ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M E S S A F T E R S T O R M "

    ลำดับตอนที่ #127 : สุริยะเคียงบัลลังก์พิเศษ มนุษย์ แม่มด หมาป่า #เจอกันที่ชุมนุมแม่มด (ต้น)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26
      0
      18 มี.ค. 61

     




             "โอ๊ย! ข้าหิวข้าวเป็นบ้า!!!"

              ร่างเล็กๆที่เดินอยู่ในป่าตะโกนโวยวายออกมาจนเจ้านกที่เกาะอยู่ตรงไหล่ต้องกระพือปีกขณะร้องออกมา หากเป็นคนอื่นคงได้ยินเป็นเสียงนก แต่ไม่ใช่กับเจ้าหล่อน

              'ท่านเพิ่งจะกินไปเมื่อเช้า!'

              "หนวกหูน่ะ! ข้าไม่ได้อิ่มทิพย์หรือกินมังสวิรัติเหมือนพวกนางป่านางเขานะ!" ดวงตานั้นตวัดไปยังนกนางแอ่นสีฟ้าก่อนเบ้ปาก "ข้าอยากดื่มเลือดมนุษย์!!"

              'ไม่ได้เด็ดขาดนะท่าน! นี่ยังไม่ครบหกเดือนที่สัญญาเลย!'

              "แต่เลือดมนุษย์คนก่อนที่ข้ากักเก็บไว้มันจะหมดแล้ว!่ เจ้าก็รู้ว่าข้าใช้เลือดมนุษย์เป็นส่วนผสมในเกือบทุกอย่าง ที่สำคัญ..." ใบหน้าฉายประกายวาวและยิ้มเพ้อฝันจนเหมือนน้ำลายจะหก "เลือดมนุษย์อร่อยจะตาย ข้าไม่อยากจะทนอีกสามเดือนหรอกนะ"

              'นี่ท่านอย่าบอกนะว่า....'

              นกนางแอ่นจำต้องหนักใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นรอยยิ้มแสยะกว้างและเสียงหัวเราะต่ำๆราวกับว่ามีแผนการชั่วร้ายอยู่ในหัว ยิ่งการแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนนั้นด้วย

              "ก็ไม่รู้สินะ"

              วืด...

              จู่ๆก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจเต้นของสิ่งมีชีวิต ดวงตาสีดำสนิทแต่กับเป็นประกายแวววาวคล้ายท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดารายามราตรีหันไปมองโดยรอบ ก่อนจะหรี่ตาลง เมื่อมั่นใจถึงสิ่งที่เห็นก็ต้องยิ้มเยาะออกมาเมื่อจมูกได้กลิ่น ของโปรด

              "ข้าไม่คิดจะรอถึงอีกสามเดือนหรอกนะเจ้านก"

              ร่างในชุดคลุมสีตุ่่นตัวใหญ่โคร่งเดินไปยังทิศทางหนึ่ง มือข้างขวาถือท่อนไม้ยาวขณาดเกือบเท่าตัวขณะที่มือซ้ายคว้าหางเจ้านกนางแอ่นนี่ทันก่อนจะได้บินไปไหน โบกมือรอบเดียวก็เกิดเป็นกลิ่นอะไรสักอย่าง ทำให้เจ้านกที่กำลังดื้อดึงให้ตัวเองพ้นจากการถูกจับหางก็หล่นวูบลงมาอยู่ในฝ่ามือที่รอรับทันที ร่างเล็กเดินแหวกป่าไปจนมาถึงที่ตรงหนึ่ง แล้วมุมปากก็ต้องแสยะยิ้มอย่างปิติยินดี

              ใครหนอ ช่างโชคดีเสียจริง

              เจ้าหล่อนคุกเข่าลงเบื้องหน้าสิ่งที่ว่า ดูจากใบหน้าอ่อนเยาว์นี้คงประมาณแปดถึงสิบขวบ เปลือกตาปิดสนิทแต่ใบหน้าซีดขาว โลหิตที่หลั่งรินจนย้อมเสื้อสีขาวกลายเป็นสีแดงฉานนั่นไม่ได้ทำให้ดวงตาคู่นั้นดูวิตกเลยแม้แต่น้อย กลับกันนั้นมันดูเป็นประกายโดยเฉพาะยามที่ใช้นิ้วชี้ป้ายเอาเลือดสดใหม่มาจรดจมูก ก่อนที่จะแลบเลียมัน

              ลาภปากก้อนโตแน่งานนี้

              "ข้าไม่ลงไปที่เมืองแล้ว" น้ำเสียงนั้นลัลล้าอย่างน่าหมั่นไส้ "มีคนเอาอาหารมาให้ข้าถึงนี่ หนำซ้ำยังเป็นเด็กอีกด้วย"

              'ท่าน... แต่ว่า...' เสียงของนกนางแอ่นช่างดูอ่อนระโหยด้วยความมึนเมาจากยาไม่ได้เรียกความสนใจเลยแม้แต่นิด

              "ข้าจะเสี้ยมด้วยอาหารยาของข้า เลี้ยงให้โต แล้วเลือดของมัน... จะเลิศรสเสียยิ่งกว่าสุราใดๆที่โลกเคยมี!"

              มือนั้นล้วงเข้าไปในย่ามของตนก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาขณะแปะลงไปยังบาดแผลฉกรรจ์นั้น ริมฝีปากกัดแน่นเพื่อสะกดกลั้นน้ำลายและความหิว

              เด็กนี่ต่อให้จะเลือดบริสุทธิ์แต่เกรดเลือดยังต่ำ ต้องบ่มกี่ปีนะถึงจะออกมาดีเลิศ และเป็นแหล่งอาหารถาวรของข้าได้



              แล้วก็คงเป็นลาภจริงๆ เพราะหลังจากที่แบกเด็กนี่ขึ้นหลังมาเตรียมกลับบ้านก็ไปเจอหมาป่าสีดำ ไม่สิ ลูกหมาป่าสีดำสนิทที่ติดกับกับดักสัตว์ของนายพรานนอนหายใจรวยรินอยู่ 

              ขนหมาป่าดำ หายาก... หายากมากๆ.... เรื่องอะไรจะให้ตกอยู่ในมือของมนุษย์โง่เขลาพวกนั้นเล่า!!!

              ไม่รอช้า เจ้าหล่อนก็ใช้มือข้างเดียวแบกเด็กชายนี่และใช้มืออีกข้างล้วงเอายาบางอย่างออกมา บรรจงทาไปยังขาหน้าของมันที่ถูกเขี้ยวกับดักสัตว์ฝังลึกจนถึงกระดูก ริมฝีปากพึมพำขมุบขมิบอยู่ชั่วครู่ เขี้ยวนั้นก็ค่อยๆแยกออกจากกันจนขาหน้าเล็กๆนั่นหลุดออกมาได้

              กรร....

              เสียงขู่ฟ่อต่ำในลำคอจากสัตว์ร้ายตรงหน้าเรียกให้ดวงตาสีดำนั้นกรอกไปมา มือข้างเดิมที่ยังคงว่างควานหาสักอย่างและเมื่อจับได้ ก็จัดการยัดปากลูกหมาป่านี่ทันที ซึ่งแน่นอนว่าทั้งฝ่ามือได้รอยฝังเขี้ยวลึกมาเป็นการแลกเปลี่ยน

              "คิดต่อกรกับแม่มดอาหารยาอย่างข้า เร็วไปร้อยปี เจ้าเด็กไม่เจียม"

              และครั้งนี้ บ่าซ้ายแบกลูกมนุษย์ บ่าขวามีนกนางแอ่นนอนสลบ และมือขวาก็อุ้มลูกหมาป่าสีดำสนิทไปด้วย ขณะเดินหายเข้าไปในส่วนลึกของป่าเหลือทิ้งไว้เพียงเสียงฮัมเพลงดังลอยมาตามลม กับการที่เจอ 'ของดี' ติดๆกันถึงสองอย่างภายในวันเดียว




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++




              3ปีผ่านไป



              "เจ้าลูกมนุษย์!! ออกมากินข้าวได้แล้ว!"

              ร่างเล็กตะโกนลั่นบ้านขณะที่กำลังชิมซุบในหม้อขนาดใหญ่แล้วก็ต้องพยักหน้าพอใจ

              อืม... บ่มมาสามปีมันก็น่าจะพอชิมได้แล้วล่ะมั้ง 

              "ข้ามาแล้วครับท่านพี่"

              คำเรียกนั้นทำให้คนถูกเรียกว่าพี่ถึงกับต้องกรอกตาไปมาขณะหันไปมองคนเรียกซึ่งตอนนี้สูงเกือบเท่าตัวหล่อนขณะในมือยังคงถือทัพพีอยู่ "ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกข้าว่าท่านแม่มด"

              ใบหน้านั้นเอียงมองอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะตอบด้วยประโยคเดิมๆทุกครั้งที่ถามคำถามนี้ "ท่านสูงกว่าข้านิดเดียว แถมยังหน้าเด็กแบบนั้นอีก เรียกท่านแม่ไม่ได้หรอกครับ"

              "ไอ้ลูกมนุษย์หูตึง! ข้าไม่ได้บอกให้เรียกข้าว่าแม่เพราะข้าไม่ใช่แม่เจ้า! ข้าเป็นแม่มด!!"

              ประโยคนั้นยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูงงหนักกว่าเก่า ก่อนที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มวัยสิบสามจะคลี่่ยิ้มออกมากว้างสว่างไสว "แม่มดไม่ได้ใจดีแถมน่ารักอย่างท่านหรอกครับ ถ้าท่านเป็นแม่มดจริง ท่านก็คงเป็นแม่มดน้อย"

              ถุย แม่มดน้อย! ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นเลือดกำลังเรียกหล่อนแม่มดน้อย!!

              "กินซะ" เมื่อไอ้เด็กตรงหน้านี่ดันเชื่อมั่นความคิดตัวเองจนไม่ฟังคนอื่นก็ป่วยการจะเถียง นอกจากคงต้องลองปรุงยาให้ความคิดมันเปลี่ยนง่ายๆไม่ก็มองเธอเป็นแม่มดซะที เด็กมนุษย์นี่รับถ้วยซุปไปกินอย่างว่าง่ายและเอร็ดอร่อยขณะที่เธอนั่งลงตรงข้าม ดวงตาหรี่มองเด็กตรงหน้าแบบไม่ละสายตาขณะกระตุกยิ้ม

              แล้วมาลองดูกัน ว่าไอ้เด็กนี่จะมองเธอน่ากลัวได้รึยัง

              "ข้าขออีกถ้วยได้ไหมครับ"

              "ตามใจ"

              เธอยังคงมองแบบไม่ละสายตายังแผ่นหลังเล็กและยังไม่กว้างนั่น ขณะลุกออกจากที่นั่งของตัวเองบ้าง ซึ่งยังไม่ทันที่เด็กตรงหน้าจะหันมาเต็มตัว ก็โดนคว้าที่คอเสื้อและกดลงกับกำแพงโดยที่มือข้างหนึ่งของผู้กระทำถือมีดเล่มเล็กไว้ด้วย!

              "ทะ..."

              ฉัวะ!

              ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร มีดนั้นก็ตวัดเฉียงมาตรงคอตื้นๆแต่ก็พอเรียกเลือดให้ไหลออกมาได้ ผู้เป็นแม่มดจรดริมฝีปากลงกับบาดแผลนั้นก่อนจะตวัดลิ้นชิมโลหิตสีเข้ม แล้วก็ต้องสบถในใจ

              สามปีไม่พอจริงด้วย ถึงรสจะดีกว่าชาวบ้านพวกนั้นและดีกว่าตอนที่เก็บมาใหม่ๆ แต่แค่นี้มันยังไม่พอ

              แม้จะคิดว่ายังไม่พอ แต่กระไรเล่าเพราะเลือดมนุษย์นั้นเป็นอาหารโปรดของเธอ ฉะนั้นเมื่อไม่ได้ดื่มมานานก็เกิดอาการกระหาย ซึ่งตอนนี้แม้จะกระตุ้นอารมณ์ได้มากแต่ก็ยังคิดว่ามันไม่ดีจึงยอมตัดใจผละใบหน้าออกมา ใช้น้ำซุปที่ทำไว้มาแปะตรงคอเป็นการห้ามเลือด ขณะมองสบตากับใบหน้าอ่อนวัย เห็นดวงตาและสีหน้าที่เปลี่ยนไปก็ยิ่งทำให้พอใจหนักกว่าเก่า

              "เลิกมองข้าใจดีได้แล้วไอ้หนู เจ้ามันก็แค่อาหารของข้านั่นแหละ"

              เธอผละออกมาขณะหยิบผ้าคาดศีรษะมาคาดไว้ ตำราไหนเริ่มไม่รู้ว่าแม่มดต้องสวมหมวกทรงแหลม แต่เธอขอไม่เป็นแม่มดหัวกรวยเพราะมันร้อนและอึดอัดมาก มือคว้าท่อนไม้คู่ใจมาก่อนจะบอก "จะหนีก็หนีไป ข้าจะไปตามเจ้าลูกหมา"

              ดวงตานั้นหันไปมองเด็กชายที่ทรุดตัวลงนั่งเงียบกริบไม่ตอบ มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่คอตัวเองไว้ยิ่งเรียกรอยยิ้มแสยะกว้างบนใบหน้าของแม่มดได้มากกว่าเก่า จนต้องว่าทับ

              "หากคิดว่าหนีข้าพ้นน่ะนะ เจ้าลูกมนุษย์"



              "มามะเจ้าหมาน้อย"

              เธอกอดอกแสยะยิ้มขณะเคาะท่อนไม้ในมือกับไหล่ตัวเอง "เล่นไล่จับอยู่ได้ทุกวี่วันตลอดสามปี ชอบเสียจริงนะ"

              'ข้าแกะตัวสะกดรอยของเจ้าออกแล้ว'

              ใบหน้าไม่สมอายุกว่าสี่ร้อยปีนั่นร้องอ้อขึ้นมานิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแผล่แสบๆให้ "นั่นของปลอม ข้าเคยมีตัวสะกดรอยที่ไหน"

              ดวงตาสองสีวาวโรจน์ขึ้นมาทันทีเรียกให้คนโรคจิตชอบความรุนแรงต้องแสยะยิ้มพอใจที่ได้แกล้ง ตั้งแต่ที่เห็นว่านอกจากเป็นหมาป่าสีดำแล้วยังมีตาสองสีอีก หายากโคตรๆ เรื่องอะไรจะปล่อยเล่า! 

              "ถ้าคิดว่าจะกระโดดหน้าผาลงไปแล้ววัดดวงเอาว่าตายหรือไม่ตายก็ตามใจนะ" หล่อนว่า "เพราะยังไงเสียข้าก็ชุบชีวิตเจ้าขึ้นมาได้อยู่ดี อาจจะง่ายกว่าด้วยถ้าเจ้าตาย จะได้เลิกพยศเสียที"

              กรร...

              เสียงขู่ผ่านเขี้ยวแหลมนั้นทำให้แม่มดดังกล่าวกอดอกตัวเองมองเรียบเฉย แม่มดคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าแม่มดตระกูลเธอฟังภาษาสัตว์ออก อ้อ เอาให้ถูกคือภาษาอะไรก็ฟังออกหมดนั่นแหละ ภาษาต้นไม้ ภาษาดอกไม้ ภาษาเทพ ภาษานางไม้ ภาษาปีศาจ ฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะหนี 

              แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อไอ้ลูกหมาป่าหัวดื้อตรงหน้าหันหลังและถีบตัวเองกระโดดลงไปยังหน้าผาน้ำตกตรงหน้าที่แทบไม่เห็นก้น ซึ่งนั่นทำให้คนที่ระวังอยู่แล้วพุ่งตัวออกจากตรงจุดที่ยืนอยู่และกระโดดตามลงไป ร่างเล็กกระโดดไปตามร่องหินลื่นๆอย่างคล่องแคล่วก่อนจะคว้าตัวไว้ได้ทัน โดยมือข้างที่ถือท่อนไม้นั้นปักลงกับแง่งหินไถลกรูดลงมาพอสมควรกว่าจะหยุดได้

              ฉัวะ

              คมเขี้ยวที่ฝังลงมาตรงท่อนแขนและการดิ้นของลูกหมาป่าซึ่งตัวใหญ่ขึ้นกว่าสามปีก่อนอยู่นิดหน่อยเรียกสายตาให้หันไปมองได้เพียงครู่เดียว คงต้องขอบใจมันที่ไม่ยอมกินข้าวประท้วงด้วยนี่แหละถึงได้ไม่ค่อยโต ที่ยังอยู่ด้วยกันได้เพราะเธอไปเอาตัวกลับมาได้ไม่เว้นวัน ส่วนเจ้าลูกมนุษย์นั่นเธอก็ให้กินแต่อาหารหมักเลือดไม่ใช่ที่ลูกมนุษย์ควรจะกิน ซึ่งไม่แน่ใจว่าเพราะนั่นหรือเปล่าเลือดมันถึงได้ไม่อร่อยเท่าที่ควร

              ทั้งที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงนี้แต่ก็ยังคงมีอารมณ์คิดถึงของกิน ซึ่งคนตะกละก็ถอนหายใจออกมาขณะตัดสินใจใช้กำลังแขนส่งตัวเองขึ้น อาศัยความคล่องตัวและปราดเปรื่องของตนกระโดดขึ้นไปตามร่องหิน ก่อนจะพาตัวเองกลับมายืนที่เดิมได้อย่างง่ายดายทั้งที่มือหนึ่งยังคงอุ้มลูกหมาป่าสีดำไว้อยู่แบบนั้น

              'ไหนเจ้าบอกจะปล่อยข้าตายไงเล่า!!'

              "เอ้า มีชีวิตอยู่ไม่ชอบซะงั้น ข้าน่ากลัวกว่านรกรึไง"

              'เออน่ะสิ! แม่มดบ้า! ยัยผู้หญิงหน้าหลอกอายุ! ยัยเด็กแม่มด! ข้ารู้นะว่าเจ้าเป็นแม่มดยา! ใต้ใบหน้านั่นคงเป็นยัยแก่เน่าเฟะที่อาศัยแต่ยาล่ะสิ! ขายวิญญาณให้ปีศาจไปแล้วถึงได้ชุบชีวิตได้! ไอ้ท่าทางลิงปีนเหวนั่นก็อาศัยยาอีกรึไง!'

              คนโดนด่าเสียยาวเหยียดเลิกคิ้วมองปริบๆ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนก้องลั่นอยากถูกใจ ให้ตายเถอะ ทำไมลูกสัตว์สองตัวที่เก็บมาความเห็นต่อเธอมันต่างกันฟ้ากับเหวแบบนี้ โคตรจี้เส้น!

              'หัวเราะอะไรวิปริต'

              "มีอะไรจะด่าข้าอีกไหม ฮ่าๆๆๆๆ ให้ตายเถอะ" เธอปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะการหัวเราะหนักๆอย่างอดไม่ได้ "เจ้าอยู่กับข้ามาสามปียังไม่รู้อีกเหรอว่าข้าเป็นเช่นไร แอบดูข้าปรุงยาตลอดก็น่าจะรู้ได้แล้วไม่ใช่รึว่ายาข้ามีสรรพคุณอะไรบ้าง"

              คนเป็นแม่มดยอมปล่อยลูกหมาป่าจอมพยศนี่ก่อนจะยกมือกอดอก แต่เมื่อเห็นดวงตาสองสีคู่นั้นมองเขม็งก็เรียกให้ต้องอมยิ้ม สุดท้ายก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกรอบ

              ไม่ไหวแล้วโว้ยย เห็นหน้าเคร่งๆของไอ้ลูกหมานี่แล้วนึกถึงคำด่าเมื่อกี้ ไม่โดนด่าแบบนี้มานานมากแล้วนะเนี่ย วะฮ่าๆๆๆๆ 

              '...จะหยุดได้รึยัง'

              เสียงนั่นดุขึ้นมานั้นทำให้พอสงบสติอารมณ์ได้นิดนึง ซึ่งแม่มดที่ว่าก็กระแอมไอขณะยักคิ้วใส่ "นี่ปะไร เคล็ดลับความหน้าละอ่อนของข้า การหัวเราะ"

              '....'

              "พวกมนุษย์เขาก็ชอบพูดกัน ว่าหัวเราะแล้วจะทำให้หน้าเยาว์วัย ซึ่งข้าไม่รู้ว่าจริงไม่จริง" เมื่อว่าจบก็สูดลมหายใจลึกกดการกลั้นขำของตน ก่อนที่จะว่าต่อ "ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า เพราะถึงแม้จะไม่เบื่อที่วิ่งไล่จับเจ้าแบบนี้ แต่ข้ามีบางสิ่งที่ต้องการซึ่งต้องได้รับการยอมรับจากเจ้า"

              'ไม่'

              "ฟังก่อนสิโว้ยไอ้ลูกหมา!" แม่มดแยกเขี้ยวใส่ "อีกเจ็ดปี เจ้าจะต้องอยู่ใต้อานัติของข้า ซึ่งครบเจ็ดปีเมื่อไหร่ เจ้าจะเป็นอิสระ ข้าจะไม่ไล่จับเจ้าอีกต่อไป"

              'ไม่'

              "รู้ไม่ใช่รึไงว่าตัวเองเป็นหมาป่าพันธุ์หายาก นอกจากมีสีดำแล้วไหนจะดวงตาเจ้าอีก"

              '...' 

              "ทั้งที่ควรจะแข็งแกร่งกว่านี้ แต่แค่หนีออกจากกับดักนายพรานยังไม่ได้ เจ้าอยู่ไม่รอดหรอก"

              '...'

              "ฉะนั้นอยู่กับข้า อืม... ไม่ต้องอีกเจ็ดปีก็ได้ อีกห้าปี ให้แข็งแรงและโตกว่านี้ ข้าจะเลี้ยงเจ้าไว้จนถึงวันนั้น ซึ่งของแลกเปลี่ยนที่ข้าต้องการจากเจ้า ไม่ใช่เลือด ไม่ใช่ดวงตา แต่แค่ขน"

              '.....ขนข้า?'

              "ใช่" เจ้าหล่อนพยักหน้า "สองครั้ง วันเดือนเพ็ญและวันเดือนดับ แค่ครั้งละสองเส้น หรือก็คือเดือนละสี่เส้น แค่นั้นที่ข้าต้องการจากเจ้า"

              'แค่นั้น?'

              "ใช่"

              'ห้าปี?'

              "อือฮึ"

              'จะเอาไปทำอะไร'

              "บอกไม่ได้" แม่มดหญิงส่ายหน้า 

              '...เมื่อกี้เจ้าทำได้อย่างไร? พวกแม่มดไม่น่าจะมีพละกำลังแข็งแรงหรือคล่องแคล่วขนาดนั้น'

              "อย่าเอามาตรฐานแม่มดพวกนั้นมาเทียบกับข้าสิ ข้าถูกฝึกให้เน้นพลังของตัวเองก่อนที่จะเรียนรู้เรื่องอาหารยา ฉะนั้นปีนหน้าผาแค่นั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าหรอก"

              เจ้าลูกหมาป่าตรงหน้าหรี่ตามองเหมือนคนคิดหนัก สุดท้ายก็ตัดสินใจพยักหน้ายอมรับข้อตกลง โดยไม่ลืมเน้นย้ำ 'แค่ห้าปี และข้าจะไป ซึ่งเจ้าต้องมาเป็นคู่ฝึกให้ข้าด้วย'

              "ไม่มีปัญหา" ถึงไม่แน่ใจว่าจะฝึกให้หมายังไง แต่ก็คงให้มันหนีและใช้งานแบกของฝึกกำลังกายพวกนั้นก็น่าจะได้

              'ท่านแม่มด!!'

              แกรก...

              เสียงคนที่แหวกพุ่มไม้มาพร้อมกับเจ้านกนางแอ่นตัวดีแล่นพุ่งเข้ามากลางใบหน้าตะกุยจนต้องจับให้ออกห่าง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นลูกมนุษย์เป็นคนเดินมาพร้อมกับในมือมีตาข่าย

              "คิดว่าหนีไปแล้วเสียอีก"

              "ข้าไม่ได้กลัวหรอกครับ" เด็กหนุ่มแก้ตัว "อันที่จริงข้ารู้ตั้งนานแล้วว่าท่านเก็บข้ามาเลี้ยงเพราะต้องการเลือดข้า ซึ่ง... ข้าแค่ตกใจเฉยๆที่ท่านทำแบบนั้น"

              "ยังไงข้าก็คิดว่าเจ้าจะหนีกลับบ้านร้องไห้จ้าไปอยู่ดี"

              "โดนท่านดูดเลือดดีกว่าไปเจอสัตว์ฉีกเนื้อเป็นไหนๆล่ะครับ"

              แม่มดดังกล่าวถึงกลับแปลกใจขณะมองลูกสัตว์สองตัวสลับกันไปมาและหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างแสบสันต์ ก่อนจะเดินนำกลับเข้าไปในป่าพร้อมว่า 

              "ถ้าตัดสินใจเช่นนั้นก็ตามมา ข้ามีงานให้พวกเจ้าทำอีกเยอะเลยล่ะ"




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++




                                                                            4ปีต่อมา



              ภายในป่า ร่างสูงของเด็กชายผู้กลายเป็นเด็กหนุ่มกำลังนั่งเก็บสมุนไพรและก้มๆเงยๆหาสิ่งที่ต้องการอยู่ตามพุ่มไม้ดงหญ้าอย่างอารมณ์ดีซึ่งหลักฐานอยู่ตรงเสียงฮัมเพลงนั่น

              "เจ้าลูกมนุษย์! โตเป็นควายยังต้องให้ข้าตามกินข้าวอีกเรอะ!!"

              เสียงตะโกนแหววนั้นทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง ก่อนจะกระวีกระวาดเก็บของทั้งหมดใส่ตะกร้าและวิ่งกลับตามต้นเสียง ก็เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นเขา

              "ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว จะไม่ตรงเวลากับเรื่องอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่การนัดคนกับเรื่องอาหาร"

              "ขอโทษครับ" ใบหน้าเรียวสวยนั้นยิ้มอย่างอารมณ์ดีแม้จะถูกดุ ก่อนจะยื่นตะกร้าสมุนไพรให้ "นี่ครับที่ท่านสั่ง แล้วก็..."

              มือใหญ่นั้นหยิบดอกไม้สีเหลืองเล็กๆน่ารักยื่นให้กำมือหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงตรงหน้าเพียงแค่เลิกคิ้วมอง ก่อนที่เขาจะว่าก่อนอีกฝ่ายได้ดุอีก

              "ข้าขออนุญาตแล้วครับแก่ภูติดอกไม้ ว่าจะเอามาให้ท่าน ถึงได้ได้มาเยอะขนาดนี้"

              ดวงตาสีดำสนิทยังคงมองเขาอย่างคลางแคลง ก่อนจะถอนหายใจออกมาและรับไปทั้งดอกไม้และตะกร้ายาพร้อมว่า "ขยันเอาดอกไม้มาเสียจริง เต็มบ้านไปหมดแล้ว"

              แม้จะพูดแบบนั้นแต่ก็ยังตัดตกแต่งกิ่ง ซึ่งเศษพวกนั้นเจ้าหล่อนเอาโยนกลับมาให้เขาพร้อมบอก "เอาไปเติมในสวนดอกไม้หลังบ้านของเจ้าก็แล้วกัน"

              บ้านกลางป่าลึกที่ไม่น่าจะมีคนอยู่ กลับมีบ้านไม้หลังไม่ใหญ่มากตั้งอยู่กลางป่าโดยเจ้าของบ้านก็เป็นผู้หญิงในชุดคลุมตัวใหญ่ที่ไม่ว่าจะกี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยน เช่นเดียวกับท่อนไม้สูงเท่าตัวกับผ้าคาดหัวนั่นด้วย ซึ่งไม่มีใครปกติดีๆที่ไหนมาอยู่กลางป่าห่างไกลผู้คนแบบนี้

              แต่แน่นอนว่าเธอไม่ปกติ... เพราะเธอเป็นแม่มด 

              เขาอยู่กับเธอมาก็เจ็ดปี ยังไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไปสักที

              ถ้าจะเปลี่ยนก็คงเป็นความสูงสายตาของเขา ที่ปกติจะใกล้เคียงกัน แต่ตอนนี้เขาต้องมองต่ำ ไม่ใช่ต่ำธรรมดา เพราะผู้หญิงตรงหน้านี้เตี้ยกว่าไหล่เขาด้วยซ้ำ

              "เช้ามืดวันพรุ่งข้าจะออกเดินทาง"

              ประโยคเกริ่นนั้นเรียกให้มือที่ถือช้อนอยู่ชะงัก ก่อนจะมองคนพูดที่ดื่มน้ำสีฟ้าใสแบบไม่ได้สนใจกับสายตาของเขา ขณะว่าต่อ "เจ้าลูกหมาป่านั่นก็คงกลับมาในอีกวันสองวัน ซึ่งคิดว่าข้าคงกลับมาเป็นคู่ฝึกให้ไม่ทัน เจ้าก็ฝึกกับเขาไปก่อนก็แล้วกัน"

              ทุกๆหกเดือน จะมีวันหนึ่งที่แม่มดตนนี้ออกไปจากบ้านห้าวันเป็นอย่างต่ำกับนกนางแอ่นสีฟ้าคู่ใจเพื่อลงไปในเมืองที่พวกมนุษย์อยู่ ลงไปทำพันธสัญญา นางเป็นแม่มดอาหารยาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโรคและสมุนไพร ซึ่งการที่ผู้คนทั่วไปจะเจอ เลือดของมนุษย์หนึ่งคนต่อครึ่งปีแลกกับยาสารพัดนึกที่สามารถรักษาได้ทุกโรค ยกเว้นก็แต่ชุบชีวิตขึ้นมาเพียงเท่านั้นที่นางจะไม่ทำ ฉะนั้นการที่ผู้คนจะเจอนางได้ เห็นว่าต้องส่งจดหมายพิเศษซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าจ่าหน้าอย่างไรถึงมาถึงตัวนาง ซึ่งจ่ายด้วยเลือดของผู้ที่ส่งจดหมาย เขาไม่รู้ว่าจ่ายเยอะแค่ไหน รู้แค่ว่าไม่ถึงตายเท่านั้น

              ทั้งที่เก็บเขามาเพื่อจะเอาเลือดแท้ๆ... แต่นอกจากครั้งนั้นเมื่อสี่ปีก่อน แค่ครั้งเดียว นางก็ไม่เคยสนใจที่จะเอาเลือดจากเขาอีกเลย

              "ฝากบ้านด้วยก็แล้วกัน ข้าจะไปเข้าป่าไปเอาของนิดๆหน่อยๆ จัดการเอาเองนะ"

              ว่าเพียงแค่นั้นนางก็ลุกออกจากที่ หยิบท่อนไม้และผ้าคาดศีรษะคู่ใจและเดินออกจากบ้านไป ทิ้งให้เขาอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

              ถึงอย่างไร... เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น

              เด็กหนุ่มทำงานของตนไปเรื่อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการให้อาหารสัตว์ต่างๆ เท่าที่รู้นั้นนางเก็บสัตว์หลายต่อหลายชนิดมาจนแทบจะเปิดเป็นโรงได้รอมร่อ หนำซ้ำยังมีความสามารถพิเศษคือการพูดคุยกับพวกมัน ซึ่งความสามารถนั้นเขาไม่มี แต่กระนั้นนางก็ยังใจดีพอที่จะปรุงยาไว้ให้ปีละสองครั้งที่จะให้เขาฟังพวกมันรู้เรื่องเป็นเวลาสามวัน ด้วยเหตุผลที่ว่าทำเยอะแล้วมันเปลืองโดยใช่เหตุหากทำเยอะ แต่การที่ทำไว้ให้สองครั้งก็คงเป็นเหตุผลนี้ด้วย ซึ่งทุกปีเขาก็จะกินมันยามที่นางออกจากบ้านไปนานๆ แต่ครั้งนี้.... ดวงตาเรียวสวยก้มมองยาที่ถูกอัดเม็ดในมือตน ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม

              คืนวันนั้นเขาไม่นอนทั้งคืน นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านเพื่อหวังรอส่ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ แต่ทุกครั้งนางก็จะออกไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวตลอดทั้งที่ไม่รู้เหตุผล ทั้งที่มั่นใจว่าไม่หลับแต่ก็ตื่นมาด้วยการมีผ้าห่มอยู่บนตัวอยู่ร่ำไป การที่อยู่กับนางมามากพอทำให้มีความรู้สึกว่ามันอาจจะเกี่ยวกับยาที่กินไป แม้จะง่วงงุนมากเพียงใดแต่กระนั้นก็ยังคงไม่ยอมหลับ โดยยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมตรงนั้นเช่นทุกครั้ง

              แกรก...

              เสียงนั้นดังมาจากทางทดลองของนาง ก่อนที่ประตูจะเปิดออก เขาแกล้งปิดเปลือกตาลงและปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาและตามด้วยเสียงถอนหายใจ

              "เมื่อไหร่มันจะเลิกมานั่งเฝ้านะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วยังทำตัวเป็นเด็กไปได้"

              ทันทีที่รู้สึกว่ามีผ้ามาปกคลุมตัว เขาก็คว้าหมับที่ข้อมือนั้นทันที รู้สึกได้ว่าข้อมือเล็กกว่าสะดุ้งและกระชากออกแต่เขาก็ตวัดตัวเองไปด้านหลังและดึงร่างเล็กมากอดเพื่อป้องกันสองมือนั้นควักยามายัดปากเขา

              "...เจ้าไม่ได้กินยาที่ข้าให้สินะ"

              น้ำเสียงนั้นดูไม่แปลกใจเอาเสียเลย หนำซ้ำไม่ขัดขืนทำให้เขาเป็นฝ่ายฉงนเสียเอง และประโยคนั้นทำให้เขาถามกลับ "ในนั้นผสมยานอนหลับไว้สินะครับ"

              "ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้"

              "...เลิกทำเช่นนั้น ไม่ได้เหรอครับ"

              ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะส่งอีกฝ่ายอย่างปกติ แต่กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกน้อยใจและเหงาอยู่ลึกๆผลักดันให้ถามแบบนั้นออกไป "ท่านบอกว่าท่านต้องการเลือดข้า แต่ทำไมถึง..."

              "อย่าทำตัวสู่รู้" นางตัดบททันที "และข้าสั่งให้ปล่อยข้า เจ้าลูกมนุษย์"

              พลั่ก!!

              จากที่เคยจำความได้เมื่อนานมาแล้ว ส่วนใหญ่แม่มดนั้นจะเชี่ยวชาญเรื่องการปรุงยา การบังคับคน หรือการขี่ไม้กวาดต่างๆนานา แต่ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินว่าแม่มดมีพละกำลังมหาศาลและแข็งแรงสมบุกสมบันกว่าชายบางคน เพราะนางได้กระทืบเท้าเขาและจัดการศอกใส่จนต้องปล่อย หนำซ้ำยังหมุนตัวเองออกมาโดยที่จับแขนข้างหนึ่งเขาไพล่หลังจนเจ็บตรงหัวไหล่ เสียงหัวเราะต่ำๆเหมือนสะใจดังมาก่อนจะได้ยินคำถาม

              "นี่เหงาขนาดนี้เลยรึ?"

              "...ครับ"

              "ข้าก็ให้ยาคุยกับพวกสัตว์ไปแล้วไม่ใช่รึ"

              "แต่มันก็ไม่เหมือนคุยกับท่านอยู่ดี เพราะตื่นมาข้าไม่เห็นท่าน..."

              น้ำเสียงนั้นเงียบไปก่อนที่มือเล็กแต่แข็งดุจคีมปล่อยออก เขารีบหันไปมองเพราะกลัวนางวิ่งหายไปแต่ก็ยังคงยืนกอดอกอยู่ตรงนั้นขณะถาม "เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว"

              "สิบเจ็ดครับ"

              "เห็นหยุดเรียกข้าว่าท่านพี่มาสองสามปี ก็คิดว่าจะเลิกติดข้า ที่ไหนได้ทำไมยิ่งโตยิ่งติด แถมเหมือนพวกโตแต่ตัวอีกต่างหาก" นางบ่นอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะถามด้วยคำถามไม่คาดคิด "อยากจะลงไปในเมืองรึเปล่า?"

              คำถามนั้นทำให้เขาแหงนมองอย่างต้องการความเห็นว่าตนนั้นหูฝาดไปรึเปล่า ชีวิตของเขาเติบโตมาในป่าตั้งแต่นางเก็บมาเลี้ยง ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้ลงไปในเมืองเพราะโดนสั่งห้ามตามไป แล้วไฉนครั้งนี้จู่ๆถึงชวน?

              "เจ้าจะได้ไม่เบื่อ ถือว่าเป็นรางวัลที่เป็นเด็กดีมาตลอดเจ็ดปีก็แล้วกัน" ศีรษะนั้นโคลงไปมา "แต่ข้าสั่งห้ามเจ้ามาดูข้าทำงาน มิฉะนั้นนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายได้เลยที่ข้าจะพาไป"

              ยังต้องถามอีกรึ คำตอบนั้นง่ายๆแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ "ไปครับ!!"


              ใช้เวลาสามวันในการเดินทางเท้า เด็กหนุ่มรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นเป็นอย่างมากในรอบหลายปีเมื่อเห็นเมืองและผู้คนยุ่งวุ่นวายกันอย่างที่แทบจะลืมไปแล้ว

              "นี่คือแอปเปิ้ลใช่ไหม?"

              "ใช่แล้วไอ้หนุ่ม!"

              "ข้าขอผลหนึ่ง"

              หลังจากที่ได้แอปเปิ้ลมากัดกินแล้วก็เดินไปตามท้องถนน แม่มดตนนั้นได้ทิ้งเขาไว้พร้อมกับเงินถุงใหญ่ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องทำงานคืนนี้ และเงินนี่ก็รวมค่าห้องพักด้วย หลังจากนั้นก็หายตัวไปทิ้งเขาให้เผชิญกับฝูงมนุษย์ตามลำพัง

              แต่เขาก็เป็นมนุษย์นี่

              ขายาวๆของเด็กหนุ่มก้าวเดินไปเรื่อยตามตลาดขณะสายตาก็สอดส่องไปมาดูบรรยากาศ แอปเปิ้ลถูกกัดแค่คำเดียวเพราะรู้สึกว่ามันไม่หวานกรอบเหมือนที่เก็บในป่าเท่าไหร่นัก

              "ว่าไงล่ะ ข้าบอกแล้วไงว่าไปกับข้า อาหารไม่อั้นนะ"

              "มะ... ไม่เป็นไรค่ะ ข้า.."

              "เอาน่า ไปเถอะ ไปสนุกกันดีกว่า" 

              "ข้าไปไม่ได้จริงๆค่ะ"

              บทสนทนาที่ดูขัดแย้งกันนั้นทำให้เขาหันไปมอง ก็พบกับชายคนหนึ่งที่กำลังจับแขนหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวหรืออ่อนกว่าเขาไว้เหมือนจะใช้กำลัง เพราะใบหน้านั้นมีแววหนักใจและขัดขืนอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ฝ่ายชายมีพวกยืนอยู่ด้วยข้างหลังสามคน ไม่รอช้าเขาเดินเข้าไปใกล้ทันที

              "ท่านไม่เห็นรึไงว่านางบอกว่าไปไม่ได้"

              "เจ้าเป็นใคร"

              "ก็แค่คนผ่านไปมาเท่านั้นแหละครับ"

              "งั้นก็เก็บหน้าละอ่อนของแกและไสหัวกลับไป ข้ากำลังอารมณ์ดีอยู่ ฉะนั้นอย่ามายุ่ง"

              ชายสองคนนั้นเข้ามาล็อคแขนเขาไว้เตรียมใช้กำลังบังคับ อืม... เหมือนในนิยายในห้องของท่านแม่มดที่เคยอ่านเลยแฮะ แต่เขามองอยู่เฉยๆไม่ได้นี่นา ขอเล่นบทพระเอกแบบในหนังสือสักนิดก็แล้วกัน

              พลั่ก!

              "เฮ้ยเจ้านี่หาเรื่องรึไง!"

              เขาจัดการส่งชายที่ล็อคตัวทั้งสองให้ถอยห่างออกไปด้วยกำลังขณะใบหน้ายังคงยิ้มๆอยู่เช่นนั้น ซึ่งคิดว่าแค่นั้นคงเรียกอารมณ์โมโหให้กับชายกลุ่มนั้นได้อย่างที่ตั้งใจ แต่... ต่อให้จะตัวใหญ่กว่าและคนมากกว่า พวกมันก็ยังด้อยกว่าท่านแม่มดที่เป็นคนฝึกให้เขาอยู่หลายขุม ไม่รอช้าพวกมันสามคนก็ลอยไปไกลและสลบเหมือดท่ามกลางเสียงฮือฮาและสายตาของคนรอบข้าง

              "ขะ.. ขอบคุณท่านมากนะคะ"

              "ไม่เป็นไรครับ" เด็กหนุ่มยิ้มให้ "อย่างไรก็ระวังตัวเองด้วย ข้าคงต้องขอตัวก่อน"

              "ดะ.. เดี๋ยวค่ะ!!"

              มือน้อยนุ่มนิ่มนั้นจับที่แขนของเขาไว้ก่อนที่จะได้เดินออกไป เพิ่งจะมีโอกาสได้พิจารณาใบหน้าเล็กหวาน ดวงตากลมโตเป็นประกายเหมือนลูกกวาง ผิวขาว ปากนิดจมูกหน่อย แก้มแดงระเรื่อ แม้ตัวจะสูงกว่าใครบางคนแต่ก็บอบบางอ้อนแอ้นกว่าหลายขุม

              ท่านแม่มดทำตัวไม่อ้อนแอ้นเองมากกว่า ถึงจะหุ่นดูใกล้เคียงกันแต่นั่นมีแต่กล้ามเนื้อล้วนๆ

              "เอ่อ.. ข้าขอตอบแทนบุญคุณท่านได้ไหมคะ ท่าน...."

              "ไม่ต้องหรอกครับ" เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ "ข้าเป็นเพียงนักเดินทางเท่านั้น พรุ่งนี้ก็คงจะไปแล้ว"

              "ถ้าอย่างนั้น คะ... คืนนี้ไปนอนที่โรงเตี๊ยมของข้าไหมคะ!" นางว่าเสียงสั่นเหมือนคนตื่นเต้น "บ้านของข้าเป็นที่พักอยู่ ข้าจะให้ท่านพักและอาหารฟรีเป็นการตอบแทน"

              "แต่..."

              "ได้โปรดเถอะนะคะ ให้ข้าตอบแทนบ้างเถอะ"

              ท่านแม่มดจะหาเขาเจอไหมนะ.. เห็นบอกจะกลับมาพรุ่งนี้เช้า แต่ถ้างานเสร็จเร็วก็อาจจะกลับมาคืนนี้

              "เช่นนั้น... ข้าขอห้องพักสองเตียงได้ไหม?"

              คำถามนั้นเรียกให้ใบหน้าน่ารักมองอย่างฉงน ก่อนจะยิ้มหวานออกมา "ได้อยู่แล้วค่ะ!"

              

              เขาปฏิเสธที่จะไปในทันทีด้วยเหตุผลว่าต้องการเดินเล่นเสียก่อน ซึ่งเมื่อตกเย็นเขาก็ไปตามที่เจ้าหล่อนได้บอกทางมา ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก เขาก็มานั่งชมการแสดงของหญิงสาวนักเต้นรำพร้อมกับมีสุราอาหารเพรียบพร้อมให้เพลิดเพลินจากด้านบน

              อา.. ไม่เลวเหมือนกัน

              "เพื่อนของท่านมาช้าจังเลยนะคะ"

              เขาหันไปมองเด็กสาวคนงามที่มานั่งอยู่ด้วย ก่อนจะยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงบุคคลที่ว่า ขณะตอบ "คงมาดึกๆนู่นเลย"

              พอได้คุยไปมา ก็รู้ว่านางอ่อนกว่าเขาปีหนึ่งและเป็นคนบริการเขาด้วยตนเองทั้งที่เป็นถึงลูกสาวเจ้าของสถานที่แห่งนี้อีกด้วย

              "อะ.. เอ่อ... ถึงอย่างไรก็ขอบคุณท่านมากเลยนะเจ้าคะ"

              เด็กหนุ่มหันไปมองใบหน้าหวานๆข้างตัวก็อมยิ้มให้น้อยๆเป็นการตอบรับ เรียกให้นางเบนสายตาหนีและอมยิ้มกับตัวเองเหมือนเอียงอาย แม้จะไม่แน่ใจว่าอายเรื่องอะไรก็ตาม 

              ท่านแม่มดทำงานถึงไหนแล้วนะ อยากให้มาสนุกด้วยกันเช่นนี้บ้าง

              เหล้าที่ถูกรินให้เรื่อยๆนั้นถูกดื่มต่างน้ำ อาจเป็นเพราะว่าเขากินอาหารยาที่ท่านแม่มดเอามาให้กินอยู่บ่อยๆน่าจะมีภูมิต้านทานพวกนี้ ไม่อยากบอกจริงๆอาหารของท่านแม่มดนั้นช่างเลิศรสจนไม่คิดจะสนว่ามันคือยาหรือพิษ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าแม่คนงามข้างตัวลอบมองตัวเองเป็นระยะๆขณะกัดริมฝีปากแน่น

              ดูดื่มไม่เก่งเหตุใดจึงคอแข็งปานนั้น สุรานั่นผสมยาไว้ที่สามารถทำให้ช้างล้มทั้งยืนเชียว

              เขาช่างรูปงามและโตเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ยิ่งรูปร่างสูงโปร่งในชุดคลุมแต่ก็ยังเห็นความแข็งแรงได้จากทั้งเมื่อเรื่องกลางวันและท่อนแขนแข็งๆนั่น นางอยากจะได้เขา... ยิ่งการที่เขาไม่ปฏิเสธคำชวนนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดดูไม่สนใจนางเอาเสียเลย 

              ผัวะ!!

              "คุณหนูคะ!"

              จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงชราที่ออกอาการหืดหอบอย่างเห็นได้ชัดจนเขาเห็นว่าใบหน้าหวานงอง้ำและเปลี่ยนสีหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่หญิงคนนั้นจะว่าต่อ "ขออภัยค่ะ แต่... ข้ามีเรื่องที่ถึงอย่างไรก็ต้องแจ้งท่าน"

              "ทำไมเหรอคะ?"

              แม้น้ำเสียงนั้นจะยังหวาน แต่ก็รู้สึกได้ว่าห้วนสั้นกว่ายามที่นางใช้พูดกับเขา หญิงชรานั้นสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะพูดเสียงดัง "นายหญิง... นายหญิงฟื้นแล้วค่ะ!!!"

              "อะไรนะ?!"

              ไม่รอช้า ร่างเล็กๆนั้นก็ยันตัวขึ้นยืนและพุ่งออกไปจากห้อง หญิงชราคนนั้นโค้งศีรษะให้เล็กน้อยเรียกให้เขาแปลกใจขณะคิดว่าควรตามไปดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกตามไปโดยอาศัยเสียงฝีเท้าวิ่งนั้น และเมื่อมาถึงห้องๆหนึ่งที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงตวาดแหวของเด็กสาวที่เขารู้จัก

              "ทั้งที่หมอทั่วสารทิศก็ไม่อาจรักษาท่านแม่ได้แต่จู่ๆกลับมาเดินได้ปกติเช่นนี้... ท่านไปขอยาจากไอ้ปีศาจนั่นโดยไม่บอกข้าใช่ไหมท่านพ่อ!!! ท่านเอาเลือดให้มันขนาดไหน!!"

              ประโยคนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วเมื่อมันช่างฟังคุ้นนักกับวิธีการนั้น ยิ่งประโยคทุ้มฟังดูสูงวัยนั้นกล่าวต่อ "พ่อจำไม่ได้.. แต่อย่างน้อยๆ... แม่เจ้าก็ฟื้น... เพียงแค่นี้ก็คุ้ม"

              "มันเป็นปีศาจ! พวกมันปรุงยาให้ท่านหลงและยอมศิโรราบใต้มนตราสะกดของพวกมัน! ท่านลืมไปแล้วรึไงว่าเพราะพวกมันท่านพี่ถึงต้องตายน่ะ!! มันสะกดอะไรท่านล่ะถึงทำให้ท่านลืมความแค้นที่เคยมีต่อพวกมันได้"

              เพียะ!

              "ข้าทำเพราะข้าไม่อาจเสียบุคคลที่ข้ารักได้อีก และเจ้าก็รู้ว่าพ่อมดอาหารยาผู้นี้เลื่องชื่อเรื่องยารักษาโรค และที่สำคัญ ข้าก็ยังกลับมาหาเจ้าโดยไม่ตาย ฉะนั้นสงบสติอารมณ์เสีย"

              เพียงอึดใจร่างเล็กๆก็วิ่งพรวดออกมา นางชะงักเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น และไม่คาดคิด ร่างเล็กๆก็โผเข้ากอดเขาและร้องไห้ออกมาอย่างหนักเรียกให้บุคคลในห้องออกมาบ้าง ชายสูงวัยซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นพ่อของนางดูตกใจเมื่อเห็นเขา ซึ่งเขาเพียงแค่โค้งศีรษะให้เท่านั้น แอบใช้ยานิดหน่อยเพื่อให้นางร้องไห้จนหลับเพื่อต้องการหาข้อมูล ขณะจ้องมองเขม็งตรงข้อมือทั้งสองข้างและตรงคอที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล

              "ขออภัยครับที่แอบฟัง แต่ข้าอยากรู้เรื่องพ่อมดอาหารยาที่ท่านว่า"


              น่าแปลกทั้งที่เขาก็รอแล้วรอเล่า แต่ไม่ว่าอย่างไร ท่านแม่มดก็ไม่กลับมา จนตัดสินใจที่จะออกตามหาในเย็นวันนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงโหวกเหวก... ว่าจะมีการเผาแม่มดต่อหน้าสาธารณชน

              ราวหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่รอช้าเขารีบไปยังตรงนั้น แต่เพราะคนที่เยอะแยะเกินไปทำให้ไม่ทันการ เสียงกองไฟแตกเปรี๊ยะและเสียงกรีดร้องทรมานดังไปทั่วบริเวณ เสียงรอบข้างของผู้คนต่างก่นด่าสาปแช่งมันแช่แข็งให้เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ได้ไปเห็นกับตา ราวกับเลือดในกายจับตัวแข็งเป็นก้อนและแทบลืมสิ้นการหายใจ

              ไม่... เป็นไปไม่ได้... ท่านแม่มดเก่งกาจและเหมือนมนุษย์ออกปานนั้น พวกมนุษย์ไม่มีทางจับได้

              "ตาย! ตายไปซะนังแม่มด!"

              มนุษย์พวกนี้.. เกลียดพ่อมดแม่มดทุกตน นั่นรวมถึงท่านแม่มดของเขาด้วย...

              มือข้างหนึ่งล้วงไปหยิบอาวุธคู่ใจซึ่งเป็นคนสร้างเองกับมือ สองมือสั่นริกขณะดวงตาเป็นประกายกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฆ่า... เขาต้องฆ่าพวกมัน....

              หมับ!

              จู่ๆไหล่ก็ถูกคว้าไว้ทำให้ต้องหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นร่างสูงใต้ชุดคลุมและฮู้ดสีดำสนิทแทบกลมกลืนไปกับความมืด แต่ที่เรียกความสนใจ คงเป็นดวงตาสีเทาข้างขวาคู่นั้นที่ทำให้รู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก

              "ตามมา"

              ไม่รู้ทำไม แต่เขายอมตามไปอย่างที่ถูกบอก ชายตรงหน้านี้รูปร่างสูงกว่าเขาเล็กน้อยแต่ดูกำยำแข็งแรงกว่า ความเร็วที่เหลือเชื่อนั้นไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถที่จะตามทัน และเมื่อออกจากหมู่บ้านมนุษย์มาได้พักใหญ่ชายนำทางก็หยุด และหันกลับมามองโดยเปิดฮู้ดตัวเองออก ทำให้เห็นว่าดวงตาข้างหนึ่งมีผ้าปิดไว้

              "เจ้า... หมาป่าดำใช่ไหม?"

              ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าชายตรงหน้าคือหมาป่าดำตัวนั้น ตัวเดียวกับที่ท่านแม่มดเก็บมาเลี้ยงพร้อมกับเขา แต่การเคลื่อนไหวพวกนั้นมันคล้ายกับท่านแม่มดไม่มีผิด และคำตอบก็ประจักษ์เมื่อเขาดึงผ้าปิดตาอีกข้างออก เผยดวงตาสีเหลืองนวลดุจสีจันทราให้เห็น

              ใช่ สีตาแบบเดียวกับหมาป่าดำตัวนั้น

              "อย่าทำอะไรงี่เง่าไร้สาระ"

              "หือ?"

              "นั่นไม่ใช่คนที่เจ้ารู้จัก" อีกฝ่ายว่าเสียงเรียบก่อนจะหรี่ตามองเขา และว่าด้วยประโยคแทงใจดำ "นางทิ้งเจ้าแล้วรึไง?"

              "... ทำไมเจ้าถึงมาอยู่แถวนี้ได้" เขาไม่ตอบแต่ถามกลับแทน "ท่านแม่มดรู้รึเปล่าว่าเจ้าแปลงร่างเป็นคนได้"

              "...."

              จากความเงียบและสีหน้านั้น ทำให้เขาคิดว่าท่านแม่มดคงไม่รู้ จึงถามต่อ "แล้วทำไมถึงมาแปลงร่างให้ข้าเห็น"

              ทั้งที่ก็อยู่ด้วยกันมาเจ็ดปี แต่เพราะหมาป่าดำตนนี้เลี่ยงการสนทนากับสัตว์ทุกตัว หรือแม้แต่ท่านแม่มดเองก็ตาม ยิ่งสองปีที่ผ่านมาแทบไม่เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าเขากับท่านแม่มดจะมีนัดออกไปฝึกกันเป็นระยะๆ ซึ่งบางครั้งเขาก็ตามไปด้วยเท่านั้น

              "เพราะข้ารู้ว่าหากอยู่ร่างนั้นจะหยุดเจ้าไม่ได้น่ะสิ"

              "แล้วจะมาหยุดข้าไว้ทำไม"

              หมาป่าดำในคราบเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเขากอดอก ก่อนจะตอบเสียงห้วน "หมั่นไส้นางส่วนตัว"

              "?"

              "ดังนั้นข้าจะช่วยเจ้าให้กลับไปที่บ้านหลังนั้น ไปเคลียร์กันเอง" 

              "เจ้าบอกว่าเจ้าหมั่นไส้นางส่วนตัวถึงได้ช่วยข้างั้นรึ?"

              "ได้ยินแล้วนี่" ดวงตาสองสีนั่นตวัดมามองอย่างหงุดหงิด "และข้าบังคับให้เจ้าต้องมา เจ้าต้องช่วยข้าล้มนาง"

              "ทำไม?"

              "ข้าต้องการพิสูจน์บางอย่างเกี่ยวกับนาง" ใบหน้าเรียบเฉยมากยิ่งขึ้น "ว่าอย่างไร เพราะเจ้าไม่มีทางกลับไปที่บ้านหลังนั้นตัวคนเดียวได้แน่ถึงได้ยอมพาเจ้าลงมาเมืองมนุษย์"

              สรุปท่านแม่มดคิดทิ้งเขาตั้งแต่ต้นสินะ... 

              "ตกลง"


             เดินทางใช้เวลานานกว่าขามาถึงเท่าตัว ทำให้ได้รู้ว่าท่านแม่มดคงใช้มนตราย่นเวลาเป็นแน่ เมื่อมาถึงบ้านก็เห็นร่างเล็กๆของผู้หญิงคนเดิมยืนเถียงกับนกนางแอ่นสีฟ้าตัวเดิม ซึ่งหมาป่าดำกลับร่างก่อนที่จะมาถึงที่นี่ นางดูแปลกใจมากที่เห็นเขา และดูแปลกใจยิ่งกว่าที่เห็นเขากลับมาพร้อมกับหมาป่าดำ ไม่รอให้มากความ หมาป่าดำก็เปิดฉากการต่อสู้ทันทีโดยที่เขาตัดสินใจเข้าไปร่วมด้วย

              แทนที่จะบ่นว่าถูกรุม นางกลับไม่บ่นอะไรเลย ร่างเล็กๆนั้นยังคงพลิ้วไหวในการโจมตีและหลบทั้งที่อาวุธก็มีเพียงท่อนไม้สูงเท่าตัวอันนั้น การต่อสู้กินเวลาสองวันสองคืนก็ยังไม่จบ

              "รุมไปก็ไร้ประโยชน์น่า เจ้าลูกสัตว์ทั้งสอง"

              คล้ายจะได้ยินเสียงขู่ต่ำจากหมาป่าดำ ท่านแม่มดก็กรอกตาไปมาขณะตอบ "เจ้าเด็กกว่าข้าหลายรอบเจ้าลูกหมาบ้า พาเพื่อนมารุมข้าแบบนี้ก็เอาชนะข้าไม่ได้อยู่ดี"

              จู่ๆชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาสองสีของหมาป่าดำก็ตวัดมามองเขา และบางอย่างมันบอกว่าเขาต้องทำอะไร เขาจัดการร่ายมนตราที่ถูกสอนมาขจัดการเคลื่อนไหว รากไม้และกิ่งไม้พุ่งออกมาจากพื้นดินโดยรอย แต่นางก็หลบได้ แต่มันไม่จบแค่นั้นเมื่อเขาเองก็พุ่งจับนางไว้อีกที

              วืด!

              "ช้าไปเจ้าลูกมนุษย์"

              นางหลบได้อีกครั้ง แต่เมื่อมีครั้งที่สาม โดยผู้โจมตีเป็นหมาป่าดำ อาศัยความคล่องแคล่วสี่ขานั้นและนางคงไม่คิดว่าจะมีรอบที่สาม กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปแล้ว

              แคว่ก!!!!

              คมเขี้ยวกัดตรงชุดคลุมใหญ่และกระชากออกอย่างแรง และมันคงลึกมากพอที่จะเห็นเลือดสาดกระเซ็นและเศษผ้าด้านในติดมาด้วย ชุดคลุมขาดเป็นชิ้นๆเช่นเดียวกับชุดด้านในบางส่วน ก่อนที่จะได้พูดอะไรเขาก็เห็น

              รอยแผลไฟไหม้ทั้งตัวที่โผล่พ้นมาจากเศษผ้าพวกนั้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแทบไม่มีที่ว่างเลยด้วยซ้ำ 

              "ชิ แผนสูงนักไอ้พวกนี้"

              ดวงตาสีดำนั้นมีแววหงุดหงิดขณะมองหมาป่าดำตัวการอย่างเรียบเฉย ขณะมุมปากกระตุกยิ้ม "ว่าอย่างไร จะฆ่าข้าแก้แค้นด้วยรึเปล่า? ในกรณีที่เจ้ามีปัญญาน่ะนะ"

              ฆ่า...เหรอ?

              ดวงตาสองสีคู่นั้นมองแม่มดหญิงอย่างเรียบเฉย ก่อนที่จะหันมามองเขาเพียงครู่เดียวและสะบัดหางกระโจนเข้าป่าไป ทิ้งให้แม่มดคนกลางถอนหายใจเฮือกขณะที่นางหันมามองเขา

              "อันนี้เกินความคิดข้ามาก มีผลประโยชน์ร่วมกันล่ะสิ"

              เขาเงียบไม่ตอบ นางเองก็ดูไม่ได้คาดหวัง เพราะได้หันหลังกลับเข้าไปในบ้าน ซึ่งเขาเองก็เดินตามไป แผ่นหลังเล็กที่เปลือยครึ่งหนึ่งเพราะถูกกระชากชุดจนขาดนั้นถูกหันมา เอาจริงๆก็เห็นรอยแผลไฟไหม้ที่มือทั้งสองข้างนานแล้ว ซึ่งตอนนั้นนางบอกว่าทดลองพลาดถึงได้เป็นเช่นนี้ แต่ดูแล้วคงไม่ใช่

              "ท่านตั้งใจทิ้งข้าจริงๆใช่ไหม?"

              "ใช่"

              คำตอบนั้นออกมาอย่างไร้เยื่อไยและเย็นชาโดยคนตอบไม่หันมามองเรียกให้ในใจเจ็บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก 

              "ท่านไม่ต้องการเลือดข้าแล้วรึ?"

              "ถ้ายังต้องการอยู่ข้าจะทิ้งเจ้าไว้รึ"

              "ทำไม.."

              "เจ้านี่ชอบถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว" นางยังคงหยิบนู่นนี่นั่นวุ่นโดยไม่สนใจเขา "เพราะข้าไม่ต้องการเลือดเจ้าแล้วน่ะสิ มันไม่มีทางดีพอระดับที่ข้าต้องการ ในเมื่อเจ้าใช้การไม่ได้ ข้าจะเก็บไว้ให้เหนื่อยเพิ่มทำไม"

              พลั่ก!

              เขาจับไหล่เล็กนั้นให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน ไม่! เขาไม่เชื่อเด็ดขาด! ท่านแม่มดที่แม้จะปากร้ายแต่เขาก็รู้ว่านางใจดีเพียงใด ใจดีจนไม่ควรจะถูกจับรวมกลุ่มกับแม่มดพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ดวงตาที่นั้นช่างดูเฉยชาห่างเหินจนจุกนั่น.... จะบอกว่าตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาทั้งหมดนั่นมันเป็นแค่การเสแสร้งงั้นเหรอ

              มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อ ก่อนที่จะหยิบยาเม็ดนั้นเข้าปากตัวเอง แต่ก่อนที่แม่มดตรงหน้าจะคาดคิด เขาก็กระชากร่างเล็กกว่าเข้ามาใกล้และประกบปากลงไปอย่างดุดัน อาศัยความตกใจนั้นใช้ลิ้นดุนดันยาส่งเข้าปากอีกฝ่ายและบังคับให้กลืนลง แม้มันจะได้ผลแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมผละออกมา ยังคงโหยหาความหอมหวานปนกลิ่นเลือดจากริมฝีปากแตกแห้งนี่คล้ายอดอยาก

              "ท่านผิด ที่มองข้าเป็นเด็กตลอด ไว้ใจข้าเกินไป" เขากระซิบแนบชิดติด "ช่วงที่ท่านไม่อยู่ ข้าเองก็แอบปรุงยาไว้เพื่อไว้ใช้กับท่านโดยเฉพาะเหมือนกัน"

              "จะ.. เจ้า..."

              "แรงหายไปหมดแล้วสินะครับ" เขายิ้มบาง "แม้แต่จะหยิบยามาเอาคืนข้า ท่านก็คงไม่เหลือแรงแล้ว"

              "นี่.. เจ้า..."

              "ช่วงเวลาคืนหนึ่งที่ข้าได้อยู่กับพวกมนุษย์ ได้ความรู้มาเยอะเลยล่ะครับ" ปลายนิ้วชี้ม้วนผมอีกฝ่ายเล่น ก่อนจะจรดชิดริมฝีปาก "ต้องขอบคุณหนังสือของท่านด้วยที่ทำให้ข้าได้รู้เท่าทันโลกภายนอก ไม่ว่าจะสตรีที่หวังจะวางยาข้า สถานเริงรมณ์ หรือ... แม้แต่ความต้องการของหนุ่มสาว"

              "นี่.. คงไม่คิด..."

              "ข้าเลิกเรียกท่านว่าท่านพี่มาสองปี เพราะข้าเลิกมองท่านเป็นพี่อย่างไรล่ะครับ" เขายังคงว่าต่อไป "ยิ่งวันนี้ได้เจอสตรี ทั้งที่นางก็อ่อนหวานบอบบางน่ารักดูน่าปกป้องขนาดนั้น ข้าก็ไม่ได้อยากปกป้องนางเท่าท่านอยู่ดี"

              มือหยาบกร้านแห้ง บ่งบอกความลำบากที่ผ่านมา

              ความแข็งแกร่งไม่เคยขอพึ่งใคร บ่งบอกถึงชีวิตที่โดดเดี่ยว

              ดวงตาที่แม้บางครั้งจะดูไร้เดียงสายามตื่นเต้นกับบางสิ่ง แต่มักมุ่งมั่นและใจเย็น บ่งบอกถึงการผ่านโลกมามากตั้งแต่วัยเด็ก

              ยิ่งตามตัวมีแต่บาดแผลเช่นนี้.. บ่งบอกถึงความทรมานที่ต้องแบกรับบนบ่าเล็กๆนี่

              "ท่านพาข้าไปเมืองมนุษย์ เพราะอยากให้ข้ากลับไปใช้ชีวิตเช่นนั้นสินะครับ" เขาใช้ปลายนิ้วลูบแก้มอีกฝ่ายที่ไม่อาจพูดได้มากเพราะฤทธิ์ยาของเขา "แต่ข้าไม่คิดว่าข้าจะทำได้อีก"

              "...มันต้องใช้เวลา"

              ถ้อยคำนั้นเรียกรอยยิ้มบางคล้ายเอ็นดูให้ประดับบนใบหน้าเรียวสวยนั้น เขาจุมพิตตรงปลายจมูกอย่างแผ่วเบาขณะว่าต่อ "ข้าเกลียดมนุษย์"

              "...."

              "เกลียดพวกมนุษย์ ที่มันทำกับท่านเช่นนี้ อยากจะฆ่าพวกมันให้ทรมานทั้งเป็นเช่นท่าน พวกมันทุกคนที่ยืนมองและหัวเราะความตายของแม่มด ข้าไม่อาจห้ามความคิดนี้ได้ที่ข้า... อยากจะฆ่ามนุษย์ทุกผู้ที่อยู่บนโลก"

              "...."

              "จนให้เหลือแค่เพียงข้าคนเดียวก็พอ"

              "อย่าพูดจาไร้สาระ" แม้จะอ่อนแรงแต่นางก็ตวัดเสียงถาม "เจ้าคิดว่าข้าจะดีใจรึไงที่เจ้าทำหรือคิดแบบนั้น"

              "อันนั้นข้ายังไม่ได้คิดครับ แต่มันเป็นความต้องการและปรารถนาของข้าเอง" เขาฝังใบหน้าของตนลงกับไหล่เล็ก ถ้าไม่คิดไปเอง เหมือนจะได้กลิ่นไหม้ติดบาดแผลพวกนี้ด้วยซ้ำ "ท่านไม่ยอมตั้งชื่อให้ใคร ยังคงเรียกข้าเช่นนั้นแม้จะผ่านมานานถึงเพียงนี้ หนำซ้ำยังไม่เคยบอกเล่าอะไรให้ฟัง แต่กระนั้นก็ไม่อาจห้ามความผูกพันได้ ถึงได้ไม่เคยคิดดื่มเลือดข้าและตัดสินใจทิ้งข้าไว้... ใช่ไหมครับ"

              "ข้าถึงได้บอก ว่าเจ้าชอบถามคำถามที่รู้อยู่แล้ว" นางผ่อนลมหายใจออกมา "ไม่คิดจะระบายไอ้ความต้องการหนุ่มสาวหรืออะไรก็ตามที่ไปเรียนรู้มาจากสถานเริงรมณ์กับข้าแล้วรึ?"

              "ถ้าท่านไม่ยอม ข้าก็ไม่ทำครับ" 

              "ให้ตายเถอะ นี่เจ้าผสมยาที่ทำให้ข้าพูดสิ่งที่คิดไว้ด้วยใช่ไหมเนี่ย"

              "สมกับเป็นอาจารย์ของข้า ยามีฤทธิ์ไม่นานหรอกครับ ท่านเริ่มมีแรงแล้วเห็นไหม" เขายิ้มขำขณะที่สองมือโอบรอบร่างเล็กกว่าไว้ให้เข้ามาในอ้อมกอด ในอกรู้สึกเหมือนบางอย่างกดไว้แต่กระนั้นเขาก็ผ่อนลมหายใจออกมาและว่าเสียงตั้งใจ

              "ข้าตัดสินใจหนีออกมาและลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง มันคงบ่งบอกได้แล้วว่าข้าเกลียดชีวิตมนุษย์ของตัวเอง และการได้อยู่กับท่านตลอดเจ็ดปี... ต่อให้ท่านจะเป็นปีศาจร้ายหรืออะไรก็ตาม ท่านก็สำคัญสำหรับข้าที่สุดและมากกว่าใคร"

              เขาละออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะแนบหน้าผากของตนกับหน้าผากโหนกกว้างนั้น มองเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทดูเป็นประกายอย่างที่เขาชอบมองมันจนต้องยิ้มออกมาบางๆ

              "ข้ารักท่านนะครับ"

              "เจ้าเด็กบ้า" นางถอนหายใจออกมา "บอกมาข้าก็ไม่คิดจะตอบรับหรอกนะ"

              "งั้น... ก็อย่าปฏิเสธได้ไหมครับ"

              "ปฏิเสธแล้วเจ้าจะฟังรึ?"

              "คิดว่าไม่ครับ"

              "งั้นข้าจะพูดทำไมให้เปลืองน้ำลาย" 

              "งั้น... ท่านช่วยตั้งชื่อให้ข้าหน่อยได้ไหมครับ"

              "ข้าไม่ตั้งชื่อให้ใคร เจ้าลูกมนุษย์" นางหรี่ตาลงมอง "ต่อให้เจ้าบอกตัวเองมีชื่อ แต่อย่าหวังว่าข้าจะเรียก และต่อให้เจ้าแก่หนังเหี่ยวอย่างไรเจ้าก็จะยังถูกเรียกลูกมนุษย์จากข้า"

              "นั่นหมายความว่าท่านจะยอมให้ข้าอยู่ด้วยจนข้าแก่ตายใช่ไหมครับ?"  

              รู้สึกได้เลยว่าคิ้วสีดำหรี่ลงแบบไม่ชอบใจนัก ใบหน้าที่่แม้จะไม่ได้น่ารักมากมายหากเทียบกับสตรีหลายคน แต่สำหรับเขา นางน่ารักน่ามองที่สุด ซึ่งตอนนี้ใบหน้านั้นกำลังยุ่งเหยิงหนักมาก ซึ่งเขารีบว่าสำทับก่อนที่นางจะได้ว่าอะไร "ท่านไม่ต้องกลัวข้าแก่ตายหรืออะไรหรอกนะครับ ข้ากำลังศึกษายาอายุวัฒนะ และศึกษาเรื่องการคงอยู่ของร่างกาย ฉะนั้นท่านเห็นหน้าข้าจนเบื่อเป็นร้อยเป็นพันปีแน่ๆ"

              นางหรี่ตาลงมองอย่างจับผิดซึ่งเขาก็ยิ้มกว้างๆไปให้ มือน้อยนั้นขยี้ศีรษะตัวเองเหมือนจนปัญญา ก่อนจะถอนหายใจออกมาและบ่น "เจ้านี่มันหัวดื้อเป็นบ้า ข้าน่าจะหาสูตรรักษาความหัวดื้อของเจ้า"

              "ไม่หายหรอกน่า ข้าหัวดื้อม๊ากกมากเลยแหละ"

              "อย่ามาใช้หน้าตอแหลทำตัวเด็กปัญญาอ่อนกับข้านะเจ้าลูกมนุษย์! ข้ารู้ฤทธิ์เจ้าแล้ว!"

              "ข้ายอมทุกอย่างเพราะข้ารักท่านนะครับ ฉะนั้นในเมื่อท่านใจอ่อนกับข้าที่เป็นแบบนี้ก็ต้องขอสักหน่อยล่ะ"

              แม้ใบหน้านั้นจะดูเบื่อหน่าย แต่ก็เห็นได้ว่ามุมปากนั้นมีรอยยิ้มพร้อมกับฝ่ามือเล็กนั้นเอื้อมมาขยี้ศีรษะของเขา

              "ข้าแก่กว่าเจ้าสี่ร้อยปีอย่างต่ำ จะเล่นอะไรก็ให้มันรู้หน่อย"

              "งั้นนี่หน้าจริงๆท่านเหรอครับ?"

              "เปล่า จริงๆข้าเป็นหนุ่มรูปหล่อต่างหาก ฉะนั้นยินดีด้วย เจ้าชอบไม้ป่าเดียวกัน"

              "จะพ่อมดน้อยหรือแม่มดน้อยข้าก็ชอบหมดแหละครับ"

              "เดี๋ยวเถอะ!"

              เสียงหัวเราะนั้นดังประสานกันภายในบ้านหลังนั้น แม้จะไม่มากก็ไม่เป็นไร แต่ขอแค่ท่านแม่มดยังอยู่ตรงนี้กับบ้านหลังนี้ไม่ไปไหน อดีตของเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เขาทิ้งมันไปหมดแล้ว ขอแค่... ได้อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆเท่านั้น

              แต่อนิจจา ความสุขมิอาจคงอยู่นิรันดร์ เช่นเดียวกับแม่มดอาหารยาตรงหน้า...​ที่อาจจะจากไปก่อนที่เขาจะได้ตั้งตัวทัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×