ตอนที่ 5 : [Mckirk] happy day (2)
"โบนส์!!!"
เขาตกใจกะทันหันเมื่ออยู่ๆเพื่อนรักอย่างจิมก็กระโดดมากอดเขาแน่น แขนเล็กพยายามรัดร่างกายของแม็คคอยราวกับกอดหมอนข้างเวลาฝันร้ายก็ไม่ปาน
"จิม แกเป็นอะไร"เขายิ่งตกใจเมื่อร่างน้อยๆในอ้อมกอดเริ่มสั่นไหว
"โบนส์ อ ไอ้นั้น"ร่างบางของกัปตันยานเอ็นเตอร์ไพรส์ชี้ไปทางซอมบี้ที่ร่างกายของมันขาดครึ่งท่อนคลานมาทางพวกเขา
"นาย..กลัวผีดิบหรอ?"จิมพยักหน้ารัวๆ
"แล้วนายยังจะเข้ามาเล่นทั้งๆที่นายกลัวเนี่ยนะ"ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมา ความมืดไม่ได้ทำให้ดวงตาสีฟ้านั้นหม่นลงเลยกลับกันยิ่งขลับให้ดวงตานั้นเปล่งประกายขึ้น จิมพยายามจะพูดออกมาแค่เขากลัว กลัวจนพูดอะไรไม่ออก
แม็คคอยส่ายหน้าๆเบาก่อนที่จะเอื้อมไปจับกับมือที่กำลังสั่นเพราะความหวาดกลัว เขาปลอบคนไม่เป็น ถึงเขาจะเป็นหมอแต่เขาไม่รู้แม้แต่วิธีปลอบโยนคนไข้ ยกเว้นกับคนตรงหน้า จิมเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ เขาหวงเพื่อนคนนี้ หวงจนเรียกได้ว่าคนอื่นแทบเข้าใกล้ไม่ได้ แถมยังทะนุถนอมอีกคนจนเหมือนไข่ในหิน
...เริ่มรู้สึกเกินกว่าคำว่าเพื่อน...
"ฉันอยู่ตรงนี้จิม มองหน้าฉันสิ"
"บ โบนส์ ฉันกลัว"จิมบีบมือเขาแน่น เขาพยายามทำให้อีกคนไม่ต้องไปสนใจกับสิ่งตรงหน้า
"งั้นเอางี้ นายหลับตาแล้วเดินตามฉันมา โอเคมั้ย"
"แล้วถ้าฉันสะดุดล้มล่ะ?"
"ฉันจับมือนายอยู่ ฉันไม่ปล่อยให้นายล้มหรอกน่า" จิมเงียบไปซักพักก่อนจะพยักหน้าเบาๆแล้วหลับตาลงเดินตามคุณหมอไปข้างหน้า
แฮ่ แฮ่
เสียงโหยหวนครวญครางยังดังรอบข้างไม่ขาดสาย เขาเกือบสะดุดล้มตั้งหลายครั้ง นึกโกรธคนตรงหน้าที่ยังจับมือเขาแต่ก็โกรธไม่ลงเพราะความอบอุ่นที่มือนั้นมันช่างอบอุ่นเหลือเกิน แม็คคอยพาจิมออกมาจากบ้านผีสิงบ้าๆนี้(ชื่อที่คุณหมอคิดให้ เพราะมันทำให้จิมร้องไห้) จิมซึมไปเล็กน้อย มือเล็กๆยังสั่นไม่หายจนเขาบีบมือแน่นกว่าเดิมเพื่อให้อีกคนหายกลัว ไม่นานรอยยิ้มกว้างที่ราวกับแสงอาทิตย์ก็ส่งมาให้เขา
“ฉันโอเคแล้วล่ะ หายแล้ว” หึ เชื่อก็โง่แล้ว เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสวยยังมีความกังวลและสั่นกลัว อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ อยู่ด้วยกันมาจะกี่ปีทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าอีกคนเป็นยังไงแค่ไม่พูดเฉยๆ
“แน่ใจนะว่าแกโอเคอ่ะ?”
“เออ ฉันโอเคเสียยิ่งกว่าโอเคอีกน่า” จิมหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจับมืออีกคนแล้วพาเดินไปเรื่อยๆ ในหัวของคุณหมอมีแต่เครื่องหมายคำถามลอยเต็มไปหมด “กลัวหลงน่ะ เลยจับมือคนแก่ไว้”
“นี่แกว่าฉันแก่หรอไอ้บ้าจิม”
“เปล่า แค่พูดลอยๆเองน่า” เขาแอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามมา
ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ แวะนู่นแวะนี่บ้างจนตอนนี้แม็คคอยแทบจะเรียกได้ว่าขาลากพื้นกันข้าง ต่างจากอีกคนที่ยังเดินไปมาไม่หยุด เขาขอจิมไปเข้าห้องน้ำข้างกับสวนเด็กเล่น จิมก็ได้แต่พยักหน้าแล้วเดินไป จิมเดินไปเจอกับร้านเค้กเล็กตรงสุดถนน จิมเดินเข้าไปภายในร้าน ผู้คนมากมายกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นทำให้เขาเริ่มหิว เขาเลยเดินไปจองโต๊ะในสุดของร้าน ซึ่งปลอดผู้คนและมีชั้นหนังสือให้อ่าน
“รับอะไรดีค่ะ คุณลูกค้า” เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขานั่งอ่านหนังสือไปซักพัก
“ผมเอาลาเต้เย็นกับคุกกี้วนิลาครับ แต่อีกคนเอา—“
“ผมเอาอเมริกาโน่เย็นกับเค้กช็อกโกแลตครับ”เสียงแม็คคอยดังมาจากด้านหลัง เขาเดินมานั่งตรงข้ามกับเพื่อนสนิท พอรับเมนูเสร็จพนักงานสาวก็เดินไปที่เคาท์เตอร์ทันที
“จิตใจทำด้วยอะไรกันน่ะจิม ปล่อยฉันไว้ที่ห้องน้ำแล้วตัวเองเดินมากินขนมเนี่ย”คุณหมอหยิบหนังสือที่วางไว้มาอ่านพร้อมกับบ่นเขาไปด้วย
“แต่ฉันส่งข้อความไปแล้วนี่น่า”
แม็คคอยหันไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกระจกแล้วเปิดไปดูตรงกล่องข้อความขาเข้าพบว่าอีกคนส่งข้อความมาหาเขาจริงๆนั้นและแต่เขาไม่ได้เปิดอ่านมันเลยแม้แต้น้อย
ถึง โบนส์
ฉันออกมาหาร้านขนมแถวนี้นะ ถ้าหาไม่เจอก็โทรหาเลยนะ
จาก จิม เคิร์ก
จิมยักคิ้วให้เขา เขาก็ยอมรับว่าเขาใจร้อนจนไม่ได้ยินเสียงข้อความโทรศัพท์ของตนเอง เป็นใครไม่ตกใจบ้างล่ะ อยู่ๆก็หายไปอย่างนี้ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ไปแจ้งทางประชาสัมพันธ์ตามหาเด็กหายน่ะหา!!!
“แต่แกก็ไม่ควรหายไปแบบนี้ ไอ่บ้าจิม”
“ทำไมอ่ะ เป็นห่วงหรอไง หืม?” แทงใจคุณหมอเสียเหลือเกิน
“เออ!!! เป็นห่วงแกนั้นแหละ โดนจับไปรีดค่าไถ่ทำไง คนเค้ายิ่งไม่เงินอยู่ด้วย”ประโยคเริ่มต้นช่างจริงจังแต่พอได้ยินท้ายประโยค ทำให้คนอย่างจิม เคิร์ก หลุดขำออกมาเสียงดัง
“เราก็นึกว่าจริงจัง ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เห็นแกยิ้มแล้วฉันก็โอเคล่ะ”
“ของที่สั่งได้แล้วค่ะ”พนักงานสาวคนเดิมค่อยๆวางเครื่องดื่มและของหวานลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ลาเต้และอเมริกาโน่เย็นสองแก้ว คุกกี้วนิลาหอมและเค้กช็อกโกแลตน่าทาน จิมไม่พูดอะไรพลางกัดคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อย ‘กินเหมือนเด็ก’ นั้นเป็นคำนิยามที่แม็คคอยใช้เรียกจิมเวลาที่เจ้าตัวกินมูมมาม
“ค่อยๆกินก็ได้นิ จะรีบไปไหนกันล่ะหืม?” จิมเงยหน้ามาจากจานคุกกี้ ผมสีทองที่ปกติจะเซตให้ดูเรียบร้อยตลอดเวลา บัดนี้กลับยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาสีฟ้าใสเหมือนกับท้องฟ้าในวันที่ไม่มีเมฆ ริมฝีปากสีแดงสดที่กำลังเคี้ยวคุกกี้ ทุกๆอย่างที่ทำให้แม็คคอยหลงรักมัน
มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปตรงหน้าคนผมทอง จิมทำหน้างง พอแม็คคอยพูดขึ้นเขาก็ถึงบางอ้อทันที
“เศษคุกกี้ติดแก้มน่ะ จะเอาออกให้”
จิมไม่ได้ว่าอะไร เขายอมนั่งเฉยๆให้อีกคนเอาเศษคุกกี้ออกจากแก้มเขา มือสากค่อยเขี่ยเศษคุกกี้นั้นออกจากแก้มขาวๆ ของเพื่อนสนิท พอมือสากนั้นเลื่อนออก รอยยิ้มกว้างก็เผยออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์เข้ากันได้ดีกับดวงตาสีฟ้าใส ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากสำหรับแม็คคอยเพราะปกติ เขาจะเห็นเจ้าตัวยุ่งทำหน้าเครียดอยู่ตลอดเวลาที่อยู่บนยาน
“ขอบใจมากนะ โบนส์” นั้นยิ่งทำให้เขาอยากยิ้มตามอย่างหยุดไม่ได้
...ช่างเป็นวันหยุดที่มีความสุขจัง...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอร๊ยยยย สป็อค จิมจะโดนหมองาบแล้ว อ่าวคู่หมอหนิ ลืม555555 ปกติอ่านแต่สป็อค×เคิร์ก คู่หมอ×เคิร์ก ก้อน่ารัก ^\\\^