คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ที่ปรึกษา
12
ที่ปรึกษา
“ โล่งเว้ยย~ ”
ผมยืดแขนตะโกนอย่างโล่งอกหลังการสอบเสร็จสิ้นลง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า โจทย์ที่ดงฮยอนให้ทำช่วยผมได้มากกว่าครึ่งเลย ควรจะไปขอบคุณเขาดีไหม? -.-
“ ยิ้มแบบนี้ทำได้ล่ะสิ ” กวังมินเดินมาหยุดข้างๆผม
“ แล้วนายอะ ”
“ ก็เหมือนเดิม ” ร่างสูงไหวไหล่น้อยๆ เหมือนเดิมของมันนี่คือทำได้สบายๆใช่ป้ะ = = ไอ้ฉลาด
“ มาต่อเรื่องที่เราค้างกันไว้ดีกว่า (: ”
“ เรื่อง ’ ’? ”
“ อย่ามาแหล บอกมาใครทำ - - ” ผมหย่อนตัวลงนั่งระเบียงโดยเงยหน้าจ้องเข้าไปในดวงตาดำวาวกลมโตราวกับบอกความต้องการว่ายังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ กวังมินเสตามองไปอีกทางก่อนจะถอนหายใจอย่างจำยอม
“ พี่ยองมิน… ” เสียงนั่นเบาแต่ชัดเจนมากสำหรับผม
“ ห๊ะ?? ” ยองมิน? พี่ชายฝาแฝดแท้ๆของ โจ กวังมินเนี่ยนะ??!! ผมล่ะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย ไอ้โย่งหัวเหลือง มัน...มัน ทำ..โฮกกกกก
กวังมินเสียบริสุทธิ์!
“ ฉันไม่พูดซ้ำสองแน่มินวู ”
“ นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะเว้ย! ” ยองมินมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !
“ หะ?! ” ทำหน้าเอ๋อแดกใส่อีก
“ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ ฉันหมายถึง…ตั้งแต่ตอนไหนที่ความรู้สึกของพวกนาย… ”
“ ไอ้บ้า!!!..โป๊ก!! ”
“ โอ้ย~!! ” ผมร้องเสียงหลง ไอ้โย่งเล่นเขกหัวผมซะแรง
“ เจ็บนะเว้ย! ฉันกำลังถามว่ายองมินรู้สึกแบบไหนกับนาย ”
“ คิดอะไรของนายฮะไอ้เตี้ย ”
“ ก็นายกับยองมิน...อะ...อะจึ๊กๆกัน -//- ”
“ ไม่ใช่โว้ยยยย พี่ยองมินทำฉัน ตก บัน ได! ”
“ อะ..อ้าว ” กวังมินเน้นทีละคำ ทำผมหน้าราวทีละซีก และในที่สุดมันก็ ...เพล้งงงง~!!! หู่วววว ~ ก็ดูมันดิ ไม่บอกดีๆตั้งแต่แรก เป็นใครเขาก็คิดเหมือนผมทั้งนั้นแหละวะ เนอะๆ
“ หิวข้าวไหม ” กวังมินเปลี่ยนประเด็น พูดถึงข้าว ผมก็นึกอะไรออก…
“ ฉันลืมข้าวฟรีไปได้ยังไง ”
ขายาวๆ(?)ของผมกำลังก้าวไปตามทางอย่างอารมณ์ดี ไม่ต้องมองผมอย่างนั้น! ขอความสุขเล็กๆกับการคิดว่าตัวเองขาไม่ได้สั้นไม่ได้รึไง -*- ช่วยทำเป็นมองๆผ่านมันไปเถอะครับ นะครับ~…( ยิ้มหวานให้คนอ่าน )
โอเคถือว่าผ่านมันไป ผมกำลังไปที่โรงอาหาร ตาสอดส่องมองหาเจ้าของเส้นผมสีแดงที่สัญญาไว้กับผมว่าจะเลี้ยงข้าว
“ คอยาวเป็นกระเหรี่ยงแล้วไอ้เตี้ย ” กวังมินจิกขณะที่นั่งรอ มันคงรำคาญที่ผมเอาแต่ชะเง้อคอไปทางนู้นที่ ทางนี้ที -3- ฮึ่ย ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายรอด้วยนะ
“ ไม่ดีหรอ จะได้สูงขึ้นไงวะ ”
“ ฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นกระเหรี่ยง - -; ” เท่ห์ดีออก ใส่ห่วงด้วย (:
“ แต่ฉันดันมีเพื่อนเป็นนกกระจอกเทศ ตั้งสองคนแหนะ ” ขายาวๆใช่เลยอ่ะ!
“ ไอ้เตี้ย! ”
“ ว่าไง ไอ้โย่ง ^^ ”
“ เออ เดี๋ยวฉันโทรตามให้ ” กวังมินพูดตัดรำคาญ โทรตาม?
“ นายมีเบอร์เขาได้ยังไงวะ? ”
“ มีก็แล้วกัน ” ร่างสูงยักคิ้วให้ผม สองคนนี้ต้องมีอะไรกันแน่เลยว่าไหม แต่ว่านะ ผมก็มีอะไรที่ต้องทำนี่… หัวสมองอันฉลาดดังนักปราชญ์ก็นึกถึงภารกิจตน
“ เดี๋ยวฉันมานะ ลืมไปว่ามีธุระ ”
“ อ้าว แล้วข้าวล่ะ ”
“ เดี๋ยวมาน่า ” พูดจบผมก็ลุกออกจากโต๊ะ ปล่อยให้กวังมินนั่งเอ๋ออยู่คนเดียว
ไม่นานธุระของผมก็เรียบร้อย ไม่ใช่ธุระในห้องน้ำนะ อย่าเข้าใจผิด -.- ผมไปทำหน้าที่พาร์ทเนอร์มาต่างหาก (: ได้ยินว่าวันนี้พี่จองมินโดนคาดโทษเพราะมาโรงเรียนสายแล้วยังโดนยึดโทรศัพท์เพราะเอาขึ้นมาเล่นในห้องเรียน ยังมีอีกนะ คะแนนเทสต์ย่อยต่ำกว่าครึ่งเกือบทุกวิชา หึ เป็นวิธีเรียกร้องความสนใจที่เจ๋งมาก ! คิดจะบีบให้ผมโผล่หางรึไง เสียใจด้วยที่ผมไม่ตกหลุมพรางนะครับรุ่นพี่
ผมคิดว่าเขาฉลาดพอตัวนะ ไม่งั้นคงไม่ถูกเลือกมาแลกเปลี่ยนหรอก คะแนนพวกนี้คงไม่เป็นปัญหาหรอกเนอะ และตอนนี้โทรศัพท์ของพี่จองมินก็อยู่กับผมเป็นที่เรียบร้อย อู้ววว ใช่ของหรูซะด้วย บ้านคงรวยน่าดู แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่าอะไรอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้บ้างน่ะนะ ผมอมยิ้มนึกสนุกก่อนจะเดินไปหากวังมิน
“ มาแล้ว ” ผมนั่งลงพร้อมรอยยิ้ม
“ สิบห้านาที โอเค ตอนนี้ฉันหิวมากกกก! ”
“ พี่ดงฮยอนล่ะ ”
“ ข้างหลังนายไง - -; ” หา? ผมรีบหันหลังไปมองทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า นี่มันแกล้งผมเรอะ “ เชื่อคนง่ายเนอะ ”
“ เก็บปากไว้กินข้าวเหอะ ตกลงว่าไง ”
“ ไม่ว่าง ไม่มาแล้ว จบ! ”
“ เบี้ยวหรอ เหอะ ก็แค่ค่าข้าวมีปัญญาจ่ายไม่ต้องเลี้ยงฉันก็ต้องกินอยู่แล้ว คนกะล่อน! ” เชื่อไม่ได้ ผมจะไม่เชื่อคำพูดเขาอีกแล้ว ไอ้หัวแดง -^-!
“ อะโห ยาวเชียว ฉันหิวจนจับใจความไม่ได้เลยว่ะขอบอก ”
“ ไม่ได้ให้ฟังนี่หว่า ”
“ หูดีไง ” กวนส้น!
“ ไปซื้อข้าวเหอะ ” อย่าว่าแต่มันหิวเลย ผมก็หิว -*-
ผมเดินถือจานข้าวจากร้านออกมา ไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่ทำเป็นถาดๆไปนะ แบบนี้ถ้าซื้อหลายอย่างก็ถือยากนะ -.- แล้วกวังมินมันไปซื้อข้าวถึงไหนวะ ไม่โผล่หัวซักที งั้นกลับไปรอที่โต๊ะก่อนแล้วกัน ผมหมุนตัวกลับไปมองหาโต๊ะว่าง แต่ลูกกะตาก็ไปสะดุดกับหัวสีแดงๆ …ตลอด สะดุดตลอด หึ เจอตัวก็ดี
เพียงไม่ถึงสิบวินาที ผมก็เดินมายืนอยู่หน้าโต๊ะที่บุคคลหัวสีแดงนั่งอยู่ ใบหน้าขาวหันมามองผมแบบตกใจนิดๆ เพราะเพื่อนข้างๆสะกิดให้ดูว่าใครมา โนว มินวู คนนี้นี่แหละมา - -*
“ ฮยองเบี้ยวเลี้ยงข้าว ”
“ พี่ฝากกวังมินขอโทษไปแล้ว ” ตอบเรียบ แถมหันกลับไปที่จานข้าว หน้าผมก็มองไม่ถึงห้าวิด้วยซ้ำ หมายความว่าไง?
“ แต่ผมไม่รู้ ” ผมเลิกคิ้วขึ้น
“ ใจเย็นๆนะน้อง ” คนที่นั่งฝั่งซ้ายพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ดูเหมือนเขาตั้งใจจะเบี้ยวเลี้ยงข้าวผมจริงๆ นั่งกินข้าวกับเพื่อนได้แต่มาเลี้ยงผมไม่ได้ หมายความว่ายังไงวะ
“ ^-^ ” ผมยิ้มโคตรหวานให้พี่ที่บอกให้ใจเย็น…
“ ...ผมแค่อยากมาดูว่าพิการตรงไหนบ้างรึเปล่า ถึงได้มาเลี้ยงข้าวตามที่ปากเห่าไว้ไม่ได้ก็เท่านั้นล่ะ ”
ไง เย็นพอไหม? สีหน้าของดงฮยอนซีดชาลงไปทันที ผมหุบยิ้มเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วเดินไปหากวังมินที่ได้มานั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะเดิม
“ ไปไหนมาวะ ” ร่างสูงถามขณะที่ผมนั่งลงกับเก้าอี้ตัวยาว ลมหายใจถูกถอนออกมาด้วยความหน่าย
“ ไม่ใช่เรื่อง ”
“ หงุดหงิดอะไรมาฮะไอ้เตี้ย ” ไม่ได้หงุดหงิด! ผมกลอกตาไปมาก่อนจะจัดการให้อีกคนหุบปากสักที
“ เรียกเตี้ยอยู่ได้ ยัดๆข้าวเข้าปากไปเหอะ ไหนว่าหิวไงวะ หรือจะไม่กิน?? ”
“ เออ ” กวังมินกระแทกเสียง เออ เลิกพูดได้ก็ดี
ต่างคนต่างตักข้าวเข้าปาก ไร้เสียงพูดคุยระหว่างเราสองคน ผมวางช้อนลงกับจานที่ข้าวพร่องลงไปไม่ถึงครึ่ง มันรู้สึกหมดอร่อยแปลกๆ ยอมรับก็ได้ ใช่ ผมอารมณ์เสีย หงุดหงิดบ้าอะไรก็ไม่รู้
กะไอ้แค่เขาไม่เลี้ยงข้าวจะอารมณ์เสียอะไรนักหนาวะมินวู …
ผมเม้มปากมองข้าวในจานก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาใหม่แล้วตักข้าวยัดเข้าปาก จนเสียงช้อนสแตนเลสกระทบกับฟันดังขึ้น คำแล้วคำเล่าถูกส่งเข้าไปจนแก้มผมอูมเพราะเคี้ยวไม่ทัน ยิ่งกินก็ยิ่งโมโห ไม่ชอบเลยว่ะ คนที่ผิดคำพูดแบบนี้ ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนกะล่อน ทำไมต้องรู้สึกแน่นในอกด้วยวะ
หรือเป็นเพราะคำพูดที่เขาบอกว่า ‘ ชอบ ’ มันเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น แล้วที่ว่าอยากเป็นแฟน หมอนั่นคงคิดว่าได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา อย่างนั้นสินะ?
‘ พูดแบบนี้ หวังอะไรอยู่รึเปล่า ’
‘ เขาชอบนาย แล้วที่ฉันเห็นคือนายก็ชอบเขา หรือไม่ก็ยอมรับเขาไปแล้วส่วนหนึ่ง อาจหมายถึงคำว่าพี่ชายที่นายว่ามั้ง แต่ว่า…สถานะสำคัญคือ เขาชอบนาย แล้วไอ้ที่นายกำลังทำอยู่มันก็คือให้ความหวัง ’
อยู่ๆประโยคที่กวังมินที่พูดผุดขึ้นมาในหัวผม ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าช้าๆก่อนจะพบว่ามันก็มองหน้าผมอยู่ เรียกว่าจ้องเลยแหละ
“ กวังมิน... ” คนตรงหน้ามองผมราวกับว่าผมทำอะไรผิด ผมกินมูมมามหรอ?
“ โมโหมากหรอ เซ็งมากหรอ ที่ทำหน้าง่ำงอเนี่ยเพราะคนที่ชื่อ คิม ดงฮยอนล่ะสิ ” กวังมินตีหน้าเรียบ หึยยย ผมไม่ชอบมันโหมดนี่เลยอะ
“ ก็เขาผิดคำพูดนะเว้ย แม่ง แม่ง แม่งงง ” นึกคำด่าไม่ออก
“ กะไอ้แค่ข้าวจานเดียว ฉันก็เลี้ยงได้ หรือนายไม่มีปัญญาจ่ายขนาดนั้นเลยหรอวะ ”
“ ไม่ชอบนี่หว่า - *- ”
“ ฉันว่าความรู้สึกนายน่ะ มันชักจะเกินพี่ชายแล้วมั้ง ”
“ ยังไง ”
“ โว๊ะ เตี้ยแล้วยังโง่อีกวุ๊ย แค่ไม่เลี้ยงข้าวยังงอนขนาดนี้ ถ้าเห็นเขาโอบหญิง ไม่โดนกระทิงสิงเลยหรอวะ ” โอบหญิงหรอ? ว่าแล้วพลันสายตาก็กวาดมองไปที่ ‘โต๊ะนั้น’ ที่มี ‘คนนั้น’ นั่งอยู่ แต่บัดนี้...คนที่ควรจะนั่งอยู่
...กำลังยืนกอดกับผู้หญิงคนหนึ่ง
“ Shit!! ”
ผมเผลอสบถออกมา ตามองภาพนั้นไม่กระพริบ และกร้าวขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม่งเอ้ยยย ...นี่หรอวะ ที่บอกว่าชอบผม
...ทุเรศว่ะ
ผมโยนช้อนในมือทิ้งลงจานจนมันดังเคร้ง ขายืดขึ้นยืนกระทันหันทำให้เก้าอี้ตัวยาวที่ทำด้วยไม้ล้มดัง โครม! ดังพอที่จะได้ยินกันทั้งโรงอาหาร และพอที่ทุกคนจะหันมามองที่ต้นเหตุของเสียง กวังมินมองอย่างที่จะอดตกใจไมได้ คงไม่เคยเห็นผมแสดงกิริยาแบบนี้มาก่อน มันขยับตัวเองลุกเดินตามผมที่ก้าวขาเดินฉับๆโดยไม่รอมัน
แต่ไวแค่ไหนมันก็ตามผมทัน แขนยาวๆล็อกคอผมก่อนจะเปลี่ยนมากอดตัวผมไว้ ที่ผมลุกออกมาเพราะอึดอัดกับความคิดตัวเอง มันแย้งกันจนปวดหัว ...
“ ปรึกษาฉันได้นะเตี้ย ” เหมือนว่าจะคิดเองไม่ได้จริงๆนะผม
“ อืมม ขอบใจว่ะ ” ผมเปลี่ยนมาหันเข้าซุกอกมัน ผมไม่ได้ร้องไห้ เพียงแต่อยากจะหาที่พัก พักความคิดความรู้สึก ทุกสิ่ง...ทุกอย่าง โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่กอดตัวเองอยู่ จะคิดแบบไหน
‘ ตัวสั่นขนาดนี้ก็ยังไม่รู้สินะ ให้ใจเขาไปแล้วล่ะสิ
ฉันจะช่วยให้นายรู้ใจตัวเอง เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น
ตอนนี้สิทธิ์ของฉัน มีแค่ครึ่งๆกลางๆ เฮ้อ รู้งี้ลงมือก่อนก็ดีสิ
ไว้ฉันจะใช้สิทธิ์ของฉัน ถ้าเขาทำนายเสียใจ มินวู…’
“ ไม่เป็นไร ...เพื่อนกัน ” น้ำเสียงกวังมินเบาลง แต่ผมไม่ได้สนใจนัก มัวแต่มองแขนมัน ก็มันยังไม่ปล่อยตัวผมเลยอะ กอดแป๊บเดียวก็พอมั้ง
“ เลิกกอดได้ยัง ”
“ แหม ตัวกำลังนุ่ม กลิ่นกำลังหอม หวงอะไรนักหนา ” กวังมินทำเสียงยียวนกวนส้นตี๊ดดดด
“ ไอ้บ้า! ” ผมผลักมันออก เพราะแม่งพูดน่ากลัวไม่พอ ยังพรูลมใส่หูผมอีก โหยย ขนลุกเลยดูเด๊ะ
“ ทำอะไรกัน ” บุคคลที่สามย่างเท้าสุขุมเข้ามาหา...ผม จะใครซะอีกล่ะ
“ อะไร ” ผมปรายตามองอีกคน ที่อยู่ดีๆก็เข้ามาแทรกบทสนทนาขึ้น
“ เปล่าครับ ” กวังมินก้าวมาข้างหน้าแล้วขยับตัวบังไหล่ผมเล็กน้อย
“ เมื่อกี้ เห็นตำตาอยู่ว่านายกอดมินวู ” สายตาดุๆส่งมาที่ผม
“ โหยพี่ ตาฝาดเปล่า ” กวังมินก็ยังคงแถไป
“ ทีตัวเองยังกอดกับคนอื่น ทำไมเพื่อนผมจะกอดผมไม่ได้ ” เหอะ ขึ้นเหมือนกันล่ะวะ ใครกันที่บอกว่าชอบผม แม่งเสือกไปป้อสาวกลางโรงอาหาร ไม่ใช่ไอ้หัวแดงๆที่ชื่อดงฮยอนนี่หรอกเรอะ หรือผมมองผิดว่ามีคนผิวโคตรขาวทำหัวสีแดงล่อควายแบบหมอนี่อีกในโรงเรียน
“ หึงหรอ ”
ดงฮยอนถามพร้อมกระตุกยิ้มน้อยๆ คนตัวเตี้ยคงไม่รู้หรอก ว่าที่พูดมา ทำให้ใจเขาพองโตแค่ไหน แต่ก็ต้องหยุดความคิดเมื่อคนหัวรั้นยกประเด็นอื่นขึ้นมา
“ คิดผิดคิดใหม่ได้นะครับ ” สมควรหรอ ปากบอกว่าชอบผม แต่ตัวไปกอดใคร จะให้เอาอารมณ์ตรงไหนไปหึงวะ ทำตัวน่าเกลียดชะมัด ผมสงสายตาอาฆาตใส่เขา ภายในใจก็ด่าไปเป็นล้านประโยค
“ หืม? พี่ว่าเราต้องคุยกันแล้วล่ะ มินวู ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมว่าพี่คุยกับผมดีกว่านะ ” กวังมินยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกคนอย่างมีเลศนัย แล้วหันมาบอกให้คนตัวเตี้ยอย่างผมกลับขึ้นห้องไปก่อน
‘ มีอะไรกัน...? ’
ผมเก็บความคิดนั้นไว้ในใจก่อนหันมาตั้งสติกับบทเรียน รออยู่นานสองนานกว่ากวังมินจะกลับขึ้นมา หมดเวลาพักพอดี... พอเอ่ยปากจะถาม สายตาเพ่งเล็งของอาจารย์ก็ทำให้ผมต้องกลับมาสนใจบทเรียนอีกครั้ง แม้ในใจจะอยากรู้เรื่องที่พวกมันคุยกันซักเท่าไหร่ ก็ต้องเก็บไว้หลังจบคาบ ซึ่งก็ใช้เวลาชั่วอึดใจหนึ่งเท่านั้น หัวหน้าห้องสั่งทำความเคารพเสร็จ ผมก็เอาเท้าถีบๆก้นเพื่อเรียกมัน
“ คุยไรกัน ”
“ เออน่า ”
“ ไอ้โย่ง บอกมานะเว้ย ”
“ เลิกเรียนไปกินไอศกรีมกัน ” อยู่ดีๆมันก็ชวนผมไปกินไอศกรีม งงดิ
“ ?? ”
“ จะได้คุยยาวๆ ”
“ โห่ววว ” ผมอ้าปากกำลังจะบ่นมัน แต่ทว่า...
“ นักเรียนนน ทำความเคารพพพ~ ”
ผมได้แต่นั่งรอเวลาที่กริ่งเลิกเรียนจะดัง อยากกินไอศกรีมจะแย่! ซะที่ไหน อยากรู้จะแย่แล้วต่างหาก เมื่อไหร่จะหมดๆคาบไปสักทีวะ ประมาณยี่สิบนาทีอาจารย์ก็ปล่อยให้กลับบ้านก่อนเวลา เยส!! ข้าวของทั้งหมดบนโต๊ะถูกเก็บลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ความจริงมันก็มีแค่ชีทปึกเดียวกับปากกาไฮไลท์อะนะ
“ ไปกันยังกวังมิน ^^ ” อีกหนึ่งความจริง มันบอกจะเลี้ยงผมมม เย้ๆ~!
“ รีบเชียวนะที่รัก ” แหมะ ใครที่รักนายห๊ะ
“ ที่รักนายอยู่โรงเรียนนู้นนนนน ไม่ใช่หรอ ”
“ ไอ้บ้า ยังไม่เลิกคิดอีก เดี๋ยวไม่เลี้ยงเลยไอ้เตี้ย”
“ เลี้ยง! ” เออ แมทช์นี้มันชนะ -3- ฮึ่ย
ความคิดเห็น