คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1
ตอนที่ 1
ภายในห้องที่ตลบอบอวลไปด้วยควันบุหรี่ ชายสองคนนั่งดื่มเหล้ากันที่โซฟาคนละฟากโต๊ะ ชายผู้ที่เอาแต่สูบบุหรี่ ทำหน้าเครียด ส่วนชายอีกคนยังคงยิ้มละไม จิบบรั่นดีไปเรื่อย
“ก็อย่างที่บอก ไม่ซักนิดเดียว”
ใบหน้าคมเกลี้ยงเกลายิ้มละไม
“แต่นายกำลังจะแต่งกับเขา”
ชายผู้ที่มีใบหน้าไปทางอ่อนหวานยังคงเครียด
“ก็ใช่”
ไม่มีแววตาของคนสำนึกผิด เขายักไหล่กว้างนิดๆ ก่อนจะเทเหล้าที่อีกฝ่ายไม่แตะอย่างยั่วเย้า
“แต่ถ้านายไม่ได้รักก็ไม่ควรจะขอเค้าแต่งงาน!”กลกลดพูดออกจะคำราม
“งานจัดพรุ่งนี้ นายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยห้ามพลาดเด็ดขาดเชียวนะโว๊ย”
“ให้ตาย กันไม่น่าจะมาพูดกะนายเลย ให้ตายสิ”
หนุ่มหน้ามลสบถไม่พอใจ เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องเสียเฉยๆ ไม่สนคำที่เขาบอกซัดนิด ยังไงมันก็กวนโมโหไม่เลิก ให้ตาย!
“แล้วนายจะแต่งกับเขาทำไม ไม่ได้รัก อยู่ไปก็ไม่มีความสุข”ยังคงหวังที่จะทำให้มันเปลี่ยนใจ
“เหมือนนายกะทิพย์น่ะเหรอ”
ดวงตากลมโตกร้าวขึ้น
“เอาน่า กันยังไม่เดือดร้อนแล้วนายมาเดือดร้อนอะไรกับกันเล่า จริงมั้ย”
กลกลดถอนหายใจ
“อัยเขาเป็นคนดี”
“อือ กันก็ไม่ได้ว่าไม่ดี”
“ไม่น่ามาเจอคนอย่างนายเลย”
“เขาโชคดีต่างหาก”
“นายแต่งกะอัยเพราะอะไร”
ดวงตาสีสนิมแพรวพราว
“รึว่า...”กลดเปรยเบาๆ
“ไม่มีใครรู้ใจกันเท่านายเลยจริงๆ”
“แค่ไอ้ห้าสิบไร่นั่นน่ะเหรอ ถึงทำให้นายต้องลงทุนขนาดนี้”
“แค่ที่ไหน นั่นน่ะทำเลทองเชียวนะ กันว่าจะสร้างรีสอร์ท ที่สวยๆเก็บไว้ก็เสียดายแย่”
“แต่ไร่นั่นมันของอัยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่”
“แล้วอัยเขายอม?”
“พอแต่งกันแล้วมันก็เป็นของกันเองแหล่ะ”
ภาศิลาพูดหน้าตาเฉยจนกลกลดนึกหมันไส้
“อยากให้อัยมาได้ยินจริงๆ จะได้เปลี่ยนใจล้มงานแต่งไปซะ”
“คงจะเป็นไปได้หรอก ถ้าเขาไม่ไปดูชุดเจ้าสาวกับทิพย์”
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกดังมาจากหน้าประตู กลกลดรีบเดินไปเปิดประตู จึงเห็นอศรอัยยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู พื้นนองไปด้วยน้ำและเศษแก้ว หล่อนจ้องไปที่ชายหนุ่มผู้นั่งนิ่งตีสีหน้าเรียบ ตาสีสนิมสบกับตาสีนิลชั่วแวบ ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะสิ้นสุดในความคิดของกลกลด
“ขอบคุณค่ะภาศิลา ที่พูดตรงๆ”รอยยิ้มเย็นๆกับแววตาประหลาดของว่าที่เจ้าสาวที่ทำให้ภายในร่างกายของภาศิลานั้นปั่นป่วน
ส่วนอศรอัยนั้นรีบเดินกึ่งวิ่งออกไปจากบ้านเขาทันที ไม่มีร่างของเขาวิ่งตามมา ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มน้อยๆ ดี ชาติหน้าชาติไหนก็ขออย่าให้มาได้เจอะได้เจอกันอีกเลยนะ นายภาศิลา!
“เดี๋ยวสิอัย เกิดอะไรขึ้น”ทิพย์ศราตะโกนถามไล่หลัง
“มันจะไม่มีงานแต่งแล้วทิพย์”อศรอัยกลับตัวหันมาบอก
“ทำไมล่ะอัย เกิดอะไรขึ้น อย่าเพิ่งใช้อารมณ์เลยนะ ค่อยๆคุยกันดีกว่า”ทิพย์ให้กำลังใจสีหน้าร้อนรน
ก็คงมีแต่ทิพย์ศรากับกลกลดสินะที่ดีกับหล่อน ปล่อยคนใจเค็มนั่นลงหลุมอย่างสงบไปเถอะ หญิงสาวยิ้มให้กับเพื่อนอย่างจริงใจ ก่อนจะรั้งร่างที่สูงกว่านั้นเข้ามากอด
“ขอบคุณจ้ะทิพย์ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณสำหรับทุกๆสิ่ง”
อศรอัยพูดจากใจจริง แต่สีหน้าของเพื่อนสาวยังกังวล
“พูดอย่างนี้อัยจะไปไหน”
“ไปตามทางของอัย ไม่ต้องห่วงนะ อย่าทำหน้าอย่างนั้น แค่นี้อัยไม่คิดบ้าๆฆ่าตัวตายหรอกน่า ลาก่อนจ้ะ ทิพย์”
พูดจบก็หันหลังกลับเดินไปยังจุดหมายของตน ขณะกำลังข้ามถนน จู่ๆหูเธอก็แว่วๆ
“อัย”
เสียงเรียกที่ทำให้หญิงสาวต้องหันควับ ตาพร่าไป ด้วยแสงไฟหน้าจากรถที่แหกไฟแดงวิ่งโค้งมาชนจังๆ
โครม
ร่างของอศรอัยนั้นจมกองเลือด
“อัยยยยยยยยยยยย”เสียงหวีดร้องของทิพย์ศราดังก้อง
สิ่งสุดท้ายที่สติของหญิงสาวจะรับรู้คือใบหน้าโปร่งใสของพี่สาวชะโงกมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง
“พี่อร”
ภายในห้องเดิมภาศิลายังคงนั่งที่โซฟาตัวเดิม แก้วเหล้าใบเดิม และสีหน้าเหมือนเดิมตั้งแต่
อศรอัยจากไป จนกลกลดรู้สึกหมันไส้ แล้วรีบบอกข่าวร้ายที่มันอาจจะไม่ยินดียินร้าย
ตาสีสนิมสบกับตากลมโต
“อัยโดนรถชน”
ภาพที่เขาเห็นคือดวงตาของมันนั้นเบิกกว้าง ฉายแววร้าวราน กังวล เป็นห่วง และ...รัก แค่ชั่วแวบ ก่อนที่ดวงตานั่นจะกลายสภาพเป็นแบบเดิม
เมื่อบอกไปจนหมดแล้ว ชายหนุ่มหน้าหวานจึงออกไปแต่โดยดี
หนอย ทำปากแข็ง หลอกได้แม้กระทั่งตัวเอง!
******
ที่นี่...ที่ไหน? ร่างบางครุ่นคิดออกจะงง เธอก็เพิ่งโดนรถชนไม่ใช่เหรอ ดวงตาสีนิลวาวกวาดตามองไปรอบๆ
ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เขียวขจี เต็มไปด้วยพืชพรรณไม้ต่างๆนานา แต่แล้วก็ต้องรีบก้มตัวลงทรุดกราบ พระองค์หนึ่งที่นั่งวิปัสสนาอยู่เบื้องหน้า
“หลวงตาคะ ที่นี่ที่ไหน”อศรอัยยกมือไหว้พลางถาม แต่หลวงตาไม่ตอบ
“ยังไม่ถึงเวลาของลูก กลับไปเถอะ จำไว้ ชีวิตเรามันก็เท่านั้น จงช่วยพวกเขาเท่าที่จะช่วยได้ ความแค้นและ ทิฐิมันไม่ช่วยอะไรเลย จำไว้”
“จะให้กลับยังไงล่ะ หลวงตามันมะ...โอ๊ะ”ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้ท้วงจนจบประโยค จู่ๆก็รู้สึกมึนกับแสงสว่างจ้าบนท้องฟ้า รู้สึกทุกสรรพสิ่งรอบด้านนั้นมันบิดเบี้ยวก่อนที่ความดำมืดจะเข้ามาคลุมสติทุกส่วนไว้จนหมด
*****
เปลือกตาเปิดขึ้นฉับพลันทำให้ร่างที่เฝ้าดูอยู่ก่อนสะดุ้งเล็กน้อย
“กลด อัยฟื้นแล้ว อัยฟื้นแล้ว ไปตามหมอมาซี่ มายืนบื้ออยู่ได้”
เสียงหวานอุทานอย่างตื่นเต้น บอกคนข้างๆเสียงดัง
“แรงไปไหมแม่คุณ ก็มันตกใจอยู่นี่นา”
เจ้าของหน้าหวานต่อว่าแก้ตัวแล้วก็เดินไปตามหมอแต่โดยดี
ภายในห้องพิเศษของผู้ป่วย อลหม่านไปด้วยคนชุดขาวที่ตรวจโน่นตรวจนี่วุ่นไปหมด คนไข้บนเตียงได้แต่ทำตาปริบๆมองความวุ่นวายนั้น เห็นสาวสวยที่จับมือเธอตอนลืมตาขึ้นมา ยืนอยู่ไม่ไกลพร้อมส่งยิ้มให้กำลังใจ ไม่รู้ทำไมแต่ทำให้เธอนั้นอุ่นใจแปลกๆ
หลังจากที่ห้องกลับสู่ความสงบ ทิพย์ศราเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“อัยเป็นไงมั่ง ปวดหัวรึเปล่า”
คนบนเตียงไม่ตอบแต่จ้องมองคนถามตาแป๋ว
“เธอเป็นใคร”
“อย่าเพิ่งมาเล่นมุขตอนนี้สิอัย ไม่ขำ”
“ฉันก็ไม่ได้กะให้เธอขำ แต่ฉันไม่รู้จักเธอจริงๆนะ ที่จริง...”
คนบนเตียงทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนเอ่ยอย่างที่ทำให้ทิพย์ศรานั้นตาเบิกกว้าง
“ฉันเป็นใคร”
*****
ร่างบางรู้สึกตัวตื่นอย่างไม่เต็มใจ เมื่อรู้สึกว่าร่างของตัวเองนั้นถูกรั้งมาจากเตียง จึงได้รู้ว่าถูกร่างที่ใหญ่กว่าของใครบางคนกอดตัวเธอจนมิด
“เฮ้ย”
อศรอัยขมวดคิ้วขณะพยายามที่จะแหงนหน้ามองเขา ไม่คุ้นหน้าซักนิด แต่ก็ต้องหวีดร้องเมื่อเหลือบเห็นอะไรที่อยู่สูงจรดเพดาน
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงร้องนั้นทำให้ร่างหนาต้องก้มลงมาดู จึงเห็นดวงตาสีนิลนั้นมองเลยเขาไป
“เป็นอะไร”
เสียงห้าวถามอ่อนหวาน
“นะ นะ นาย มะ มะ ไม่เห็น ระ เหรอ มะ มะ มัน โอ๊ว ให้ตาย ไม่เอาแล้ว ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้ว นะ นายพาฉันออกไปที”เธอยังคงไม่ละสายตามามองแต่กลับจ้องเพดานเขม็ง เขาเงยมองบ้างแต่ก็ไม่เห็นมีอะไร
“เห็นอะไร”
“ก็ผู้หญิงน่ะสิ น่ะ น่ะ โหนตัวลงมา เฮ้ย นะ นายนะ พาฉันออกไปจากที่นี่ นะ”
หญิงสาวอ้อนวอน
มือหนาอิงหน้าผากเธอวัดไข้ ก็ไม่ร้อน
“ฉันไม่ได้บ้านะ โถ่ นาย นะ นะ เอ๊า สุดหล่อ พ่อรวย จิตใจดี้ดี ศรีเลิศประเสริฐศรี ช่วยลูกช้างตาดำๆที”
มือบางเขย่าแขนใหญ่ๆ มองอ้อนวอนตาใสติดจะเว้าวอน
“แต่นี่มันดึกแล้ว”
พูดถึงเวลา อศรอัยจึงมองดูนาฬิกา
“สองทุ่มเอง”
ใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักซักนิด แต่ดูก็ไม่น่ากลัว ระหว่างผีกะนายนี่ นายนี่ดูมีภาษีกว่าเยอะ เอาเป็นเขาล่ะวะ
“นะนะ นายชื่ออะไรล่ะ ฉันไม่เป็นไรเลยนอนแหงกอยู่ตั้งสองอาทิตย์ หายแล้ว นะ หมอก็บอกนะว่าจะกลับก็ได้ แต่ไม่เห็นมีใครมารับฉันซักคน ฉันเป็นใครก็ยังไม่รู้ แต่นายรู้จักฉันใช่มั้ย ใช่สิ นะ รู้จักบ้านฉันมั้ย พาฉันกลับบ้านที”
แต่เขายังคงเงียบ
“หรือ...ฉันไม่มีบ้าน”
เธอถือความเงียบเป็นคำตอบ
“งั้นเหรอ”
มือหนาเสยผมยุ่งๆที่ปรกหน้าผากสวยนั้น คล้ายปลอบโยน
“อศรอัย”
“หือ?”
“อศรอัย ปัญญาภันณ์ ไม่สิ คุณคืออศรอัย กาลกลฤทธิ์”
เขายิ้มแปลกๆในความรู้สึกของหล่อน
“เดี๋ยวผมจะไปคุยกับหมอคุณรออยู่ตรงนี้นะ”
หญิงสาวเม้มปาก ไม่อยากให้ไป แต่มันพูดไม่ออก ในห้องก็น่ากลัว ไม่ใช่มีแค่ เธอ แต่มีทั้ง เขา ยัยหนู อาแปะ
เขาเดินออกไปแล้ว แต่ดวงตาโตยังคงจองโต้แข่งกับพวกเขาที่จ้องมองมาเป็นตาเดียว
‘พี่สาวมาเล่นกัน’
จะบ้า! ทำไมต้องเป็นเธอ ที่มาเห็นพวกเขาเนี่ย
*****
ความคิดเห็น