ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bleeding Love [Fiction HaeEun]

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 57



    Intro

               

                ตามฉันมา

                ชายหนุ่มในชุดสีดำทั้งตัว ดึงขอบกางเกงยีนของชายหนุ่มอีกคนให้เดินตามหลังเขา โดยมีจุดมุ่งหมายคือห้องน้ำชายซึ่งอยู่ไม่ไกลเลย

                วันนี้ลีดงแฮสวมเสื้อเจ็ดเกตหนังสีดำ คลุมทับเสื้อเชิร์ตพอดีตัวสีดำเช่นกัน กางเกงยีนต์สีดำขาเดฟช่วยทำให้ช่วงขาของเขาดูสูงยาวขึ้น สีหน้านิ่งเฉยภายใต้การทาขอบตาด้วยอายลายเนอร์สีดำ และป้ายสีดำบางๆ ใต้ดวงตา ริมฝีปากที่ทาด้วยสีซีดไม่ขยับพูดจนกระทั่งเขาดึงชายหนุ่มคนนั้นมาถึงที่หมาย แล้วดันให้เข้าไปในห้องน้ำ

                สิบนาทีลีดงแฮบอกพร้อมดันไหล่ชายอีกคนให้ขุกเข่าลงตรงหว่างขาของเขา และโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดอีก มือเรียวของคนที่อยู่แทบเท้าเขาก็เอื้อมมาปลดเข็มขัดและซิบกางเกง ดึงมันลงมาทั้งกางเกงชั้นใน...แล้วซุกหน้าเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง

                เสียงหายใจขัดๆ ของดงแฮ สร้างความพอใจให้กับคนซึ่งกำลังทำออรัลเซ็กซ์และขณะเดียวกันก็ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ได้ใจ...เพิ่มความหนักหน่วงของฝีปาก จนลีดงแฮส่งเสียงครางออกมา

                เป็นเสียงที่เซ็กซี่ที่สุด เท่าที่ได้ยินมา... ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วทำหน้าที่ต่อไป จนในที่สุดลีดงแฮก็ตัวเกร็งกระตุก ปล่อยน้ำขาวขุ่นพุ่งออกมา...แน่นอนชายหนุ่มไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่า...เขาครอบปากเพื่อจะกลืนมันลงไปทั้งหมด

                เมื่อเสร็จสิ้นหนุ่มหน้าเข้มฝีปากดีเลื่อนตัวขึ้นมาเพื่อดูผลงาน...ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจมากจริงๆ...ลีดงแฮหายใจถี่ เอียงหน้าแนบกับผนังห้องน้ำ เลียลิ้นที่ริมฝีปากตัวเองได้ทั้งอารมณ์กวนและยั่วใจไปพร้อมๆ กัน

                ผมเช็ดให้นะหนุ่มที่ลีดงแฮยังไม่รู้จักแม้ชื่อ เอื้อมมือดึงกระดาษทิชชูออกมาแล้วเช็ดอย่างเบามือที่ส่วนนั้นของลีดงแฮ เขาเงยหน้าขึ้นสบสายตาดงแฮอย่างจงใจจะปลุกอารมณ์อีกครั้ง

                ริมฝีปากของนายร้อนแรงมากลีดงแฮบอกด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก แต่ฉันต้องไปแล้วเขาดึงขอบกางตัวเองขึ้นมาและรัดเข็มขัดอย่างไม่เร่งรีบนัก พลางส่งสายตาให้หนุ่มคนนี้เพื่อหว่านเสน่ห์ก่อนจะจากไป

                นายจะช่วยตัวเองก่อนก็ได้นะ ขอโทษทีที่ไม่ได้ช่วยเสียงเข้มแหบพร่าเล็กน้อย ก่อนจะดึงประตูแล้วเดินออกไป ทิ้งคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำมองตามอย่างอาลัย

               

    -----------------------------------------------------------------------------

     

    ตอนแรก

     

                ผมชื่อลีฮยอกแจ เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย และเพิ่งจะได้งานในบริษัทด้านการเงินเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง หลายคนเคยบอกผมว่าเมื่อเรียนจบปริญญาตรีนั้นคือการได้ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง และผมก็เคยคิดแบบนั้น แต่จนวันนี้...วันที่ผมทำงาน รอเงินเดือนเดือนแรกซึ่งหมายความว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ได้ขอเงินจากแม่ใช้แล้ว ผมก็ยังไม่รู้สึกเลยว่าผมเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว

                ผมมีเพื่อนสนิทกลุ่มหนึ่ง สนิทกันเพราะเรียนคณะเดียวกัน จนกระทั่งตอนนี้ที่เราต่างคนต่างได้งานทำคนละที่คนละบริษัท เราก็ยังคงนัดพบปะกันบ่อยๆ และดูเหมือนการเที่ยวกลางคืนในผับบาร์คือการนัดพบที่เราพอใจและเห็นชอบตรงกันทุกคน

                ตั้งแต่เรียนจบ คือเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว พวกผมมาที่ผับแห่งนี้เป็นครั้งแรก สมัยเรียนนั้นกลุ่มของพวกผมไม่ใช่วัยรุ่นที่ชอบการเที่ยวกลางคืนจนเป็นนิสัย แค่นานๆ ครั้งหรือโอกาสสำคัญเท่านั้น แต่เมื่อเราเรียนจบความคิดเปลี่ยนไปซึ่งที่จริงแล้วผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นความคิดที่ถูกหรือผิด...ผมคิดว่าผมเรียนจบแล้ว หน้าที่ส่วนนั้นที่ต้องรับผิดชอบจากความหวังของครอบครัวคือการที่ผมตั้งใจร่ำเรียนมาได้สำเร็จไปแล้ว เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปมันคือชีวิตของผม ไม่ใช่ว่าผมจะทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง แต่เมื่อทุกคนบอกว่าผมต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ควรจะเป็นผู้ใหญ่...หากแต่ในบางครั้ง ผมยังรู้สึกห่างไกลจากคำนั้นมาก สมัยเรียนอยู่พวกผมไม่ค่อยเที่ยวแบบนี้เพราะเรามีหน้าที่ แต่เมื่อวันนี้เราทำหน้าที่นั้นสำเร็จไปแล้ว การเที่ยวแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงสบายใจที่จะทำแบบนี้ อย่างเช่นวันนี้...กับที่นี่...Ramones Bar

                “เฮ้ย หวานใจนายมาแล้วนะฮยอกแจ” ชีวอนยื่นหน้าเข้ามาบอกใกล้ๆ หูผม ในขณะที่เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นจากการเล่นตนตรีสดที่เวที

                ชีวอนคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของผม ได้งานก่อนผมประมาณหนึ่งเดือน เป็นคนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่ม บุคลิกนิ่งๆ ยิ้มน้อย ผมมองว่าชีวอนเป็นคนค่อนข้างสำอางหรือที่เรียกว่าเนี๊ยบ เวลาเจอคนถูกใจชีวอนจะเข้าไปทำความรู้จักอย่างเปิดเผยแต่จะไม่ตอแยต่อหากเขาไม่เล่นด้วย

                “ว้าว หล่อลากดินมากเลยวันนี้” ฮันกยอง เพื่อนอีกคนแสดงสีหน้าได้ตรงกับคำที่พูด สายตามองไปบนเวทีอย่างจดจ้องชื่นชม จนผมต้องหันไปมองตาม ฮันกยองเป็นคนรูปร่างดีแบบนักกีฬา โครงหน้าคมเข้มแฝงความเจ้าชู้อยู่ในแววตา ที่ผ่านมาฮันกยองถือว่าเป็นคนที่ใช้คู่นอนเปลืองที่สุดในกลุ่ม ถึงจะไม่ถึงขนาดเปลี่ยนรายวันรายสัปดาห์ แต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ดีเมื่อเทียบกับชีวอน ซึ่งค่อนข้างจะคบใครทีละนานๆ หลายเดือน ยิ่งเทียบกับผมยิ่งห่างไกลมาก เพราะผมยังไม่เคยนอนกับใครเลยด้วยซ้ำ สำหรับผมอย่างมากก็มีคนช่วยแค่ข้างนอก เหตุผลก็เพราะผมยังไม่กล้าพอ

                หากพูดถึงนิสัยของฮันกยองแล้ว เป็นคนปากหวาน เจ้าเล่ห์กับเป้าหมายทุกคน คำพูดหวานหูมักส่อไปถึงความเสน่ห์หา สายตาชอบมองเป้าหมายอย่างบ่งบอกอารมณ์ความต้องการ เหมือนเช่นเมื่อครู่ที่ฮันกยองพูดถึงและมองคนๆ นั้นบนเวที

                และสายตาของผมก็เจอกับคนที่ผมตั้งจะอยากจะมาเห็นหน้าในวันนี้...นักร้องคนนั้น คนที่ชีวอนและฮันกยองพูดถึง...เขากำลังสะพายสายกีตาร์ไว้บนบ่าและจัดให้มันเข้าที่ ก่อนจะขยับเข้ามายืนอยู่หน้าไมโครโฟน ผมตื่นเต้นกับการรอฟังเสียงของเขา...

                วันนี้เขาใส่เสื้อหนังสีดำ ใบหน้าคมภายใต้ดวงไฟสีส้มเรื่อๆ ยังคงโดดเด่นเหมือนทุกวัน ผมนึกเสียดายที่เขาพูดทักทายแขกในร้านแค่ไม่กี่คำ ก็ส่งสัญญาณให้เพื่อนนักดนตรีอีก 2 คนเริ่มเล่นเพลง เพราะทันทีที่เสียงกลองดังขึ้น ไฟสีส้มที่ส่องสว่างบนเวทีก็เปลี่ยนเป็นสีอื่น ซึ่งทำให้เห็นหน้าของเขาไม่ชัดเจนอีกแล้ว

                “ถามจริงนะฮยอกแจ นายอยากได้เขาขนาดนั้นเลยรึไง” ชีวอนโน้มหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ ให้ผมได้ยิน และฮันกยองซึ่งนั่งขนาบข้างผมอยู่ก็หันหน้ามาฟังคำตอบด้วย

                “ฉันชอบคนนี้” ผมตอบสิ่งที่ตรงใจผมที่สุด ผมมองเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เรามาที่นี่ เมื่อไหร่ที่พวกผมจะออกมาดื่มผมมักจะชวนเพื่อนมาที่นี่ เพียงเพื่อจะได้มานั่งมองหน้าเขา...ชื่อของเขาผมจำได้ขึ้นใจ เขาชื่อ...ลีดงแฮ

                 แม้ฮันกยองใช้ความสามารถและได้ชื่อนั้นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเรามาดื่มที่นี่จากแขกที่มาเที่ยวบ่อยๆ แต่พอเห็นรู้ว่าผมสนใจ ฮันกยองก็ขอถอนตัวทันที ด้วยเหตุผลที่ไม่รู้ผมจะประทับใจดีหรือเปล่า ฮันกยองบอกว่า...ฉันอยากให้นายเสียเวอร์จิ้นซักที...

                “ชอบแล้วมานั่งเพ้ออยู่ในมุมมืดนี่นะ” ฮันกยองทำหน้าเหมือนผมไม่ได้เรื่องเต็มที

                “ไหนว่าวันนี้จะเข้าไปคุย” ชีวอนย้ำถึงคำชวนที่ผมใช้ในการนัดมาวันนี้

                “ก็เขาร้องเพลงอยู่ ไม่เห็นรึไง” ผมตั้งใจแล้วจริงๆ ว่าวันนี้แหละผมจะเข้าไปทำความรู้จักเขาให้ได้

                “ฉันเพิ่งเห็นว่ามือเบสโคตรเอ็กซ์เลย คืนนี้นายลองดูฉันแล้วกันฮยอกแจ” ชีวอนยิ้มเย้ยผม แล้วหันกลับไปมองผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของลีดงแฮ

                “อะไรกันชีวอน ฉันเล็งอยู่เหมือนกันนะ” ฮันกยองมองหน้าชีวอนทำเหมือนเป็นเรื่องจริงจัง

                “ฉันก็ไม่ได้ห้ามนายนี่ ใครเจ๋งกว่า คนนั้นได้ โอเค๊” ชีวอนยักไหล่ แล้วยิ้มในตอนท้าย “โจวคยูฮยอน...ฉันชักจะอยากให้ลีดงแฮของนายร้องเพลงจบเร็วๆ แล้วสิ   ฮยอกแจ” ชีวอนยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มแล้วมองมือเบสคนนั้นต่อ โจวคยูฮยอนเป็นชื่อของเขา รูปร่างสูงโปร่งแบบที่ชีวอนชอบ แต่ในความคิดผม...คนทำงานกลางคืนแบบนี้ แถมหน้าตาดึงดูดขนาดนี้ มีเหรอจะไม่มีคนมาจีบ ไม่น่าจะโสดมาถึงป่านนี้...เขาคงไม่เล่นกับชีวอนหรอก นอกจากว่าเขาจะเป็นพวกที่มีความคิดแบบฮันกยอง...คือครั้งเดียวจบ ไม่สานสัมพันธ์ต่อและไม่จดจำ

                “รถโคตรติด กว่าจะมาถึง” เสียงคนมาใหม่ ทำให้พวกผมทั้ง 3 คนเงยหน้าขึ้นมอง เพื่อนในกลุ่มคนสุดท้าย...ลีซองมิน

                ซองมินทิ้งตัวลงนั่งด้วยท่าทางหงุดหงิด คว้าแก้วในมือฮันกยองไปดื่มจนหมด แล้วทำสีหน้าราวกับว่าสิ่งที่ดื่มลงไปนั้น กลืนลงคอยากเย็นมาก

                “อ่า...พวกนายกินกันแบบนี้เลยเหรอ” ซองมินบ่น สีหน้าเอาเรื่องนั้นหันไปมองฮันกยอง

                “โวยวาย ตัวเองกินเองแท้ๆ เสียมารยาทด้วย แย่งจากมือคนอื่น” ฮันกยองคว้าแก้วใหม่มาคีบน้ำแข็งลงไปก้อนหนึ่งแล้วเทวิสกี้ลงไปค่อนแก้ว แต่แทนที่แก้วนั้นจะส่งให้ซองมิน ฮันกยองกลับเอามาถือไว้เอง

                “เออน่า ซองมินนายนั่งพักก่อนก็ได้ มาถึงก็ออนเดอะร็อคเลย เดี๋ยวก็ชักหรอก” ชีวอนพูดขำๆ เมื่อเห็นท่าทางซองมินจะอ้าปากเถียงฮันกยอง

                “ถ้าไม่อยากกินแบบนี้ ก็ออกไปหาโซจูกินข้างนอกนะซองมิน” ฮันกยองยังพยายามจะทำให้ซองมินโกรธอีก และก่อนที่ผมจะเห็นเพื่อนทะเลาะกันไปมากกว่านั้น ผมก็รีบหันกลับไปมองลีดงแฮของผมบนเวที

                ผมไม่สนใจเพื่อน ว่าจะพูดคุยอะไรกันบ้าง ลีดงแฮกับโจวคยูฮยอนสลับกันร้องเพลงแล้วเพลงเล่า บางช่วงที่ส่งท่อนสำคัญให้มือกลองร้อง...ถ้าจำไม่ผิดมือกลองชื่อเยซอง เพราะเขามักนั่งอยู่หลังกลองชุด ผมจึงจำหน้าเขาไม่ได้

                และเมื่อลีดงแฮบอกว่ากำลังจะร้องเพลงสุดท้าย ผมจึงมองก้มดูนาฬิกาข้อมือ อีก 10 นาทีจะห้าทุ่มครึ่ง...เหมือนทุกวัน และจะให้เหมือนซะทีเดียวแล้วล่ะก็ เพลงสุดท้ายเขาต้องเป็นคนร้อง....ผมเงยหน้าจากนาฬิกาขึ้น มองไปยังเวที ซึ่งตอนนี้อินโทรเพลงสุดท้ายดังขึ้น

                                          This Romeo is bleedin'

                                But you can't see his blood

                                It's nothing but some feelings

                                That this old dog kicked up.....

               

                ผมถูกเสียงของเขาสะกด ผมรู้สึกชอบเพลงนี้ขึ้นมาทันที ท่าทาง สีหน้า แววตาของเขา มันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าได้กลายเป็นทาสของเขาไปแล้ว เขากดเสียงให้แหบห้าวเพื่อให้เข้ากับเนื้อเพลง จ้องมองมาที่จุดเดียว สายตาไม่ได้กราดมองไปทั่วเหมือนเพลงที่ผ่านมา...

     

                I will love you baby.... Always

                And I'll be there forever and a day.....Always

                I'll be there till the stars don't shine

                Till the heavens burst and words don't rhyme

                And I know when I die you'll be on my mind

                And I'll love you always..............

     

                เมื่อถึงท่อนสำคัญของเพลง...ผมรู้สึกหลงใหลเขาจนหลุดเสียงพูดออกมา

                “ยังไงซะวันนี้ เขาต้องได้รู้จักชื่อฉัน” เสียงพูดผมราวกับเสียงคราง แต่ถึงอย่างนั้นชีวอนก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน

                “ขอกลับบ้านด้วยเลยสิ ไม่งั้นฉันจะจีบเองซะ” ชีวอนยิ้มกรุ้มกริ่มไม่จริงจัง

                “ชีวอนนายฟังท่อนนี้สิ....” ผมบอกแล้วทำสัญญาณให้ชีวอนฟังเนื้อเพลงท่อนที่กำลังจะมาถึง

                If you told me to cry for you, I could

                If you told me to die for you, I would

                Take a look at my face

                There's no price I won't pay

                To say these words to you

     

                “ยังไงก็ได้...แต่วันนี้ยังไงซะ...ฉันจะบอกไปเลยว่าฉันสนใจเขา”

                “โอ เป็นเอามากจริงๆ หวังว่าฉันคงได้ยินดีกับประสบการณ์ครั้งแรกของนายนะ” ชีวอนยังยิ้มกรุ้มกริ่ม

                “ฮยอกแจ นายอย่าเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ดีกว่า น่ากลัวจะตาย” ซองมินบอกด้วยท่าทางจริงจัง

                “ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ครั้งเดียวเอง” ชีวอนหันไปแย้ง

                “แต่งพั้งค์แต่ร้องร็อค หมายความว่าไง” เสียงฮันกยองฟังดูเหมือนบ่นกับตัวเอง

                “พั้งค์ที่ไหน ร็อคเห็นๆ ดูแค่ชื่อร้านก็น่าจะรู้” ซองมินบอก บางทีผมคิดว่าซองมินอาจแค่แสดงความคิดเห็น แต่สำหรับฮันกยองเขามักจะมองว่าซองมินชอบเถียงเพื่อเอาชนะ ซึ่งฮันกยองไม่ชอบ...จึงต้องมีประโยคขัดแย้งตามมาอีกแน่นอน

                “อย่าอวดรู้น่าซองมิน ชื่อร้านมันพั้งค์ ร็อคที่ไหน”

                “ฉันอวดรู้ยังไงฮันกยอง ฉันพูดความจริง”

                “ที่ฉันพูดไปนั่นแหละความจริง” บทสนทนาโต้เถียงของสองคนนี้คงจะไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีใครขวางไว้ซะก่อน

                “พอเถอะน่า ชื่อร้านก็คือชื่อร้านไม่เกี่ยวกับนักดนตรีหรอก แล้วนักร้องเขาก็ไม่ใช่แนวเดียวตายตัวก็เห็นอยู่ เลิกเถียงกันปัญญาอ่อนแบบนี้ซะที” เป็นผมเองที่หันไปปรามเพื่อนทั้งสองคนด้วยเสียงดุๆ

                “อ้าว กล้าด่าฉันเหรอฮยอกแจ” ฮันกยองหันมาทำหน้าหาเรื่องผม แต่กลับหลุดยิ้มออกมาเมื่อผมคว้าแก้วเหล้าของผมขึ้นมาดื่ม

                “ย้อมใจใช่มั๊ย ถึงเวลาเอาใจช่วยหนุ่มน้อยของฉันแล้วสิ” ฮันกยองเอาแก้วตัวเองมาชนกับแก้วผม แล้วพูดต่อ “แต่ฉันบอกนายรึยังนะฮยอกแจ....ว่าลีดงแฮน่ะนักฟัดตัวพ่อเลยล่ะ อ่อนหัดอย่างนายเขาจะสนรึเปล่าก็ไม่รู้”

                “นายคอยดูแล้วกัน” ผมพูดแล้วยกเหล้าที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด

                เดินออกมาจากโต๊ะ แล้วหันกลับไปมองเพื่อนๆ ทุกคน ก่อนจะยิ้มด้วยความมั่นใจ แม้ว่าชีวอนจะยังยิ้มให้กำลังใจแบบเย้ยหยันในคราวเดียวกัน ฮันกยองจะมองผมพร้อมกับมองพิจารณาความสามารถของผม และซองมินมองผมอย่างเป็นห่วงเต็มที แต่ผมก็ยังหันไปยังเป้าหมายของผมด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม

                ทุกครั้งที่ผมมาและสังเกตเห็น เขาและเพื่อนร่วมวงจะนั่งดื่มต่อที่โต๊ะติดประตู เกือบทุกครั้งจะมีผู้ชายเข้ามาคุยกับเขา และผมจะผิดหวังทุกครั้งที่เขาเดินออกไปพร้อมกับดึงผู้ชายเหล่านั้นออกไปด้วย แม้ผมจะรู้ว่าเขาคงไม่ได้ให้ความสำคัญกับใครมากไปกว่าการมีเซ็กซ์แค่ชั่วข้ามคืน และแม้ผมจะตระหนักว่ากำลังจะทำตัวเหมือนคนไม่สำคัญเหล่านั้น...แต่ผมก็ยังยืนยันกับตัวเองว่าจะทำ

    -------------------------------------------------------------

     

    จบตอนค่ะ

    ดูแล้วมันสั้นๆ เลยเอาไว้ในตอนเดียวกันกับอินโทรซะเลย

    คิดว่ามันค่อนข้างต่างกับเรื่องก่อนเน๊อะ ภาษาที่ใช้บรรยายก็ต่างกัน (ก็ภาษาไทยไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆ)

    ใครที่ตีจากกันไปแล้ว กลับมาเยี่ยมกันบ้างนะคะ เฮออออออออออออออออออ

    ขอบคุณจ้า

    ปล. เพลงที่ลีดงแฮร้อง แปะไว้ข้างบนสุดเลยนะคะ ลองฟังดูก็ได้ (คงจะฟังได้อ่ะนะ)
    จะบอกว่า งมกับการเอาเพลงลง ตั้งแต่ยังไม่เลิกงาน เพิ่งจะทำสำเร็จ... ปาดเหงื่อเลย เฮอะๆๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×