คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : Cozair prelude
ปฐมบท
ซ่า!!!
ความรู้สึกแรก
คือความแรงของน้ำที่ถูกสาดลงมาเต็มใบหน้าจนรู้สึกเปียกโชก
ความเย็นของมันทำให้เริ่มรู้สึกตัวแต่ไม่มาก และเมื่อพยายามที่จะลืมตาขึ้นก็ต้องรู้สึกแสบตาเพราะแสงแดดที่แยงเข้ามาจนต้องหรี่ตาลงตามสัญชาตญาณ
แม้หูจะได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูและฟังไม่รู้เรื่องจากที่ไกลๆก็ตาม
ผัวะ!!!
ความรู้สึกที่สอง คือความเจ็บและชาหนึบ
จากของแข็งอะไรบางอย่างที่ซัดเข้ามายังใบหน้าซีกซ้ายจนรู้สึกว่าตัวเองหน้าหันไปอีกทาง
สติที่ยังไม่ครบนั้นดูจะกลับเข้าร่างทันทีเพราะความเจ็บปวดนั่น
กึก...
และความรู้สึกต่อมา
คืออึดอัด
และเมื่อลองขยับตัวดูก็พบว่าไม่สามารถขยับได้ดังใจนึกและความปวดระบมของแขน
และเมื่อกะพริบตาเมื่อปรับสภาพม่านตา เสียงที่เหมือนจะได้ยินจากที่ห่างไกลก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ
!!!!
ดวงตานั้นเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อพบกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า
แม้ว่าจะลองหลับตาลงชั่วครู่และลืมตาอีกครั้งภาพก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
นี่เขาฝันอยู่รึอะไร?
ภาพเบื้องหน้า
คือผู้ชายต่างรูปร่าง ต่างอายุ และคาดว่าคงต่างถิ่นกำเนิด
จำนวนมากกว่าสิบคนยืนล้อมรอบเขาอยู่ แต่มีอยู่สองสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน
อย่างแรก
คือดวงตาที่แข็งกร้าวเหยียดหยาม หาเรื่องและไม่วางใจ
และริมฝีปากของคนพวกนั้นที่เอ่ยถ้อยคำด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจออกมา
ดูท่าว่ากลุ่มคนพวกนี้น่าจะชุมนุมไม่ก็คุยอะไรกันอยู่ซึ่งก็คงไม่พ้นเรื่องของเขา
ถ้าถามว่ารู้ได้อย่างไร
ดูจากสายตาและท่าทางที่ชี้นิ้วมาที่เขาอย่างไร้มารยาทนี่ก็รู้แล้ว
และอย่างที่สอง
ที่กวาดตาผ่านๆนี่ สิ่งที่เห็นเด่นชัดที่คนจำนวนเกินกว่าครึ่งมี คือรอยสัก
ไม่ว่าจะที่แขน ลำคอ หน้าอก มันเป็นรูปอะไรสักอย่างที่เหมือนกับแตกสลายกลายเป็นฟองไป
ซึ่งเท่าที่ดูน่าจะเป็นนก แต่เขายังมองไม่ออกว่าเป็นนกอะไร
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เพราะตอนนี้
ร่างกายของเขาถูกมัดด้วยเชือกหลายทบโดยที่แขนทั้งสองไพล่หลัง
แม้จะลองขยับแต่ก็ไร้ผล และตอนนี้เขานั่งอยู่กับพื้นไม้ที่มีรอยผุรอยซ่อมบ้างเช่นเดียวกับจุดอื่นๆ
เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง นอกจากท้องฟ้าสีคราม ก็พบกับกระโดงเรือรวมถึงใบเรือขนาดใหญ่
ที่สำคัญมันยังมีธงพื้นดำสนิทที่โบกสะบัด
และรูปสีขาวตัดกับพื้นที่อยู่บนธงนั้นก็เหมือนกับรอยสักที่อยู่บนตัวคนพวกนั้นไม่ผิดเพี้ยน
และยิ่งเมื่อมองกลับมาที่ชายวัยฉกรรจ์ทั้งหลายนี่
พิจารณาจากการแต่งกายและหลายต่อหลายคนมีดาบหรือปืนเหน็บอยู่ในมือบ้างเหน็บอยู่ที่เอวบ้าง
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์จอยักษ์อย่างเรื่อง Piratห of the
Carribean ไม่ก็เข้าไปอยู่ในมังงะยอดฮิตอย่าง One Piece แต่คิดว่าเปรียบเทียบกับเรื่องแรกน่าจะเหมาะกว่า ทั้งกลิ่นอาย บรรยากาศ
และแรงกดดันที่เหล่านักแสดงและฉากในภาพยนตร์มีให้เหล่าผู้ชมรู้สึกเหมือนกับว่าตนนั้นไปยืนอยู่ที่นั้นด้วย
ซึ่งเขาคิดว่าตอนนี้ทั่วทั้งอณูในกายมันกำลังเปิดรับรังสีสังหารไม่เป็นมิตรอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะมองยังไง
นี่มันก็เรือโจรสลัด
ความเจ็บปวดบนใบหน้ากับความหนาวนิดๆยามที่ลมทะเลพัดมาโดนเสื้อผ้าเปียกชุ่มของเขาเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน
“&^%$#!^@”
ภาษาไม่คุ้นหูถูกส่งมาจากชายมีเคราร่างใหญ่อายุประมาณสามสิบห้าไม่เกินสี่สิบที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสีแทน
เสื้อกั๊กขาดลุ่ยนั่นพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ในมือมีปืนรูปทรงโบราณอยู่นั้นทำให้เขากาไว้ในใจว่านั่นคงเป็นสิ่งที่กระแทกกับใบหน้าซีกซ้ายของตนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเป็นแน่
จากการที่หมอนี่ยืนอยู่หน้าสุดด้วย
“@#$%^&(!!!!!” ท่าทางว่าอาการนั้นมันจะเรียกความไม่พอใจและเดือดดาลได้เป็นอย่างดี
เพราะว่าการที่เขาเงียบไม่ตอบและไม่มีปฏิกิริยาใดๆที่ควรจะมี
มันทำให้ชายเลือดร้อนผู้นี้กระชากคอเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีกรมท่าที่เขาสวมใส่อยู่
และเพราะว่าเขาถูกมัดอย่างแน่นหนา มันจึงมีแรงต้านที่ทำให้เขาทั้งจุกและเจ็บจนอดเบ้หน้านิดๆไม่ได้
และปลายกระบอกของปืนเล่มเดิมนั่นชี้มาที่มาที่ขมับพร้อมกับภาษาที่ต่อให้ตายยังไงก็ฟังไม่รู้เรื่อง
และถึงแม้ว่าชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้มันก็ไม่สามารถห้ามมุมปากแตกช้ำของตัวเองไม่ให้ยกยิ้มไม่ได้จริงๆ
รอยยิ้มนั่นยิ่งทำให้เหล่าโจรทะเลแปลกใจและไม่เข้าใจ
เพราะนอกจากไม่มีอาการหวาดกลัวอะไรอย่างที่ควรเป็นทั้งที่ก็เห็นๆอยู่ว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบเต็มประตู
แต่กลับยกยิ้มหัวเราะราวกับว่าสนุกเสียเต็มประดา
ใช่
เขากำลังสนุก มากเสียด้วย
“อา...”
คำพูด
ไม่สิ เสียงแรกที่ออกมาจากคนที่เงียบตั้งแต่ได้สตินั้นเป็นเหมือนกับเสียงในลำคอ
เสียงทุ้มที่ติดจะแหบๆเหมือนเสียงกระซิบ และรอยยิ้มที่เปลี่ยนจากมุมปากกลับกลายเป็นยกยิ้มสุงขึ้นจนเห็นแนวฟันเรียงกันสวย
ก่อนที่จะพูดขึ้นเป็นประโยคแรก
“อยากยิงก็ยิงซะสิ
จะแค่ขู่ไปทำไม ระเบิดหัวฉันเลยไอ้ลิงทะเล”
ภาษาต่างถิ่นที่ไม่ค่อยคุ้นหูนั่นทำให้เริ่มสงสัยถึงถิ่นกำเนิดของคนผู้นี้
แต่รอยยิ้มที่ยกสูงจนดูเหมือนเหยียดหยาม แม้เขี้ยวเล็กๆที่เสริมให้ดูมีเสน่ห์แต่กระนั้นในสายตาคนมองมันช่างยั่วโทสะสิ้นดี
ยิ่งดวงตาสีฟ้าเข้มคล้ายท้องฟ้ายามไร้เมฆนั่นทอประกายกร้าวและไร้ซึ่งความเกรงกลัวภายใต้เรือนผมสีดำสนิทที่ลงมาปรกหน้าจากการที่โดนสาดน้ำเมื่อครู่
ทุกสิ่งทุกอย่างของชายหนุ่มแปลกหน้ามันทำให้เจ้าถิ่นเดือดดาลเสียยิ่งกว่าอะไร
แม้จะต่างภาษาแต่แค่สีหน้าท่าทางนั้นก็เพียงพอที่จะคาดเดาความหมายรูปประโยคได้ หูได้ยินเสียง
‘แกร๊ก’ และถ้าให้เดานิ้วชี้คงเลื่อนไปที่ไกปืนโบราณที่ปรารถนาจะได้เป็นเจ้าของสักครั้ง
และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคงเป็นศีรษะของของเขาที่คงจะแตกโพละยามที่ลูกตะกั่วนั่นวิ่งผ่านขมับและทะลุไปอีกฝั่ง
เสียงหัวเราะในลำคอที่แผ่วเบาราวกับจะหายไปกับสายลมนั่นดูไม่เกรงกลัวความตายที่อยู่ตรงหน้า
ราวกับว่าผู้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะนั้นกำลังรอคอยกับบางสิ่ง
ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันแน่
ดูท่าว่าจะมีเรื่องน่าสนุกไม่เบา
แต่เอาเถอะ
แค่นี้ก็คุ้ม เพราะเขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว
ชีวิตคน...
มันก็เปราะบางแบบนี้แหละ...
ความคิดเห็น