ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Will you be mind ? เตี้ยคนนี้ผมขอ [ Donghyun x Minwoo ]

    ลำดับตอนที่ #10 : อยากเป็นอะไรกับผม?

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 55


    THE★ FARRY

     





     

    10

     

     

     

     

    อยากเป็นอะไรกับผม?

     

     

     

     

     

     

     

    เสื้อผ้าชุดนักเรียนถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับขาสั้นสามส่วนอย่างที่เคยชอบใส่ประจำ ฟูกที่นอนยุบลงจากการหย่อนก้นลงนั่งบนเตียง ผมคว้าเจ้ามิกกี้เม้าส์ตัวโตมานั่งจ้องหน้าก่อนจะจับมันเขย่าๆคอด้วยความหมั่นไส้

     

     

     

    “ ไอ้บ้า คนกวนประสาท ”

     

     

     

     โอ้ย แล้วผมมาด่าอะไรกับตุ๊กตาเนี่ย มันจะรู้เรื่องกับผมไหม ประสาทไปใหญ่แล้วมินวู -[ ]-! ไม่รู้อะ เป็นตัวแทนไปก่อนแล้วกันเว้ย

     

    “ แล้วทำไมฉันต้องพานายมาบ้านด้วยวะ ” เหอๆ นึกๆไป แค่จะคุยยังคุยไม่ถูกเลยเถอะ ถ้ากวังมินมันรู้ต้องล้อผมแน่เลย  ความจริงผมต้องอยู่ห่างเขาไม่ใช่หรอ ...แต่ผมไม่ได้คิดอะไรนี่ ก็คงไม่เป็นไร...มั้ง

     

    “ ใช่ ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้รู้สึกอะไรซักหน่อย! -*- ” แล้วทำไมต้องมาพูดเรื่องนายด้วยวะ ฮึ่ย! ผมเขวี้ยงมิกกี้เม้าส์ใส่ประตู เหมือนคนมีปัญหาทางจิตเลยมานั่งพูดกับตุ๊กตาเนี่ย = =^ ที่ร้ายแรงคือดันเอาแต่นึกถึงไอ้คนหัวแดงนี่สิ! ผมมองไปที่ตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ที่อยู่หน้าประตู

     

    “ ตัวใหญ่เกะกะขวางทางจริง ” ฝ่าเท้าลงเหยียบพื้นห้องไปเก็บเจ้ามิกกี้เม้าส์ขึ้นมาอุ้มเอาไว้ 

     

     

     

    “ ก๊อกๆๆ ”

     

     

     

     

     เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมบิดกลอนประตูให้เปิดเข้ามาทั้งๆที่อุ้มตุ๊กตาขนาดเท่าตัวไว้อยู่  แล้วก็ปรากฏว่าเป็นดงฮยอนที่มาเคาะประตู -0-!

     

    “ ฮึ ” คนตรงหน้ากลั้นยิ้มขำมองผมสลับกับตุ๊กตาในอ้อมกอด อะไร กอดตุ๊กตามันผิดตรงไหนวะ -*- อย่ามามองแบบนั้นนะไอ้หัวแดง

     

    “ ขำอะไร แล้วขึ้นมาทำไม? ”

     

    “ ก็ไหนว่าใครจะกินเค้ก ไม่เห็นลงไปซักทีนี่ครับ (: ” ดูยิ้มเข้า  

     

    “ แล้วยิ้มอะไรฮะ!

     

    “ ยิ้มเด็กน่ารัก (:

     

    “ ผมไม่ใช่เด็ก! ” ยังจะยิ้มอยู่อีก โตแล้วเฟ้ยไม่ใช่เด็ก! เข้าใจไหมมมม

     

    “ ยิ้มคนน่ารักก็ได้ ” -///-  ชมใครวะ ผมไม่ได้น่ารักซักหน่อย หล่อจะตาย!

     

    “ ป...ปิดประตูให้ด้วย !! ” ผมยัดตุ๊กตาใส่แผงอกอีกคนอย่างเต็มแรงแล้วเดินลงบันไดมาโดยไม่รอ เค้กอยู่ไหนนะ - .-  ไปถามมินอาน้องสาวอันเป็นที่ร๊ากกกกกยิ่ง ก็ได้คำตอบว่าอยู่บนโต๊ะกับข้าวที่ครัว

     

    “ มินวูมาเร็วลูก เค้กใส่จานรอไว้ตั้งนานละนะ ” ร่างบางที่บ่งบอกว่าเป็นเพศหญิงกับหน้าตาบ่งบอกความเด็กกว่าอายุกวักมือเรียกผมด้วยรอยยิ้ม

     

    “ แม่! อยู่ด้วยหรอเนี่ย ” ผมวิ่งเข้าไปกอดผู้หญิงที่เคารพรักสุดชีวิต ก่อนจะยิ้มกว้าง “ สวัสดีครับ คิดถึงมาก~

     

    “ อ้อนตลอดอ่ะลูกคนนี้ มาให้แม่หอมทีซิ ” แม่จุ๊บแก้มผมแรงๆก่อนจะดึงมันเล่น “ พาแฟนมาบ้านหรอ พ่อคนผมแดงๆน่ะ ”

     

    “ ไม่ใช่ครับแม่ รุ่นพี่ที่โรงเรียนน่ะ ” ลูกแม่ยังโสดนะ -^- ทำไมไม่ทักว่าเป็นเพื่อนมั้งอ่ะ

     

    “ หรอ นิสัยดี๊ดีเนอะ ชมแม่ว่าหน้าเด็กเหมือนเป็นพี่สาวเรามากกว่าซะอีก ” กะล่อนมากกว่าอะดิ

     

    “ ก็คุณแม่ยังดูสาวอยู่เลยนี่ครับ (: ” นั่น พูดถึงไม่ทันไรก็โผล่มาละ

     

    “ แหม ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้ะสุดหล่อ ” สุดหล่อ? แหวะ ผมหล่อกว่าตั้งเยอะนะแม่ -*-

     

    “ แล้วจะถือตุ๊กตาลงมาด้วยทำไม ” ผมมองร่างสูงที่กอดเจ้ามิกกี้เม้าส์เอาไว้  ตัวมันก็ไม่ใช่ว่าจะเล็กๆนะ แต่ภาพดงฮยอนกอดตุ๊กตาก็แปลกตาดี เอ่อก็น่ารักดีนั่นแหละ

     

    “ ก็สั่งให้ปิดประตู ไม่ได้บอกให้เก็บตุ๊กตาด้วยนี่ ”

     

    “ ซื่อบื้อหรอไง เดี๋ยวมันก็เปื้อนหรอก เอามานี่เลย ” ผมคว้าตุ๊กตาเอามากอดไว้เอง

     

    “ น้องยังเด็กน่ะ อย่าไปถือเลยนะจ้ะดงฮยอน ”

     

    “ แม่! ” แล้วไปรู้จักชื่อหมอนี่ตอนไหนเนี่ย

     

    “ เรียกแม่ทำไม -.- ถือตุ๊กตาไว้แล้วจะกินเค้กยังไงล่ะนั่น หรือจะให้คนแถวนี้ป้อนล่ะจ้ะมินวู  ”

     

    “ แม่! ” นี่แม่หมายความว่าไง ทำอย่างกับยัดเหยียดผมให้ไอ้หัวแดงนี่อย่างงั้นแหละ คิ้วผมขมวดลงแสดงความไม่พอใจ

     

    “ ไม่รู้ไม่ชี้  ไปดูทีวีกับมินอาดีกว่า ฝากน้องด้วยนะจ้ะดงฮยอน ” ร่างบางเดินออกไปโดยไม่สนอะไรอีก -0- นี่มันเหมือนใครกันเนี่ย!!

     

    ผมมองค้อนร่างสูงที่เอาแต่ยิ้มไม่หุบ ไม่น่าพามาเลยเหอะ

     

    “ ตกลงจะให้พี่ป้อนไหมครับ ”

     

    “ ผมกินเองได้ ” มิกกี้เม้าส์ถูกวางไว้ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ผมนั่งลงก่อนจะเปิดที่ครอบอาหารออก ตาเหลือบขึ้นมองดงฮยอนที่ยืนมองผมอยู่เฉยๆ

     

    “ เป็นฝีที่ก้นหรอไง ” เก้าอี้ไม่ได้ติดยันต์ไว้ซะหน่อย นั่งได้ก็ไม่มีใครเขาว่าหรอก เจ้าของบ้านเขาเอาใจอยู่แล้วนี่!  -^-

     

    “ ไม่คิดจะแบ่งมั่งหรอ ” คนหัวแดงนั่งลงฝั่งตรงข้ามพลางแกล้งทำหน้างอ มองแล้วก็ขำในใจ  โธ่เอ้ย  อยากกินก็ไม่บอก   

     

    “ กินป้ะ อ้าปากดิ ^[+++]^” ผมตักเค้กคำโตๆจ่อปากดงฮยอนที่มองหน้าผมแปลกๆ ก่อนจะอ้าปากออกตามที่สั่ง  

     

    “ กว้างๆดิ ” ผมจ้องหน้า ก่อนอีกคนจะอ้าปากออกอีกแล้วงาบเค้กเข้าไปทั้งก้อน ช้อนที่ยังอยู่ในปากเขาทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เอ่อ…-///-

     

    ^^ ”  ยิ้มให้อีก ก็แค่ป้อนเค้ก ทำเป็นดีใจไปได้! ผมรีบชักช้อนกลับมาก้มหน้าก้มตาตักเค้กใส่ปาก รู้สึกแปลกๆเลยเหลือบขึ้นมองอีกคน ก็เห็นว่าใบหน้าขาวๆยังยิ้มไม่หุบ

     

    (. .  )…มองอะไร ” จ้องอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนกินเค้กรึไง  

     

    “ ไม่ได้เป็นอะไรกัน มองไม่ได้หรอครับ ”  ทำไมต้องวกกลับมาเรื่องนี้อีกแล้ววะ - -;  

     

    “ พูดอีกและ ฮยองไม่มีสมองหรอถึงไม่รู้ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ ”

     

     

    “ จะย้ำให้มันได้อะไรขึ้นมา ไอ้คำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันน่ะ ” แล้วทำไมผมต้องอารมณ์เสียด้วยวะ

     

    “ แล้วพี่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอะไรกับนายไหมมินวู ”

     

    “ จะไปรู้หรอว่าฮยองอยากเป็นอะไร ” ผมพูดขณะที่หน้ายังก้มมองจานที่เคยมีเค้กตั้งอยู่เมื่อนาทีก่อน นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย พอนึกได้ขาก็ลุกขึ้นพรวด เดินเก็บจานไปล้างอีกทางทันที ไอ้คนที่นั่งอยู่เลยลุกเดินตามมายืนข้างๆแบบยิ้มๆ   ผมไม่น่าเผลอเลย พลั้งปากไปแล้วไอ้มินวู อ๊ากกก ~

     

     

     

     

    “ อยากเป็นแฟน จีบได้ป้ะ ”  

     

     

     

     

     

    “ ... ”  ผมเม้มปาก ก้มหน้างุดๆ (.///.)   

     

    “ ไม่ตอบถือว่าได้  ฟอดดดดด~

     

    “ เฮ้ย! o///o ” เขาขโมยหอมแก้มผมอะ ถ้าแม่หรือมินอามาเห็นจะว่ายังไงฟะ

     

    “ หน้าแดงแล้ว ฮ่าๆ ”

     

    “ ไอ้หื่น! ” ถ้าไม่ติดว่าหัวแดงอยู่แล้วจะเอาจานฟาดให้เลือดเลย!

     

     “ ฉับชอบนายนะ ”

     

    “ แล้วแล้วมาบอกทำไมเล่า ” ถึงจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วก็เหอะ แต่ได้ยินหมอนี่พูดออกมาเองแล้ว มันก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน

     

    “ เขินอะดิ ”

     

    “ ใครเขาจะไปเขินฮยอง หลงตัวเอง! ” ผมเดินไปคว้าเจ้ามิกกี้เม้าท์ขึ้นมาอุ้มแล้วเดินออกไป แต่ดงฮยอนก็เดินตามออกมาอีก 

     

    “ ตามมาทำไม ”

     

    “ ก็จะให้ไปไหนล่ะ บ้านมินวูไม่ใช่บ้านพี่นี่ครับ ” ผมนิ่งเงียบและคิดตาม เออผมพาเขาเขามาใช่ไหม เขาก็ต้องเป็นแขก แล้วผมก็เป็นเจ้าบ้านที่ไม่ดูแลแขกให้ดีใช่มะ - - ผมผิดหรอ? เขาตามผมมาเองนี่ งั้นสรุปผมไม่ผิด ^-^

     

    “ ไปนั่งกับแม่กับมินอานู่นไป ผมจะเอาตุ๊กตาขึ้นไปเก็บ ”

     

    “ ไปด้วยได้ป้ะ (: ” ใครจะยอมให้ขึ้นห้องผมกันล่ะ ไว้ใจได้ที่ไหนไอ้หน้าหื่นเนี่ย ):

     

    “ เคยโดนมิกกี้เม้าส์ต่อยไหมล่ะ ” ผมจับแขนมิกกี้เม้าส์ขึ้นมาทำท่าง้างหมัด

     

    “ ฮ่าๆ โอเคครับ พี่รอตรงนี้ดีกว่า รีบลงมานะคิดถึง ”

     

    “ อะไรนะ ไม่ได้ยินเลยอะ ” มือมิกกี้เม้าส์สองข้างถูกยกขึ้นมาปิดรูหูผม ก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินขึ้นบันไดเข้าห้อง ปากอมยิ้มขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว

     

     

     

     

     

     

    และแล้วผมก็ต้องมานอนคิดเรื่องผู้ชายที่ชื่อ คิม ดงฮยอน เขากลับไปแล้วล่ะอยู่ยันหัวค่ำเชียว แม่ก็ดูจะเข้าข้างหมอนั่นจัง นี่ผมลูกแม่นะ -*-  ผ่านมาจนดึกป่านนี้ตาผมมันไม่ยอมหลับจ้องแต่รูปในโทรศัพท์ที่สรุปแล้วก็ไม่ได้เอาไปใช้อะไร ได้แต่เปิดดูมันเป็นบางคืน แค่บางคืนนะ ไม่ใช่ทุกคืน -3-

     

    เวลาที่อยู่กับเขา เอาตามตรงมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่ว่ะ แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกดีไปซะทีเดียว คนอะไรกวนประสาทฉิบหาย =^= แต่ผมกลับอยากให้เขาเป็นแบบนี้มากกว่า  ก็อยู่ดีๆถ้าไอ้บ้า โรคจิต หน้าตาหื่น นิสัยกวนตีนคนหนึ่งมาทำหน้าซึมๆใส่ แถมพูดเสียงเรียบๆดูเครียดๆไม่ยิ้มอย่างกับคนไม่สบายแบบเมื่อตอนเย็น ใครจะไปปรับตัวทัน

     

    ผมกดเลื่อนรูปไปมา ไอ้รูปหน้าเยินๆนี่ก็ฮาดีเหมือนกัน นึกไม่นึกว่าคนแบบนั้นจะสู้กับนังเลงตั้งสี่คน ก็เป็นคนดีกะเค้านี่หว่า หรือแค่เห็นสาวเลยเข้าไปช่วยเหอะ -.-   อ๋า !! ผมนึกอะไรขึ้นได้  ...ผมเคยบอกยองมินว่าโคตรเกลียดหมอนี่ แล้วถ้ายองมินรู้ล่ะ ก็เท่ากับผมเป็นพวกคืนคำอะดิ   ฮึ้ยยยย~! ดงฮยอน !! พี่มันตัวเจ้าปัญหาชัดๆ ... พอๆ เลิกคิดเรื่องหมอนั่นได้ละ ปวดหัวเปล่าๆ ผมปิดโทรศัพท์เก็บไว้ข้างหัวเตียง

     

     

     

     

    เช้าวันใหม่ไร้เสียงไก่ขัน

     

     

     

     

    “ มินวูตื่นได้แล้ว... ”

     

     

     

     

    เสียงปลุกดังข้างเตียง สงสัยแม่มาปลุกมั้ง ผมยังนอนไม่อิ่มเลยนะแม่ -*-

     

     

     

    “ แป็บนึงฮะแม่ ”

     

     

     

    ผมพูดทั้งๆที่หลับตา มือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง

     

     

     

     

     

    “ ไม่ไปโรงเรียนหรอไง ตื่นเลยมินวู ”

     

     

     

     

     

    ผ้าห่มหนาถูกดึงออกไปจากตัว  

     

     

     

     

     

    “ อือกี่โมงแล้วฮะ ”      

     

     

     

     

     

    “ หกโมงยี่สิบ เร็วเข้าแม่นายทำกับข้าวรอแล้วนะ ”

     

     

     

     

     

    ห... หืม?  แม่นาย? แล้วนี่ไม่ใช่แม่หรอกหรอ แล้ว ใครวะ??

     

     

     

    ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งราวกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง คอหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงก่อนจะต้องตาโตด้วยความตกใจ

     

    “ ฮยอง! เข้ามาได้ไง ” ไอ้หัวแดงนี่เปิดประตูผมได้ยังไง ผมล็อกเอาไว้นะ

     

    “ แม่นายให้มาปลุก ^^ ” ดงฮยอนชูลูกกุญแจขึ้นมา =[ ]=! แม่!!! ปล่อยให้หมอนี่เข้ามาได้ไง ไม่กลัวผมโดนปล้ำบ้างเรอะ

     

    “ ก็ตื่นแล้วนี่ไง ออกไปได้แล้ว!! ” ผมรีบลุกไปดันอีกคนให้ออกจากห้องไปทันทีโดยไม่ลืมที่จะคว้ากุญแจห้องมาไว้ในมือ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าอีกคนดังปัง!

     

    “ คิดอะไรของแม่อยู่เนี่ย ”

     

    อยู่ดีๆเหตุการณ์ในห้องพยาบาลก็แล่นเข้ามาในความคิด  ฮะ เฮ้ย!  ผมสะบัดหัวสองสามทีก่อนพาตัวเองเข้าห้องน้ำ

     

    หลังอาบน้ำแปรงฟันสระหัวฟูๆนี่เสร็จ ผมก็ใส่ชุดนักเรียนที่ใช้เวลาไม่มากนักก่อนจะจัดกระเป๋าไปโรงเรียน เฮ้ย! วันนี้มีสอบเก็บคะแนนคาบสองนี่หว่า ผมมองโน๊ตแนวข้อสอบบนหนังสือที่ให้หัวหน้าห้องช่วยโน๊ตไว้ให้เวลาที่ผมไม่ได้เข้าเรียน คงใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นานหรอก

     

     ผมยัดปากกาเน้นข้อความลงกระเป๋าก่อนจะเมสเสจบอกกวังมินว่าวันนี้มีสอบคณิตศาสตร์ อาทิตย์ที่แล้วดันโดดกันไปหลายคาบเลยด้วยสิ

     

    พอจัดของเสร็จแล้ว ผมก็เปิดประตูทว่าไอ้คนเมื่อครู่ก่อนยังยืนรอผมอยู่หน้าห้องน่ะสิ

     

    “ นานจัง ”

     

    “ ใครให้รอ ก็ลงไปดิ ” ผมย่นจมูกใส่ก่อนจะเดินนำลงบันไดไป กลิ่นกับข้าวหอมๆโชยเข้าจมูกจนกระเพาะอดร้องหาไม่ได้

     

    “ แม่ทำไรกินอ่ะครับ ” ผมนั่งลงโดยที่แม่กับมินอานั่งรออยู่แล้ว

     

    “ ก็ดูเอาสิ ดงฮยอนมานั่งทานด้วยกันสิลูก ”

     

    -0- ”  เห...แม่ได้ลูกคนใหม่แล้วรึไง

     

    “ นั่งข้างๆน้องนี่แหละจ้ะ ” แม่ชี้ที่เก้าอี้ข้างผม ตัวอื่นก็มีนะแม่ ชอบเขามากก็ให้ไปนั่งข้างแม่สิครับ -*-

     

    “ ขอบคุณครับ ^^

     

    “ ต๊าย! ยิ้มก็หล่อ หุหุ เอาล่ะทานข้าวกันเถอะเด็กๆ ” ผมค้อนคนหัวแดงแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่พูดอะไรซักคำ ก็เวลากิน ไม่ใช่เวลาพูด -3-

     

     แม่คอยตักโน่นตักนั้นใส่จานดงฮยอนตลอด ลูกสองคนก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะแม่ ในเมื่อไม่มีใครใส่ใจเราสองคนพี่น้องดูแลกันเองก็ได้ -*- ผมตักกับข้าวใส่จานให้มินอา มินอาก็ตักให้ผม เราช่างรู้กันจริงๆเลย รักแกโคตรๆเลยไอน้องรัก หลังทานข้าวเสร็จผมก็ไปยกไอศกรีมในตู้เย็นมากินกับมินอา ป้อนกันไปป้อนกันมาจนคนเป็นแม่เริ่มทนไม่ไหว

     

    “ นี่ประชดแม่กันรึไง - -*

     

    “ มาสนอะไรล่ะคะ ” <<< มินอา

     

    “ มีลูกรักคนใหม่แล้วนี่ครับ ” <<< ผม

     

    “ อิ่มยังโอป้า ”

     

    “ อิ่มมากกกกกก! ไปโรงเรียนกันเหอะ ” ให้มันรู้ไปว่าโดนลูกงอนเป็นยังไง ผมมองร่างสูงที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่รู้จะยิ้มทำบ้าอะไร “ ไม่ไปโรงเรียนรึไง!

     

     

     ผมนั่งอยู่บนรถประจำทางกับคนหัวแดง ส่วนมินอาขึ้นอีกสายหนึ่ง คงไม่ต้องถามว่าจะมารับผมทำไม มันก็มีแค่สองประเด็น คืออยากมารับกับแม่ผมส่งเสริม เหอะ ถูกคอกันดีจัง

     

    “ นายนั่งแบบนี้ไปโรงเรียนทุกวันเลยหรอ ”

     

    “ คงไม่เดินไปหรอก ” ผมเปิดกระเป๋าแล้วหยิบหนังสือคณิตศาสตร์กับดินสอขึ้นมา

     

    “ ตั้งใจเรียนดีนะ ” ดงฮยอนทักเมื่อผมกางหนังสืออ่าน แม้ทำบนรถมันจะลำบากซักหน่อยแต่ผมก็ชินแล้วล่ะ

     

    “ เงียบๆหน่อย ผมมีเทสต์ ”

     

    “ พี่ติวให้ไหม ”

     

     

    “ เห็นอย่างงี้ พี่ท็อปคณิตศาสตร์นะครับ ”

     

     

    “ สอนไม่ยากหรอก เอาไหม ”

     

     

    “ สูตรลัดพี่ก็สอนได้นะ ”

     

     

    “ ติวให้ฟรีๆเลยไม่สนหรอ ”

     

    “ เข้าใจแล้ว ” ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมองอีกคน

     

    “ ตกลงให้พี่ติวให้ใช่ป้ะ (:

     

    “ เปล่า ผมบอกว่าผมอ่านแนวข้อสอบเข้าใจหมดแล้ว ”

     

    “ เว่อร์น่ะ ” ดงฮยอนมองหน้าผมแบบไม่อยากจะเชื่อ อย่ามาดูถูกสมองผมนะเฟ้ย

     

    “ ไม่เชื่อก็ลองตั้งโจทย์มา ” ผมยื่นหนังสือตรงที่เป็นแนวข้อสอบให้เขา ก่อนจะหาสมุดขึ้นมาทำโจทย์ ให้คนตั้งโจทย์ให้มันได้คิดได้ทำ ดีกว่าอ่านเป็นไหนๆเลยใช่ไหมล่ะครับ  ผมไม่ได้หลอกให้เขาติวให้นะ ก็แค่ให้ช่วยตั้งโจทย์ ;P

     

    ผมแก้โจทย์แม้กระทั่งกำลังเดินเข้าโรงเรียน ก็หมอนี่ยัดโจทย์นู้นโจทย์นี้ที่เคยออกสอบ เขาบอกให้ผมลองทำ มันก็เป็นประโยชน์ต่อผมดีนะ

     

    “ ข้อนี่ไฮไลท์เลย ทำได้พี่จะเลี้ยงข้าวตอนกลางวัน ”

     

    “ อยากกินข้าวกับผมมากว่าล่ะสิไม่ว่า ” ผมเบ้ปากใส่อีกอย่างรู้ทัน

     

    “ ชวนพี่หรอ ขอบใจนะ ^^

     

    “ เป็นโรคคิดไปเองหรอ ท่าทางรักษาไม่หายนะฮยอง ”

     

    “ งั้นนายรักษาให้พี่หน่อยสิ ” ดงฮยอนยื่นหน้ายิ้มเข้ามาใกล้ผม จะเอาหน้าเข้ามาทำไมวะไอ้บ้า ผมดันหน้าอีกคนให้ออกห่างๆ

     

    “ หุบปากไปเลย กวนสมาธิ ”

     

    “ คร๊าบบบ ไปนั่งทำตรงนู้นดีกว่า ” ร่างสูงชี้ไปที่ม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ ไม่ชี้เปล่าจับแขนผมเดินตามไปอีก เนียนนะ  - -  “ เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำก่อนนะ ”

     

    พูดจบคนหัวแดงก็วางกระเป๋าแล้วลุกเดินออกไป ส่วนผมก็นั่งจ้องโจทย์ที่เขาให้มา โคตรหินอ่ะ มันเหมือนเอาทุกอย่างมาประยุกต์รวมกัน ถ้าทำได้ ก็เหมือนข้อยิบย่อยอื่นๆก็สามารถมารถทำได้ นี่เขาจำโจทย์ได้ยังไงวะ - -;  ค่อยๆทำไปแล้วกัน

     

    ผมนั่งขีดๆเขียนๆได้ซักพักโทรศัพท์ก็สั่นเตือนข้อความเข้า จากกวังมิน

     

     

    ติวให้หน่อยดิ ถึงโรงเรียนยัง?

     

     

    ก็ไม่ใช่ว่าจะโง่ ยังจะให้ติวอีกหรอไอ้โย่งนิ =  =;

     

     

    อยู่ม้านั่งตรงทางเข้าโรงเรียน

     

     

    ผมเมสเสจกลับก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลง บอกแค่นั่นก็ชัดแล้วคงจะหาเจอแหละ ไม่ทันไรก็เห็นกวังมินเดินเข้ามาด้วยท่าทางแปลกๆ

     

    “ ท่าเดินใหม่หรอวะ? ”

        


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×