ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส อีกหนึ่งความทรงจำ

    ลำดับตอนที่ #4 : ความทรงจำบทที่1 ตอนที่2 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 54


     

                   บรรยาการกลางห้องโถงในป้อมอัศวิน   วันนี้ค่อนข้างน่ากลัวเป็นพิเศษเนื่องมาจากชาวป้อมอัศวินปีสาม   ต่างก็มีหน้าตาที่แตกต่างออกไปจากเดิม   และรังศีอาฆาตที่แผ่ออกมาจนทั่วห้องโถง  บวกกับใบหน้าที่บูดบึ้งราวกับจะไปฆ่าคนที่ไหน   ทำให้เหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องทั้งหลายไม่กล้าเข้าใกล้    ได้แต่คอยเมียงมองเหตุการณ์ตรงหน้า   อยู่ห่างๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                     ขณะที่ตัวตนเรื่องกำลังนั่งจ๋องอยู่กลางวงล้อม   ของเหล่าเพื่อนผองที่กำลังแผ่รังศีอาฆาตออกมาเต็มพิกัด   ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีกไม่เลิก  ก็จะไม่ให้หญิงสาวกลัวได้ยังไง   ในเมื่อไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่สายตาแค้นเคือง  ของเพื่อนฝูง   ซึ่งมันบอกเธอได้ว่า   ยังไงยังไงวันนี้เธอก็คงไม่รอดพ้นจากบทลงโทษ  ที่เหล่าเพื่อนฝูงคิดขึ้นเป็นแน่  แล้วดูแต่ละคนซิ   คิดอะไรเหมือนชาวบ้านเขาเป็นกันที่ไหน   เธอตายแน่

               "เอ่อ....แหมพวกแกไม่เห็นจะต้องทำหน้าน่ากลัว...แบบนั้นเลยนี่หว่า..."เฟรินตัดสินใจรวบรวมความกล้าขึ้น   ต่อรองกับเพื่อนๆหวังลดหย่อนผ่อนโทษลงสักเล็กน้อย  แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการถลึงตาใส่อย่างเคืองๆ   ที่พร้อมใจกันส่งมาให้เธอ  เอาแล้วไงไม่น่าหาเรื่องเลยเรา  เฟรินคิดขณะกำลังก้มหน้าก้มตาทำหน้าสำนึกผิดสงบเสงี่ยมเจียมตัว   หวังให้เจ้าพวกลิงทโมนทั้งหลายสงสาร

              "เอาเถอะค่ะ  มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  เรนอนว่าพอคุณเฟรินเอาแหวนออกให้ทุกคนก็น่าจะเลิกโกรธได้แล้วนะค่ะ"  เรนอนสาวน้อยแสนน่ารักประจำกลุ่มพูดขึ้น   หวังช่วยแม่ตัวแสบที่อยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

              "โธ่เรนอนเธอไม่มาเป็นพวกเราไม่รู้หรอก ยังไงยังไง...แต่ที่จริงแล้วชั้นก็ไม่ใช่พวกชอบรังแกผู้หญิงปล่อยไปสักครั้งก็ได้"  คิลน้อยทำท่าจะเอ่ยคัดเรนอน  หมายจะแก้แค้นแม่ตัวยุ่งให้สะใจ  แต่เมื่อปะทะเข้ากับ  ดวงตากลมโตที่จ้องอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาเอาเรื่อง  จากเรนอน  ทำให้คำประท้วงทั้งหมดหายกลับเข้าไปในคอทันที


                  ผู้ชายคนอื่นก็มีสภาพไม่ต่างจากคิลนัด  เนื่องจากแต่ล่ะคนเป็นโรคขี้เกรงใจผู้หญิง  ซึ่งคราวนี้ผู้หญิงแต่ล่ะคนก็ดูท่าจะเข้าข้างเฟรินไปซะทุกคน  และสาเหตุก็มาจากว่า  ยัยพวกสาวน้อยทั้งหลายมันกลัวเฟรินจะเอาคืนถ้าไม่ยอมช่วย  คราวนี้รอดมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว  ไมม่อยากนึกสภาพยัยพวกนั้นเป็นแบบพวกเราตอนนี้เลยให้ตายสิ

              "เอ่อทุกคนชั้นมีเรื่องจะบอก" เฟรินตัดสินรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วเอ่ยคำต้องห้ามที่เห่าผู้ชายไม่อยากได้ยินออกมา "คำสาปที่ร่ายไว้มันแก้ไม่ได้  จนกว่าจะครบหนึ่งเดือนถึงจะหายไปเอง......"คำพูดของเฟรินค่อยๆเบาลงไปเรื่อยๆ  ตามลำดับ เนื่องมาจากสายตาของเหล่าตัวผู้ป้อมอัศวินปีสามที่จ้องมองมานั้น  มันเป็นสายตาที่บอกถึงความอาฆาตชนิดฝังลึกที่สุด

    อ้าวแล้วน้องหนูเฟรินจะรอดมั้ยเนี้ย (น่าฉงฉาน)



                     "ปล่อยช้านออกปายน้า  เจ้าเพื่อนงี่เง่า  เจ้าคิดเจ้าแค้น ฉอดๆๆๆๆๆๆๆๆ"เฟรินโวยวายดังลั่น   เมื่อเหล่าเพื่อนๆพากันพิพากษาโดยการจับเธอขังเดี่ยว   ไว้ในคุกใต้ดินเพียงลำพัง   มันเป็นสถานที่อีกหนึ่งที่ให้ตายยังไงเฟรินก็ไม่กล้าย่างกรายเข้ามาคนเดียวเป็นอันขาด    ซึ่งสาเหตุนั้นมีเพียงสาเหตุเดียว   จะอะไรซะอีกล่ะถ้าสถานที่นี้ไม่ได้ขึ้นชื่อว่า   ผีดุ
          

                     "เราทำแบบนี้กับคุณเฟรินดีแน่เหรอค่ะ"เรนอนเอ่ยขึ้นด้วยความสงสาร  "ไม่ต้องไปสงสารแม่นั้นเลยนะเรนอน  โดนซะบ้างวันหลังจะได้เข็ด"คิลพูดขัดขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย  เมื่อแม่สาวน้อยตรงหน้ากำลังจะใจอ่อน  เขาไม่ยอมซะหรอก  ถ้าจะให้เขามาอยู่ในสภาพสาวน้อยอย่างนี้ตลอดหนึ่งเดือน   เฟรินเองก็ต้องอยู่ในนั้นไปอีกหนึ่งเดือนเหมือนกัน

                            ขณะที่เหล่าเพื่อนๆกำลังปรึกษาเพื่อหาทางแก้ปัญหาอยู่นั้นเอง  เฟรินก็กำลังพยายามอย่างสุดชีวิต    เพื่อหาทางออกมาจากห้องขังสุดสยอง  ที่ดูยังไงก็ไม่น่าอยู่สักนิด  พ่อจ๋าแม่จ๋าเค้าผิดไปแล้ว หญิงสาวนึกคร่ำครวญอยู่ในใจ   เธอเข้าใจแล้วว่าคำว่ามานั้งเสียใจทีหลังมันเป็นยังไง   ทำไมเพื่อนๆของเธอถึงได้ใจร้ายกันอย่างนี้


                          จะกักบริเวณเธอก็ไม่ว่าอะไรหรอก  แต่มาขังกันไว้ที่นี้มันหมายความว่าไง  เธอยอมให้ขังเธอไว้สักสองเดือนด้วยซ้ำถ้ามันไม่ใช่ที่นี้  เฟรินได้แต่คิดฟุ้งซ่านอยู่ตามลำพัง  เธอกอดเข่าเ้ข้าหากัน  พร้อมมองสำรวจไปรอบๆห้องอย่างเกรงๆ  หวังว่าคงไม่มีอะไรโผล่ออกมานะ  สิ้นความคิดของหญิงสาว  สายตาของเธอก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง 

                  "กะ...กรี๊ด............"เสียงร้องแหลมดังกังวานไปทั่วห้องขัง (แต่เนื่องจากเป็นห้องเก็บเสียง  คนข้างนอกจึงไม่ได้ยิน)  ก็จะไม่ให้เธอกรี๊ดได้ยังไงในเมื่อสิ่งที่เธอเจอคือโครงกระดูกของนักโทษ   ที่คนทำความสะอาดคงเอาออกไปไม่หมด   หลังจากเจ้าของห้องคนก่อนเดี้ยงไปแล้วหลายเดือน

                      
                   

                    หลังจากที่ทุกคนพากันเข้านอนไปจนหมด   เจ้าคนที่คิดจะลองใจแข็งดูสักหน่อย   ก็เกิดอาการใจอ่อนกำเริบ   พลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่นานสองนาน  แต่ก็ยังหลับไม่ลงสักที  ในหัวมีแต่เรื่องของแม่ตัวยุ่ง   ที่ชอบก่อเรื่องให้เขาและตัวเองเดือดร้อนเสมอๆ   ว่าจะสั่งสอนให้หลาบจำ  แต่ดูท่าทางเขาคงใจแข็งต่อไปไม่ไหวแล้ว 

                
                    เมื่อคิดได้ดังนั้น  เจ้าชายแห่งคาโนวาลก็ค่อยๆพาร่างเล็กๆของตัวเอง  ออกจากห้อง  แล้วเดินไปตามทางเดินที่จะนำทางลงไปสู่ชั้นใต้ดิน   ใครๆต่างก็รู้ดีว่าเฟรินกลัวผีมากแค่ไหน   ไปขังไว้ในนั้นไม่ใช่ว่าแม่ตัวดีของเขาจะร้องลั่นห้องขังไปแล้วเหรอ    แล้วไหนจะเรื่องที่แม่ตัวดียังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้านั้นอีก   ปกติก็เป็นคนกินเก่งอยู่แล้ว    มาหาเรื่องให้อดตั้งแต่เช้ายันเย็นแบบนี้   ก็ได้ตายกันพอดีซิ

                    ขณะที่ร่างเล็กของเจ้าชายน้อยแห่งคาโนวาล   กำลังเดินไปตามทางเดินเรื่อยจนใกล้จะถึงจุดหมายอยู่แล้วนั้นเอง   เขาก็ได้ยินเสียงแว่วๆ  เจ้าตัวรู้สึกได้ว่าเป็นเสียงของหญิงสาวที่เขากำลังจะไปหาอยู่แน่ๆ   แต่ทำไมมันฟังดูโหยหวนชอบกลแหะ  หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเฟริน   คิดได้ดังนั้นคาโลจึงรีบผลักประตูเข้าไปทันที   และสิ่งที่เขากลับทำให้เขาถึงกลับตะลึงค้าง

               แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี้ย   ไว้คราวหน้าจะมาต่อให้จบล่ะกันน้อ  หุหุ


                


             

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×