ พลังอำนาจทั้งหมดก็จะตกเป็นของข้า” จอมเวทย์ปีศาจแอโรว์พูดพลางจ้องตาหญิงสาว
“ท่านหญิง ท่านชาย” เสียงจากชายหนุ่มคนหนึ่งร้องขึ้นขณะที่วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ “แอโรว์ แกทำอะไรท่านชายเฟอดินาน”
“เจ้าก็รู้คำทำนายของบรรพบุรุษเจ้าดีนะ มู้ดดี้” แอโรว์หันไปมองเจ้าของเสียง “ข้าไม่ยอมให้คำทำนายเป็นไปหรอก”
“งั้นเจ้าก็คงรู้สิ ว่าเจ้าในตอนนี้ ยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะครองโลกนี้ได้” มู้ดดี้พูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “คู่โซลเมทน่ะแม้จะไม่ได้สมรักกันในชาตินี้ ชาติหน้าก็ยังมี เจ้าไม่มีทางทำสำเร็จหรอก”
จอมเวทย์ปีศาจได้ยินคำกล่าวของนักพยากรณ์จึงพูดตอกกลับไป
“เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้วมู้ดดี้ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ หากข้าขัดขวางคู่โซลเมทไม่ให้ได้สมหวังกันเป็นเวลาสิบชาติแล้วล่ะก็ คู่โซลเมทก็จะถูกทำลายลง แล้วข้าก็จะหมดเสี้ยนหนาม” ว่าพลันแอโรว์ก็หัวเราะแล้วหันไปทางแมรี่
“ได้เวลาแล้วแมรี่” พูดจบแอโรว์ก็เริ่มร่ายมหาเวทมนตร์ดำต้องห้ามเพื่อขัดขวางการพบรักกันของคนทั้งคู่
“แอโรว์!!” มู้ดดี้ตะโกนลั่น ไม่ทันจะสิ้นเสียง กระแสอากาศก็เริ่มปั่นป่วน ไอดำทะมึนพุ่งกระแทกออกมาจากร่างของบุรุษผู้ร่ายเวทย์ ลมเริ่มพัดแรงขึ้นราวกับพายุ มู้ดดี้พยายามยืนทรงตัวต้านแรงลมอย่างสุดความสามารถ
“ไม่มีวัน... ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าทำสำเร็จเด็ดขาด” มู้ดดี้เรียกคทาคู่ใจเข้ามือแล้วปักลงพื้นดินทันที “ข้าจะร่ายเวทย์ขังเจ้า”
พลันเสียงร่ายเวทย์ของคนทั้งสองก็ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม แสงสว่างแผ่รัศมีออกมาจากมู้ดดี้ต้านกับมนตร์ดำของจอมเวทย์ปีศาจแอโรว์ไว้อย่างสูสี และแล้วก็เกิดแรงระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง มนตร์ดำของจอมเวทย์ปีศาจแตกกระจายเป็นเพียงไอมนตร์ออกไปคนละทาง ทำให้เวทมนตร์ของมู้ดดี้เข้าไปถึงตัวของแอโรว์จนได้
อ๊าก!!!
เสียงร้องลั่นของจอมเวทย์ปีศาจแอโรว์ดังขึ้นพร้อมกับไอดำที่ค่อยๆ ถูกดูดออกมาจากร่าง มู้ดดี้ได้นำพลังชั่วร้ายของจอมเวทย์ปีศาจแยกเป็นสองส่วนเพื่อขังไว้ในแหวนสองวง ซึ่งถูกเตรียมไว้เป็นแหวนแต่งงานของท่านหญิงและท่านชายที่ตอนนี้ไม่มีโอกาสได้ใช้เสียแล้ว
“จบสิ้นกันสักทีนะ แอโรว์” มู้ดดี้พึมพำเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ แต่แล้วเสียงหัวเราะเย้ยหยันก็ดังขึ้นพร้อมกับคำจากร่างที่กำลังจะแหลกสลายไปของจอมเวทย์ปีศาจเบื้องหน้า
“แม้เวทย์คำสาปของข้าจะไม่สมบูรณ์ ไม่อาจขวางให้ทั้งคู่ไม่ได้พบกันก็ตามที แต่มันก็มีฤทธิ์พอที่จะทำให้สองคนนี้ต้องผิดหวังในรัก มิอาจได้ครองคู่ คลาดแคล้วกันทุกชาติไป” ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของจอมเวทย์ปีศาจฉายแววแห่งผู้กำชัยชนะ “จงจำไว้...ว่าข้าจะกลับมา ข้าจะกลับมาขัดขวางทั้งสองคน ข้าขอท้าเจ้ามู้ดดี้ เทอร์แมน เตรียมรับมือข้าให้ดีแล้วกัน” แล้วเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั่นก็จากไปพร้อมกับพลังเฮือกสุดท้ายที่ถูกดูดเข้าไปในแหวน ทิ้งไว้ก็เพียงเถ้าธุลีของร่างอันน่าเกลียดน่าชังและมู้ดดี้ที่ยืนตะลึงอยู่กับคำพูดสุดท้ายนั่น
“ท..ทำยังไงดี” มู้ดดี้พึมพำพลางกัดฟันอย่างขบคิด
“เฟอดินาน... ข้าจะขอตามท่านไป” แมรี่กล่าวเสียงสั่นพร้อมกับหยิบดาบที่อยู่ในมือของเฟอดินานขึ้นมา คำพูดนั่นทำให้มู้ดดี้หลุดจากภวังค์และหันกลับไปมองทันที
“ท่านหญิง.........”
สวบ!!!
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าแทบจะทำให้มู้ดดี้แข็งเป็นหิน เสียงตะโกนของเขาเงียบลงไปทันที ร่างบางของท่านหญิงถูกอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน มือน้อยๆ นั่นค่อยปล่อยดาบที่ปักร่างของตนไว้อย่างไร้เรี่ยวแรง
“ท..ท่านหญิงแมรี่” มู้ดดี้ตะโกนขึ้นทันทีที่ได้สติหากแต่เสียงที่เล็ดลอดออกมากลับดังเพียงแค่เสียงกระซิบ เขารีบวิ่งตรงไปช้อนร่างของท่านหญิงขึ้นมาทันที “ท..ทำไม ท่านหญิงแมรี่... ทำไมท่านถึงทำอย่างนี้”
เปลือกตาบางของสาวน้อยค่อยกระตุกเปิดออกอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยมองไปยังคู่สนทนา แมรี่แย้มรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย มือเล็กขยับไปกุมมือของมู้ดดี้อย่างยากลำบาก
“ม..มู้ดดี้ ข..ข้าขอโทษที่ทำแบบนี้” เสียงใสที่เคยก้องกังวานบัดนี้กลับแหบแห้งชวนให้คนฟังรู้สึกเศร้าใจ
“ไม่เป็นไรท่านหญิง ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ข้าจะช่วยรักษาท่านก่อน” ว่าพลันจะร่ายเวทย์รักษา แต่ท่านหญิงกลับกระตุกมือของเขาเบาๆ พลางส่ายหัว
“ม..ไม่ต้องหรอก ท่านเสียพลังมากพอแล้ว อึ้ก... ถ้าช่วยข้า..อาจทำให้ท่าน..ลำบากไปด้วย” แมรี่พูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ลมหายใจของเธอแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ
“ต..แต่ว่า..” มู้ดดี้รีบกล่าวท้วง แต่ท่านหญิงยังคงกระตุกมือเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ
“ข้าอยู่ต่อไป...ก็ไม่มีความหมาย... เฟอดินาน...กำลังรอข้าอยู่” แมรี่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หากท่านต้องการช่วยข้า...ก็รับปากข้า ว่าท่านจะช่วยข้า... อึ้ก.. ช่วยให้ข้ากับเฟอดินานสมหวัง เพื่อปกป้องไม่ให้โลกต้องตกอยู่ในความเกลียดชังอย่างที่แอโรว์ต้องการ...” แมรี่พยายามพูดด้วยเสียงอ่อนแรง ใบหน้างามซีดลงเรื่อยๆ
“ด..ได้.. ข้ารับปาก” มู้ดดี้พูดเสียงสะอื้น แล้วน้ำตาที่มิอาจกลั้นไว้ก็ไหลรินลงอาบสองข้างแก้มจนเขาต้องหลุบใบหน้าลงต่ำเพื่อซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้ท่านหญิงต้องเห็น
“ข้าไม่อยากให้ใคร... ต้องเป็นอย่างแอโรว์... อีกแล้ว” แล้วเปลือกตาบางก็ปิดลง น้ำตาหยาดสุดท้ายของแมรี่ไหลรินออกมาพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของเธอ รอยยิ้มบางยังคงฉาบอยู่บนใบหน้างามนั่น
“ในที่สุด... เหลือแต่เพียงข้าสินะ...” มู้ดดี้พึมพำเบาๆ ทั้งน้ำตาแห่งความเสียใจก็ยังไม่หยุดไหล “ไม่อาจฝืนชะตากรรมได้จริงๆ หรือนี่”
นักพยากรณ์หนุ่มนั่งกล้ำกลืนน้ำตาอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางซากศพที่เกลื่อนกลาดไปทั่วสวนหย่อม ลมพายุและเมฆหมอกที่เคยปกคลุมอยู่เริ่มสลายตัว ความมืดครึ้มค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้าอย่างที่เคยเป็น แล้วลมเอื่อยๆ ของธรรมชาติก็พัดผ่านทั่วบริเวณราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงฝันไป
“ท่านรับปากข้าแล้วนะมู้ดดี้” เสียงกระซิบหวานที่ผ่านข้างหูเบาๆ ตามสายลม ทำให้มู้ดดี้หลุดจากภวังค์แห่งความเศร้าสร้อย
“จริงสินะท่านหญิง...” มู้ดดี้ปาดน้ำตาและลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง “ข้ารับปากท่านแล้ว...” มู้ดดี้มองไปยังแหวนสองวงที่กองอยู่กับพื้น เขาเอื้อมมือไปหยิบมันมากำไว้แน่น “แม้วิถีทางแห่งโชคชะตากำหนดให้พวกท่านต้องพรากจากกัน แต่ข้าจะต้องหาทางช่วยพวกท่านให้ได้” ดวงตาของมู้ดดี้เปล่งประกายวาววับอย่างมุ่งมั่น “แอโรว์ ไม่มีวันที่เจ้าจะสมหวัง...”
“ไม่มีวัน!!!”
------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น