คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1
Chapter 1
ภายในหอประชุม เสียงเครื่องดนตรีที่บรรเลง เสียงเชียร์จากผู้ฟังทีเบียดแน่นกันอยู่นั้น ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของ ลีฮยอกแจ เหมือนโลกนี้หยุดหมุนไปแล้ว เหมือนเขากำลังล่องลอยอยู่ในห้วงของความอิ่มเอมใจ มือเรียวยาวของเขายังคงเคลื่อนไหวไปบนแป้นคีย์บอร์ด ไล่โน้ตไปตามทำนองเพลงได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เขากำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และยังมองเห็นตัวเองในภาพนักศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ยืนอยู่ในอนาคตที่กำลังรอคอยเขาอยู่
“ทุกคน เยี่ยมมากเลย!” เสียงเยซองที่ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำของวง กรอกเสียงเข้มลงไปบนไมโครโฟน ส่งไปถึงผู้ชมด้านล่างเวทีที่ส่งเสียงเชียร์และร่วมร้องเพลงไปพร้อมๆ กับเขา
ฮยอกแจหลุดจากภวังค์เมื่อสักครู่ ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้เป็นศิลปินคนนั้น จริงๆ แล้วไม่มีตัวตนของเขาหรือใครที่ยืนรออยู่ ตอนนิ้เขาเป็นเพียงสมาชิกวงดนตรีของนักเรียน ม.ปลาย และเวลานี้สมาชิกในวงทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ฮยอกแจค่อยๆ มองไปที่เพื่อนร่วมวงทีละคน
เยซอง...เด็กหนุ่มหน้าตาเข้มแต่นิสัยขี้เล่น ถ้ามองนัยน์ตาเขาจะรับรู้ว่าเยซองเป็นคนมีความตั้งใจมากเพียงใด เขาร้องเพลงได้อย่างไม่มีที่ติ พลังเสียงที่หนักแน่นทำให้คนฟังและกำลังดูเขาอยู่ ต่างมีอารมณ์ร่วมไปตามเพลงที่เขาร้องทุกที ‘นายเยี่ยมมากเยซอง’
ข้างๆ เยซองไปทางซ้ายคือ คยูฮยอน และ ชีวอน 2 คน ยืนอยู่ข้างกัน สองหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ที่มีรอยยิ้มเฉือนใจใครต่อใครเป็นเอกลักษณ์ เสียงเบสจากคยูฮยอนและเสียงกีตาร์จากซีวอนดังประสานกันทำให้เพลงน่าฟังมากขึ้น และแน่นอนผู้ชายหล่อเหลาและท่าทางสุภาพอย่างเขา 2 คนนี้แหละ คือผู้ที่มีแฟนคลับตามกรี๊ดกร๊าดมากที่สุดในวง แม้วันนี้เราทุกคนจะสวมเครื่องแบบนักเรียน ม.ปลาย แต่ 2 คนนี้ก็ยังดูโดดเด่นและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าจะเป็นแค่นักเรียนมัธยมมากนัก
ข้างๆ ฮยอกแจ ซ้ายมือของเขาเยื้องข้างไปหน่อย นั่นคือคิบอม เพื่อนที่พูดน้อย ที่สุดในวง แต่ใครๆ ก็มักได้คำตอบของปัญหาจากคำพูดเพียงน้อยนิดของเขา เสียงก้องกระหึ่มจากกลองของเขาทำให้เพลงดูมีพลังและหนักแน่นมากขึ้น เขาจริงจังเสมอ... เมื่อไหร่ที่เขาจับไม้ตีกลองนั่นเขาจะเอาจริงเอาจังกับมันทุกครั้ง
ข้างหน้าฮยอกแจ... ลีดงแฮ กำลังโซโล่กีตาร์ท่อนที่เขาซ้อมแล้วซ้อมอีก เหมือนเขากำลังอยู่ในโลกของเขา เสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวที่เขาสวมอยู่ยิ่งเน้นให้เห็นรูปร่างของเขา ช่วงตัวยาวและแผ่นอกแกร่งภายใต้เนื้อผ้าที่แนบกับผิวเนื้อ... แบบนั้นแหละที่ฮยอกแจแอบมองบ่อยๆ ด้วยเหตุผลที่เขาบอกตัวเองว่า... อยากมีแบบดงแฮบ้าง อีกอย่างโครงหน้าคม จมูกโด่งได้รูปของดงแฮนั้นคงน่าหลงใหลสำหรับผู้หญิง เพราะแม้แต่ฮยอกแจก็ยังชอบ... แต่ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน...คือฮยอกแจอยากมีแบบนั้นบ้าง
ตอนนี้มีเพียงเสียงกลองของคิบอมที่ตีเคาะจังหวะเบาๆ ดังคู่ไปกับเสียงเดี่ยวกีตาร์ของดงแฮ ฮยอกแจยิ้มรับเมื่อดงแฮจบท่อนโซโล่ของเขาอย่างสวยงาม ก่อนที่เยซองจะร้องเพลงจนจบลง ตามด้วยเสียงเชียร์ท้วมท้นจากแฟนเพลงด้านล่างเวที
ลีดงแฮเดินสะพายกีตาร์ที่มีกระเป๋าหนังของมันหุ้มอยู่ เลียบไปตามริมถนน มุ่งหน้าสู่คอนโดมีเนียมสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่สุดหัวมุมถนน โดยมีคิมคิบอมเดินตามมาห่างๆ ดงแฮครุ่นคิดมาตลอดทางถึงปัญหาที่กำลังประสบอยู่ ความเครียดเกินจะทนทำให้คิดว่าอาจต้องปรึกษาใครสักคน.... บางครั้งที่หันไปหาคิบอมเขาก็เห็นคิบอมกำลังคุยโทรศัพท์ท่าทางซีเรียส
‘ฉันควรจะจัดการกับมันด้วยตัวเองสินะ
. มันคืออะไรกันแน่’ ดงแฮครุ่นคิดแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า
‘พรุ่งนี้ฉันจะมองหน้านายยังไงนะ’
‘ไม่รู้เลยจริงๆ ว่ะ’ คราวนี้เขาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินเข้าสู่ประตูคอนโดเพียงลำพัง
“เฮ้! ดงแฮ” เสียงของคิบอมดังมาจากหน้าประตู ทำให้ดงแฮหันกลับไปมอง
“ฉันจะไปร้านสะดวกซื้อ เอาอะไรมั๊ย” คิบอมชี้มือไปทางร้านสะดวกซื้อที่อยู่อีกฝั่งของถนน ท่าทางไม่ได้รีบร้อนและมือหนึ่งก็ยังถือโทรศัพท์แนบหูอยู่
“ไม่ล่ะ นายไปเถอะ” พูดจบดงแฮก็หันหลังให้ เดินขึ้นบันไดอันโอ่อ่า ขณะที่ก้าวขึ้นไปทีละขั้นของบันได เขาก็รู้สึกเหนื่อยจนเหมือนกำลังจะหมดแรง อึดอัดในใจอย่างบอกไม่ถูก และสมองอันหนักอึ้งก็กลับไปครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเดินผ่านล็อบบี้ ไปยังลิฟต์ แล้วก้าวเข้าไป มือเรียวยาวกดลิฟต์ชั้น 27
ดงแฮอยู่ที่คอนโดนี้ตั้งแต่เข้าเรียน ม.ปลาย เป็นคอนโดของลุง... พี่ชายของแม่ เลยถือสิทธิ์อยู่ฟรีมาตั้งแต่นั้น เดือนหนึ่งเขากลับบ้านไม่กี่ครั้ง สาเหตุมาจากการแต่งงานใหม่ของพ่อ หลังแม่ของเขาตายไม่ถึงปี
“เมียใหม่ของพ่อ” ดงแฮมักเรียกแม่เลี้ยงของเขาแบบนี้ เธอไม่ใช่คนไม่ดี ไม่เคยร้ายกาจกับดงแฮ กลับกัน...เธอกลับมีท่าทีเป็นห่วงความรู้สึกของลูกเลี้ยงอย่างเขา ทำหน้าที่เหมือนแม่ที่คอยดูแลความเป็นอยู่ของดงแฮว่าอยู่นอกบ้านลำบากรึเปล่า เธอคงเข้าใจถึงสาเหตุที่ดงแฮไม่อยากอยู่บ้าน แต่เธอถึงทำได้แค่นั้น และที่จริงแล้ว ดงแฮก็ไม่ได้เกลียดเธอ แต่ไม่ชอบใจที่พ่อเอาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่แม่ของเขาเร็วเกินไป พ่อไม่เสียใจหรือว่าอาลัยอาวรณ์แม่บ้างรึยังไง... แม้ดงแฮจะพยายามทำใจยอมรับ แต่นึกถึงแม่ทีไรเขาก็ไม่อยากจะอยู่เห็นครอบครัวอบอุ่นของพ่อ ยิ่งตอนนี้เขามีน้องชาย... ลูกชายคนใหม่ของพ่อ ไม่ใช่ไม่รักน้อง แต่ก็เพราะพ่ออีกนั่นแหละ...ดงแฮไม่ชอบเลยที่ได้เห็นหน้ามีความสุขซะล้นเหลือของพ่อ มันเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก
และเรื่องทางบ้านก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขาออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ เพราะการอยู่คนเดียวมันก็อิสระดี ไม่ต้องมีใครมาสอดส่องว่านอนกี่โมง กินข้าวรึยัง อ่านหนังสือรึเปล่า อยากทำอะไรก็ทำได้ ถ้าพ่อยอม เขาคงออกมาตั้งแต่ ม.ต้นแล้ว แต่ตอนนั้นยังไงพ่อก็ไม่ยอม
ดงแฮเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตัวเอง เขากดรหัส ลงไปแล้วไฟสีเขียวตรงนั้นก็สว่างวาบขึ้น ก่อนที่เขาจะผลักประตูแล้วก้าวเข้าไปในห้องที่เขาคุ้นเคยที่สุด ไฟในห้องสว่างขึ้น ทำให้เห็นห้องกว้างที่ตกแต่งอย่างมีรสนิยม แน่นอนดงแฮไม่ได้แต่งห้องเองจะเป็นใครล่ะที่จัดการให้ ถ้าไม่ใช่เมียใหม่ของพ่อ.... เขาปิดไฟให้เหลือเพียงดวงเดียวที่อยู่ติดกับประตู เดินไปวางกีตาร์ลงพิงกับผนังสีเข้มแล้วคว้ากีตาร์อีกตัว..ซึ่งเป็นกีต้าร์โปร่งที่วางพิงอยู่ข้างๆ ขึ้นมา ดงแฮเดินไปนั่งบนโซฟาราคาแพงที่หันหน้าออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งทำด้วยกระจกใสชั้นดี เขาชอบนั่งมองท้องฟ้าจากตรงนี้ เพื่อดูพระอาทิตย์ตก
พระอาทิตย์ตกจากจุดนี้คงไม่ใช่พระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากกว่าที่ไหนๆ แต่เพราะเขาไม่ได้อยากนั่งมองดูความสวยงามของมัน... หากแต่ต้องการสัมผัสความรู้สึกและความคิดของตัวเองในช่วงเวลาที่แสงสว่างของกลางวันค่อยๆ หายไป และความมืดของค่ำคืนที่เคลื่อนเข้ามาแทนที่... ความเงียบเหงาของช่วงเวลานั้นต่างหากที่ทำให้ดงแฮกลับมานั่งเสพมันทุกวัน
เขาตีคอร์ดเบาๆ ช้าๆ แล้วก็เร็วขึ้น จนเสียงนุ่มของกีตาร์โปร่งค่อยๆ ดังกระแทกขึ้น เส้นเอ็นทั้ง 6 เส้นถูกดีดขึ้นลงให้มีจังหวะเร็วขึ้น นี้สีหน้าที่ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงเมื่อครู่ กลับมาเคร่งขรึมและครุ่นคิด เมื่อถึงจุดหนึ่ง นิ้วเรียวที่ดีดสายกีตาร์อยู่ชะงัก พร้อมเสียงสบถเบาๆ
“ให้ตายสิ!” มีเพียงคนเดียวที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ ‘ลีฮยอกแจ’
ดงแฮวางกีตาร์ลงข้างๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือ ท้องฟ้าที่มืดมน เมฆกลุ่มใหญ่บดบังพระจันทร์และดวงดาว ไม่มีแสงสว่างจากสิ่งอื่นใด เหมือนกับเขาในตอนนี้ ที่ทุกอย่างดูเหมือนมันมืดมน สลัว ไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง
เขาหลับตา พิงหัวลงบนพนักโซฟา คิดซ้ำไปซ้ำมากับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงลมหายใจเริ่มเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่แล้วก็มีเสียงถอนหายใจยาวออกมาในที่สุด
“นายไม่รู้อะไรด้วยเลยฮยอกแจ” พูดเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง
“ฉันทำผิดกับนายสินะ”
ดงแฮหลับตานิ่งคิดอยู่พักใหญ่ จนเมื่อเขาลืมตาขึ้นในความมืดสลัว บนฟ้าที่เขามองเห็นนั้น เมฆก้อนใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนออกไป ทำให้ตอนนี้มองเห็นพระจันทร์เกือบเต็มดวง
“ฉันทำผิดไปจริงๆ ฮยอกแจ” ดงแฮกระซิบกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะใช้เวลาเหม่อมองพระจันทร์อยู่เนิ่นนาน
---------------------------------------------
ความคิดเห็น