ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Will you be mind ? เตี้ยคนนี้ผมขอ [ Donghyun x Minwoo ]

    ลำดับตอนที่ #3 : … but him like me

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 55


    THE★FARRY
      





    3

     



    … but him like me

     





     

    คิม ดงฮยอน ผู้ชายผิวขาวหัวแดงกำลังจะโดนลากเข้าห้องปกครองด้วยฝีมือผม เหอะ หมอนั่นทำตัวเองต่างหาก ผมฟ้องอาจารย์ไปว่ามันแอบโดดเรียนมาอยู่ตรงนี้ (ก็นั่นมันเรื่องจริงไม่ใช่หรอ) ผมเป็นคนดีใช่ไหมล่ะ ^O^ ผมทิ้งให้อาจารย์จัดการกับมันไป แล้วเดินออกมาพร้อมกระดาษยับๆจากการขยำออกมาอีกมุมที่หน้าถังขยะ อืมม รู้สึกว่าผมจะยังไม่ได้อ่านอันสุดท้ายนะ ช่างมันเถอะ  ผมขยำกระดาษรวมกันเป็นก้อนเดียวแล้วปล่อยลงสู่ถังขยะโดยไม่สนใจเนื้อความข้างใน  จากนั้นเสียงแว๊ดๆของอาจารย์ก็ดึงความสนใจของผมให้หันไปมองเหตุการณ์ 

     

    “ ฉันสั่งให้เข้ามาก็เข้ามา ทีออกยังออกได้ ทำไมจะเข้าไม่ได้ ”

     

    “ ก็ได้วะ ” ดงฮยอนกลอกตาไปมา แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างเปิดเผย

     

    “ นี่! พูดกับครูบาอาจารย์ให้มันดีๆหน่อย ”

     

    “ คร๊าบๆ จะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ ”

     

    “ ผมช่วยครับรุ่นพี่ ” บุคคลที่สามเสนอตัวช่วยอีกคนให้ปีนหน้าต่างเข้ามาได้ถนัด บุคคลนั้นคือกวังมินนั่นเอง ออกตัวไวนะเออ -..-

     

    “ ขอบใจ ”

     

    “ มะ ไม่เป็นไร -///- ”  โอ้ โจกวังมินเขิน ผมเพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย  แฝดคนพี่กระตุกแขนคนน้องให้เก็บอาการหน่อย ส่วนคนหัวแดงก็หันมามองผมแบบเคืองๆ ปากขยับไม่มีเสียงจับใจความได้ว่า ฝากไว้ก่อนเถอะ  ผมแลบลิ้นใส่ด้วยความสมน้ำหน้า ก่อนจะขำในใจกับภาพที่อีกคนถูกลากออกจากห้องไป     

     

     

    พอผมกลับไปนั่งที่ก็โดนยิงคำถามจากคนหน้าแดงเมื่อครู่ก่อน ดงฮยอนมาได้ยังไง มาทำอะไร มีอะไรกันรึเปล่า ถ้าจะถามขนาดนี้นะ...

     

    “ ทำไมนายไม่ไปถามเขาเองล่ะ ” ผมเท้าคางมองหน้าคนตาโตกว่านิ่งๆ

     

    “ ไม่คุยกับนายแล้วไอ้เตี้ย -*-

     

    “ อ้าว ไอ้โย่ง - -* ” ผมยกเท้าถีบขาเก้าอี้อีกคนแรงๆ ซึ่งมันนั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าผมนี่เอง หาเรื่องรึไงวะ บังอาจมาเรียกผมเตี้ย ไอ้เสาไฟฟ้าเอ้ย สูงนักนี่ ! ขาคนหรือคอยีราฟฟะ

     

    “ ขาก็สั้นแค่นี้ยังจะอุตส่าห์สะกิด ” ยองมินแฝดคนพี่หันมาแขวะ ถีบว้อยย ไม่ได้สะกิด แล้วสงครามกลางห้องระหว่างผมกับคู่แฝดก็เริ่มขึ้นอีกแล้ว

     

     

     

     

    เลิกเรียน….

     

     

    อ๊ากเหนื่อยยยย!! ที่นอนจ๋า~ ผมกระโดดฝังร่างลงกับเตียงนอน แอบรู้สึกขี้เกียจอาบน้ำเบาๆ 555  บ้าหรอ ! ผมไม่ซกมกขนาดนั้น เหงื่อท่วมตัวไปหลายรอบเลยเนี่ย เพราะฟัดกับไอ้คู่แฝดนี่แหละ

     

    “ ไม่อาบน้ำพี่ไม่นอนด้วยนะ ” คนตัวโตเดินเข้ามานั่งลงบนเตียงพลางหันคอมามองผมที่นอนแผ่กลางเตียง วันนี้พี่ฮยอนซองอยู่กับเราอีกวันครับ  พรุ่งนี้เขาก็จะไปแล้วสิ -3- ยังไม่หายคิดถึงเลย  

     

    “ คร๊าบ ขอพักก่อนน่า ” ยิ้มบางๆถูกส่งให้อีกคน 

     

    “ เหนื่อยมากเลยหรอเตี้ย ”

     

    “ มากกกกก ”  

     

    “ งั้นก็รีบไปอาบน้ำสิ จะได้นอนยาวๆ ” สุดท้ายก็ไล่ผมไปอาบน้ำ  -3-

     

    “ คร๊าบพ่อ ” 

     

    หลังเราสองคนอาบน้ำเสร็จ ไม่ได้หมายความว่าอาบด้วยกันนะ -..- คิดไรอะ  บนเตียงฝั่งซ้ายเป็นผมนอน ส่วนพี่ฮยอนซองนอนฝั่งขวา ไฟถูกปิดลงแล้ว ผมสอดแขนสองข้างรองศีรษะ เปลือกตายังคงเปิดเหมือนมีเรื่องให้คิด

     

    ผมเปิดโทรศัพท์ขึ้นหารูปที่ถ่ายไว้เมื่อตอนนั้น หน้าเหวอๆแสดงขึ้นมาบนหน้าจอ ฮาว่ะ 55 แต่ก็น่าหมั่นไส้ คนอะไรแม่งฉวยโอกาสชะมัด  ไหนจะโผล่มากวนประสาทอีก คิดอะไรอยู่กันนะ

     

    “ นอนไม่หลับหรอ ” เสียงทุ้มจากคนข้างๆถามขึ้น

     

    “ นิดหน่อยครับ ” ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ข้างหัวเตียงที่เดิม ก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆให้อีกคน

     

    “ คิดอะไรอยู่น่ะเรา ”

     

    “ ไม่บอก ”

     

    “ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับนะ ”

     

    “ ไว้ค่อยบอกไง~ ” ผมหัวเราะเบาๆ มันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญหรือน่าใส่ใจ ที่จะพูดออกไป ก็แค่เรื่องราวที่เข้ามาในชีวิตอีกวัน  

     

    “ นอนได้แล้วเตี้ย ” ร่างสูงโน้มปากลงมาจูบหน้าผากผมอย่างนุ่มนวล ผมเหลือบตาขึ้นสบตากับอีกคนก่อนจะปิดเปลือกตารับสัมผัสที่ริมฝีปากประทับลงมา กลีบปากหนาไล้ลงมาตามสันจมูกก่อนจะบรรจงแนบลงมาที่ริมฝีปากของผม ไม่มีการรุกล้ำใดๆ เพราะมันคือจูบที่พี่มีให้น้องเท่านั้น  “ ฝันดีนะ ”

     

    “ ฝันดีครับ ” 

     

    พรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกนะ

     

     

                    เที่ยงวันต่อมา

     

     

     

    ผมเดินเข้าโรงอาหารพร้อมแฝดหัวทอง ยองมินนั่นแหละ แปลกใช่ไหมว่าทำไมทั้งๆที่เรากัดกันบ่อยแต่ยังนั่งกินข้าวด้วยกัน ถ้าเป็นช่วงแรกๆ เราจะผลัดกันหาเรื่องแกล้งกันไปมาได้ทุกวัน ความจริงผมเป็นฝ่ายโดนแกล้งก่อนนะ -3- ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งเรื่องแกล้งๆก็ทุเลาลง แต่ก็ยังมีอยู่เรื่อยๆตามอารมณ์ พูดง่ายๆคือตอนนั้นคู่แฝดนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับผมตลอด พอนานๆก็เหมือนกับไม่มีเหตุผลที่จะต้องแยกโต๊ะกัน ผมก็เคยถามเจ้าสองคนนี้นะ ว่าทำไมไม่ไปนั่งที่อื่นซักที แต่คำตอบที่ได้คือ ไม่รู้ กับ ‘ขี้เกียจ  ผมจำได้ว่าตอนนั้นทำหน้าหงิกเซงโลกสุดๆออกไป พออีกวันความคิดที่ว่า มันก็ทำให้ชีวิตมีสีสันดีไม่ใช่หรอ จากพี่ฮยอนซองก็ทำให้ผมเลิกนอยด์

     

    “ อ่ะ นี่ของนายสองคน ” กวังมินวางจานข้าวของผมกับยองมินลงบนโต๊ะ วันนี้เราเป่ายิงฉุบกันไปซื้อข้าวครับ คนแพ้ก็คือกวังมินที่ต้องออกค่าข้าวทั้งหมดของยองมินก็ไม่ยกเว้น  อ้อ ผมลืมบอก บางทีแฝดมันก็แกล้งกันเองครับ 

     

    “ ขอบใจน้องรักพาใครมาน่ะ - - ” ยองมินมองไปด้านหลังแฝดคนน้อง ผมมองตามสายตาของอีกคนก็ต้องคว้าเควสชั่นมาร์กขึ้นมาแปะบนหน้าตัวโตๆ

     

     “ นั่งด้วยคนนะครับ ^^ ” บุคคลที่สี่พูดกับยองมินแล้วหันมายิ้มให้ผม รอยยิ้มแบบนี้ผมล่ะเอียนจริงๆ - -;  ยังไม่ทันที่ใครคนหนึ่งจะตอบอนุญาต ผู้มาใหม่ก็วางก้นลงข้างๆผมซะแล้ว

     

    “ ขอบใจที่มีมารยาท ” ผมพูดกัดเต็มที่ เพราะไอ้คนข้างๆก็คือดงฮยอนยังไงล่ะ นอกจากหน้าหื่นแล้วยังมารยาททรามอีกต่างหาก ไอ้หัวแดงเอ้ย ! “ เมื่อวานโดนทำโทษให้ฉาบปูนบนหน้าหรอไง ”  

     

    “ รุ่นพี่นั่งข้างๆพี่ยองมินก็ได้นะครับ ” กวังมินเห็นว่าอีกคนกำลังจะโดนผมงับหัว เลยบอกให้ไปนั่งข้างพี่ชายฝาแฝดตัวเองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม แต่ก็โดนสวนขึ้น

     

    “ ไม่ต้อง มินวูนายมานั่งนี่ ”  

     

    “ หะ? ”

     

    “ ฮยอง! ” กวังมินขึ้นเสียงดัง ผมมองสองคนสลับไปมาอย่างงงๆ เป็นอะไรกันวะ

     

    “ ฉันว่าเราออกไปจากโต๊ะนี้ดีกว่าว่ะมินวู ” ยองมินพูดพลางจ้องหน้ากวังมิน จากนั้นตัวผมก็ถูกฉุกให้ลุกขึ้นตาม “ อยู่เป็นก้างขวางคอน่ะมันไม่ดี ”

     

     

     เจ้าของเรือนผมสีทองเดินนำผมออกมาที่ม้าหินหลังอาคาร ต้นไม้ต้นใหญ่แผ่กิ่งใบคลุมไปทั่วทิศทำให้ที่ตรงนี้ร่มจากแสงแดด แต่เหมือนไอ้คนที่อยู่กับผมเนี่ยจะใจไม่ร่มเหมือนสภาพอากาศอะดิ

     

    “ เป็นไรกันวะ ” ผมถามอย่างอดไม่ได้ ไอ้กวังมินชอบดงฮยอนน่ะเข้าใจ แต่ไอ้ท่าทีของยองมินเนี่ยมันแปลกๆนะ  “ หวงน้องหรอไง ”

     

    “ เออ ”

     

    “ ก็พอจะเข้าใจ ” ผมนั่งลงบนม้าหิน ก่อนจะยกแขนกอดอกมองหน้าอีกคน

     

    “ ไม่ต้องวางมาด มันไม่เข้าว่ะ = =

     

    “ ขัดจริงๆไอ้นี่ ” - -+ ผมวางแขนลงอย่างเซ็งๆ 

     

    “  แล้วที่บอกว่าเข้าใจน่ะรู้หรอไง ”

     

    ” เงียบครับ อันที่จริงผมไม่รู้ - -^ ก็แล้วมันเป็นอะไรก็บอกมาสิวะ แล้วทำไมต้องลากผมออกมาด้วย เออ แต่มันก็ดี ผมไม่ได้อยากอยู่ตรงนั้นนักหรอก 

     

    “ กวังมินมันชอบรุ่นพี่นั่น แต่…” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แต่อะไรล่ะพูดต่อดิ จะเว้นเพื่อ?  ยองมินถอนหายใจก่อนจะพูดตัดประเด็น “ เอาเป็นว่าฉันไม่ชอบขี้หน้าหมอนั่น ”

     

    “ เออ ฉันก็ไม่ชอบ ” มากๆเลยล่ะ - -*

     

    “ เรื่องจริง? ”

     

    “ สุดๆเลยเพื่อน ” คำๆหนึ่งหลุดออกจากปากผมไป ยองมินนิ่งไปพักหนึ่ง ความจริงเราไม่เคยพูดถึงคำนี้กันเลย ถึงเวลาจะผ่านมาเป็นเดือนแต่ไม่มีครั้งไหนที่เราจะเรียกความสัมพันธ์ระหว่างกันว่าเพื่อน

     

    “ เพื่อน? นายยอมเป็นเพื่อนฉันด้วยหรอไง ”

     

    “ มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เป็นล่ะ ” ผมยักคิ้วกับยิ้มโชว์ฟันขาวๆให้อีกคน

     

    “ เหอะ ไอ้เตี้ย ”

     

    “ อย่าเรียกได้ไหมยองมิน - -* ”

     

    “ เพื่อนกันป้ะ แค่นี่โกรธหรอ ” -0- ถ้านายจะง๊องแง๊งขนาดนี้อ่ะนะ มียองมินเวอร์นี่ด้วยหรอเนี่ย!

     

     “ ไม่ชอบ ไม่ให้เรียก เรียกมีงอน  -*-  ” เจอผมง๊องแง๊งกลับเลยเป็นไง 55

     

    “ งอนไปดิ ก็จะเรียกอะ ” 

     

    -0- อ้าว! ”  ไหงเป็นงี้อ่ะ จากนั้นเราก็เถียงกันไปกันมา ใครจะยอมให้เรียกกันล่ะ - -+  ซักพักเริ่มเหนื่อยครับเลยเลิกเถียงกัน ประเด็นคือกวังมินเดินเข้ามาพอดี สองคนมองหน้าที่ละหม้ายคล้ายกันราวกับพยายามหาเม็ดสิวของอีกฝ่าย -3- แหม ก็เห็นจ้องกันอยู่นั่นแหละ  บรรยากาศชักไม่ดีแฮะ ผมมีความรู้สึกว่ามันอยากจะเคลียร์กันสองคนมากกว่าเลยก้าวออกมา แต่ยองมินก็จับต้นแขนผมไว้

     

    “ ไม่ต้องไปไหนหรอกเตี้ย ”  กรีดร้องงงง  เรียกอีกแล้ว! สรุปที่เถียงๆไปนี่ไม่มีประโยชน์เลยใช่ป้ะวะ TT แม่งใจร้าย ไอ้โย่งเอ้ย! แล้วจะให้ผมอยู่เป็นตัวประกอบทำไม - - เรื่องนี้ผมเป็นพระเอก(?)นะ

     

    “ ทำไมวะ ”

     

    “ บอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปดิ ” อะไรของมัน - -?

     

    “ ฮยองคิดอะไรอยู่ ”  เห็นด้วยกับกวังมิน นั่นสิ ยองมินคิดอะไรอยู่

     

    “ แล้วนายคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ไปอยู่กับมันล่ะกวังมิน ”

     

    “ จะให้อยู่ได้ยังไงล่ะ ก็รุ่นพี่เขา ” กวังมินหยุดประโยคเอาไว้แล้วมองมาที่ผมด้วยสายตากระฟัดกระเฟียด เอ่อ ผมทำไรผิดว่ะ

     

    “ มินวูไม่เกี่ยว มันไม่รู้เรื่อง ” ยิ่งนายพูดแบบนี้ฉันยิ่งสงสัยว่ะยองมิน - -

     

    “ ฉันเกี่ยวอะไร ? ”

     

    “ ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อรุ่นพี่ดงฮยอนเขาชอบนาย!

     

    “ หะ ชอบฉัน? ”  ไอ้โรคจิตมันชอบผมงั้นหรอ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

     

    “ ก็ฉันบอกนายแล้ว ทำไมถึงยังจะไปยุ่งกับมันทั้งๆที่รู้ว่ามันชอบมินวูอยู่น่ะฮะกวังมิน ”

     

    “ ผมถามจริง พี่ห่วงผมหรือหวงมินวูกันแน่ ! ” 

     

    “ กวังมิน ! ”

     

    “ ไม่อยากให้พาเขามาเข้าใกล้มินวูใช่ไหมล่ะ ”   

     

    “ มันไม่ใช่

     

    “ แล้วที่ปกป้องกันคืออะไร ฮยองชอบมินวูใช่ไหม!

     

    … ”

     

    “ ตอบผมสิ ”

     

    “ ไปกันเถอะมินวู ” หา?

     

    ผมที่กำลัง ค้าง อึ้ง มึน งง กับบทสนทนาเมื่อครู่โดนยองมินดึงแขนให้เดินออกมา เมื้อกี้ผมเห็นน้ำตาใสเอ่อคลอเบ้าในดวงตาโตกลม กวังมินกำลังร้องไห้ นี่มันบ้าไปกันใหญ่แล้ว

     

    “ ทำไมนายไม่บอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันวะ ”

     

    “ กวังมินมันไม่ฟังหรอก ”

     

    “ นั่นน้องนายนะเว้ย ”

     

    “ ให้มันอยู่คนเดียวบ้างเถอะ เผื่อจะคิดอะไรๆได้ พูดอะไรไปตอนนี้เดี๋ยวก็ทำให้ฟุ้งซ่านคิดเป็นอย่างอื่นไปหมด ”

     

    “ อืม ” ผมหยุดขัดเพราะเหตุผลนั่นก็เข้าท่าดี ยังไงยองมินก็ต้องรู้จักกวังมินดีที่สุดอยู่แล้ว

     

    แต่ก็ไม่อยากจะนึกเลย ถ้ากวังมินรู้เรื่องจูบแล้วมันจะเป็นยังไง

     

     

     

     ‘ โครกกกก~ ’

     

    เอ่อ นี่มันเสียงอะไร คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเสียงท้องร้องนะ มาผิดบรรยากาศมากแถมเจ้าของเสียงยังเป็นผมเองซะด้วย -0- ลืมไปเลยว่าไม่ได้กินข้าว! ก็ยองมินมันลากผมออกมาก่อนนี่ -*-

     

    “ ฮ่าๆๆๆ ” คนหัวทองหัวเราะอย่างไม่ห่วงหน้าตา  ผมขว้างค้อนปอนด์อันบะเร่อกลับไปให้เต็มๆลูกกะตา  ชิ้งๆ - -+

     

    “ เพราะนายอะแหละยองมิน ”

     

    “ อะไร ”

     

    “ หิวโว้ยยยย! ”

     

    “  ปะ ไปหาไรกินกันเตี้ย ”

     

    “ ไม่เตี้ยเว้ย - -*

     

    “ เตี้ย

     

    “ โว๊ะ!! หิว หาไรเข้ากระเพาะก่อน แม่งไส้บิดเป็นเกลียวล่ะ ”  ขี้เกียจเถียงแล้ววุ้ย กินอิ่มแล้วค่อยมาเถียงต่อ กองทัพมันก็ต้องเดินด้วยท้องดิ  ว่าแล้วก็กระแทกเท้าออกไปตามหาของกินโดยมีไอ้โย่งคนนึงตามมาด้วย เพราะมันก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน  = =^

     

     

    ผมกลับบ้านโดยมียองมินติดสอยห้อยมาด้วย มันตื้อจะมาบ้านผมให้ได้เลยให้ตายเหอะ ผมรู้ทันมันหรอกว่าไม่อยากกลับบ้านไปเจอกวังมิน แต่นี่มันจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอวะ ปล่อยไว้แบบนั้นมันจะดีจริงๆงั้นหรอ ชักจะไม่แน่ใจแล้วสิ  ไอ้คนหัวทองก็ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน นั่งเล่นตุ๊กตามิกกี้เม้าส์อยู่บนเตียงผม

     

    “ นี่นายโตแล้วรึยัง ” ผมมองอีกคนอย่างเอือมๆ

     

    “ โตว่านายแล้วกันเตี้ย ” ไม่หาเรื่องซักนาทีจะตายไหมไอ้นี่นิ - -+

     

    “ อยากตายนักใช่ไหมไอ้ยองมิน ” ผมคว้าหมอนใบหนามาฟาดใส่หน้ามันรัวๆ นี่แหนะ ตายซะยองมินนนนน!    

     

    “ โอ้ยๆ ไอ้เตี้ย! ” ยองมินโวยวายแล้วจับมิกกี้เม้าส์ในมือฟาดอย่างแรงจนผมตกเตียง T_T แม่งงงง มิกกี้เม้าส์ผมตัวเล็กๆซะที่ไหน เจ็บว้อย!ฟาดมาได้นะ

     

    “ ฮ่าๆๆๆ ” มันยืนขึ้นหัวเราะสะใจที่ตัวเองทำผมตกเตียง ฮึ่ย! อย่าอยู่เลยยองมิน!!! ผมรีบลุกขึ้นไปกระโดดถีบอีกคนให้ตกเตียงด้วยความหมั่นไส้ แต่ทว่ายองมินกลับดึงผมลงไปกับมันด้วย

     

    “ เฮ้ย! ”

     

    โครม!!! ’

     

    ใบหน้าหวานปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ห่างกันแค่คืบหนึ่ง หน้าเราห่างกันแค่คืบเท่านั้น ผมจ้องอีกคนค้างอย่างตกตะลึง สมองประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นแทบไม่ทันก่อนจะพบว่าผมอยู่ในท่าคร่อมยองมินอยู่ เอ่อ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้

     

    “ โอป้า ทำอะไรเสียงดังชะมัด ว้าย!! ” ผมเงยหน้ามินอาที่เปิดประตูเข้ามาเห็นช็อตเด็ดพอดี โผล่มาได้จังหวะมากครับน้องรัก - -^

     

    “ มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ” ผมยันตัวลุกขึ้นทันที ก่อนที่ยัยน้องบ้าจะเข้าใจอะไรผิด

     

    “ หวัดดี ^^; ” ยองมินทักอีกคนด้วยยิ้มแหยๆ

     

    “ หวัดดีค่ะ พี่ยองมิน -///- ” หน้าแดงอีก เฮ้อ ผมคิดถูดหรือคิดผิดเนี่ยที่ยอมให้ยองมินมันมาบ้าน ก็ลืมไปว่ามินอาปลื้มมันอยู่ เห็นว่าคืนนี้ผมจะไม่ได้นอนแบบสงบๆแล้วล่ะ - -*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×