คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
Intro
“ตามฉันมา”
ชายหนุ่มในชุดสีดำทั้งตัว ดึงขอบกางเกงยีนของชายหนุ่มอีกคนให้เดินตามหลังเขา โดยมีจุดมุ่งหมายคือห้องน้ำชายซึ่งอยู่ไม่ไกลเลย
วันนี้ลีดงแฮสวมเสื้อเจ็ดเกตหนังสีดำ คลุมทับเสื้อเชิร์ตพอดีตัวสีดำเช่นกัน กางเกงยีนต์สีดำขาเดฟช่วยทำให้ช่วงขาของเขาดูสูงยาวขึ้น สีหน้านิ่งเฉยภายใต้การทาขอบตาด้วยอายลายเนอร์สีดำ และป้ายสีดำบางๆ ใต้ดวงตา ริมฝีปากที่ทาด้วยสีซีดไม่ขยับพูดจนกระทั่งเขาดึงชายหนุ่มคนนั้นมาถึงที่หมาย แล้วดันให้เข้าไปในห้องน้ำ
“สิบนาที” ลีดงแฮบอกพร้อมดันไหล่ชายอีกคนให้ขุกเข่าลงตรงหว่างขาของเขา และโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดอีก มือเรียวของคนที่อยู่แทบเท้าเขาก็เอื้อมมาปลดเข็มขัดและซิบกางเกง ดึงมันลงมาทั้งกางเกงชั้นใน...แล้วซุกหน้าเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
เสียงหายใจขัดๆ ของดงแฮ สร้างความพอใจให้กับคนซึ่งกำลังทำออรัลเซ็กซ์และขณะเดียวกันก็ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ได้ใจ...เพิ่มความหนักหน่วงของฝีปาก จนลีดงแฮส่งเสียงครางออกมา
เป็นเสียงที่เซ็กซี่ที่สุด เท่าที่ได้ยินมา... ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วทำหน้าที่ต่อไป จนในที่สุดลีดงแฮก็ตัวเกร็งกระตุก ปล่อยน้ำขาวขุ่นพุ่งออกมา...แน่นอนชายหนุ่มไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่า...เขาครอบปากเพื่อจะกลืนมันลงไปทั้งหมด
เมื่อเสร็จสิ้นหนุ่มหน้าเข้มฝีปากดีเลื่อนตัวขึ้นมาเพื่อดูผลงาน...ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจมากจริงๆ...ลีดงแฮหายใจถี่ เอียงหน้าแนบกับผนังห้องน้ำ เลียลิ้นที่ริมฝีปากตัวเองได้ทั้งอารมณ์กวนและยั่วใจไปพร้อมๆ กัน
“ผมเช็ดให้นะ” หนุ่มที่ลีดงแฮยังไม่รู้จักแม้ชื่อ เอื้อมมือดึงกระดาษทิชชูออกมาแล้วเช็ดอย่างเบามือที่ส่วนนั้นของลีดงแฮ เขาเงยหน้าขึ้นสบสายตาดงแฮอย่างจงใจจะปลุกอารมณ์อีกครั้ง
“ริมฝีปากของนายร้อนแรงมาก” ลีดงแฮบอกด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก “แต่ฉันต้องไปแล้ว” เขาดึงขอบกางตัวเองขึ้นมาและรัดเข็มขัดอย่างไม่เร่งรีบนัก พลางส่งสายตาให้หนุ่มคนนี้เพื่อหว่านเสน่ห์ก่อนจะจากไป
“นายจะช่วยตัวเองก่อนก็ได้นะ ขอโทษทีที่ไม่ได้ช่วย” เสียงเข้มแหบพร่าเล็กน้อย ก่อนจะดึงประตูแล้วเดินออกไป ทิ้งคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำมองตามอย่างอาลัย
-----------------------------------------------------------------------------
ตอนแรก
ผมชื่อลีฮยอกแจ เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย และเพิ่งจะได้งานในบริษัทด้านการเงินเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง หลายคนเคยบอกผมว่าเมื่อเรียนจบปริญญาตรีนั้นคือการได้ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง และผมก็เคยคิดแบบนั้น แต่จนวันนี้...วันที่ผมทำงาน รอเงินเดือนเดือนแรกซึ่งหมายความว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ได้ขอเงินจากแม่ใช้แล้ว ผมก็ยังไม่รู้สึกเลยว่าผมเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว
ผมมีเพื่อนสนิทกลุ่มหนึ่ง สนิทกันเพราะเรียนคณะเดียวกัน จนกระทั่งตอนนี้ที่เราต่างคนต่างได้งานทำคนละที่คนละบริษัท เราก็ยังคงนัดพบปะกันบ่อยๆ และดูเหมือนการเที่ยวกลางคืนในผับบาร์คือการนัดพบที่เราพอใจและเห็นชอบตรงกันทุกคน
ตั้งแต่เรียนจบ คือเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว พวกผมมาที่ผับแห่งนี้เป็นครั้งแรก สมัยเรียนนั้นกลุ่มของพวกผมไม่ใช่วัยรุ่นที่ชอบการเที่ยวกลางคืนจนเป็นนิสัย แค่นานๆ ครั้งหรือโอกาสสำคัญเท่านั้น แต่เมื่อเราเรียนจบความคิดเปลี่ยนไปซึ่งที่จริงแล้วผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นความคิดที่ถูกหรือผิด...ผมคิดว่าผมเรียนจบแล้ว หน้าที่ส่วนนั้นที่ต้องรับผิดชอบจากความหวังของครอบครัวคือการที่ผมตั้งใจร่ำเรียนมาได้สำเร็จไปแล้ว เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปมันคือชีวิตของผม ไม่ใช่ว่าผมจะทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง แต่เมื่อทุกคนบอกว่าผมต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ควรจะเป็นผู้ใหญ่...หากแต่ในบางครั้ง ผมยังรู้สึกห่างไกลจากคำนั้นมาก สมัยเรียนอยู่พวกผมไม่ค่อยเที่ยวแบบนี้เพราะเรามีหน้าที่ แต่เมื่อวันนี้เราทำหน้าที่นั้นสำเร็จไปแล้ว การเที่ยวแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงสบายใจที่จะทำแบบนี้ อย่างเช่นวันนี้...กับที่นี่...Ramones Bar
“เฮ้ย หวานใจนายมาแล้วนะฮยอกแจ” ชีวอนยื่นหน้าเข้ามาบอกใกล้ๆ หูผม ในขณะที่เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นจากการเล่นตนตรีสดที่เวที
ชีวอนคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของผม ได้งานก่อนผมประมาณหนึ่งเดือน เป็นคนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่ม บุคลิกนิ่งๆ ยิ้มน้อย ผมมองว่าชีวอนเป็นคนค่อนข้างสำอางหรือที่เรียกว่าเนี๊ยบ เวลาเจอคนถูกใจชีวอนจะเข้าไปทำความรู้จักอย่างเปิดเผยแต่จะไม่ตอแยต่อหากเขาไม่เล่นด้วย
“ว้าว หล่อลากดินมากเลยวันนี้” ฮันกยอง เพื่อนอีกคนแสดงสีหน้าได้ตรงกับคำที่พูด สายตามองไปบนเวทีอย่างจดจ้องชื่นชม จนผมต้องหันไปมองตาม ฮันกยองเป็นคนรูปร่างดีแบบนักกีฬา โครงหน้าคมเข้มแฝงความเจ้าชู้อยู่ในแววตา ที่ผ่านมาฮันกยองถือว่าเป็นคนที่ใช้คู่นอนเปลืองที่สุดในกลุ่ม ถึงจะไม่ถึงขนาดเปลี่ยนรายวันรายสัปดาห์ แต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ดีเมื่อเทียบกับชีวอน ซึ่งค่อนข้างจะคบใครทีละนานๆ หลายเดือน ยิ่งเทียบกับผมยิ่งห่างไกลมาก เพราะผมยังไม่เคยนอนกับใครเลยด้วยซ้ำ สำหรับผมอย่างมากก็มีคนช่วยแค่ข้างนอก เหตุผลก็เพราะผมยังไม่กล้าพอ
หากพูดถึงนิสัยของฮันกยองแล้ว เป็นคนปากหวาน เจ้าเล่ห์กับเป้าหมายทุกคน คำพูดหวานหูมักส่อไปถึงความเสน่ห์หา สายตาชอบมองเป้าหมายอย่างบ่งบอกอารมณ์ความต้องการ เหมือนเช่นเมื่อครู่ที่ฮันกยองพูดถึงและมองคนๆ นั้นบนเวที
และสายตาของผมก็เจอกับคนที่ผมตั้งจะอยากจะมาเห็นหน้าในวันนี้...นักร้องคนนั้น คนที่ชีวอนและฮันกยองพูดถึง...เขากำลังสะพายสายกีตาร์ไว้บนบ่าและจัดให้มันเข้าที่ ก่อนจะขยับเข้ามายืนอยู่หน้าไมโครโฟน ผมตื่นเต้นกับการรอฟังเสียงของเขา...
วันนี้เขาใส่เสื้อหนังสีดำ ใบหน้าคมภายใต้ดวงไฟสีส้มเรื่อๆ ยังคงโดดเด่นเหมือนทุกวัน ผมนึกเสียดายที่เขาพูดทักทายแขกในร้านแค่ไม่กี่คำ ก็ส่งสัญญาณให้เพื่อนนักดนตรีอีก 2 คนเริ่มเล่นเพลง เพราะทันทีที่เสียงกลองดังขึ้น ไฟสีส้มที่ส่องสว่างบนเวทีก็เปลี่ยนเป็นสีอื่น ซึ่งทำให้เห็นหน้าของเขาไม่ชัดเจนอีกแล้ว
“ถามจริงนะฮยอกแจ นายอยากได้เขาขนาดนั้นเลยรึไง” ชีวอนโน้มหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ ให้ผมได้ยิน และฮันกยองซึ่งนั่งขนาบข้างผมอยู่ก็หันหน้ามาฟังคำตอบด้วย
“ฉันชอบคนนี้” ผมตอบสิ่งที่ตรงใจผมที่สุด ผมมองเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เรามาที่นี่ เมื่อไหร่ที่พวกผมจะออกมาดื่มผมมักจะชวนเพื่อนมาที่นี่ เพียงเพื่อจะได้มานั่งมองหน้าเขา...ชื่อของเขาผมจำได้ขึ้นใจ เขาชื่อ...ลีดงแฮ
แม้ฮันกยองใช้ความสามารถและได้ชื่อนั้นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเรามาดื่มที่นี่จากแขกที่มาเที่ยวบ่อยๆ แต่พอเห็นรู้ว่าผมสนใจ ฮันกยองก็ขอถอนตัวทันที ด้วยเหตุผลที่ไม่รู้ผมจะประทับใจดีหรือเปล่า ฮันกยองบอกว่า...ฉันอยากให้นายเสียเวอร์จิ้นซักที...
“ชอบแล้วมานั่งเพ้ออยู่ในมุมมืดนี่นะ” ฮันกยองทำหน้าเหมือนผมไม่ได้เรื่องเต็มที
“ไหนว่าวันนี้จะเข้าไปคุย” ชีวอนย้ำถึงคำชวนที่ผมใช้ในการนัดมาวันนี้
“ก็เขาร้องเพลงอยู่ ไม่เห็นรึไง” ผมตั้งใจแล้วจริงๆ ว่าวันนี้แหละผมจะเข้าไปทำความรู้จักเขาให้ได้
“ฉันเพิ่งเห็นว่ามือเบสโคตรเอ็กซ์เลย คืนนี้นายลองดูฉันแล้วกันฮยอกแจ” ชีวอนยิ้มเย้ยผม แล้วหันกลับไปมองผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของลีดงแฮ
“อะไรกันชีวอน ฉันเล็งอยู่เหมือนกันนะ” ฮันกยองมองหน้าชีวอนทำเหมือนเป็นเรื่องจริงจัง
“ฉันก็ไม่ได้ห้ามนายนี่ ใครเจ๋งกว่า คนนั้นได้ โอเค๊” ชีวอนยักไหล่ แล้วยิ้มในตอนท้าย “โจวคยูฮยอน...ฉันชักจะอยากให้ลีดงแฮของนายร้องเพลงจบเร็วๆ แล้วสิ ฮยอกแจ” ชีวอนยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มแล้วมองมือเบสคนนั้นต่อ โจวคยูฮยอนเป็นชื่อของเขา รูปร่างสูงโปร่งแบบที่ชีวอนชอบ แต่ในความคิดผม...คนทำงานกลางคืนแบบนี้ แถมหน้าตาดึงดูดขนาดนี้ มีเหรอจะไม่มีคนมาจีบ ไม่น่าจะโสดมาถึงป่านนี้...เขาคงไม่เล่นกับชีวอนหรอก นอกจากว่าเขาจะเป็นพวกที่มีความคิดแบบฮันกยอง...คือครั้งเดียวจบ ไม่สานสัมพันธ์ต่อและไม่จดจำ
“รถโคตรติด กว่าจะมาถึง” เสียงคนมาใหม่ ทำให้พวกผมทั้ง 3 คนเงยหน้าขึ้นมอง เพื่อนในกลุ่มคนสุดท้าย...ลีซองมิน
ซองมินทิ้งตัวลงนั่งด้วยท่าทางหงุดหงิด คว้าแก้วในมือฮันกยองไปดื่มจนหมด แล้วทำสีหน้าราวกับว่าสิ่งที่ดื่มลงไปนั้น กลืนลงคอยากเย็นมาก
“อ่า...พวกนายกินกันแบบนี้เลยเหรอ” ซองมินบ่น สีหน้าเอาเรื่องนั้นหันไปมองฮันกยอง
“โวยวาย ตัวเองกินเองแท้ๆ เสียมารยาทด้วย แย่งจากมือคนอื่น” ฮันกยองคว้าแก้วใหม่มาคีบน้ำแข็งลงไปก้อนหนึ่งแล้วเทวิสกี้ลงไปค่อนแก้ว แต่แทนที่แก้วนั้นจะส่งให้ซองมิน ฮันกยองกลับเอามาถือไว้เอง
“เออน่า ซองมินนายนั่งพักก่อนก็ได้ มาถึงก็ออนเดอะร็อคเลย เดี๋ยวก็ชักหรอก” ชีวอนพูดขำๆ เมื่อเห็นท่าทางซองมินจะอ้าปากเถียงฮันกยอง
“ถ้าไม่อยากกินแบบนี้ ก็ออกไปหาโซจูกินข้างนอกนะซองมิน” ฮันกยองยังพยายามจะทำให้ซองมินโกรธอีก และก่อนที่ผมจะเห็นเพื่อนทะเลาะกันไปมากกว่านั้น ผมก็รีบหันกลับไปมองลีดงแฮของผมบนเวที
ผมไม่สนใจเพื่อน ว่าจะพูดคุยอะไรกันบ้าง ลีดงแฮกับโจวคยูฮยอนสลับกันร้องเพลงแล้วเพลงเล่า บางช่วงที่ส่งท่อนสำคัญให้มือกลองร้อง...ถ้าจำไม่ผิดมือกลองชื่อเยซอง เพราะเขามักนั่งอยู่หลังกลองชุด ผมจึงจำหน้าเขาไม่ได้
และเมื่อลีดงแฮบอกว่ากำลังจะร้องเพลงสุดท้าย ผมจึงมองก้มดูนาฬิกาข้อมือ อีก 10 นาทีจะห้าทุ่มครึ่ง...เหมือนทุกวัน และจะให้เหมือนซะทีเดียวแล้วล่ะก็ เพลงสุดท้ายเขาต้องเป็นคนร้อง....ผมเงยหน้าจากนาฬิกาขึ้น มองไปยังเวที ซึ่งตอนนี้อินโทรเพลงสุดท้ายดังขึ้น
This Romeo is bleedin'
But you can't see his blood
It's nothing but some feelings
That this old dog kicked up.....
ผมถูกเสียงของเขาสะกด ผมรู้สึกชอบเพลงนี้ขึ้นมาทันที ท่าทาง สีหน้า แววตาของเขา มันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าได้กลายเป็นทาสของเขาไปแล้ว เขากดเสียงให้แหบห้าวเพื่อให้เข้ากับเนื้อเพลง จ้องมองมาที่จุดเดียว สายตาไม่ได้กราดมองไปทั่วเหมือนเพลงที่ผ่านมา...
I will love you baby.... Always
And I'll be there forever and a day.....Always
I'll be there till the stars don't shine
Till the heavens burst and words don't rhyme
And I know when I die you'll be on my mind
And I'll love you always..............
เมื่อถึงท่อนสำคัญของเพลง...ผมรู้สึกหลงใหลเขาจนหลุดเสียงพูดออกมา
“ยังไงซะวันนี้ เขาต้องได้รู้จักชื่อฉัน” เสียงพูดผมราวกับเสียงคราง แต่ถึงอย่างนั้นชีวอนก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
“ขอกลับบ้านด้วยเลยสิ ไม่งั้นฉันจะจีบเองซะ” ชีวอนยิ้มกรุ้มกริ่มไม่จริงจัง
“ชีวอนนายฟังท่อนนี้สิ....” ผมบอกแล้วทำสัญญาณให้ชีวอนฟังเนื้อเพลงท่อนที่กำลังจะมาถึง
If you told me to cry for you, I could
If you told me to die for you, I would
Take a look at my face
There's no price I won't pay
To say these words to you
“ยังไงก็ได้...แต่วันนี้ยังไงซะ...ฉันจะบอกไปเลยว่าฉันสนใจเขา”
“โอ เป็นเอามากจริงๆ หวังว่าฉันคงได้ยินดีกับประสบการณ์ครั้งแรกของนายนะ” ชีวอนยังยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ฮยอกแจ นายอย่าเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ดีกว่า น่ากลัวจะตาย” ซองมินบอกด้วยท่าทางจริงจัง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ครั้งเดียวเอง” ชีวอนหันไปแย้ง
“แต่งพั้งค์แต่ร้องร็อค หมายความว่าไง” เสียงฮันกยองฟังดูเหมือนบ่นกับตัวเอง
“พั้งค์ที่ไหน ร็อคเห็นๆ ดูแค่ชื่อร้านก็น่าจะรู้” ซองมินบอก บางทีผมคิดว่าซองมินอาจแค่แสดงความคิดเห็น แต่สำหรับฮันกยองเขามักจะมองว่าซองมินชอบเถียงเพื่อเอาชนะ ซึ่งฮันกยองไม่ชอบ...จึงต้องมีประโยคขัดแย้งตามมาอีกแน่นอน
“อย่าอวดรู้น่าซองมิน ชื่อร้านมันพั้งค์ ร็อคที่ไหน”
“ฉันอวดรู้ยังไงฮันกยอง ฉันพูดความจริง”
“ที่ฉันพูดไปนั่นแหละความจริง” บทสนทนาโต้เถียงของสองคนนี้คงจะไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีใครขวางไว้ซะก่อน
“พอเถอะน่า ชื่อร้านก็คือชื่อร้านไม่เกี่ยวกับนักดนตรีหรอก แล้วนักร้องเขาก็ไม่ใช่แนวเดียวตายตัวก็เห็นอยู่ เลิกเถียงกันปัญญาอ่อนแบบนี้ซะที” เป็นผมเองที่หันไปปรามเพื่อนทั้งสองคนด้วยเสียงดุๆ
“อ้าว กล้าด่าฉันเหรอฮยอกแจ” ฮันกยองหันมาทำหน้าหาเรื่องผม แต่กลับหลุดยิ้มออกมาเมื่อผมคว้าแก้วเหล้าของผมขึ้นมาดื่ม
“ย้อมใจใช่มั๊ย ถึงเวลาเอาใจช่วยหนุ่มน้อยของฉันแล้วสิ” ฮันกยองเอาแก้วตัวเองมาชนกับแก้วผม แล้วพูดต่อ “แต่ฉันบอกนายรึยังนะฮยอกแจ....ว่าลีดงแฮน่ะนักฟัดตัวพ่อเลยล่ะ อ่อนหัดอย่างนายเขาจะสนรึเปล่าก็ไม่รู้”
“นายคอยดูแล้วกัน” ผมพูดแล้วยกเหล้าที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด
เดินออกมาจากโต๊ะ แล้วหันกลับไปมองเพื่อนๆ ทุกคน ก่อนจะยิ้มด้วยความมั่นใจ แม้ว่าชีวอนจะยังยิ้มให้กำลังใจแบบเย้ยหยันในคราวเดียวกัน ฮันกยองจะมองผมพร้อมกับมองพิจารณาความสามารถของผม และซองมินมองผมอย่างเป็นห่วงเต็มที แต่ผมก็ยังหันไปยังเป้าหมายของผมด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม
ทุกครั้งที่ผมมาและสังเกตเห็น เขาและเพื่อนร่วมวงจะนั่งดื่มต่อที่โต๊ะติดประตู เกือบทุกครั้งจะมีผู้ชายเข้ามาคุยกับเขา และผมจะผิดหวังทุกครั้งที่เขาเดินออกไปพร้อมกับดึงผู้ชายเหล่านั้นออกไปด้วย แม้ผมจะรู้ว่าเขาคงไม่ได้ให้ความสำคัญกับใครมากไปกว่าการมีเซ็กซ์แค่ชั่วข้ามคืน และแม้ผมจะตระหนักว่ากำลังจะทำตัวเหมือนคนไม่สำคัญเหล่านั้น...แต่ผมก็ยังยืนยันกับตัวเองว่าจะทำ
-------------------------------------------------------------
จบตอนค่ะ
ดูแล้วมันสั้นๆ เลยเอาไว้ในตอนเดียวกันกับอินโทรซะเลย
คิดว่ามันค่อนข้างต่างกับเรื่องก่อนเน๊อะ ภาษาที่ใช้บรรยายก็ต่างกัน (ก็ภาษาไทยไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆ)
ใครที่ตีจากกันไปแล้ว กลับมาเยี่ยมกันบ้างนะคะ เฮออออออออออออออออออ
ขอบคุณจ้า
ปล. เพลงที่ลีดงแฮร้อง แปะไว้ข้างบนสุดเลยนะคะ ลองฟังดูก็ได้ (คงจะฟังได้อ่ะนะ)
จะบอกว่า งมกับการเอาเพลงลง ตั้งแต่ยังไม่เลิกงาน เพิ่งจะทำสำเร็จ... ปาดเหงื่อเลย เฮอะๆๆ
ความคิดเห็น