คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน...
9
ไม่ได้เป็นอะไรกัน…
ผมหลับตาแน่นในขณะที่ความรู้สึกโหวงเกิดขึ้น มีเพียงลมแผ่วเบาพัดผ่านใบหน้าผมไปทำให้ลืม ตามองเหตุการณ์ตรงหน้าที่ตอนนี้กวังมินถูกใครบางคนกำคอเสื้อไว้แน่น ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อคนนั้นง้างหมัดขึ้นก่อนจะปล่อยหมัดใส่หน้าอีกคนจนล้มไปกับพื้น นี่มันบ้าอะไรกัน
“ กวังมิน! ” ผมรีบโดดลงไปประคองร่างสูงที่ปากแตกจากการโดนชก
“ จะไปปกป้องมันทำไม ” แรงกระชากจากต้นแขนให้ผมลุกไปยืนข้างเขา สายตาที่มองกวังมินดูโกรธจนแทบจะมีรังสีแผ่ออกมา ทำไมต้องโมโหขนาดนี้วะ
“ กวังมินเป็นเพื่อนผม ” นัยน์ตาสีดำมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“ เพื่อนที่ไหนเขาทำแบบนี้กัน แล้วปากไปโดนอะไรมา ”
“ …! ” ผมสะดุ้งกับเสียงที่กดต่ำบ่งบอกอารมณ์โกรธจัด
“ ไม่น่าถาม ก็น่าจะรู้ดีนี่ครับ…รุ่นพี่ดงฮยอน ”
กวังมินจ้องตาคนข้างๆผมโดยที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม พอคนข้างๆผมได้ยินอย่างนั้นก็คิ้วกระตุกเลยครับ มือหนาที่จับแขนผมไว้บีบแน่นขึ้นจนผมต้องนิ่วหน้า เจ็บ.. ผมได้แต่กัดฟันอย่างอดทน สังเกตสีหน้าอารมณ์ของร่างสูงที่นิ่งอย่างกับรูปปูนปั้น ปูนซีเมนต์ด้วยเหอะ จะโวยวายใส่ผมยังไม่กล้า แผ่รังสีทะมึนขนาดนี้
“ อย่าบอกนะว่านาย… ”
“ ใช่ ผมจูบมินวู ปากนุ่มชะมัด ” ไอ้บ้า ดูมันพูด -/- (ควรจะเขิน?)
“ ไอ้กวังมิน!! ” ดงฮยอนปล่อยแขนผมแล้วถลาเข้าไปจะต่อยซ้ำอีกรอบแต่ผมดึงแขนเขาเอาไว้สุดแรงเกิด ย้ำว่าสุดแรง!แทบเกือบจะปลิวตาม นี่ก็จะบ้าหรอไง ทำไมชอบใช้ความรุนแรงนักวะ
“ รุ่นพี่คิดว่าทำอะไรอยู่ หวงมินวู หึงมินวูงั้นหรอ ” คำพูดของกวังมินทำให้ผมฉุกขึ้นได้ นั่นสิ หึงหวง? เขามีสิทธิ์อะไรกัน
“ ถ้าใช่แล้วจะทำไม ”
“ รุ่นพี่เป็นอะไรกับมินวู ก็ไม่ได้เป็นไม่ใช่หรอไง ” ใช่ ไม่ได้เป็น เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ ผมคิดตามที่กวังมินพูด เงยหน้าขึ้นมองหน้าดงฮยอน
“ นายจะหมายถึงอะไร ”
“ พอเถอะรุ่นพี่ มันจริงอย่างที่กวังมินพูด ”
“ มินวู… ”ผมปล่อยแขนอีกคนลงแล้วเดินไปพยุงกวังมินให้ลุกขึ้น นั่งสบายเชียวนะ =___=
“ พี่มีสิทธิ์อะไรที่มาทำแบบนี้ เหอะ ตลกชะมัด ”
“ พี่ขอโทษ ” ดงฮยอนนิ่งไป คงจะแทงใจสินะ ทำอย่างกับว่าผมเป็นของเขาอย่างงั้นแหละ ทีตัวเองล่ะ ทำอะไรไว้กับผมบ้างไม่คิดบ้างหรอว่ามันไม่ควร ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย ที่ผ่านมาทำไมผมถึงปล่อยให้เขามาทำแบบนั้นนะ มันเพราะอะไรกัน ผมบ้าไปแล้วแน่ๆ
“ ไปกันเหอะกวังมิน ” ผมจับมือคนตัวสูงแล้วเดินผ่านร่างที่ยืนแข็งเป็นหินออกมา ต่อจากนี้ มันต้องไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
...ผมไม่ได้ง่ายนะ
ณ สวนหลังอาคาร
ต้นหญ้าสีเขียวครอบคลุมพื้นที่กว้างที่ไม่ใหญ่มากนัก ผมทิ้งตัวลงกับพื้นหญ้าก่อนจะฉุดมืออีกคนให้นั่งตามลงมา มือแตะที่มุมริมฝีปากอีกคนที่ช้ำอย่างเห็นได้ชัด
“ เจ็บไหม ”
“ เจ็บดิวะ แม่งหมัดหนักโคตรอะ ”
“ ก็ดันเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เปลืองตัวฉันจริงๆ ” แม่งเล่นไซร้คอซะ ขี้ไคลติดจมูกเลยมั้ง
“ ไม่ทำอย่างนี้หมอนั่นจะรู้ตัวหรอ ” ก็จริง เมื่อกี้มันก็แค่จัดฉากตามแผนกวังมินกระซิบบอกในตอนแรกที่ออกมาจากห้องน้ำเท่านั่นล่ะ หมอนี่แกล้งคนเก่งใช่ไหมล่ะ
“ เออ ขอบใจละกัน ”
“ เหอะ ดีใจไหมล่ะ หวงนายน่าดู ”
“ ดีใจบ้าอะไรล่ะ ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉันไปได้ แฟนก็ไม่ใช่ ”
“ พูดแบบนี้ หวังอะไรอยู่รึเปล่า ”
“ เปล่า ” หวัง? อย่างผมจะไปหวังอะไร
“ งั้นก็ดี... ” กวังมินพึมพำก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ นี่ถ้ายองมินเห็นสภาพปากฉันต้องโกรธแน่ๆเลย ”
“ ก็คงงั้น ”
“ ไม่คิดจะช่วยฉันมั้งหรอ นี่มันผลพวงจากการช่วยนายนะเว้ยไอ้เตี้ย ”
“ ไม่ได้ขอให้ช่วยนี่หว่า ;P ”
“ พูดงี้ได้ไง รู้งี้ขังนายไว้กับรุ่นพี่ในห้องน้ำสองคน ปล่อยให้โดน… แหวะ! ” ยังไม่ทันที่กวังมินจะพูดจบก็โดนผมยัดหญ้าที่ดึงจากพื้นยัดปากเต็มๆ
“ สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆๆ ”
“ ไอ้เตี้ย! ” ผมหุบปากแล้วลุกขึ้นวิ่งทันที เราวิ่งไล่กันอีกแล้ว = =^ ไม่ต้องเรียนมันละวันนี้ โดดยาวยันเย็นเหอะ สมองผมตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะรับอะไรเข้าหัวแล้วเหมือนกัน
เลิกเรียน ผมกับกวังมินไปรับยองมินกัน โรงเรียนแม่งใหญ่มากกก นักเรียนในยูนิฟอร์มโรงเรียนนี้มองผมกับกวังมินที่ยืนอยู่หน้าประตู คงจะเป็นเพราะชุดน่ะ
“ กวังมิน รอนานไหม ” เจ้าของเรือนผมสีทองที่ตอนนี้ดูหม่นลงเดินออกมาจากรั้วโรงเรียน ย้อมผมใหม่? โอ้โหแหะ คนน้องก็ตัดผม คนพี่ก็ย้อมหัว เพื่ออะไร?
“ ไม่นานหรอก นั่นปากไปโดนอะไรมา ” ยองมินเหลือบมองริมฝีปากน้องชายฝาแฝดที่ตอนนี้ช้ำจนเห็นได้ชัด
“ เอ่อ… ” กวังมินอึกอัก
“ ฉันทำเองแหละ พอดีมันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ” ผมก้มหน้าทำท่าสำนึกความผิดเต็มที่ ฉันช่วยนายแล้วนะเว้ยกวังมิน
“ ไอ้เตี้ย รังแกน้องฉันหรอ ” ฉันสิโดนรังแก - -^ แหกตาดูไหม รอยเขี้ยวยังอยู่ที่ปากอยู่เลย โอ้ย จะไปนึกถึงทำไมวะเนี่ย
“ อย่าไปโกรธมินวูเลย ก็แค่อุบัติเหตุไง ผมยังไม่ว่าอะไรเลย ”
“ เอางั้นก็ได้ ”
“ ^[++++]^ ” เพราะยิ้มหน้าบานเลยโดนมือยองมินขยี้หัวแรงๆ “ ไอ้บ้า ไม่ใช่เด็กนะเว้ย ”
“ เฮ้ย ยองมิน นั่นแฟนนายหรอน่ารักจัง ” ชายคนหนึ่งเดินมาตบหลังแฝดคนพี่ดังปึก ฟะ..แฟน?
“ เพื่อนต่างหาก - -; ” ผมรีบปฏิเสธ จะบ้าหรอไม่มีตารึไง “ ขอตัวก่อนนะ ว่าจะแวะซื้อของก่อน ”
ผมแยกตัวออกมาก่อนจะเดินไปที่ร้านเค้กผสมไอศกรีม สายตามองป้ายชื่อร้าน ที่นี่เองสินะ ที่รุ่นพี่จองมินชอบมาซื้อเค้กไปกินบ่อยๆ แต่ไม่รู้แฮะว่าซื้อแบบไหนไปกิน เสี่ยงดีไหม ยังไงก็แค่ต้องให้เจ้าตัวสงสัย แล้วมาตามตัวพาร์ทเนอร์อย่างผมล่ะนะ
ผมมองเจ้าพวกเค้กช็อกโกแลตในตู้กระจก หน้าตาน่ากินทุกอันเลย แบบไหนดีนะ ซื้อเจ้านี้เสร็จแล้วซื้อไอศกรีมกลับไปด้วยดีกว่า ^O^
“ พี่ครับ เอาแบบนี้ชิ้นนึงครับ ” ผมชี้เค้กช็อกโกแลตที่มีหน้าตาเรียบๆ แต่มันดูน่ากินมากเลย แอบอยากกินบ้างแฮะ =w=
“ เปลี่ยนเป็นสองชิ้นดีกว่าครับพี่ ^-^ ”
“ ได้ครับ (: ” พนักงานยิ้มตอบ บริการดีเนอะ บรรยากาศในร้านก็ดี ผมซื้อไอศกรีมเพิ่มแล้วยิ้มให้พี่พนักงานอีกทีหลังรับเงินทอน
พลันสายตาสะดุดกับเส้นผมสีแดง เห็นแล้วนึกนึกใครอื่นไม่ได้เลย ทั้งเรื่องมันก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ! -3- แต่คงไม่ใช่มั้ง ถึงจะใช่ มันก็ไม่เกี่ยวกับผมซักหน่อย ผมหยุดมองแล้วไล่ความคิดออกไป จะไปนึกถึงเขาทำไมวะ ผมก้าวขาจะเดินออกแต่ทว่าเห็นคนตาหยีผมสีน้ำตาลบลอนด์กำลังจะเข้าร้านมา
“ พี่ครับฝากให้ผู้ชายตาหยีๆที่กำลังเข้ามาด้วยนะครับ ตรงนั้นน่ะ บอกว่าจากพาร์ทเนอร์นะครับ ^^ ” ผมหยิบชิ้นเค้กให้พนักงานแล้วส่งยิ้มตาปิดให้ ก่อนจะเดินไปหลบมุมหลังป้ายไอศกรีมที่อยู่ทางด้านซ้ายของตู้กระจก พอคนตาหยีเดินเข้ามาข้างใน ผมก็รีบเดินออกไปแบบเนียนๆ เพราะตาไวมองเห็นว่าร้านนี้มีประตูอยู่อีกทางข้างๆนี้เอง ผมเลยใช้เป็นทางออกโดยไม่โป๊ะเช๊ะกับพี่จองมินแต่อย่างใด
ผมรอข้ามถนนพร้อมคนอื่นๆ แถวนี้นักเรียนเยอะเหมือนกันแฮะ ผมเดินไปทางหน้าโรงเรียน จากตรงนี้ก็…
“ อ้าว เพื่อนยองมินนี่ ยังไม่กลับอีกหรอ ” มือหนาของคนร่างสูงแตะไหล่ผมก่อนจะยิ้มให้ ผมมองหน้าอีกคนแบบงงๆ ใครวะ? “ เอ่อ ฉันเพื่อนยองมินไงคนเมื่อกี้ที่ฉันทักนายว่า… ” เป็นแฟนยองมิน - - เหอะ จำได้ละ
“ โทษทีไม่ได้จำ มีอะไรหรอ ^^ ” ผมยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า
“ จะบอกว่ายองมินกับฝาแฝดกลับไปแล้วน่ะ ” รู้อยู่แล้วล่ะ ก็ไม่ได้บอกให้สองคนนั้นรอนี่
“ ฉันกำลังจะกลับเหมือนกัน ไปนะ ”
“ เดี๋ยวสิ ” ผมหันกลับมาใหม่ตามเสียงเรียกแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเควสชั่นมาร์ก แต่อีกคนก็ยังยืนนิ่ง “ ไปส่งไหม? ”
“ ไม่ต้องหรอก ขอบใจ ” คิดไงจะไปส่ง มุกเห่ยชะมัด ผมรีบเดินออกมาราวกับกลัวว่าจะโดนเรียกอีก ผมมองป้ายรถประจำทางที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ยังดีที่มีสายรถประจำทางที่ผ่านแถวบ้านอยู่ เดี๋ยวลงแล้วก็เดินอีกหน่อยละกัน
ทว่ามีแรงดึงกระเป๋าเป้จากข้างหลังทำให้ผมต้องเซถอยลงมา ก่อนจะหันไปมองคนที่ทำให้ผมหยุดเดิน ใครอีกล่ะเนี่ย
“ พี่ดงฮยอน! ”
โผล่มาได้ไงวะ -0-! รึว่าหัวแดงๆที่เห็นก่อนหน้านี้นี่….เขาเองหรอ?
“ จะไปไหน ”
“ ทำไมต้องบอก ” จะไปไหนมันก็เรื่องของผม เกี่ยวไรด้วยอ่ะ -3-
“ เป็นห่วงเลยอยากรู้ ” เหอะ ฉันไม่หวั่นไหวกับคำของนายหรอก
“ งั้นไม่ต้องรู้ จะได้ไม่ต้องมาห่วง ^^ ”
“ งั้นไปด้วย กำลังว่างพอดี ” หะ? นี่หาเรื่องจะอยากรู้ให้ได้เลยใช่ไหม
“ ว่างก็กลับบ้านไปดิ ”
“ อยากอยู่กับนาย ไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็อยู่ได้ใช่ไหม? ” เอ่อ อารมณ์ไหนกันวะ ผมตามเขาไม่ทัน จะทำเสียงเศร้าทำไมเนี่ย
“ เอ่อ ก็ได้มั้ง ”
“ งั้นถือให้ ”
“ -_-? ”
“ ถุงในมือน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกันก็ถือให้ได้ใช่ไหม? ” -0-! อะไรของเขาวะ
“ เออๆ เอาไป ” ผมยัดถุงเค้กกับไอศกรีมให้คนหัวแดงไป “ อย่าแกว่งนะ เดี๋ยวมันเละ ”
“ อืม ” อืม? อืมสั้นๆเนี่ยนะ เฮ้ยมาโหมดไหนเนี่ย?? ปกติไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้นะ ผมเดินนำไปที่ป้ายรถประจำทาง สมองกังวลกับท่าทางอีกคนที่ดูแปลกๆไป ไม่สบายรึเปล่า เครียดอยู่? เมนส์มาไม่ปกติ? อันหลังนี้คงไม่ใช่ - -;
“ ขึ้นรถเร็ว ” ผมดึงแขนอีกคนพาขึ้นรถประจำทางที่มาจอดเทียบป้าย กลัวว่าอีกคนจะยืนนิ่งขยับไม่ทันน่ะสิ ดีนะยังเหลือที่นั่งว่างอยู่ เราสองคนเลยไม่ต้องยืนให้เมื่อย
“ ไม่ได้เป็นอะไรกันนั่งข้างๆได้ใช่ไหม ” เอ่อ ถ้าทางจะอาการหนักนะ ก็นั่งไปแล้วไง ยังจะอะไรอีกวะเนี่ย
“ เป็นอะไรกับไอ้คำว่า ‘ไม่ได้เป็นอะไรกัน’ มากรึเปล่า? ” ทนไม่ไหวแล้วนะ เอาแต่พูด ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นอย่างนี้ได้ใช่ไหม? เป็นบ้าอะไรกับคำนี้นักหนา
“ พี่แค่กลัวนายไม่พอใจ เพราะเรา…ไม่ได้เป็นอะไรกัน ” อย่าบอกนะว่าคิดเรื่องตอนนั้นอยู่น่ะ ตกลงหมอนี่เป็นคนประเภทไหนกันวะ หื่น กะล่อน เผด็จการ อบอุ่น คิดมาก? …บ้าชะมัด !
“ ผมไม่พอใจที่รุ่นพี่มัวแต่พูดแบบนี้นี่แหละ นึกว่าไม่สบายซะอีก ”
“ เป็นห่วงด้วยหรอ ”
“ ใครเป็นห่วง ไม่ได้ห่วงซักหน่อย หลงตัวเองไง๊? แค่คิดว่าผีบ้าที่ไหนมาสิงรึเปล่าต่างหาก ” พูดรัวเสร็จก็เสหน้าไปอีกทาง อะไรกัน ทึกทักไปเองทั้งนั้น ผมเนี่ยนะห่วง ไม่จริงหร๊อก -.-
“ นี่มินวู ” ดงฮยอนเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทำให้ผมหันกลับไปมองเขา
“ …? ”
“ ไม่ต้องเรียกว่ารุ่นพี่ก็ได้ เรียกพี่เฉยๆก็พอ ”
“ ฮยอง…? ” ผมลองเรียกตามที่ดงฮยอนบอก มือหนาก็ขยี้หัวผมก่อนจะชะงักแล้วผละมือออกไป
“ โทษที ”
“ เอ่อ ไม่เป็นไร ” ความรู้สึกอึดอัดนี่มันอะไรกัน เราสองคนเงียบไม่พูดกันอีกมาตลอดทาง ไม่ชอบให้เขาเป็นแบบนี้เลยเหอะ ราวกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก มีใครมาสิง คิม ดงฮยอน คนนี้รึเปล่า ออกไปเลยนะเว้ย ชิ่วๆ -3-
“ ลงกันได้แล้วรุ่นพี่ เอ้อ ฮยอง! ” ผมบอกอีกคนให้ลุกเพราะมันถึงป้ายแล้ว
“ ไปทางไหนต่อล่ะ ”
“ ตามมาดิ เดี๋ยวจะหลงนะ ” ผมยักคิ้วให้แล้วเดินนำอีกคนเข้าซอยไป ก่อนจะพาเดินลัดไปถึงบ้าน
“ สรุปก็คือกลับบ้าน? ” คนหัวแดง
“ ใช่ เห็นเป็นอะไรล่ะ ”
“ แล้ว… ”
“ ไม่ได้เป็นอะไรกัน เข้าบ้านได้ใช่ไหม? ก็เข้ามาเหอะ ” ผมชิงพูดตัดหน้า
“ รู้ทันอีกนะเรา ” ก็เห็นพูดแต่แบบนี้นี่หว่า
“ ไม่ได้เป็นอะไรกัน รู้ทันได้ไหมล่ะ ”
“ เฮ้ ย้อนพี่หรอ ”
“ เปล่าย้อน ก็แค่พูดมั่ง -3- ” ให้มันรู้มั่งว่าอึดอัดนะ ถามอยู่ได้
“ คร๊าบๆ เข้าบ้านกัน (: ”
“ เหอะ ยิ้มออกแล้วหรอ ” ผมพึมพำเบาๆแล้วพาอีกคนเข้าบ้าน กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ แบบนี้ไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดีเลยว่ะ
“ โอป้า~ อ้ะ พี่ดงฮยอนสวัสดีค่ะ ^^ ” มินอาโค้งให้คนหัวแดงพร้อมรอยยิ้ม
“ สวัสดีครับ มินอา ^^ อ้อ พี่ซื้อนี่มาฝากด้วย ” ดงฮยอนชูถุงในมือขึ้น -0- ไอ้บ้า มาแอบอ้างได้ไง
“ ผมซื้อต่างหากล่ะ ขี้โมเมว่ะ ”
“ แต่มันอยู่ในมือพี่ ก็เป็นของพี่ดิครับ ” ฮึ กลับมาเป็น คิม ดงฮยอน แล้วสินะ
“ งั้นเอาเค้กไปใส่จานให้ด้วย จะกิน! ” ผมกระแทกเท้าเดินขึ้นบ้านก่อนจะนึกอีกอย่างขึ้นได้ “ เอาไอศกรีมแช่ตู้เย็นให้ด้วย!! ”
จะพยายามเข้ามาอัพเร็วกว่าเดิมนะครับ ไรท์เตอร์ใกล้น็อค 555
ความคิดเห็น