ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Will you be mind ? เตี้ยคนนี้ผมขอ [ Donghyun x Minwoo ]

    ลำดับตอนที่ #12 : ที่ปรึกษา

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 55


    THE★ FARRY

     









     

     

    12

     

     

     

     

     

     

    ที่ปรึกษา

     

     

     

     

     



     

     

    “ โล่งเว้ยย~





             ผมยืดแขนตะโกนอย่างโล่งอกหลังการสอบเสร็จสิ้นลง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า โจทย์ที่ดงฮยอนให้ทำช่วยผมได้มากกว่าครึ่งเลย ควรจะไปขอบคุณเขาดีไหม?
    -.-


     

    “ ยิ้มแบบนี้ทำได้ล่ะสิ ” กวังมินเดินมาหยุดข้างๆผม


     

    “ แล้วนายอะ ”


     

    “ ก็เหมือนเดิม ” ร่างสูงไหวไหล่น้อยๆ เหมือนเดิมของมันนี่คือทำได้สบายๆใช่ป้ะ = = ไอ้ฉลาด


     

    “ มาต่อเรื่องที่เราค้างกันไว้ดีกว่า (:


     

    “ เรื่อง ’ ’? ”


     

    “ อย่ามาแหล บอกมาใครทำ - - ” ผมหย่อนตัวลงนั่งระเบียงโดยเงยหน้าจ้องเข้าไปในดวงตาดำวาวกลมโตราวกับบอกความต้องการว่ายังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้  กวังมินเสตามองไปอีกทางก่อนจะถอนหายใจอย่างจำยอม     


     

    “ พี่ยองมิน ” เสียงนั่นเบาแต่ชัดเจนมากสำหรับผม


     

    “ ห๊ะ?? ” ยองมิน? พี่ชายฝาแฝดแท้ๆของ โจ กวังมินเนี่ยนะ??!! ผมล่ะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย ไอ้โย่งหัวเหลือง มัน...มัน ทำ..โฮกกกกก




     




     

     

     

    กวังมินเสียบริสุทธิ์! 

     














     

    “ ฉันไม่พูดซ้ำสองแน่มินวู ”


     

    “ นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะเว้ย! ” ยองมินมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !


     

    “ หะ?! ” ทำหน้าเอ๋อแดกใส่อีก  


     

    “ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ  ฉันหมายถึงตั้งแต่ตอนไหนที่ความรู้สึกของพวกนาย ” 


     

    “ ไอ้บ้า!!!..โป๊!!


     

    “ โอ้ย~!! ” ผมร้องเสียงหลง ไอ้โย่งเล่นเขกหัวผมซะแรง


     

    “ เจ็บนะเว้ย!  ฉันกำลังถามว่ายองมินรู้สึกแบบไหนกับนาย ”


     

    “ คิดอะไรของนายฮะไอ้เตี้ย  ”


     

    “ ก็นายกับยองมิน...อะ...อะจึ๊กๆกัน  -//- ”


     

    “ ไม่ใช่โว้ยยยย พี่ยองมินทำฉัน ตก บัน ได!  ”  


     

    “ อะ..อ้าว ” กวังมินเน้นทีละคำ ทำผมหน้าราวทีละซีก และในที่สุดมันก็ ...เพล้งงงง~!!!   หู่วววว ~ ก็ดูมันดิ ไม่บอกดีๆตั้งแต่แรก เป็นใครเขาก็คิดเหมือนผมทั้งนั้นแหละวะ เนอะๆ


     

    “  หิวข้าวไหม ” กวังมินเปลี่ยนประเด็น พูดถึงข้าว ผมก็นึกอะไรออก


     

    “ ฉันลืมข้าวฟรีไปได้ยังไง ”    


     

     

     





     

    ขายาวๆ(?)ของผมกำลังก้าวไปตามทางอย่างอารมณ์ดี ไม่ต้องมองผมอย่างนั้น! ขอความสุขเล็กๆกับการคิดว่าตัวเองขาไม่ได้สั้นไม่ได้รึไง -*- ช่วยทำเป็นมองๆผ่านมันไปเถอะครับ นะครับ~( ยิ้มหวานให้คนอ่าน )

     

    โอเคถือว่าผ่านมันไป ผมกำลังไปที่โรงอาหาร ตาสอดส่องมองหาเจ้าของเส้นผมสีแดงที่สัญญาไว้กับผมว่าจะเลี้ยงข้าว


     

    “ คอยาวเป็นกระเหรี่ยงแล้วไอ้เตี้ย ” กวังมินจิกขณะที่นั่งรอ มันคงรำคาญที่ผมเอาแต่ชะเง้อคอไปทางนู้นที่ ทางนี้ที -3- ฮึ่ย ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายรอด้วยนะ


     

    “ ไม่ดีหรอ จะได้สูงขึ้นไงวะ ”


     

    “ ฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นกระเหรี่ยง - -; ” เท่ห์ดีออก ใส่ห่วงด้วย (:


     

    “ แต่ฉันดันมีเพื่อนเป็นนกกระจอกเทศ ตั้งสองคนแหนะ ” ขายาวๆใช่เลยอ่ะ!


     

    “ ไอ้เตี้ย!


     

    “ ว่าไง ไอ้โย่ง ^^


     

    “ เออ เดี๋ยวฉันโทรตามให้ ” กวังมินพูดตัดรำคาญ โทรตาม?   


     

    “ นายมีเบอร์เขาได้ยังไงวะ? ”


     

    “ มีก็แล้วกัน ” ร่างสูงยักคิ้วให้ผม สองคนนี้ต้องมีอะไรกันแน่เลยว่าไหม แต่ว่านะ ผมก็มีอะไรที่ต้องทำนี่หัวสมองอันฉลาดดังนักปราชญ์ก็นึกถึงภารกิจตน


     

    “ เดี๋ยวฉันมานะ ลืมไปว่ามีธุระ ”


     

    “ อ้าว แล้วข้าวล่ะ ”


     

    “ เดี๋ยวมาน่า ” พูดจบผมก็ลุกออกจากโต๊ะ ปล่อยให้กวังมินนั่งเอ๋ออยู่คนเดียว  


     



     

    ไม่นานธุระของผมก็เรียบร้อย ไม่ใช่ธุระในห้องน้ำนะ อย่าเข้าใจผิด -.- ผมไปทำหน้าที่พาร์ทเนอร์มาต่างหาก (: ได้ยินว่าวันนี้พี่จองมินโดนคาดโทษเพราะมาโรงเรียนสายแล้วยังโดนยึดโทรศัพท์เพราะเอาขึ้นมาเล่นในห้องเรียน  ยังมีอีกนะ คะแนนเทสต์ย่อยต่ำกว่าครึ่งเกือบทุกวิชา หึ เป็นวิธีเรียกร้องความสนใจที่เจ๋งมาก ! คิดจะบีบให้ผมโผล่หางรึไง เสียใจด้วยที่ผมไม่ตกหลุมพรางนะครับรุ่นพี่
     

    ผมคิดว่าเขาฉลาดพอตัวนะ ไม่งั้นคงไม่ถูกเลือกมาแลกเปลี่ยนหรอก คะแนนพวกนี้คงไม่เป็นปัญหาหรอกเนอะ และตอนนี้โทรศัพท์ของพี่จองมินก็อยู่กับผมเป็นที่เรียบร้อย อู้ววว ใช่ของหรูซะด้วย บ้านคงรวยน่าดู  แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่าอะไรอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้บ้างน่ะนะ ผมอมยิ้มนึกสนุกก่อนจะเดินไปหากวังมิน  

     

     

    “ มาแล้ว ” ผมนั่งลงพร้อมรอยยิ้ม


     

    “ สิบห้านาที โอเค ตอนนี้ฉันหิวมากกกก!


     

    “ พี่ดงฮยอนล่ะ ”


     

    “ ข้างหลังนายไง - -; ” หา? ผมรีบหันหลังไปมองทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า นี่มันแกล้งผมเรอะ “ เชื่อคนง่ายเนอะ ”


     

    “ เก็บปากไว้กินข้าวเหอะ ตกลงว่าไง ”


     

    “ ไม่ว่าง ไม่มาแล้ว จบ!


     

    “ เบี้ยวหรอ เหอะ ก็แค่ค่าข้าวมีปัญญาจ่ายไม่ต้องเลี้ยงฉันก็ต้องกินอยู่แล้ว คนกะล่อน! ” เชื่อไม่ได้ ผมจะไม่เชื่อคำพูดเขาอีกแล้ว ไอ้หัวแดง -^-!


     

    “ อะโห ยาวเชียว ฉันหิวจนจับใจความไม่ได้เลยว่ะขอบอก ”


     

    “ ไม่ได้ให้ฟังนี่หว่า ”


     

    “ หูดีไง ” กวนส้น!


     

    “ ไปซื้อข้าวเหอะ ” อย่าว่าแต่มันหิวเลย ผมก็หิว -*-


     

    ผมเดินถือจานข้าวจากร้านออกมา ไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่ทำเป็นถาดๆไปนะ แบบนี้ถ้าซื้อหลายอย่างก็ถือยากนะ -.-  แล้วกวังมินมันไปซื้อข้าวถึงไหนวะ ไม่โผล่หัวซักที งั้นกลับไปรอที่โต๊ะก่อนแล้วกัน  ผมหมุนตัวกลับไปมองหาโต๊ะว่าง แต่ลูกกะตาก็ไปสะดุดกับหัวสีแดงๆ ตลอด สะดุดตลอด หึ เจอตัวก็ดี

     

    เพียงไม่ถึงสิบวินาที ผมก็เดินมายืนอยู่หน้าโต๊ะที่บุคคลหัวสีแดงนั่งอยู่ ใบหน้าขาวหันมามองผมแบบตกใจนิดๆ เพราะเพื่อนข้างๆสะกิดให้ดูว่าใครมา โนว มินวู คนนี้นี่แหละมา - -*


     

    “ ฮยองเบี้ยวเลี้ยงข้าว ”


     

    “ พี่ฝากกวังมินขอโทษไปแล้ว ” ตอบเรียบ แถมหันกลับไปที่จานข้าว หน้าผมก็มองไม่ถึงห้าวิด้วยซ้ำ หมายความว่าไง?


     

    “ แต่ผมไม่รู้  ”  ผมเลิกคิ้วขึ้น  


     

    “ ใจเย็นๆนะน้อง ”  คนที่นั่งฝั่งซ้ายพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ดูเหมือนเขาตั้งใจจะเบี้ยวเลี้ยงข้าวผมจริงๆ นั่งกินข้าวกับเพื่อนได้แต่มาเลี้ยงผมไม่ได้  หมายความว่ายังไงวะ


     

    ^-^ ” ผมยิ้มโคตรหวานให้พี่ที่บอกให้ใจเย็น


     

    “ ...ผมแค่อยากมาดูว่าพิการตรงไหนบ้างรึเปล่า ถึงได้มาเลี้ยงข้าวตามที่ปากเห่าไว้ไม่ได้ก็เท่านั้นล่ะ ”




     

    ไง เย็นพอไหม? สีหน้าของดงฮยอนซีดชาลงไปทันที  ผมหุบยิ้มเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วเดินไปหากวังมินที่ได้มานั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะเดิม



     

    “ ไปไหนมาวะ ” ร่างสูงถามขณะที่ผมนั่งลงกับเก้าอี้ตัวยาว ลมหายใจถูกถอนออกมาด้วยความหน่าย


     

    “ ไม่ใช่เรื่อง ”


     

    “ หงุดหงิดอะไรมาฮะไอ้เตี้ย ” ไม่ได้หงุดหงิด! ผมกลอกตาไปมาก่อนจะจัดการให้อีกคนหุบปากสักที


     

    “ เรียกเตี้ยอยู่ได้ ยัดๆข้าวเข้าปากไปเหอะ ไหนว่าหิวไงวะ หรือจะไม่กิน?? ”


     

    “ เออ ” กวังมินกระแทกเสียง เออ เลิกพูดได้ก็ดี


     

    ต่างคนต่างตักข้าวเข้าปาก ไร้เสียงพูดคุยระหว่างเราสองคน  ผมวางช้อนลงกับจานที่ข้าวพร่องลงไปไม่ถึงครึ่ง มันรู้สึกหมดอร่อยแปลกๆ ยอมรับก็ได้ ใช่ ผมอารมณ์เสีย หงุดหงิดบ้าอะไรก็ไม่รู้

    กะไอ้แค่เขาไม่เลี้ยงข้าวจะอารมณ์เสียอะไรนักหนาวะมินวู

     

    ผมเม้มปากมองข้าวในจานก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาใหม่แล้วตักข้าวยัดเข้าปาก จนเสียงช้อนสแตนเลสกระทบกับฟันดังขึ้น  คำแล้วคำเล่าถูกส่งเข้าไปจนแก้มผมอูมเพราะเคี้ยวไม่ทัน ยิ่งกินก็ยิ่งโมโห ไม่ชอบเลยว่ะ คนที่ผิดคำพูดแบบนี้  ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนกะล่อน ทำไมต้องรู้สึกแน่นในอกด้วยวะ

     

    หรือเป็นเพราะคำพูดที่เขาบอกว่า ชอบ มันเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น แล้วที่ว่าอยากเป็นแฟน หมอนั่นคงคิดว่าได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา อย่างนั้นสินะ?  

     

     

     

     ‘ พูดแบบนี้ หวังอะไรอยู่รึเปล่า 

     

     เขาชอบนาย แล้วที่ฉันเห็นคือนายก็ชอบเขา หรือไม่ก็ยอมรับเขาไปแล้วส่วนหนึ่ง อาจหมายถึงคำว่าพี่ชายที่นายว่ามั้ง แต่ว่าสถานะสำคัญคือ เขาชอบนาย แล้วไอ้ที่นายกำลังทำอยู่มันก็คือให้ความหวัง 

     


     

    อยู่ๆประโยคที่กวังมินที่พูดผุดขึ้นมาในหัวผม ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าช้าๆก่อนจะพบว่ามันก็มองหน้าผมอยู่ เรียกว่าจ้องเลยแหละ




     

    “ กวังมิน... ” คนตรงหน้ามองผมราวกับว่าผมทำอะไรผิด ผมกินมูมมามหรอ?


     

    “ โมโหมากหรอ เซ็งมากหรอ ที่ทำหน้าง่ำงอเนี่ยเพราะคนที่ชื่อ คิม ดงฮยอนล่ะสิ ”  กวังมินตีหน้าเรียบ หึยยย  ผมไม่ชอบมันโหมดนี่เลยอะ


     

    “ ก็เขาผิดคำพูดนะเว้ย แม่ง แม่ง แม่งงง ” นึกคำด่าไม่ออก


     

    “ กะไอ้แค่ข้าวจานเดียว ฉันก็เลี้ยงได้ หรือนายไม่มีปัญญาจ่ายขนาดนั้นเลยหรอวะ ”


     

    “ ไม่ชอบนี่หว่า - *-


     

    “ ฉันว่าความรู้สึกนายน่ะ มันชักจะเกินพี่ชายแล้วมั้ง ”


     

    “ ยังไง ”


     

    “ โว๊ะ เตี้ยแล้วยังโง่อีกวุ๊ย แค่ไม่เลี้ยงข้าวยังงอนขนาดนี้ ถ้าเห็นเขาโอบหญิง ไม่โดนกระทิงสิงเลยหรอวะ ” โอบหญิงหรอ?  ว่าแล้วพลันสายตาก็กวาดมองไปที่โต๊ะนั้น ที่มีคนนั้น นั่งอยู่  แต่บัดนี้...คนที่ควรจะนั่งอยู่








             ...กำลังยืนกอดกับผู้หญิงคนหนึ่ง









     

    Shit!!







     

    ผมเผลอสบถออกมา ตามองภาพนั้นไม่กระพริบ และกร้าวขึ้นโดยไม่รู้ตัว  แม่งเอ้ยยย  ...นี่หรอวะ ที่บอกว่าชอบผม  

     



     

     

    ...ทุเรศว่ะ

     




     

     

    ผมโยนช้อนในมือทิ้งลงจานจนมันดังเคร้ง ขายืดขึ้นยืนกระทันหันทำให้เก้าอี้ตัวยาวที่ทำด้วยไม้ล้มดัง โครม! ดังพอที่จะได้ยินกันทั้งโรงอาหาร และพอที่ทุกคนจะหันมามองที่ต้นเหตุของเสียง  กวังมินมองอย่างที่จะอดตกใจไมได้ คงไม่เคยเห็นผมแสดงกิริยาแบบนี้มาก่อน  มันขยับตัวเองลุกเดินตามผมที่ก้าวขาเดินฉับๆโดยไม่รอมัน 

     

    แต่ไวแค่ไหนมันก็ตามผมทัน แขนยาวๆล็อกคอผมก่อนจะเปลี่ยนมากอดตัวผมไว้ ที่ผมลุกออกมาเพราะอึดอัดกับความคิดตัวเอง มันแย้งกันจนปวดหัว ...


     

    “ ปรึกษาฉันได้นะเตี้ย ” เหมือนว่าจะคิดเองไม่ได้จริงๆนะผม


     

    “ อืมม ขอบใจว่ะ ” ผมเปลี่ยนมาหันเข้าซุกอกมัน ผมไม่ได้ร้องไห้ เพียงแต่อยากจะหาที่พัก พักความคิดความรู้สึก ทุกสิ่ง...ทุกอย่าง โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่กอดตัวเองอยู่ จะคิดแบบไหน

     








     

     

    ตัวสั่นขนาดนี้ก็ยังไม่รู้สินะ ให้ใจเขาไปแล้วล่ะสิ

    ฉันจะช่วยให้นายรู้ใจตัวเอง เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น

    ตอนนี้สิทธิ์ของฉัน มีแค่ครึ่งๆกลางๆ เฮ้อ รู้งี้ลงมือก่อนก็ดีสิ

    ไว้ฉันจะใช้สิทธิ์ของฉัน ถ้าเขาทำนายเสียใจ มินวู…’

     






     
     

    “ ไม่เป็นไร ...เพื่อนกัน ”  น้ำเสียงกวังมินเบาลง แต่ผมไม่ได้สนใจนัก มัวแต่มองแขนมัน ก็มันยังไม่ปล่อยตัวผมเลยอะ  กอดแป๊บเดียวก็พอมั้ง


     

    “ เลิกกอดได้ยัง ”


     

    “ แหม ตัวกำลังนุ่ม กลิ่นกำลังหอม หวงอะไรนักหนา ” กวังมินทำเสียงยียวนกวนส้นตี๊ดดดด


     

    “ ไอ้บ้า! ” ผมผลักมันออก เพราะแม่งพูดน่ากลัวไม่พอ ยังพรูลมใส่หูผมอีก โหยย ขนลุกเลยดูเด๊ะ  


     

    “ ทำอะไรกัน ” บุคคลที่สามย่างเท้าสุขุมเข้ามาหา...ผม  จะใครซะอีกล่ะ


     

    “ อะไร ” ผมปรายตามองอีกคน  ที่อยู่ดีๆก็เข้ามาแทรกบทสนทนาขึ้น


     

    “ เปล่าครับ ” กวังมินก้าวมาข้างหน้าแล้วขยับตัวบังไหล่ผมเล็กน้อย


     

    “ เมื่อกี้ เห็นตำตาอยู่ว่านายกอดมินวู ”  สายตาดุๆส่งมาที่ผม


     

    “ โหยพี่ ตาฝาดเปล่า ” กวังมินก็ยังคงแถไป  


     

    “ ทีตัวเองยังกอดกับคนอื่น ทำไมเพื่อนผมจะกอดผมไม่ได้ ” เหอะ  ขึ้นเหมือนกันล่ะวะ  ใครกันที่บอกว่าชอบผม แม่งเสือกไปป้อสาวกลางโรงอาหาร ไม่ใช่ไอ้หัวแดงๆที่ชื่อดงฮยอนนี่หรอกเรอะ  หรือผมมองผิดว่ามีคนผิวโคตรขาวทำหัวสีแดงล่อควายแบบหมอนี่อีกในโรงเรียน









     

    “ หึงหรอ ”





     

    ดงฮยอนถามพร้อมกระตุกยิ้มน้อยๆ คนตัวเตี้ยคงไม่รู้หรอก ว่าที่พูดมา ทำให้ใจเขาพองโตแค่ไหน แต่ก็ต้องหยุดความคิดเมื่อคนหัวรั้นยกประเด็นอื่นขึ้นมา


     

    “ คิดผิดคิดใหม่ได้นะครับ ”  สมควรหรอ ปากบอกว่าชอบผม แต่ตัวไปกอดใคร จะให้เอาอารมณ์ตรงไหนไปหึงวะ ทำตัวน่าเกลียดชะมัด   ผมสงสายตาอาฆาตใส่เขา ภายในใจก็ด่าไปเป็นล้านประโยค


     

    “ หืม? พี่ว่าเราต้องคุยกันแล้วล่ะ มินวู ”  


     

    “ ไม่เป็นไรครับ ผมว่าพี่คุยกับผมดีกว่านะ ” กวังมินยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกคนอย่างมีเลศนัย แล้วหันมาบอกให้คนตัวเตี้ยอย่างผมกลับขึ้นห้องไปก่อน

     


     

     

     

     








     

     

     

      มีอะไรกัน...?

     

    ผมเก็บความคิดนั้นไว้ในใจก่อนหันมาตั้งสติกับบทเรียน  รออยู่นานสองนานกว่ากวังมินจะกลับขึ้นมา หมดเวลาพักพอดี... พอเอ่ยปากจะถาม สายตาเพ่งเล็งของอาจารย์ก็ทำให้ผมต้องกลับมาสนใจบทเรียนอีกครั้ง แม้ในใจจะอยากรู้เรื่องที่พวกมันคุยกันซักเท่าไหร่ ก็ต้องเก็บไว้หลังจบคาบ  ซึ่งก็ใช้เวลาชั่วอึดใจหนึ่งเท่านั้น หัวหน้าห้องสั่งทำความเคารพเสร็จ ผมก็เอาเท้าถีบๆก้นเพื่อเรียกมัน


     

    “ คุยไรกัน ”


     

    “ เออน่า ”


     

    “ ไอ้โย่ง บอกมานะเว้ย ”  


     

     เลิกเรียนไปกินไอศกรีมกัน ” อยู่ดีๆมันก็ชวนผมไปกินไอศกรีม งงดิ 


     

    “ ?? ”


     

    “ จะได้คุยยาวๆ ”


     

    “ โห่ววว ”  ผมอ้าปากกำลังจะบ่นมัน แต่ทว่า...


     

    “ นักเรียนนน ทำความเคารพพพ~


     

     

     

           

    ผมได้แต่นั่งรอเวลาที่กริ่งเลิกเรียนจะดัง อยากกินไอศกรีมจะแย่! ซะที่ไหน อยากรู้จะแย่แล้วต่างหาก เมื่อไหร่จะหมดๆคาบไปสักทีวะ ประมาณยี่สิบนาทีอาจารย์ก็ปล่อยให้กลับบ้านก่อนเวลา เยส!! ข้าวของทั้งหมดบนโต๊ะถูกเก็บลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ความจริงมันก็มีแค่ชีทปึกเดียวกับปากกาไฮไลท์อะนะ


     

     

    “ ไปกันยังกวังมิน ^^ ” อีกหนึ่งความจริง มันบอกจะเลี้ยงผมมม เย้ๆ~!


     

    “ รีบเชียวนะที่รัก ” แหมะ ใครที่รักนายห๊ะ


     

    “ ที่รักนายอยู่โรงเรียนนู้นนนนน ไม่ใช่หรอ ”


     

    “ ไอ้บ้า ยังไม่เลิกคิดอีก เดี๋ยวไม่เลี้ยงเลยไอ้เตี้ย”


     

    “ เลี้ยง! ”  เออ แมทช์นี้มันชนะ -3- ฮึ่ย  





























































     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×