ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Going Crazy : เฮ้ย! นี่ผมชอบผู้ชาย : HaeEun (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 52


    ตอนที่ 2

     

    โอ๊ย!! จะฆ่ากันให้ตายเลยรึไง ไอ้บ้ากามพูดพร้อมกับลูบหัวที่เพิ่งกระเด็นไปชนผนัง

     

    สมน้ำหน้า หน้าเห่ยๆ ของนายแล้ว เล่นอะไรไม่เคยโต ได้ทีเทศนาแบบสั้นๆ ครับ

     

    เห็นประตูมั๊ย มันพูดหน้าเคร่ง เปลี่ยนอารมณ์หน้ามือเป็นหลังเท้า เหมือนคำพูดผมไปสะกิดต่อมเคืองของมัน  ผมก็มองไปที่ประตูแบบงงๆ

     

    ออกไปเลย อ้าว! พูดมาได้ไงฟะ นี่ไล่เหรอ

     

    บ้าอารมณ์ไหนอีกล่ะ  ไม่เป็นห่วงไม่กลับเข้ามาหรอกนะ จะไล่ใช่มั๊ย ได้.. แล้วอย่ามาคร่ำครวญหาแล้วกัน ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้น จะเดินออกไป ก็ยังดีครับที่มันไม่ได้บ้า

     

    เดี๋ยว!”

     

    อะไรอีกล่ะ ไอ้โรคจิต

     

    กลับมานั่งลงนี่  ผมก็เฉยครับ เรื่องอะไรผมจะทำตามที่มันสั่ง

     

    มานั่งนี่  หูเสื่อมเหรอ แล้วมันก็เขยิบมาดึงแขนผมไปนั่งข้างๆมัน  เออๆ นั่งแล้วๆ โอย!!! อย่ามาทำหน้าโหดๆ แบบนี้!!!!

     

    กลัวตายล่ะว่ะ!!!

     

    ตกลงเป็นอะไร  ผมก้มมองที่มือของดงแฮ ตอนนี้เรื่องบ้าผมไม่ติดใจ เอาไว้ก่อนก็ได้  แต่อยากรู้สาเหตุที่มันชกกระจกมากกว่า

     

    อยากรู้เหรอ ดงแฮยกมือข้างนั้นขึ้น แล้วมันก็ส่งยิ้มกวนๆ มาให้ผม คิดว่าฉันจะบอกนายมั๊ยล่ะ  อ้าว!! ไอ้นี่  ไม่บอกจะรู้เหรอครับคุณเพื่อน

     

    ก๊กำลังคิดอยู่  ว่านายต้องบอกฉัน

     

    นายเป็นใครกัน  ฉันถึงต้องบอก สำคัญอะไรนักหนา 

     

    เป็นพ่อมั้งครับ  ไม่อยากบอกก็อย่าบอก เพิ่งรู้ว่านายมันมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตจริงๆ

     

    คราวนี้อยากรู้จริงๆ ล่ะสิ   ดี! นายจะได้มีเรื่องฉันอยู่ในสมองบ้าง   แล้วที่ผ่านมาเนี๊ย ฉันไม่มีเรื่องไร้สาระของนายอยู่ในสมองอันเต็มไปด้วยรอยหยักของฉันเลยรึไง  มันช่างพูดมาได้  ด๊องมันไม่เข้าใจฮยอก!!!!

     

    นายเป็นคนบอกให้ฉันบ้า  ฉันก็จัดให้แล้วนี่ไง อ้าว! ฉันไปบอกให้นายบ้าตอนไหนวะ  กำลังจะอ้าปากถามมัน แต่สมองก็ประมวลเหตุการณ์ที่เข้าข่ายขึ้นมา

     

                    นายว่าฉันมัวทำแป๊ะอะไรอยู่...ตั้ง 20 กว่าปีวะฮยอก!”

    เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ  

    เออ! ตลอดชีวิต 20 ปีที่ผ่านมาของฉัน   ฉันมัวแต่บ้าอยู่ไง

     

    โธ่!! ไอ้ขี้น้อยใจ  น้อยใจจนบ้า นี่ถ้ามันพูดจริงๆ ผมก็ว่ามันเป็นเอามากจริงๆ ครับ

     

    อะไรของนายพูดเล่นทำเป็นจริงจัง ที่พูดเมื่อกี๊กะจะให้เชื่อใช่มั๊ย

     

    ก็แล้วแต่   ฉันจะไปบังคับใครได้  ก็ฉันมันไม่เคยโต คนมันไร้สาระแถมยังหน้าเบื่อ มันพูดไปยักคิ้วท้าทายผมไปด้วย ทุกคำพูดมันไม่บอกก็รู้ว่าประชดผมทั้งนั้น ว่าแล้วครับไอ้คำไม่เคยโตที่ด่ามันไป มันเอาไปคิดมากจริงด้วย

     

    งั้นกลับล่ะ  ใช้ไม้นี้ ไม่บอกให้มันรู้ไป  แหะๆๆ ก็ผมยังหวังว่ามันจะเล่าให้ผมฟังน่ะครับ สาเหตุที่มันเป็นแบบนี้อ่ะ

     

    ไปสิ  พรุ่งนี้มาแต่เช้าด้วยล่ะ   อ้าว!!! ขออ้าวยาวๆ แทนที่มันจะคร่ำครวญ รั้งผมไว้ แล้วรีบบอกความจริงมา กลับปล่อยให้กลับเฉยเลย แล้วยังสั่งให้มาแต่เช้าอีก

     

    มาทำไม

     

    บอกมาก็มา อย่ามาถามเซ้าซี้  เซ้าซี้อะไรวะ ถามแค่นี้  ผมยืนมองหน้ามันแถมส่งสายตาไม่พอใจ แบบชวนหาเรื่องด้วย ที่หาว่าผมเซ้าซี้

     

    ไปได้แล้ว   รึอยากให้ทำเหมือนเมื่อกี๊ก่อนแล้วถึงจะไปได้ มันยิ้มเจ้าเล่ห์ ย่างสามขุมเข้ามาหาผม ไม่เอาแล้วครับ ผมเลยต้องรีบวิ่งออกมา  ไอ้โรคจิตดงแฮ มันคงบ้าไปแล้วบางส่วน เมื่อก่อนไม่เห็นมันจะใจกล้าหน้าด้านอย่างนี้ ถึงผมกับมันจะถูกคนในบ้านแซวว่าเป็นคู่รักกันบ่อยๆ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเป็นแค่การแซวเล่นสนุกปากไปเท่านั้น  ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะไม่ใช่มีแต่ผมที่โดน!!!

    ประมาณว่านายว่าฉัน  ฉันก็ว่านายได้เหมือนกัน พี่ว่าผม แล้วของพี่ก็มีเหมือนกันล่ะน้า!! ทำนองนี้อ่ะครับ

     

    หลังๆ โดนล้อหนักเข้า  ผมก็ไม่อยากไปยุ่งกับดงแฮเท่าไหร่ รำคาญเสียงแซวสียงโห่ ดูเหมือนดงแฮก็รู้ตัวซะด้วย เพราะถ้าผมไม่ไปยุ่งหย่าม หยอกล้อมันก่อน มันก็สงบเสงี่ยมไม่ให้ผมหงุดหงิดใจ แต่ตอนนี้มันเป็นบ้าอะไรของมันเนี๊ย!!!!

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ที่จริงผมมีรถนะครับ สอบติดมหาลัยเลยได้เป็นของขวัญจากท่านพ่อผู้มีใจสปอร์ต

     

    แต่เมื่อเช้าติดรถมากับพี่อิทึกเอามาหลายคันเปลืองน้ำมัน! ผมลงจากแท๊กชี่ ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปในบ้าน พี่ชินดงมาจากไหนไม่รู้ เดินเข้ามาหาผมท่าทางร้อนใจ รึว่า! มีใครขโมยกระปุกออมสินที่มีตังค์เหรียญอยู่เต็มของพี่แกไป!!

     

    พี่ทึกจะโทรบอกพ่อแม่ดงแฮ เรื่องที่มันเป็นบ้าว่ะ ฮยอกแจ

     

    แล้วพี่อิทึกบอกไปแล้วเหรอพี่ ผมถามอย่างร้อนใจครับ

     

    ยัง เขารอนายอยู่  แต่ฉันว่าดงแฮมันอาจไม่ได้บ้านะ มันอาจจะเป็นภาวะซึมเศร้าเหมือนหมอว่า มันไม่บ้าน่ะถูกแล้วพี่ แล้วทำไมพี่ชินดงถึงคิดว่าดงแฮอยู่ในภาวะซึมเศร้าวะ   ก็หมอบอกอยู่ว่าถ้าไม่มีอะไรกระทบใจ หรือเรื่องให้เครียดในช่วงนี้  อาการที่เป็นอาจมาจากสารสื่อประสาทอะไรโน้น แต่ขอโทษครับพี่น้อง ดงแฮมันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ (ก็ถามมันแล้วมันไม่ยอมบอกอ่ะ)  รึว่า พี่แกรู้อะไรหว่า!!!

     

    ทำไมพี่  พี่รู้อะไรเหรอ

     

    ก็เมื่อวาน  ก่อนฉันจะออกไปข้างนอก ฉันสวนกับคิบอม มันบอกว่าจะเข้าไปคุยกับดงแฮ ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วพอรู้เรื่องฉันก็พยายามคิดว่าทำไมดงแฮเป็นได้ขนาดนั้น ฉันอยู่กับมันก็ไม่เห็นมันจะมีเรื่องอะไร เห็นช่วงนี้เอาแต่ดูหนังดึกดื่นก็เอาหูฟังเสียบดูอยู่คนเดียว แต่มันก็ไม่เห็นมีท่าทีว่าจะบ้า พอนึกถึงเมื่อวาน ฉันว่ามันมีปัจจัยเดียวที่ฉันคิดได้ในตอนนี้ คิบอมมันต้องพูดอะไรกับดงแฮแน่ๆ นายคิดว่าไง   ผมฟังพี่ชินดงเล่าก็คิดตามครับ แล้วคิบอมมันจะมีเรื่องอะไรที่พูดกับดงแฮแล้วทำให้ดงแฮมันยอมเจ็บตัวชกกระจกแบบนั้น ทั้งที่มันใจเสาะจะตาย!!! 555

     

    ไม่รู้สิพี่ เราเข้าไปหาพี่อิทึกก่อนเถอะ พี่ชินดงพยักหน้าแล้วหันตัวเดินนำผมเข้าบ้าน เข้าไปก็เห็นทุกคนกำลังสุมหัวหน้าเครียดอยู่

     

    ว่าไงฮยอกแจ ถ้าเราไม่บอกพ่อแม่ดงแฮ แล้วเราจะตัดสินใจทำอะไรกันเองได้ เราจะตัดสินใจเอามันเข้าโรงบาลบ้ารึเปล่า โห!! พี่อิทึกเครียดจัด ลูกแกก็ไม่ใช่ ห่วงเหลือเกิน งี๊แหละครับหัวหน้าครอบครัวชายโสด!! ไม่ใช่พ่อก็เหมือนพ่อ!!! แต่ตอนนี้พี่แกคิดว่าเราจะจัดการกันเองไม่ได้ อย่าเพิ่งคิดมากไปครับพี่ เดี๋ยวฮยอกแจคนนี้จะเป็นคนไขข้อข้องใจให้กระจ่าง แล้วปัญหาที่เรากำลังคิดหาทางแก้ก็จะหายไปในพริบตา!!!

     

    คืองี๊พี่  ดงแฮมันไม่ได้บ้าแล้ว เท่านั้นแหละครับ ทุกคนเลยก็ว่าได้หันมามองผมเป็นตาเดียว ผมก็เลยเดินเข้าไปนั่ง

     

    หมายความว่าไง ฮยอกแจ รูมเมทหัวหน้าครอบครัวแกล่ะครับ พี่คังอิน!! หน้าตาพี่แกก็เหมือนอยากรู้นะครับ แต่โหดๆ ขู่ๆ ยังไงไม่รู้ ครับๆๆ พี่ ผมกำลังจะเล่าให้ฟังอยู่นี่ไงครับ!!

     

    เอ่อ! ดงแฮน่ะคุยกับผมแล้ว  ผมว่ามันเป็นปกติแล้วนะ พูดด้วยเสียงและหน้าตาจริงจังครับ ให้ได้รู้กันบ้างว่าผมก็พูดเรื่องจริงเป็นเหมือนกัน!!!

     

    แล้วทำไม ตอนพวกเราคุยกับมัน ไม่เห็นจะตอบรับอะไรเลย ก็พี่คังอินเอาแต่ดุๆ ด่าๆ มัน แถมไล่เตะมันเป็นอาจินต์ แล้วยังรวมหัวกับเพื่อนที่คณะสั่งซ่อมมันบ่อยๆ มันคงจะคุยกับพี่อยู่หรอกครับ

     

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าให้เดา พี่จำได้มั๊ยตอนเราเข้าไป พยาบาลกำลังฉีดยาอะไรสักอย่างให้ดงแฮ คงจะเป็นยาระงับประสาทหรือยาอะไรพวกนั้น มันก็เลยดูล่องลอย แบบเหม่อๆ นานเข้ายาคงหมดฤทธิ์ ก็เลยคุยกับผมได้ ที่จริงอาจไม่ได้บ้าแต่แรกแล้ว แต่เป็นแค่ภาวะซึมเศร้าอย่างที่หมอว่า แต่หมอคงกลัวมันจะโวยวาย ทำร้ายตัวเอง เลยให้ยาน่ะ    ผมอธิบายซะยาว ตามความคิดของผม ทุกคนนั่งเงียบกันหมด ผมนึกถึงคำพูดพี่ชินดงขึ้นมา เลยมองไปที่คิบอมอย่างสังเกตอาการ มันก็มองหน้าผมตอบเหมือนไม่มีอะไร

     

    ถ้าไม่บ้า แล้วตอนเราเข้าไปคุย ทำไมดงแฮถึงไม่คุยกับเราล่ะ  เสียงพี่ฮีชอลครับ

     

    โธ่พี่!! ก็เพราะฤทธิ์ยาไง แล้วมันก็เครียด ไม่งั้นก็ฮอร์โมนผิดปกติ เลยเกิดภาวะซึมเศร้า ฟังบ้างป๊ะเนี๊ยะ ฟังแล้วก็หัดคิดตามหน่อย ชีวอนหันไปพูดกับพี่ฮีชอล พี่แกก็มองกลับด้วยแววตาที่กำลังจะเผาคนนั่งข้างๆ ได้เลยทีเดียว อูย!!!! นั่นไงครับ เจ็บแทน!!! ชีวอนโดนฝ่ามือพิฆาตฟาดลงบนหัวเต็มๆ

     

    แล้วดงแฮเป็นอะไรวะฮยอกแจ มันถึงโรคจิตคิดอยากชกกระจกขึ้นมา พี่เยซองยังไม่เลิกเครียดถามหน้าตาจริงจัง ไอ้คุณพี่เยซองนี่ก็โง่อีกแล้วครับ ทำไมไม่ฉลาดเหมือนชีวอนซักคน ผมก็ไม่รู้หรอกครับพี่ แต่ถ้าใช้เหตุผลที่ชีวอนมันชี้แจงเมื่อครู่ก็น่าจะเป็นไปได้นะครับ

     

    เอ่อ! ไม่รู้ครับ คงมีเรื่องเครียดมั้ง พี่ชินดงยังเคยเครียดไม่กินข้าวกินปลาตั้งอาทิตย์เลยนี่ครับ ช่วงนั้นพี่ชินดงจะจีบสาวแต่กลัวเขาไม่ชอบผู้ชายอ้วน พี่แกเลยลดน้ำหนักซะยกใหญ่

     

    มันไม่เหมือนกันเว้ย หลังจากพี่แกเงียบอยู่นาน ก็ออกแนวโวยวายเลยครับ

     

    โอเค เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าจบเรื่อง แล้วคุยกันว่าไงบ้าง พี่อิทึกอีกแหละครับ พี่แกช่างแสนรู้ เอ๊ย! แสนจะเป็นผู้นำ นำไปสู่การยุติเรื่องราว เหอะๆๆๆ

     

    อ๋อ! มันบอกให้ผมไปหามันพรุ่งนี้อ่ะครับ จะเอายังไงคงขึ้นอยู่กับคุณหมอ

     

    ก็ดี พี่ก็นึกว่ามันบ้าไปจริงๆ พี่อิทึกถอนหายใจโล่งอก  ผมก็คิดว่ามันบ้าเหมือนกันพี่

     

    แล้ววงก็แตกเพราะเสียงทะเลาะของพี่ฮีชอลกับชีวอน

    ผมเห็นชีวอนมันทำหน้าเคือง ออกอาการฟึดฟัดตั้งแต่โดนเบิร์ดกะโหลกแล้วล่ะครับ  จากนั้นการปะทะฝีปากก็เปิดฉาก พี่อิทึกแกเลยกุมหัวเข้าห้องไปเลย

     

    คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปตามเรื่องตัวเอง แต่ทุกคนคงสบายใจขึ้นแล้วล่ะครับที่อย่างน้อยก็รู้ว่าดงแฮมันไม่ได้บ้าแล้ว แต่ทุกคนยังไม่รู้ว่ามันมีอาการโรคจิตอยู่ลึกๆ แถมหื่นซะด้วยเท่านั้นเอง

     

    ผมก็เตร็ดเตร่ไปทั่วบ้าน แกล้งคนนั้นคนนี้ คุยนั่นคุยนี่ จนถึงเวลาอาบน้ำนอน ผมก็ต้องตรงเวลาเพราะผมน่ะ เด็กอนามัย!! ไม่ใช่หรอกครับ ที่จริงน่ะไม่มีอะไรทำ

     

    อ๋อ!! ที่เคยค้างไว้ครับ การโจรมาพบกันจนได้มาอยู่บ้านชายโสดด้วยกันทุกวันนี้

     

    ผมเล่าแบบสั้นๆ กระชับๆ เข้าใจง่ายนะครับ

     

    บ้านเราก็มี พี่อิทึก  พี่ฮีชอล พี่ฮันกยอง 3 คนนี้อายุเท่ากัน  แถมเรียนคณะเดียวกัน  พี่สามคนนี้แหละครับที่ชวนเพื่อนๆ น้องๆ มาอยู่ด้วย

     

    แต่ก็ไม่เชิงเช่าหรอกครับ  บ้านหลังใหญ่นี้เดิมเป็นของญาติพี่อิทึก พอดีเจ้าของบ้านแต่งงานกับชาวต่างชาติ เลยย้ายสำมะโนครัวไปอยู่กับสามีฝรั่ง  ง่ายๆ คือ ป้าพี่อิทึกเป็นหม้าย พอแต่งงานใหม่ก็ไม่อยากขายบ้านให้ใคร เลยให้หลานอย่างพี่อิทึกมาอยู่ เป็นการดูแลให้ด้วย แต่เพราะบ้านค่อนข้างหลังใหญ่ (ข้างบน 3 ห้องนอน ข้างล่าง 3 ห้อง ) ผมก็สงสัยเหมือนกันนะว่าป้าพี่ทึก อยู่กับสามีเก่า (เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ) ลูกๆ 3 คน ทำไมสร้างบ้านหลังใหญ่จัง ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องป้าพี่ทึกหรอกครับ ญาติผมก็ไม่ใช่นี่เน๊าะ

     

    ถึงไหนแล้วครับ!! อ้อ!! เพราะบ้านค่อนข้างหลังใหญ่ พี่ทึกเลยเห็นใจน้องๆ ที่ไปเช่าห้องพักน่าอึดอัดอยู่ เลยชวนมาอยู่ด้วย แต่ทั้งหมดตั้ง 12 คนนี่สิครับ พี่ทึกเลยรู้สึกเกรงใจคุณป้า เลยเจรจาขอซื้อ แต่ขอผ่อนป้าเป็นงวดๆ ตอนแรกคุณป้าก็ไม่อยากขาย แต่เพราะว่ายังไงก็ไม่ได้กลับมาอยู่แล้ว ขายให้หลานก็ดีกว่าขายให้คนอื่น คุณป้าก็เลยยอม

     

    คงสงสัยใช่มั๊ยครับว่าทำไมพี่ทึกมีเงินผ่อนบ้าน!! ทางบ้านพี่อิทึกค่อนข้างมีฐานะครับ

     

    สงสัยอีกใช่มั๊ยครับว่าทำไม พี่ทึกไม่อยู่บ้านตัวเอง!! บ้านพี่อิทึกไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงครับ

    แล้วก็ตามประสาผู้ชายที่ต้องการใช้ชีวิตอิสระ ไม่รู้นะ อันนี้ผมคิดเอง ประมาณว่า แกเรียนอยู่นี่ งานแกก็คงจะอยู่นี่ ก็เลยเลือกที่จะซื้อบ้านที่นี่ เป็นไงครับ สมเหตุสมผลป่าว!!!

    แล้วพี่ทึกแกก็มีรายได้ช่วงเรียนปีสุดท้ายด้วยครับ พี่เค้ารับงานนอก เงินดีด้วยนะครับ ผมก็ได้อานิสงไปด้วย เพราะพี่ทึกแกเรียกผมไปช่วยงาน

     

    เป็นอันว่า พี่อิทึกก็ได้ผ่อนบ้านด้วยเหตุผลทั้งปวงที่กล่าวมา ฉะนี้แหล่ะครับ!!!

     

    พวกเราผู้อาศัยชั่วคราว หรืออาจจะถาวร (ถ้าเจ้าของเขาไม่ไล่!!!) ก็เลยปรึกษากันว่า น่าจะจ่ายค่าเช่าให้พี่อิทึก เพราะเราอยู่ข้างนอกเราก็จ่ายอยู่แล้ว

     

    ตอนแรกพี่ทึกก็ไม่ยอม แต่พวกเราร่วมใจกันบอกว่า ... ไม่ให้จ่าย เราก็ไม่อยู่  แกก็เลยยอม

    แต่ค่าเช่าไม่แพงหรอกครับ

     

    ตอนนี้พี่อิทึก  พี่ฮีชอล พี่ฮันกยอง เรียนจบได้ปีกว่าๆ แล้วครับ ทำงานแล้วทุกคน ดูท่าทางล่ำซำไม่น้อย แต่เงินไม่ค่อยเหลือเก็บ ไม่บอกนะครับว่าเขาเอาเงินไปทำอะไรกัน เพราะผมก็ไม่รู้ แหะๆๆๆ

     

    พี่คังอิน พี่ชินดง สองคนนี้อยู่คณะเดียวกัน ปีเดียวกัน แต่คนละคณะกับพี่อิทึก พี่ชินดงเป็นเพื่อนพี่ทึกตั้งแต่เรียนมัธยม แต่เรียนมหาลัยช้าไปปีหนึ่ง เพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดในปีแรก

     

    พี่คังอินเป็นเพื่อนคณะพี่ชินดง พอพี่ทึกชวนพี่ชินดง พี่คังอินก็เกาะแขนพี่ชินดงมาด้วย

    ตอนนี้สองคนนี้เพิ่งเรียนจบ ว่างงานกันทั้งคู่ เลยเตร็ดเตร่ไปวันๆ

     

    พี่เยซอง พี่ซองมิน เป็นน้องคณะพี่ทึก  ผม ฮยอกแจ เป็นน้องคณะพี่เยซองกะพี่ซองมินอีกที เพื่อนคณะผมก็มีรยออุกกับคยูฮยอน พวกเราสนิทกับพี่อิทึกองยู่แล้ว พอพี่แกชวนก็มาทันทีเลยครับ ผมมาอยู่กับแกตอนอยู่ปี 2 (ตอนนั้นพี่ทึกเรียนปี 4) ตอนนี้ผมเพิ่งจบปี 3 กำลังจะปี 4

     

    คุณคิดว่าพี่เยซองคงเรียนจบไปแล้วใช่มั๊ยครับ 

    ผิดล่ะ!! พี่แกต้องเรียนอีกครึ่งปี เหอะๆๆ ไม่ใช่เพราะสมองแกหารอยหยักไม่เจอหรอกนะครับ แต่เพราะเพื่อนสนิทแก มักจะคอยฉุดพี่แกให้ตกต่ำ!!! เพื่อนสนิทพี่เยซองชื่อ ไอ้ขี้เกียจอ่ะ!!!

     

    ต่อมาก็ ดงแฮ ชีวอน 2 คนนี้อยู่คณะเดียวกัน อ้อ!! ลืมไปครับ อยู่คณะเดียวกับพี่ชินดง พี่คังอินด้วย ทำไมผมถึงแยกเป็นคนละกลุ่มน่ะเหรอครับ!! อือ! นั่นสิ ประมาณว่า 2 คนนั้นเขาตัวหนาๆ เถื่อนๆ (แต่ยังหล่อ เดี๋ยวคนรักสองคนนี้จะฆ่าเอา) แต่ 2 คนหลัง เขาจะออกแนวคุณหนู ผู้ดี ประมาณนี้อ่ะครับ อ้อ! แล้วคนที่ชวนมาอยู่ ก็คนละคนกันด้วย แล้วยังเรียนคนละชั้นปีด้วยครับ

     

    2 คนนี้อยู่ชมรมเดียวกับพี่ฮันกยอง สนิทกัน เอียฮันแกเลยชวน 2 คนนี้มาอยู่ด้วย แล้วดงแฮก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผมด้วย

     

    ฟังดู มันยุ่งเหยิง เกี่ยวพัน มั่วซั่วกันไปหมดใช่มั๊ยครับ  ยังเหลืออีกคนนะครับ

     

    คิบอม เป็นญาติพี่อิทึก อยู่คนละมหาลัย คิบอมเรียนปีเดียวกับผม แต่เรียนเร็วไปปีนึง คยูฮยอนกับรยออุกก็เรียนเร็วเหมือนกันนะครับ เคืองจริงๆ ครับพวกเรียนเร็ว เรียนปีเดียวกันแท้ๆ แต่มันเกิดหลังเรา แย่ๆๆ

    ตอนย้ายเข้าใหม่ๆ พี่อิทึกบอกคิบอมให้เรียกทุกคนว่าพี่ เพราะคิดว่ามันอายุน้อยสุด พอนานเข้า สนิทกัน ใครที่มันไม่อยากเรียกพี่ มันก็ไม่เรียกแล้วครับ

     

    งงใช่มั๊ยครับ ผมก็งง เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรา 13 คน อยู่บ้านเดียวกัน เดี๋ยวผมสรุปให้แล้วกันนะครับ...

     

    พี่อิทึก  พี่ฮีชอล พี่ฮันกยอง  เรียนจบแล้ว 1 ปี  ทำงานแล้ว

    พี่ชินดง พี่คังอิน พี่ซองมิน  เพิ่งเรียนจบ สถานภาพ ว่างงานกันถ้วนหน้า

    ฮยอกแจ ดงแฮ ชีวอน คิบอม รยออุก คยูฮยอน  สถานภาพ รอจะเป็นนักศึกษาปี 4

    พี่เยซอง  สถานภาพ รอซ่อมอีกครึ่งปี สถานภาพ รอเป็นนักศึกษาปี 5 ซุปเปอร์ชีเนียร์ครับพี่น้อง!!

     

    การใช้ห้องในบ้านนะครับ

    พี่อิทึก พี่คังอิน นอนห้องริมข้างบน

    พี่ฮีชอล พี่ฮันกยอง นอนห้องถัดมา

    ชีวอน คิบอม นอนห้องตรงข้ามห้องเมื่อกี๊

     

    พี่ชินดง  ดงแฮ  นอนห้องริมชั้นล่าง

    พี่เยซอง รยออุก คยูฮยอน นอนห้องกลาง

    ผม พี่ซองมิน นอนห้องถัดห้องเมื่อกี๊มา

     

    ผมกับพี่เยซองมาเป็น 2 รายท้ายสุด ห้องทุกห้องมีคนอยู่แล้ว เหลือห้องพี่ซองมินที่พี่เขาอยู่คนเดียว ผมเลยรีบตระครุบพี่ซองมินทันที เหลือพี่เยซองที่ยืนทำหน้าเอ่ออยู่ เลยต้องส่งตัวแทนห้องจับไม้สั้นไม้ยาวกัน เฮอะๆๆ รยออุก มันดวงไม่ดีเอง 5555

     

    ประมาณว่าใครมาถึงก่อนก็มีสิทธิก่อนอ่ะครับ  จบนะครับ การเข้ามาอยู่บ้าน เบื่อกันแย่แล้ว!!!




     

    ดงแฮเล่าอะไรให้นายฟังบบ้างน่ะ ฮยอกแจ เดินเข้าห้องมา พี่ซองมินก็ถามทันที   
    มันไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลยพี่ เข้าไปมันก็จูบๆ กอดๆ ไม่มีอะไรเล้ย
    !!

     

    ไม่มีอะไรหรอกพี่ซองมิน มันก็พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม แล้วก็บอกให้ไปหาแต่เช้าน่ะ ใครจะกล้าบอกว่าโดนดงแฮมันจูบกอดล่ะครับ หน้าผมก็ยังมียางอยู่

     

    นายว่า ดงแฮเป็นอะไร โธ่!! พี่ก็นะ  ถามอะไรที่ผมตอบไม่ได้ พี่ถามผมแล้วผมจะถามใครอ่ะ

     

    ผมว่า...คงมีอะไรสักอย่าง...ทำให้มันไม่สบายใจ   ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่   มันก็ต้องมีสาเหตุที่ทำให้ดงแฮเป็นแบบนี้

     

    อือ! ดงแฮมันคิดมากอยู่แล้ว   แต่พอจะร่าเริงก็ร่าเริงซะฉุดไม่อยู่   เป็นคนบุคลิกแปรปรวนอย่างหมอว่าจริงแหละ   นายว่ามั๊ยฮยอกแจ   ครับพี่   แปรปรวนซะจนผมเริ่มกลัวที่จะอยู่ใกล้มันแล้ว

     

    ............... ไม่รู้จะตอบยังไงเลยผม   ทำท่าคิดตามนิดหน่อยแล้วหยิบผ้าเช็ดตัว

     

    อาบน้ำก่อนนะ

    อาบซะนานเลย    อ่า!!  สดชื่น...สบายตัวดีจัง   ขอนอนก่อนละกันคร้าบบบ

     

    .........................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×