ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M E S S A F T E R S T O R M "

    ลำดับตอนที่ #90 : ZODIAC V

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17
      0
      27 พ.ย. 59






    กริ๊ง....

    จู่ๆเสียงกระดิ่งก็แว่วลมมา ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นเสียงดังอะไรแต่มันก็ได้ยินกันไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นประตูห้องโถงใหญ่ก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ถูกเปิดกว้างจนสุดทั้งสองบานพร้อมกับเสียงกลองดังจนทำให้วงดนตรีที่กำลังบรรเลงหยุดชะงัก ผู้มาใหม่สามคนต่างแต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงชาดปลิวไสวและมีผ้าปิดหน้าผืนบางๆทำให้เห็นหน้าไม่ชัด คนขวามีรูปร่างสูงใหญ่และเห็นได้ชัดว่าเป็นบุรุษเพศ เรือนผมสีน้ำตาลทองยุ่งๆกับผิวสีเข้มกำลังตีกลองเป็นจังหวะเสียงดัง คนซ้ายมือเป็นอิสตรีจากส่วนเว้าโค้งที่เห็น เรือนผมหยักศกสีแดงยาวเลยบ่า กำลังเป่าเครื่องดนตรีประหลาดคล้ายดาวสี่แฉก แต่มีเสียงที่ไพเราะราวกับเสียงนกกู่ร้อง และคนกลางที่ไม่อาจคาดเดาได้ รูปร่างสูงโปร่งพอๆกับสตรีด้านซ้าย แต่ผอมบางกว่า หน้าอกที่แบนราบ ผ้าปิดหน้าและผ้าคลุมศีรษะสีแดงแต่กระนั้นก็เห็นว่าเรือนผมสีดำสนิทที่บางส่วนแซมแดงกลับยาวระพื้น เท้าเปลือยเปล่าที่ส่งเสียงกริ๊งจากกำไลข้อเท้าดังขึ้นจากการที่ผู้เป็นเจ้าของร่ายรำตามจังหวะเพลงเร็วที่เกิดจากชายหญิงเบื้องหลังทั้งสอง ชุดสีแดงที่โบกสะบัดยามร่างนั้นเคลื่อนไหวราวกับเปลวเพลิงที่เริงระบำตรึงสายตาทุกคนในห้องโถง

    จากเพลงสบายแปรเปลี่ยนเป็นเพลงราวกับกำลังอยู่ในศึกสงครามที่ให้ความรู้สึกฮึกเหิมอย่างประหลาดแม้จะมีเครื่องดนตรีเพียงสองชิ้น นักรำปริศนายิ้มบางใต้ผ้าคลุม และเดินกึ่งเต้นไปโค้งตัวน้อยๆเคารพสองตระกูลรอง รวมถึงดยุคฮาร์เวียร์และท่านชายมัธธายน์ เสร็จร่างนั้นก็ผินกายขึ้นไปตามบันไดไปอยู่เบื้องหน้าอัญมณีสีเพลิง และนั่นทำให้ดยุคผู้ปกครองเมืองตั้งสติได้ทันที เสียงทุ้มตวาดกร้าวออกมาเป็นครั้งแรก

    “เจ้าจะทำอะไร!”

    ร่างนั้นหาได้สนใจไม่ราวกับไม่ได้ยิน มือขาวเปิดแท่งแก้วสีใสออก ก่อนที่ใครจะร้องห้ามหรือคาดคิด ร่างปริศนาก็หยิบอัญมณีรูปเปลวเพลิงขึ้นมาอย่างง่ายดายจนทำให้คนที่มองต้องนิ่งอึ้งไป สามารถหยิบได้โดยไม่ถูกอัญมณีนั้นแผดเผาราวกับอิกนิคัสเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา คนๆนั้นเป็นใครกัน!

    “เจ้าเป็นใครถึงกล้าหยิบอัญมณีแห่งอิกนิคัส!”

    “กล้าไม่กล้าข้าก็หยิบไปแล้วล่ะ” ร่างนั้นเอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งแรกอย่างไม่รู้สึกอะไรกับน้ำเสียงและอารมณ์กราดเกรี้ยวจากท่านดยุค เสียงที่นุ่มทุ้มบ่งบอกว่าผู้พูดเป็นบุรุษเพศ “แล้วที่ถามว่าข้าเป็นใคร ท่านนั่นแหละอยากให้ ‘พวกเรา’ มาใจแทบขาดไม่ใช่รึ?”

    ชายปริศนาพยักเพยิดไปทางชายหญิงที่ในมือมีเครื่องดนตรีซึ่งบัดนี้หยุดเล่นไปแล้ว ก่อนที่ทั้งสองจะปลดผ้าปิดหน้าของตนออก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่วางกลองก่อนจะกระชากผ้าคลุมกายของตนออกอย่างแรงเหมือนรำคาญเผยให้เห็นเกราะสีแดงเพลิงแต่กระนั้นก็เห็นท่อนแขนกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ดวงตาสีเขียวเพอริโดต์คมกริบราวกับราชสีห์ ใบหน้าคมเข้มมีแววหงุดหงิดขณะบ่นอย่างเอาเรื่อง

    “ทำไมต้องให้ข้ามีผ้าปิดหน้าด้วย!?”

    “คำสั่งพี่ท่านหลังจากที่หายไปร่วมหกร้อยปี ทำๆไปเถอะ” เสียงหวานห้าวตอบอย่างคนทำใจได้ ขณะดึงผ้าบางเบาตามตัวออกบ้างเหลือเป็นชุดเกราะของอิสตรีเพศที่มีสีแดงเพลิงไม่ต่างจากชายหนุ่มข้างกาย รูปร่างไม่ได้บอบบางและให้ความรู้สึกว่าเธอนั้นแข็งแกร่ง ใบหน้าสวยเฉียบดูดุและแข็งกร้าว ทั้งสองยืนอยู่บนแท่นบันไดขั้นแรกขณะที่ดวงตาสีเงินประกายของหญิงสาวจะกวาดมองไปทั่ว ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าคือดิเอลซ่า ส่วนนี่คือ โคเซย์ พี่ชายของข้า”

    “เทพพิทักษ์ราศีเมษกับราศีสิงห์!!” ทุกคนอุทานออกมาเสียงดังเมื่อทั้งสองประกาศตนออกมา แต่กระนั้นท่านดยุคยังไม่เชื่อนัก

    “ไหนล่ะหลักฐานที่ว่าพวกเจ้าเป็นเทพพิทักษ์จริง?”

    ดวงตาสีเงินวาวของหญิงสาววาวโรจน์ขึ้นมาอย่างไม่พอใจทันที และแทนคำตอบ เปลวเพลิงก็ปะทุขึ้นมาจากร่างนั้นจนทุกคนต้องชะงัก ดวงตาสีเงินเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีแดงเพลิง พลังของมันทำให้เรือนผมสีแดงปลิวไสวและเผยให้เห็นสัญลักษณ์ราศีกลางหน้าผาก และมันคงทำให้ทำให้ที่แห่งนั้นมอดไหม้ไปแล้วถ้าบุรุษที่ยืนอยู่ข้างๆไม่เอื้อมมือไปตบบ่าและห้ามปรามเสียก่อน

    “ใจเย็นน้องข้า ข้าไม่อยากฟังท่านดีออสบ่นอีก” โคเซย์ว่า หญิงสาวสบถเป็นภาษาที่ฟังไม่ออกก่อนจะยอมลดโทสะลง เปลวเพลิงก็มอดดับและดวงตาสีเพลิงกลับเป็นสีเงินวาวดังเดิม โคเซย์พยักหน้าพอใจก่อนที่ดวงตาสีเขียวเพอริโดต์จะหันไปมองทางท่านดยุคด้วยแววตำหนิ “นั่นสมควรออกจากปากของผู้นำตระกูลพิทักษ์บัลลังค์เพลิงอย่างเจ้ารึ ฮาร์เวียร์ เซซาริส”

    “ข้าขออภัยแทนพ่อข้าด้วย” มัธธายน์คุกเข่าลงเบื้องหน้าเมื่อเห็นว่าบิดาของตนดูท่าจะสติเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว

    “แล้วคนๆนั้นเป็นใคร?” ดยุคฮาร์เวียร์หันไปมองยังชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ข้างแท่นบัลลังค์ ร่างที่ยืนหันข้างให้นั้นดูให้ความสนใจกับอัญมณีอิกนิคัสในมือของตนไม่สนต่อสิ่งรอบกาย และคำถามนั้นทำให้สิงห์หนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะถามกลับ

    “แล้วเจ้าคิดว่าใครกันนอกจากข้าสองคนสัมผัสอัญมณีแห่งอิกนิคัสได้อีก?”

    “แต่ว่าเขาถูกเนรเทศออกจากดินแดนสีขาวไม่ใช่รึไง!”

    “จนกว่าจะตัดสินใจเลือกผู้ครอบครองแห่งอิกนิคัส” โคเซย์ต่อให้จบ “และตอนนี้ก็คงตัดสินใจเลือกได้แล้วกระมังถึงได้ยอมมา”

    ทุกสายตาหันไปมองบุรุษที่ยืนอยู่หน้าแท่นแก้ว ก่อนที่ชายหนุ่มประจำราศีสิงห์จะเอ่ยต่ออีกครั้งอย่างอ่อนใจ “คิดจะยืนลูบอิกนิคัสอยู่อย่างนั้นไปถึงเมื่อไหร่กัน ท่านพี่?”

    จบประโยคนั้น เสียงหัวเราะก็ดังออกมาเบาๆก่อนที่ร่างเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่แสดงตัวหันร่างมาเผชิญหน้ากับสายตานับร้อยคู่ มือข้างที่ว่างเลื่อนผ้าคลุมศีรษะลงมาและปลดผ้าปิดหน้าออก และสิ่งที่เห็นทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจ

    เทพพิทักษ์อีกสองคนนั้นต่างงดงาม ดูโดดเด่นมีพลังและให้ความรู้สึกสูงส่งสมกับเป็นเทพ แต่กับเทพพิทักษ์องค์นี้มันดูมีบางอย่างที่ต่างออกไปที่ก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่มันดูน่าหลงใหลและยากจะเบนสายตาหนี ดวงหน้าหวานเฉียบราวกับอิสตรี เครื่องหน้าที่เข้ากัน แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มเป็นประกายสวย หางตาเชิดขึ้นน้อยๆคล้ายตาหงส์ยิ่งขับให้ดูหวานมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น และสิ่งนั้นทำให้ฮานต้องรำพึงออกมาอย่างเลื่อนลอยและไม่อยากจะเชื่อ

    “....เอลาซ”

    แม้ว่าเสียงนั้นจะแผ่วเบาแต่กระนั้นชายหนุ่มร่างโปร่งก็หันมามอง และยิ้มซื่อๆให้ไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะหันกลับไปมองตรงทางเดิม ขณะที่ชายหนุ่มผมบลอนด์ขาวยังคงนิ่งอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ท่านดยุคนั้นกลับหน้าถอดสีเช่นเดียวกับท่านชายมัธธายน์ที่ดูจะออกอาการอึ้งมากกว่าคนอื่น

    ร่างโปร่งโยนอัญมณีในมือเล่นราวกับว่ามันเป็นของไร้ค่าชิ้นหนึ่ง แล้วหันไปมองสิงห์หนุ่ม “ข้าก็แค่คิดอะไรบางอย่างอยู่เท่านั้น โคเซย์”

    “ท่านคือเทพพิทักษ์ราศีธนู.... ท่านเอ...” มัธธายน์ที่กำลังจะเอ่ยนามนั้นจำต้องหยุดเมื่อบุรุษร่างโปร่งยกมือขึ้นห้าม ก่อนที่จะปรายตามองและว่าเสียงเรียบ

    “ไม่ต้องทำความเคารพข้า เรียกข้าว่าท่าน หรือแม้แต่จะเอ่ยนามนั้น ถ้าเจ้ายังคลางแคลงในตัวข้าอยู่ เจ้าหนู

    “....”

    “แต่ข้าก็ไม่ได้ถือสาอันใดอยู่แล้ว” คนที่ยังไม่ประกาศนามยักไหล่แล้วกวาดตามองไปโดยรอบ “เพราะพวกเจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับข้าเลย นอกจากว่าข้าเป็นเทพพิทักษ์ที่ไร้ซึ่งความผิดชอบก็เท่านั้น แต่ยังไงข้าก็ขอแนะนำตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท”

    ร่างโปร่งยิ้มมุมปากออกมาบางๆ ก่อนจะพาตัวเองลงบันไดมาอยู่เหนือเทพพิทักษ์ทั้งสองคนขั้นหนึ่ง ขณะที่ค่อยๆปล่อยอิกนิคัส แต่แทนที่อัญมณีนั้นจะตกลงสู่พื้นดินและแตกกระจายอย่างที่ควรเป็น กลับลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าใบหน้าหวานนั่น เรียกเสียงฮือฮาให้ดังไปทั่ว พร้อมกับที่ร่างนั้นแนะนำตัวเอง

    “นามของข้าคือ เอเรียล ยินดีที่ได้พบ ชาวโฟเซียทั้งหลาย”




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×