ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Will you be mind ? เตี้ยคนนี้ผมขอ [ Donghyun x Minwoo ]

    ลำดับตอนที่ #11 : ก็แค่พี่ชาย...

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 55


    THE★ FARRY

     





    11

     




    ก็แค่พี่ชาย

     

     





     



     

    ร่างสูงที่ดูเหมือนคนไม่แรงเดินมาวางกระเป๋าอย่างเนือยๆ ใบหน้าดูอิดโรยอย่างกับไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาทั้งคืน ผมทักเขาเพราะท่าเดินที่ดูไม่ปกติ

     

    “ ท่าเดินใหม่หรอวะ? ”

     

    “ ก็มัน ช่างมันเถอะ แล้วนี่กระเป๋าใครวะ ” ร่างสูงมองกระเป๋าฟีบๆแบนๆที่วางอยู่บนโต๊ะ เอ่อ เจ้าของมันเอาอะไรมาเรียนบ้างวะนั่น

     

    “ ของพี่ดงฮยอน ”

     

    “ ทำไมมาอยู่นี่ได้วะ ” กวังมินเขี่ยๆมันดูก่อนจะนั่งลง

     

    “ สอยมามั้ง ”

     

    “ สอยฟันนายออกมาดีกว่าไหม ” แล้วฉันจะเอาอะไรกินข้าววะ?

     

    “ เหอะ แล้วโดนใครสอยมาล่ะกวังมิน~  ” ผมพูดแหย่อีกคน มันก็น่าคิดใช่ม๊า ดูมันเดินดิ

     

    “ ติวเหอะ ” ร่างสูงหลบตาแล้วทำเป็นหยิบหนังสือขึ้นมา

     

    “ ขาไม่ดีหรือไปโดนอะไรสะกิดประตูหลังมาวะ 55 ถ้าลำบากขนาดนั้น นอนอยู่บ้านก็ได้นะเว้ย

     

    “ ก็ไอ้เตี้ยที่ไหนไม่รู้ ส่งข้อความมาว่ามีสอบฉันเลยต้องแบกสังขารมานี่ไง ” นี่ผมผิดเรอะ? -[ ]-

     

    “ ทำคุณ บูชาโทษแท้ๆ ถ้าไม่มีไอ้คนที่นายว่าเตี้ย ส่งข้อความไปบอกนี่จะรู้เรื่องว่าสอบไหม? ใครจะไปรู้ว่านายมีสภาพแบบนี่ ถามจริงๆนะ เป็นอะไร? ” อยากรู้จริงๆเลย ดูมันสิ เลี่ยงไม่ตอบผมเลยนะ

     

    “ โอ้ย ไม่อยากจะพูดถึงมันเลยให้ตายสิ ” กวังมินเม้มริมฝีปากแล้วกลอกตาไปมา ยิ่งทำให้ผมคิดเข้าไปใหญ่ เฮ้ย .. อย่าบอกนะว่านาย โดน อะจึ๊กๆจริงๆ -[ ]-

     

    O.O! ” ผมจ้องหน้ามันอย่างอยากรู้อยากเห็น

     

    “ เดี๋ยวค่อยคุยกัน มาติวก่อนๆ ”  แหนะ  มันปัดประเด็นวุ้ย ผมมองหน้ามันซักพัก เห็นว่ามันนิ่งไม่ปริปากอะไรเลย สงสัยคงไม่อยากจะพูดจริงๆ งั้นผมก็ไม่ควรไปบังคับสินะ

     

    “ หลังสอบ! เพื่อนกันห้ามเบี้ยว ” เปล่าบังคับนะครับ ~

     

    -0- เออๆ ก็ได้วะ ” เมื่อมีการตกปากรับคำ ผมก็ยื่นแนวข้อสอบกับโจทย์ที่ทำมาก่อนหน้านี้ให้กวังมิน ผมนั่งมองไปตามปลายดินสอกดของมันที่วาดเป็นตัวเลขต่างๆ  บรรยากาศดูตรึงเครียดยังไงชอบกล แล้วยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่เมื่อคนหัวแดงเดินถือแก้วน้ำเข้ามาแล้วมองมาที่กวังมินด้วยสายตาไม่พอใจ

     

    “ ทำไมมันถึงอยู่นี่ได้ ” ลืมไปเลยว่าเพิ่งมีเรื่องกันไป - -

     

    “ กวังมินเป็นเพื่อนผม ฮยองมีปัญหาอะไรไหม ” ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะอธิบายหรือเคลียร์ให้เขาเข้าใจเรื่องตอนนั้น เห็นหน้าไหมว่าเครียดเว้ยเครียด

     

    “ ไม่มี แต่ไม่พอใจ ”

     

    “ ฮยอง ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้วเข้าใจไหม ” ผมถอนหายใจมองหน้าอีกคนหน่ายๆ เพื่อนผมกำลังเครียด เข้าใจม๊ายยยยย!! แล้วทำไมผมต้องมาแก้สถานการณ์ด้วยวะ

     

    “ พี่จะพยายามเข้าใจ เอ้าน้ำ ): ” ดงฮยอนทำหน้าบูดก่อนจะยื่นน้ำให้ผม ส่วนอีกแก้วในมือ

     

    “ กินซะ สมองจะได้ทำงาน ” เขาก็วางให้กวังมิน

     

    -0- ” ผมมองคนหัวแดงแบบงงๆ กวังมินก็เงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ อะไรของผู้ชายคนนี้กันวะ

     

    “ ก็ไม่มีอะไรแล้วไง อ่านหนังสือไปสิ ” ดงฮยองพูดกับกวังมินที่พยักหน้ารับน้อยๆ  “ แล้วนายล่ะทำเสร็จรึยัง ”

     

    “ เสร็จตั้งนานแล้ว ” ผมชูสมุดขึ้นมาเกือบติดหน้าอีกคนก่อนที่เขาจะรับไปมองตรวจ

     

    “ เก่งนี่ สงสัยจะอยากกินข้าวกับพี่มากเลยนะเนี่ย ”

     

    “ หลงตัวเอง ”  เพราะได้กินข้าวฟรีต่างหาก =w=

     

    “ พี่หลงนายมากกว่า (: ” 

     

    “ ไอ้บ้า! ” เดี๋ยวก็ปิดทางออกไม่ให้หาเจอซะเลยนี่ จากนั้นก็วางเพลิงให้ตายในกองไฟไปเลย (ก็โหดไป)

     

    “ กรุณาเงียบก่อนได้ไหมครับ ” คนที่อ่านหนังสืออยู่พูดเสียงเรียบๆ เอ่อ แม่งขรึมน่ากลัวว่ะ

     

    “ ซอรี่ครับเพื่อน เอานี่ไปลองทำดิ ลบดินสอออกก่อนนะ ” ผมเอาโจทย์เมื่อกี้ที่ทำไปยื่นให้กวังมิน เจ้าตัวพยักหน้าแล้วทำตามที่บอก เวลาแม่งอ่านหนังสือทีไรอย่างกับคนละคน ผมเคยกวนตีนตอนมันอ่านหนังสือด้วยแหละ จำได้ว่าโดนด่าซะจนต้องหุบปากเงียบกริบ แม่งโคตรโหดอะ

     

    เมื่อกวังมินกำลังมีสมาธิอยู่ ดงฮยอนก็เพียรพยายามที่จะคุยกับผมมาก! - -; โดยการเขียนข้อความลงไปในสมุด

     

    ไม่อ่านหนังสือหรอ

     

    ก็บอกไปแล้วไง ว่าเข้าใจแล้ว

     

    น่ารักแล้วยังเก่งอีกนะ

     

    ถ้าไม่เก่งแล้วจะทำไม

     

    ก็น่ารักไง (: ’

     

    ถ้าไม่น่ารักแล้วจะทำไม

     

    ก็ชอบอยู่ดีไงคนกะล่อน ใครจะไปเชื่อ -3-

     

    ไม่เชื่อหรอก ;P ’

     

    ต่อให้นายจมูกหักพี่ก็ชอบนายเฮ้ย! ใครจะยอมให้จมูกหักวะ ผมค้อนใส่อีกคน

     

    แช่งกันรึไง? ): ’

     

    เปล่าซักหน่อย พี่ชอบนายจนจะเป็นบ้าแล้วนะ

     

    ไม่ได้เป็นบ้ามาตั้งนานแล้วหรอกหรอฮ่าๆ =w= ผมปิดปากหัวเราะ

     

    ขำอะไรพี่ครับ?

     

    ไม่รู้ไม่ชี้

     

    ยิ้มให้ดูหน่อยสิอะไรของเขาอีกเนี่ย ผมเงยหน้ามองอีกคน ดงฮยอนเอานิ้ววาดเป็นรูปตัวยิ้มกลางอากาศแล้วยกยิ้ม แต่ผมวาดรูปหน้าบึ้งกลับแล้วเบ้ปากให้

     

    “ อ้าวๆ คุยภาษาใบ้กันแทนเลยหรอ ” กวังมินแซวขึ้นมา ผมรีบปิดสมุดแล้วยัดเก็บใส่กระเป๋าทันที

     

    “ ทำเสร็จแล้ว?? ” ผมถามถึงโจทย์ที่ให้ไป

     

    “ ยัง แต่ทำตรงนี้ต่อไม่ได้ ” กวังมินเคาะตรงสมการที่ค้างไว้

     

    “ ตรงนั้นหรอ นายก็แค่แทนค่าดูให้มันง่ายขึ้น ” ดงฮยอนหยิบแท่งดินสอของกวังมินมาเขียนให้ดูแล้วยังอธิบายให้ฟังจนคนที่นั่งฟังอยู่แทบตรัสรู้ ราวกับเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้น ราวกับทุกอย่างหายไปจากสมองของดงฮยอน ผมคิดว่าเขาคงมีความคิดเป็นผู้ใหญ่พอที่พูดแล้วรู้เรื่องน่ะนะ ดีแฮะ (:

     

    “ ยิ้มแล้วหรอ ”

     

    “ เปล่า ปากมันแค่กระตุก ” ผมรีบหุบยิ้มที่มันเผลอเผยขึ้นมาบนใบหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

    “ ก็แค่ยิ้ม หวงจัง ”

     

    “ อะแฮ่ม! ทำไมไม่เป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะคร๊าบบบ ”

     

    “ ไอ้กวังมิน!!-[ ]-! พ่นอะไรออกมาฟร๊าาาาา!!

     

    “ คนแถวนี่มันปากแข็งจะตาย ไม่งัดออกมาก็ไม่พูดหรอกครับรุ่นพี่ ”

     

    “ แล้วจะใช้อะไรงัดดีล่ะ ” ดงฮยอนว่าพลางมองมาที่ริมฝีปากผม

     

    “ พูดพูดอะไรกัน ไม่เห็นจะรู้เรื่อง! ” ผมหยิบกระเป๋าเป้แล้วก้าวขาออกมาฉับๆ  ปากแข็งอะไรกัน ตกลงนายต้องการอะไรจากฉันวะ โจ กวังมิน แล้วทำไมทุกคนดูไปอยู่ข้างไอ้หัวแดงกันหมด  บ้ากันไปใหญ่แล้ว!

     

    กระเป๋าถูกวางลงกับพื้นโต๊ะแรงๆอย่างระบายอารมณ์ ฮึ่ย! อารมณ์เสียกับตัวเองนี่แหละ ผมเป็นบ้าอะไรวะ ตกลงผมชอบเขาหรอ? มันเป็นไปได้หรอ? บางทีมันอาจจะแค่พี่น้องกัน ใช่! ผมอาจจะคิดกับเขาแค่พี่ชายไง       

     

    “ หนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดูดีเลยนะมินวู ” ร่างสูงเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับผม นายดูมาช้านะ สงสัยเพราะมีปัญหากับท่าเดิน -..-

     

    “ ใครหนีปัญหา ” อะไรคือปัญหาที่ว่า ผมเนี่ยนะหนีปัญหา?

     

    “ นายจะปากไม่ตรงกับใจไปถึงไหน ”

     

    “ เรื่องอะไร ”

     

    “ ความรู้สึกนายไง เลิกโกหกตัวเองซักทีเหอะ ” ร่างสูงบีบไหล่สองข้างของผม นัยน์ตากลมมองราวกลับจะค้นหาอะไรบางอย่างในตาผม บางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไปอีก

     

    “ ฉันกับเขา ” ผมเม้มปากแน่น “ เขาก็แค่พี่ชาย ”

     

    “ พี่ชาย? ”

     

    “ มันคือสิ่งที่ฉันคิดตอนนี้ แต่มันนายเห็นว่ามันเป็นยังไงวะกวังมิน ” เอาตามตรงผมก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน

     

    “ เขาชอบนาย แล้วที่ฉันเห็นคือนายก็ชอบเขา หรือไม่ก็ยอมรับเขาไปแล้วส่วนหนึ่ง อาจหมายถึงคำว่าพี่ชายที่นายว่ามั้ง แต่ว่าสถานะสำคัญคือ เขาชอบนาย แล้วไอ้ที่นายกำลังทำอยู่มันก็คือให้ความหวัง ”

     

    “ ให้ความหวัง? ”

     

    “ ถ้านายคิดกับเขาแค่พี่ชายก็ต้องบอกให้เขารู้นะเว้ย จะปล่อยให้เขาชอบนายต่อไปไม่ได้มินวู นายจะทำให้เขาเจ็บเปล่าๆ ” ผมมองหน้ากวังมินด้วยสายตาที่อ่อนลง นั่นสิ หมอนั่นจะเจ็บเพราะผมถ้ามันยังเป็นแบบนี้

     

     

     

    “ ก็ได้กวังมินแล้วฉันจะบอกเขา ”                                                                       

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    [ Kim Donghyun talk ]

     

     

    เขาก็แค่พี่ชาย

     

    พี่ชาย?

     

    มันคือสิ่งที่ฉันคิดตอนนี้

     

     

    พี่ชายผมคงเป็นได้แค่นี้สินะ ทุกอย่างที่มินวูพูดมาผมได้ยินทั้งหมด เป็นเพราะกวังมินต่อสายโทรศัพท์กับผมตอนที่เข้าห้องไป  มันจุกจนพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ นายใจร้ายมากนะมินวู มือที่แนบโทรศัพท์กับหูตกลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมก้มหน้าข่มอารมณ์ก่อนจะบังคับขาให้เดินกลับห้องไป ราวกับมีกระสอบทรายผูกขาเอาไว้ ทำไมแต่ล่ะก้าวมันดูหนักอึ้งเหลือเกิน   

     

    ทั้งๆที่ผมเข้าใจว่าอีกคนกำลังเปิดใจให้ ผมกำลังมีพื้นที่ในชีวิตเขาทีละน้อย แล้วเรื่องเมื่อวาน มันคือการเล่นตลกอะไรอย่างงั้นหรอ หรือความรู้สึกผมยังส่งไปไม่ถึง หรือมินวูจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลยจริงๆ

     

    แต่ไม่รู้ว่าทำไม อีกใจหนึ่งมันไม่เชื่อว่าจะจบแค่นี้ มินวูอาจจะยังไม่แน่ใจ เพราะเจ้าตัวชอบไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่กลับพูดในสิ่งที่คิด ทำยังไงนะ ฉันถึงจะรู้ใจจริงๆของนาย พี่ยังมีความหวังรึเปล่ามินวู?   

     

    “ อ้าว ดงฮยอนทำไมดูซึมๆวะ ” ยูน ดูจุน เพื่อนผมเองแหละครับ

     

    “ ช้ำใจว่ะ ”  เหมือนกำลังตอกย้ำตัวเองเวลาตอบ จี๊ดเลยจริงๆ

     

    “ ทำไมอะ เรื่องไอ้เด็กหน้าหวานนั่นอีกหรอ ” มันหมายถึงมินวูนั่นแหละครับ

     

    “ อ้าว กินแห้วหรอเพื่อน ” จาง อูยอง สหายคนที่สอง

     

    “ เฮ้ย อุตส่าห์ถือป้ายไฟเชียร์มาตั้งนานนะเว้ย ” และอี จินกิ สหายคนที่สาม แม่งเชียร์ผมกันยิ่งกว่าเชียร์บอลโลกอีก ผมให้เพื่อนแค่ดูห่างๆ ไม่เคยแนะนำให้มินวูรู้จักเลย แต่พวกมันรู้จักมินวูกันทุกคน ไอ้ที่ผมโผล่ๆหน้าไปให้มินวูเห็นบ่อยๆส่วนใหญ่ก็ไอ้พวกนี้แหละที่สนับสนุนซะเหลือเกิน   

     

    “ ฉันก็ยังไม่แน่ใจ แต่เขาคิดกับฉันแค่พี่ชายว่ะ ” เสียงผมอ่อนลงตรงคำสุดท้าย ไม่อยากจะพูดย้ำตัวเองเลยเหอะ  

     

    “ โหย แค่นี้ก็ถอดใจแล้วรึไง ” ไอ้จินกิเดินเข้ามากอดคอผม  

     

    “ ยังหรอกเว้ย ก็แค่เฮิร์ท ” ก็แค่ มั้ง (คอตก)

     

    “ เออเฮิร์ทไป เดี๋ยวสู้กันใหม่ สถานะมันเลื่อนกันได้ ” จินกิชูสองนิ้วสู้ๆให้ผม ทำไมเคะขนาดนี้แล้วยังไม่โดนใครงาบไปอีกวะมัน

     

    “ ตอนน้องเขายิ้มนะ ไม่อยากบอกว่าฉันเห็นแล้วยังติดใจ ” อูยองเริ่มเพ้อ เฮ้ย! ผมหวงนะเว้ย

     

    “ เด็กอะไรก็ไม่รู้ แม่งน่ากอดฉิบ ” ดูจุนก็เอาอีกคน ไม่ให้กอดโว้ย!

     

    “ ฉันจะบอกโยซอบ - - ” ไอ้นี่มีแฟนอยู่แล้วยังจะเจ้าชู้อีก

     

    “ เฮ้ย แค่ล้อเล่นน่า!ถึงมันจะมีเค้าความจริงก็เหอะ -..- ” ผมโบกหัวไอ้ดูจุนมันไปหนึ่งที ถ้าผมได้มินวูเป็นแฟนนะ ผมจะไม่ให้มันเข้าใกล้มินวูเด็ดขาด - -*

     

    “ ก็รู้ว่าของเขาหวงแรง ดูดิ สีหัวมันยังแรงเลย ” จินกิชี้หัวผม เออ ผมสีแดงแล้วมันทับกระโหลกใครไม่ทราบ

     

    “ เปลี่ยนลุคหน่อยไหมเพื่อน ” อูยองยืนกอดอกมองผมอย่างใช้ความคิด เปลี่ยนลุคหรอ ไอ้สีแดงนี่ก็อยู่กับผมมานานแล้วสิ 

     

    “ ก็ไม่เลวนะ ย้อมหัวย้อมใจ โว้ย แซดโคตร!! ” ยิ่งพูดเหมือนยิ้งเศร้า ก็เรื่องแซดนี่หว่า TT พอเห็นผมเริ่มสติแตกพวกมันก็เลยปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวซักพัก ทำไมผมดูงี่เง่าอย่างงี้วะ

     

    “ ฉันจะเป็นบ้าเพราะนายแล้วมินวู ” เสียงพึมพำที่พูดให้ได้ยินคนเดียว แค่เห็นหน้าก็อยากจะดึงเข้ามากอด เสียงยียวนที่ชอบเถียงทำให้ผมต้องห้ามใจไม่ให้จูบริมฝีปากนั่น  แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังคิดถึงแต่เขา ผมควรจะทำยังไงดีนะ…?

     

    สภาพของผมตอนนี้คือนอนหมอบลงไปกับโต๊ะ มือถือโทรศัพท์ที่หน้าจอมีรูปภาพคนๆนั้นปรากฎอยู่

     

    “ ฉันไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ชาย นายรู้ไหม ” ผมทัชหน้าจอเลื่อนรูปภาพที่มีเป็นสิบ ผมแอบถ่ายเก็บไว้น่ะ ส่วนใหญ่เป็นรูปหมอนั่นตอนที่ยิ้ม รูปล่าสุดก็เมื่อเช้าก่อนที่ผมจะปลุกเขา หน้าตอนหลับนี่น่าลักหลับสุดๆ

     

    “ เฮ้อ ” ผมถอนหายใจเป็นรอบที่สามแล้วมั้ง ท้อจนไม่รู้จะท้อยังไงเลย

     

    ใบหน้าทุกอิริยาบถที่มินวูเคยแสดงออกมันแล่นเข้ามาราวกับถูกฉายอยู่ตรงหน้า สัมผัสหวานและนุ่มที่ริมฝีปาก เสียงครางในลำคออื้ออึงในหูของผม รสชาติหวานฝาดของน้ำสีขาวขุ่น  นึกไปนึกมาชักติดเรทแฮะ ก็ผมทำเรื่องไม่ดีกับเขาไว้เยอะนี่

     

     

    ...ได้แค่พี่ชายมันก็ดีเท่าไหร่แล้วไอ้ดงฮยอน

     

     

     

    “ หึ! ” ผมแค่นหัวเราะในคออย่างสมเพชตัวเอง          

     

     

     

     

     

     

     

    “ พี่ขอโทษนะมินวู ”  

       

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×