ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M E S S A F T E R S T O R M "

    ลำดับตอนที่ #121 : หน้าแรกตะวันภาคสอง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41
      0
      4 ต.ค. 60









    ดวงอาทิตย์ ให้แสงสว่างกับทุกสรรพสิ่งทั่วหล้า เป็นศูนย์กลางและเอกเทศ 

    ขุนเขา และ ผืนหญ้า ต่างก็ได้รับผลกระทบจากดาวดวงนั้น

    'เขา' จะไม่มีวันล้ม จะคอยประคองและเป็นที่ยึดเหนี่ยว บดบังไม่ให้ผู้ใดได้เห็นความอ่อนแอยามสุริยันอ่อนแสง ดั่งขุนเขาที่ไม่มีวันล้มไม่ว่าจะลมหรือพายุใดๆ

    'เขา' จะคอยโอบอุ้มและเป็นที่พึ่งทางใจให้สงบ หากแสงอันแรงกล้าของของดาวดวงนั้นคือหยาดน้ำตาที่ไม่มีใครรู้ เขาก็ยินดีจะรับมัน ดั่งผืนหญ้าสีเขียวที่กว้างใหญ่ที่เป็นที่พึ่งให้กับสิ่งมีชีวิตอื่น

    เพียงแค่ 'เธอ' ยังคงสดใสและส่องประกาย ดั่งเช่นดวงตะวัน












    the image the image






    "ผู้หญิงวิศวะมันจะแมนกว่าผู้ชาย ถ้าไม่แมนกว่ามันก็มีแฟนแล้ว แต่ส่วนใหญ่คือแมนชิบหายจนชายแท้แบบพวกผมยังอาย!!"

              'ธารเชษฐ์' ได้ยินคำบ่นนี้จากปากญาติรุ่นน้องของตนเองนานมาสองสามปี เพิ่งได้มาประจักษ์กับตัวเองก็คราวนี้ กับการที่เห็นผู้หญิงที่ตัวเล็กประมาณอกแบกหามน้องชายเขากลับมาบ้าน!! แถมแบกขึ้นชั้นสองสบายๆโดยไม่สนใจสายตาเขาที่เป็นเจ้าของบ้านตัวจริงเลยด้วยซ้ำ! 


    "ทำไมเฮียให้ไอ้ทิวแบกผมขึ้นห้อง!"
    "ทิวไหน ฉันเห็นแต่ผู้หญิงตัวเล็กที่เจอที่ม.แกวันนั้น"
    "ก็นั่นแหละไอ้ทิว!"
    "....."
    ทิว? นั่นชื่อผู้หญิงแน่เหรอ?


              แต่ความที่ไม่ค่อยชอบใจเด็กคนนั้นในหลายๆเรื่อง ความประทับใจแรกเป็นแบบนั้นแถมครั้งต่อมาก็ค่อนข้างติดลบ แต่ดั่งโบราณว่ายิ่งไม่ชอบยิ่งเจอ เพราะทุกที่ที่เขาไปนั้นต้องเจอเด็กผู้หญิงแสบๆร่างเล็กๆนั่นทุกที่! จนมันเป็นความเคยชินไปเสียแล้วที่จะคอยมองหา จากความไม่ชอบกลับกลายเป็นความชินชากับนิสัยแบบนั้น จนสุดท้าย..​เขากลับรู้สึกว่าตัวเองมองตามเงานั้นอยู่เรื่อยไปแบบที่หงุดหงิดทุกครั้งหากไม่เห็น


    "...เธอจะทำให้ฉันเป็นบ้าให้ได้ใช่ไหม"
    "ฉันรักษาเธอ เธอก็คงต้องรักษาฉันด้วย แล้วค่ารักษาถือว่าเสมอกันไป"


     





    "ตะวัน? อ๋อ ถ้าหมายถึง 'พี่ทิวจิ๋วอสูร' ล่ะก็ เขาคงอยู่สนามกีฬาล่ะมั้งครับ" 



           ทางด้านคนที่ถูกมองว่าไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่ได้สนใจ มันก็แค่ชื่อย่อจากชื่อจริง เพราะเธอคิดว่าชื่อเล่นตัวเองมันไม่แมนพอที่จะเป็นพี่ว้ากก็เท่านั้น หน้าไม่โหดอยู่แล้วอย่างน้อยๆก็ขอชื่อโหดสักนิดก็แล้วกัน (//เพื่อนส่ายหัวกันเป็นแถว)

              ไอ้ 'ทิว' หรือ 'ตะวัน' เด็กปีสามผู้บ้าคลั่งกีฬาที่สะเออะอยากเป็นพี่ว้ากทั้งที่ตัวเองก็ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาเมื่อปีที่แล้ว แต่นี่มันความฝันสูงสุด แน่นอนว่าต้องเป็นให้ได้!
              เธอก็เหมือนเด็กมหาลัยทั่วๆไป มีงานพิเศษต้องทำ ต้องปั่นโปรเจ็ค ต้องไปเรียน มีนัดสังสรรค์กับเพื่อนและมีการตีกันบ้างตามประสา(?) มีพบปะเพื่อนใหม่ แต่ 'เพื่อนใหม่' ที่ว่าสองคนที่เธอไม่แน่ใจว่าจะเรียกเพื่อนได้รึเปล่า เพราะการที่ต่างวัยกันเกินสิบปี ...​เอาเป็นว่าเธอนับถือเขาเป็นพี่ก็แล้วกัน และบางครั้งเพราะการที่อีกฝ่ายผ่านโลกมามากกว่า เธอขอความช่วยเหลือไม่ก็ขอคำปรึกษาเขาได้ โดยเฉพาะ 'ประธาน' คนนั้น


    "มึงไปรู้จักกับคนแก่แบบนั้นได้ยังไง?"
    "ก็คนหนึ่งก็พี่เพื่อน อีกคนก็.... ลูกค้าประจำร้านกาแฟที่กูเคยทำงาน และแก่ที่ไหน สามสิบนิดๆเอง"
    "แก่กว่ามึงสิบปีอัพกูเรียกคนแก่ผิดตรงไหนวะ?"
    "เออ! ถึงจะแก่แต่ฮอตปรอทแตกเลยเหอะ! โคตรแม่งเลยนอกจากพี่ก้องก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ! กูพนันได้เลยว่าถ้าพวกเขาแก่กว่านี้ยิ่งฮอตแน่ๆ! อย่าให้มีแฟนแบบพี่ก้องก็แล้วกัน"
    "มึงอยากได้?"
    "กูชอบคนแก่นะ กูถึงได้ตามกรี๊ดพี่ก้องไงไม่เห็นเหรอ?"
    "...ระวังเหอะ เขามาเอามึงขึ้นมามึงจะกรี๊ดไม่ออก"
    "มึงว่าอะไรนะ พูดชัดๆดิ กูได้ยินไม่ถนัด"
    "เปล๊าาาา กูบอกว่ากูไม่กรี๊ดคนแก่แบบมึง"


              แต่แล้วอาจเป็นเพราะชะตาพัดเพ สถานะที่ต่างกลับทำให้เธอต้องเจอพวกเขาอยู่ร่ำไป และยิ่งนานไปมันก็ยิ่งรู้สึกว่าคุ้นเคย จนเรียกได้ว่า... มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ชีวิตวุ่นๆนี่ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปนั่นแหละนะ


    "อย่างกับเห็นความฝันที่น่าจะลืมไปแล้วซ้อนทับขึ้นมาแน่ะ"
    "ทั้งที่หน้าก็ดูไม่เหมือน แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกคุ้นมากเวลาอยู่ด้วย จนเกือบลืมคำว่าสัมมาคารวะไปหลายรอบเลย"


     





    "ผู้หญิงสมัยนี้ต้องสายสตรองนะตฤณ ไม่จำเป็นต้องพึ่งมากและให้ผู้ชายเป็นที่พึ่งได้"
    "...ผมว่าผมเจอผู้หญิงแบบนั้นแล้วล่ะ ที่เป็นสายสตรองยิ่งกว่าคุณ"



              ร้านกาแฟร้านประจำที่ชอบไปนั่งนั้นใช่ว่าจะไม่มีเด็กวัยรุ่นทำงานพาร์ทไทม์ แต่มันจะมีอยู่คนหนึ่งที่เขาจำได้ จากการที่เจ้าตัวบริการอย่างสดใสและแนะนำเครื่องดื่มอย่างออกรส และที่ทำให้ถูกชะตาและล่วงเลยมาจนเป็นบทสนทนา คือภาพถ่ายรูปเดียวบนฝาผนังร้านที่ได้ข่าวว่าเป็นฝีมือของเจ้าหล่อน 


    "รูปภาพพระอาทิตย์ขึ้นนั่นฝีมือเธอถ่ายเหรอ?"
    "ใช่ค่ะคุณลูกค้า" เจ้าตัวตอบอย่างสดใสพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาหยี "ไม่เสียแรงที่ลงทุนปีนไปบนเขาตั้งแต่ตีห้าเลยใช่ไหมล่ะ! ภาพนั้นคือออกมาสวยที่สุดในชีวิตเลยนะ"
    "ชอบพระอาทิตย์เหรอ?"
    "ค่ะ โดยเฉพาะตอนกำลังขึ้น เห็นแล้วรู้สึกเหมือนมีพลังวันใหม่"
    ".....เหมือนช่ือเธอสินะ"


              'ตฤณกฤต' อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้กับยิ้มที่ดูงงๆนั่น เพราะโลกของผู้ใหญ่ไม่ได้สบายและน่าไว้ใจแบบนั้น แต่เด็กผู้หญิงตรงหน้าก็มีการเล่าเรื่องราวและความคิดเห็นที่ทำให้เขาชอบฟังและเพลิดเพลินไปกับมัน แต่ใครจะรู้ว่าเขาค่อยๆถูกดวงอาทิตย์ดวงนั้นดึงดูดเข้าไป ชีวิตที่ไม่ว่าจะพบเจอใครก็รู้สึกว่าไม่ใช่ ความรู้สึกที่เหมือนกับรอใคร.... มันถูกเติมเต็ม


    "ใครว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขกัน ลองมาเจอกับตัว แล้วจะรู้ว่ามันใช้แค่ 'เพียง' ไม่ได้"
    "ปกติก็ไม่ได้รักเด็กอะไรขนาดนั้น แต่อย่างเธอ... ฉันยกให้เป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน"











                   หนึ่ง... คือผู้หญิงลั้ลลาที่พกความแมนและความซ่ามาเต็มกระเป๋า
                   อีกหนึ่ง... คือชายหนุ่มหน้าอ่อนผู้ที่ทั้งสายตาและนิสัยดุเสียยิ่งกว่าอะไร
                   หนึ่งสุดท้าย.... คือบุรุษใจดี ที่ซื่อตรงและอ่อนโยน จนทำให้สตรีหลายคนหลงใหลและอยากเข้าใกล้ 


                   ความสัมพันธ์ที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนถูกถักทออีกครั้ง เมื่อพวกเขาต่างเป็นฝ่ายเติมเต็มกันละกัน เส้นใยบางๆที่แม้จะจางหายแต่มันก็ยังคงอยู่ตรงนั้น แต่..... หัวใจมีดวงเดียว เธอจะเลือกใครล่ะ?! (หรือไม่ต้องเลือกแม่ง?)

    พบกับบทสรุปจากนิยายย้อนยุค "สุริยะเคียงบัลลังก์" ได้ที่นี่!





    #ทีมเสื้อกาวน์ #ทีมเสื้อสูท #เลี้ยงต้อย




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×