คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 เกินเพื่อน
ตอนที่ 3 เกินเพื่อน
“เฮ้ย! ดงแฮ!กลับกันเลยนะ” พี่เยซองบอก...เมื่อจัดการค่าใช้จ่ายเสร็จ แล้วเดินเข้ามาในห้อง ส่วนผมกับคยูฮยอนนั่งรออยู่ในห้อง
ผมรู้สึกไม่พอใจมากที่ฮยอกแจมันไม่ยอมมารับผมตามที่ผมบอก...จะว่าผมเอาแต่ใจไร้เหตุผลก็ช่าง...ผมนั่งรอมันตั้งแต่เช้า จนเกือบจะเที่ยง...แต่คนที่โผล่หัวเข้ามาในห้องกลับเป็นพี่เยซองและคยูฮยอน
เฮอะ! ไอ้แห้งเอ้ย! ให้มันได้งี้สิวะ! ขัดใจชิปๆ
“ครับพี่...กลับเลย” ผมกับคยูฮยอนลุกขึ้นเดินไปยังประตู
“โอเคป่าววะดงแฮ ให้ชัวร์นะ ขี้เกียจเอาไปส่งโรงบาลบ้า” เสียงพี่เยซองทั้งเยาะเย้ยและขำอย่างสะใจ คาดว่านี่คงเป็นการเติมพลังชีวิตของพี่แกล่ะมั้ง
“พี่ล่ะ โอเคป่าว เห็นอาการไม่ค่อยดีมานานแล้ว อยู่ต่อห้องผมก็ได้นะ เดี๋ยวไปบอกหมอให้” ผมตีสีหน้าจริงจัง พี่เยซองก็คงรู้หล่ะว่าผมพูดเล่น
“โป๊ก!!” มะเงกของพี่เยซองเขกลงบนกะโหลกบางๆ ของคยูฮยอน...เกือบยุบ...ผมงงเลยว่าพี่เยซองทำคยูฮยอนทำไม
“โอ๊ย! พี่มาตีผมทำไมเนี๊ยะ” คยูฮยอนทำได้เพียงพูดแค่นี้พร้อมกับยกมือขึ้นลูบไปมา
“ก็ดงแฮมันกวนตรีนฉัน ฉันจะเบิร์ดกะโหลกมัน..ก็ไม่ดีกว่า..เพราะเพิ่งฟื้นคืนสติ เละเขกกะบาลนายแทน..มีปัญหาอะไรก็ไปเคลียร์กับดงแฮแล้วกัน”
ยอมเขาเลยครับ...อยากหัวเราะกับการกระทำของพี่เยซองนะ แต่ขำไม่ออก เพราะเคืองฮยอกแจอยู่...จนสมองเต้นตุ๊บๆ ด้วยความโกรธ(ผมเว่อร์ใช่มะ)
คยูฮยอนนายทำใจเหอะว่ะเพื่อน...มีพี่ไม่ค่อยเต็มก็งี๊แหละ!!
ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ พี่เยซองเอาใบเสร็จและรายการค่าใช่จ่ายให้ผม แต่คยูฮยอนรับจากมือพี่เยซองไปดูก่อนเพราะมันนั่งที่นั่งข้างคนขับ มันคงดูผ่านๆ แล้วจึงส่งให้ผมซึ่งนั่งเป็นคุณชายอยู่เบาะหลัง พี่เยซองเขาจ่ายให้ก่อนแล้ว...ขอบคุณครับเพ่...
ดูยอดชำระ...โห......แมร่งแพงว่ะ...
เซ็งชะมัด..สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์..แค่เจ็บมือ..นิดหน่อย..โรคจิตอะไรนั้นก็ไม่ได้เป็น เสียเงินฟรีๆ!!
พ่อผมยิ่งจำกัดผมเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่ด้วย...ไม่รู้อะไรนักหนา เงินเยอะแยะ จะหวงก็เฉพาะส่วนที่ให้ผมนี่แหละ
“อืม!! เดี๋ยวผมใช้คืนนะพี่ ขอบคุณมากครับ”
“แค่ขอบคุณมันไม่พอหรอกเว้ย!! เอางี้ไหม๊ ไหนๆ นายก็หายบ้าแล้ว ไปหาอะไรกินรับขวัญพี่หน่อยดิ” ผมเบื่อจริงๆ...ให้ตายสิ...ยิ่งหงุดหงิดอยู่ ยังต้องมาคิดตามมุข(ไม่ขำ)ของพี่เยซองอีก...ไม่เก็ท...แต่ไม่ถาม...ขี้เกียจอ้าปาก เปลืองพลังงาน แต่คยูฮยอนมีแรงมากกว่าผม เลยได้ทำหน้าที่ควานหาหนทางสว่างจากคำพูดพี่เยซอง
“รับขวัญอะไรของพี่...สงสัยความบ้ามันจะเป็นโรคติดต่อว่ะ ไอ้นี่บ้าแบบเหม่อลอย...แต่พี่เยซองบ้าแบบพูดจาไม่รู้เรื่อง” คยูฮยอนพูดจบ ทั้งผมและพี่เยซองก็โบกกะโหลกให้คนละทีครับ...ถึงผมจะไม่อยากขยับตัวแค่ไหน...แต่เพื่อช่วยเพื่อนลดความกวนตรีนลงบ้าง...ผมก็ยอม.....
“เจ็บนะเว้ย..” คยูฮยอนหันมามองผมตาเขียว แล้วหันไปพูดกับพี่เยซอง “พี่เยซอง 2 รอบแล้วนะพี่!!”
“อยู่เงียบๆๆ แบบหล่อๆ ดีๆ ไม่เอา เสรือกกวนตรีนนะน้องรัก ฮ่ะๆๆๆๆ ก็นะ...ดงแฮ นายเป็นแบบนั้น..ถามก็ไม่ตอบ..ฉันใจเสีย...ขวัญกระเจิง นายต้องชดใช้นะเว้ย...แถมวันนี้ยังรับหน้าที่เป็นสารถีให้นายอีก”
“พี่เป็นขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่บอกไม่รู้...เอาสิ...นี่ก็บ่ายแล้ว ผมกะจะชวนพี่อยู่เหมือนกัน..กินอะไร..ที่ไหน..ไปเลย..ผมเลี้ยง” พูดจริงจังกับพี่เยซองไป เพราะรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน..ที่งี่เง่าขนาดนั้น ถึงจะรู้ว่าพี่เยซองมันโอเว่อร์ก็เถอะ
สิ้นคำผมก็สมใจพี่เยซอง เพราะเสนอร้านอาหารและรายการอาหารล่วงหน้าเสร็จสรรพ..ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
“เออ..เกือบลืม เมื่อเช้า...ที่ร้ากนายมันมาปลุกฉันแต่เช้า...วอนให้มาหานายแทน เรียกมันมากินด้วยกันมั๊ย..” รู้ทันทีว่าพี่เยซองหมายถึงใคร เฮอะ!! แล้วทำไมมันไม่มาเองวะ
“งานคงยังไม่เสร็จหรอกมั้ง” คยูฮยอนพูดตามความคิดของมัน
ผมเงียบ..ไม่อยากถามถึง..งานอะไร เซ็งแมร่ง...
“เออใช่.. เห็นว่าพี่ทึกพาที่รักนายไปหาชู้แต่เช้าว่ะดงแฮ มันสวมเขาให้นายแหง
ก็อย่างนี้ล่ะครับ...พี่เยซองพูดแบบนี้ตั้งแต่เริ่มสนิทกัน มักจะล้อฮยอกแจกับผมทำนองนี้...แรกๆ ที่ได้ยินรู้สึกแปลกๆ บ่อยเข้าเริ่มชิน...แต่ชู้ที่ว่า..มันใครวะ
“ชู้ที่ไหน” ทนไม่ไหว..อยากรู้
“แน๊ะๆๆ... ไม่เถียง..ไม่ปฏิเสธด้วยเว้ย” ชักอยากโบกพี่เยซองแล้วอ่ะ คาดว่าคยูฮยอนคงเห็นว่าผมต้องการคำตอบจริงๆ เลยรีบตอบแทนพี่เยซอง
“อย่าไปฟังพี่เยซองเลยดงแฮ..เชื่อไม่ได้..ได้ยินว่าฮยอกไปทำงานกับพี่ทึกนั้นแหละ”
เชื่อคยูฮยอน..เพราะมันไม่ชอบโกหกใคร แต่เสียงกวนประสาทของพี่เยซองก็ดังกระทบหูอีก
“หวงอะดิ๊! ยอมรับแล้วสิวะชอบฮยอกแจ..กิ๊ววววววว”
ไอ้พี่เยซองนี่มันอะไรนักหนาวะ วันนี้มันกระหน่ำแซวเหลือเกิน ชักรำคาญ พูดอยู่นั่น..แล้วมันมารู้กับผมได้ไง...ว่าผมหวงไอ้แห้งฮยอกแจ จะเซนท์ดีอะไรขนาดนั้น!!
“หวงสิ!! มันที่รักผมหนิ” พูดเหมือนเป็นเรื่องขำๆไป...ที่ผ่านมาก็แบบนี้ตลอด ซึ่งเจอแบบนี้ทีไร พี่เยซองมันจะหมดอารมณ์แซวต่อแทบทุกครั้ง
“โหยยย..เบื่อว่ะ ปฏิเสธหน่อยก็ไม่ได้ หมดหนุกเลย” ไม่เว้นครั้งนี้ครับ ตามคาด
ไอ้ชอบ!! ก็ยอมรับนะ...ว่าชอบฮยอกแจเข้าจริงๆ แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาจริงๆนะ...ผมก็สงสัยตัวเองมานานแล้วเหมือนกัน เวลาเผลอไผล...มองใบหน้าขาวๆปากแดงๆส้มๆ นั่น...เพลิน..มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ..อยากอยู่ใกล้ๆ..อยากหาเรื่องคุย..แต่ที่ผมทำได้คือ กวนตรีนมัน!! ไม่อยากทำให้มันรู้สึกแปลกๆ อยากเป็นเพื่อนกันไปนานๆ..อย่างน้อยก็มีมันคอยห่วงใย..
แต่พอคิบอม..เอารูปนั้นมาให้ดู..และพูดแบบนั้น ทำให้ผมแน่ใจ..ว่าผม..ไม่ได้คิดแค่เพื่อนกับฮยอกแจ ถ้าถามผมตอนนี้ว่า..กลัวคนอื่นรู้มั้ย.. คำตอบคือ...ไม่...ใครจะรู้ก็ช่างมัน..จะมองผมยังไงก็ช่าง
แต่ผมกลัว..ที่จะเปิดเผยความรู้สึกให้ฮยอกแจรู้..
กลัวจะสูญเสียมิตรภาพเหมือนคิบอมว่า..
กลัวมันจะรับความรู้สึกผมที่มีต่อมันไม่ได้..
ยิ่งเห็นท่าทางของฮยอกแจ..เวลาโดนคนในบ้านแซวมันกับผม...รู้เลยว่ามันไม่ชอบ..
ผมต้องแน่ใจก่อนว่า...ฮยอกแจ..มันก็มีใจให้ผมเหมือนกัน
เวลาล่วงเลยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ผมโดนพี่เยซองพาไปถล่มกับมื้อกลางวัน กลับมาถึงบ้านก็ต้องนั่งเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ
ตกเย็นสมาชิกในบ้านทยอยกลับมาทีละคนสองงคน แต่คนที่ผมอยากเจอที่สุดยังไม่เห็นเงา... ส่วนคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด มันยืนจังก้าอยู่หน้าประตูแล้ว ผมเซ็งมันมาก แค่เห็นหน้าก็อารมณ์เสียแล้ว.. รู้ดีถ้ายังยืนอยู่ ความโกรธได้ระเบิดออกมาแน่ เลยรีบหันหลังเดินหนีมาทันที
ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่ง ณ บันไดเล็กๆ ที่ทอดลงสู่สวนข้างบ้าน
ทำไม... มันมืดเร็วจังวะ.... ไอ้แห้งยังไม่กลับมาอีก.. ทำไมไม่ไปรับเราว้า... รึว่ากลัว!!! ถ้าทำแค่นี้กลัว.. แล้วต่อไปจะทำอะไรได้
นั่งขบคิดปัญหาชีวิตได้ไม่ทันไร ก้นหนาๆ ของมนุษย์ตัวนึงก็นั่งเบียดลงข้างๆ .... ขี้เกียจหันไปมอง!!!
“นั่งด้วยคนนะ” เสียงทุ้มคุ้นหูแต่ผมแสนจะเกลียด.. ได้ยินแล้วก็รู้ทันทีว่ามันคือคิบอม
“ไม่อนุญาตว่ะ พี่อยากนั่งคนเดียว”
“นายโกรธฉันจริงๆ” ไม่ต้องมาบีบเสียงเศร้ารู้สึกผิดหรอกโว้ย!!!
“เออดิ” ตอบมันแบบห้วนๆ ให้จำไว้ว่าอย่ามาแหย่หนวดเสือ
“ทำไงถึงจะหายอ่ะ”
“คิบอม! ถามจริง นายต้องการอะไร” หันไปจ้องหน้ามัน... หน้าอย่างนาย...ถ่ายรูปบ้าๆ นั่นมาขู่ฉันเพื่ออะไรวะ
“เอ่อ.. ฉัน....ฉัน....” อ้ำอึ้งจริงโว้ย
“บอกมาสิวะ” ผมชักสีหน้าโหดขู่มัน
“นายอยากรู้จริงๆ อ่ะ” อย่ามาแบ๊ว ขอร้องว่ะ
“จะต้องให้ฉันถามกี่ครั้ง” แทนคำตอบของผม.. ผมยังตีหน้านิ่งและมองตาดุๆ หน้าคงโหดไม่ใช่เล่น
“ดงแฮ......” คิบอมเรียกชื่อผมเบาๆ เหมือนมันกำลังจะพูดแต่ก็เงียบไปอีก... ผมชักหงุดหงิดจะพูดอะไรก็ไม่พูดซักที
“...................” ผมจ้องคิบอมอีก บอกให้มันรู้ว่า จะพูดอะไรก็รีบพูดมา
“โอเคๆ ฟู่วววววว” มันพ่นลมยังกับว่าเป็นสิ่งที่พูดยากเย็นมาก
“เฮ้อ ฉันต้องพูดจริงๆ เหรอวะเนี้ย”
“คิบอม” ผมเสียงเย็นใส่มัน “ ฉันรอฟังมาเป็นชาติแล้ว” มันยังมีหน้ามองตอบผม... แล้วมันก็ใช้เวลาทำใจอีกเกือบนาที.. ถึงเปิดปากพูดได้
“คืองี๊นะ... ฉันอิจฉานายสองคนว่ะดงแฮ” พูดแค่นี้ แล้วก้มหน้าเงียบไปอีก ... อยากจับหัวคิบอมโขกกำแพงจริงๆ ว่ะ
“อิจฉา?” พอรู้ว่านายสองคนที่มันบอกคือใคร แต่ยังไม่เข้าใจว่าอิจฉาบ้าอะไร
“อืม ฉันเริ่มสนิทกับนาย เริ่มมีความสุขกับการได้พูดคุยกับนาย เริ่มมองหานาย ฉัน....” พอคิบอมมันอ้ำอึ้ง ทำใจจะพูดต่อ ผมก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง... ให้ตาย เหมือนกำลังโดนผู้ชายสารภาพรักเลยว่ะ อนาจตัวเองจริงๆ แต่ผมก็ไม่ได้หวั่นแม้แต่น้อย ยังคงจ้องหน้ารอมันพูดต่อ... พูดมาดิ๊
“ฉันเกิดความรู้สึกแปลกๆ ฉันกังวลใจกับเรื่องนี้อยู่เป็นเดือน เห็นนายกับฮยอกแจสนิทกัน ก็เข้าใจ ว่าพวกนายเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่นั่นมันทำให้ฉันอิจฉาฮยอกแจขึ้นมาทีละนิด นายคงไม่รู้ว่าฉันเฝ้ามองพวกนายสองคน ทำให้ฉันสัมผัสได้ทีละนิดว่า ... พวกนายสองคนมีอะไรเกินเพื่อนกันไปแล้ว....” ผมยังคงนิ่งฟังคิบอม แต่ฟังมาถึงตอนนี้ในใจคิดว่า... เกินเพื่อนแล้วไง..
“ฉันยังเป็นเหมือนเดิมเมื่ออยู่กับนาย แต่กับฮยอกแจนั้น เพราะฉันไม่ได้สนิทตั้งแต่แรก เลยได้แต่มองอยู่ห่างๆ ฉันอยากรู้นักว่าฮยอกแจมีอะไรที่ทำให้นายมีความสุขได้ขนาดนั้นเมื่อนายอยู่กับเขา ซึ่งต่อมาฉันก็พบว่า.. เพราะฮยอกแจมันน่ารักอย่างนี้นี่เอง” จบประโยคคิบอมก็ยิ้มเล็กๆ ให้ตัวเอง แต่ผมนี่ชักรู้สึกตะหงิดๆ ... อย่าได้คิดเชียวนะเว้ย ฮยอกแจน่ะมันของฉันคนเดียว...
“ฉันไม่มีทางแทรกกลางระหว่างพวกนายได้ ฉันรู้... แต่ฉันอยากจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์ของพวกนาย แค่นั้น ก็ได้ แม้แต่แค่นั้นฉันก็ไม่สามารถทำได้ ทุกอย่างมันลึกซึ้งเกินกว่าที่ฉันคิด เมื่อฉันทำอย่างที่ตั้งใจไม่ได้ สู้ฉันไม่อยู่ ทนเห็นพวกนายสองคนซะยังดีกว่า ฉันถึงไม่อยากอยู่บ้าน จำได้มั๊ยที่นายเคยพูดว่าให้ฉันกลับมานอนบ้านซะบ้างอ่ะ” อ๋อ! แล้วฉันก็บอกนายต่ออีกว่า...ชีวอนมันกลัวผี จนต้องไปขอนอนห้องพี่ฮีชอลกับพี่ฮันกยองน่ะเหรอ.. ที่แท้นายหรอกเหรอคิบอมที่เป็นต้นเหตุรักสามเศร้าเราสามพีของชีวอน พี่ฮันกยองและก็พี่ฮีชอลน่ะ
“แล้วไง” ผมมองออกไปในความมืด รอฟังมันพูดให้จบ
“แบ่งให้ฉันบ้าง....... แบ่งความรักของพวกนายมาให้ฉันบ้างได้มั๊ย”
-
-
ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่เอาตอนนี้มาลงก่อนยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยหง่ะ
แต่ใครที่รอฝั่งนั้นก็อ่านฝั่งนี้ไปก่อนล่ะกัน
ที่ไม่ได้อัพเรื่องที่ฮยอกเล่านั้นไม่มีข้อแก้ตัวใดๆค่ะ
แต่เรื่องนี้ที่ไม่ได้อัพนานมากเพราะรออยู่...รอจังหวะจากเฮ้ยนี่ผมชอบผู้ชายอ่ะ
ตอนหน้าอาจจะเร็วๆนี้นะคะ
ความคิดเห็น