[Christmas in my mind] - [Christmas in my mind] นิยาย [Christmas in my mind] : Dek-D.com - Writer

    [Christmas in my mind]

    เขา...มีความผูกพันกับวันคริสต์มาสอย่างลึกซึ้ง และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำที่เขาจะจดจำมันไม่รู้ลืมตลอดกาล...

    ผู้เข้าชมรวม

    480

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    480

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ธ.ค. 48 / 23:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ผมเกิดวันคริสต์มาส

      นั่นอาจจะเป็นสาเหตุสำคัญละมั้งที่ทำให้ผมให้ความสำคัญกับมันมาก อาจจะมากกว่าวาเลนไทน์ อีสเตอร์ ปีใหม่ หรือแม้แต่วันที่สนุกและน่าสนใจอย่างเอพริลฟูล ...เพราะผมเป็นหนึ่งในเด็กไม่กี่คนที่โชคดีพอได้เกิดในวันสุดวิเศษอย่างคริสต์มาส

      ปีนี้ผมอายุได้ห้าขวบเต็ม ...ปีนี้.. วันนี้นี่แหละ วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ...ผมรักฤดูหนาว รักละอองหิมะที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มันทำให้พื้นถนนสีดำและมลพิษสีเทาน่าเกลียดถูกย้อมด้วยความขาวสะอาดบริสุทธิ์แลดูน่าชมที่สุด รักการที่ได้ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นหนาๆ หรือไม่ก็ผิงไฟที่เตาผิงในห้องนั่งเล่นแล้วเอาพรมขนสัตว์มาคลุมทำให้รู้สึกสบาย รักต้นสนขนาดปานกลางที่ถูกประดับประดาด้วยสายรุ้งและมีดวงดาวสีทองอยู่บนยอด...

      และที่สำคัญที่สุด วันนี้ผมจะได้รับของขวัญวันคริสต์มาส และของขวัญวันเกิด ..นั่นทำให้ผมเป็นสุขมากเชียวละ

      ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนที่จะขยี้ตาแล้วกระโดดลงมาจากเตียงเสียงดัง แม่ร้องขึ้นมาต่อว่าผมเสียงดังแต่ผมไม่สนใจล่ะ ...สิ่งเดียวที่ผมสนใจคือกองของขวัญย่อมๆใต้ต้นสนที่พ่อไปหามาได้เมื่อวาน นั่นเป็นอีกสาเหตุเช่นกันที่ทำให้ผมก้าวลงบันไดอย่างอึกทึกครึกโครม โดยลืมแม้กระทั่งจะต้องแปรงฟันทันทีที่ตื่นนอน

      ผมบอกแล้วใช่ไหมครับว่าผมไม่สนใจเลย!

      สายตาของผมจับจ้องไปยังกองของขวัญขนาดย่อมที่โคนต้นสนอย่างที่ผมปรารถนา มันอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่มันก็ไม่ถึงกับน้อยนิดจนเกินไป ...บ้านของผมไม่ได้ร่ำรวยมากครับ บ้านเราทำจากไม้ นั่นเองทำให้ผมไม่สามารถเดินเบาๆได้ แม้จะพยายามแต่มันก็ยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อยอยู่ดี ทุกคนก็เป็นเหมือนกันครับไม่เว้นแต่ผม ..ครับ ทุกคน รวมทั้งพ่อแม่ผมด้วย เพราะฉะนั้นถ้าดังนิดๆหน่อยๆไม่ค่อยมีใครถือสาหรอกครับ

      แม่กำลังทำสตูอยู่ในครัวซึ่งมันก็ติดกับห้องนั่งเล่นนั่นแหละครับ ส่วนพ่อกับปู่โจกำลังนั่งผิงไฟอย่างเป็นสุข เมื่อปู่เห็นผมก็ยิ้มให้แม้ว่าจะเห็นแต่ฟันปลอมก็ตาม แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่า \"เมอร์รี่คริสต์มาส และสุขสันต์วันเกิดนะ.. หลานรัก\"

      แต่มันก็อบอุ่นดีนะครับ

      \"ขอบคุณฮะปู่โจ\" ผมยิ้มกว้างตอบก่อนจะแสร้งมองซ้ายมองขวาแล้วก็ไปหยุดที่กองของขวัญขนาดย่อมนั่น \"เอ.. นั่นสำหรับผมหรือเปล่าฮะ\"

      พ่อแค่นหัวเราะส่วนปู่โจหัวเราะแห้งๆ ก่อนที่พ่อจะพิงกายไปกับเก้าอี้แล้วชี้มายังกองของขวัญนั้น \"แล้วปกติมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ เอ็ดวิน\" หลิ่วตามอง ก่อนที่พ่อจะยิ้มแล้วก็บอกว่า \"รู้อยู่แล้วนี่ แกะเลยสิ จะรออะไรอยู่เล่า!\"

      พ่อตลกเสมอแหละครับ

      อ้อ... ใช่ครับ ผมชื่อเอ็ดวิน ไคลท์เชอร์ เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ ปีนี้ และวันนี้ผมก็อายุห้าขวบแล้วนะครับ ฮา! แม่ยกเค้กวันเกิดที่ยังไม่ได้เขียนหน้าออกมาวางไว้ชั่วครู่แล้วยกมือปาดเหงื่อ แน่นอนว่าผมมองอย่างสนใจจนแม่หันมาเอ็ดเสียงเขียว \"นี่สำหรับตอนเย็น เอ็ด\"

      หน้าม่อยสิครับ

      แต่ผมก็รีบวิ่งแล้วนอนลงไปกองกับโคนต้นสนแล้วมองกล่องของขวัญอย่างดีใจที่สุด ..ปีนี้ผมได้มาแปดกล่องฮะ ของพ่อ ของแม่ ของปู่โจ ของน้าแมรี่ ของป้าเมย์ ของแซค (เพื่อนสนิทผมเองแหละครับ มันเป็นทั้งเพื่อนสนิททั้งเพื่อนบ้านด้วยนะ) ของลุงเกล็น (เพื่อนบ้านอีกเช่นกันฮะ) ทุกปีผมก็จะได้ตามนี้แหละครับ .. แต่เดี๋ยวนะ เอ๋? นี่ผมตาฝาดรึเปล่า?

      มันมีกล่องสุดท้ายฮะ กล่องสีแดงริบบิ้นสีทองสวยเชียว กล่องที่แปะชื่อที่ผมไม่เคยเห็น?


      ขอให้มีความสุขมากๆๆๆๆๆ ในวันนี้

                                  คริสทีน


      ดูยังไงก็ลายมือเด็กแหละครับ เพราะมันก็ไม่ได้สวยไปกว่าลายมือของผมซะเท่าไหร่ ...แน่นอนว่าเพื่อนและครอบครัวญาติสนิทมิตรสหายของผมก็ให้มาหมดแล้ว แล้วนี่มันใครล่ะครับ?

      \"พ่อฮะ\" ผมเปรยขึ้นก่อนจะชูกล่องสีแดงทองนั้นให้ดู \"นี่ของใครเหรอครับ?\"

      พ่อรับของขวัญจากผมไปดูแล้วขยับแว่นตา ก่อนจะอ่านการ์ดเล็กๆที่ติดมากับกล่องของขวัญนั้น ..\"คริสทีน...\" แล้วพ่อก็เงยหน้าขึ้นมาดูผมฮะ \"ใช่คริสทีน ไลท์ เปอริยอง ..ที่เพิ่งย้ายมารึเปล่าน่ะ กลอเรีย?\"

      เอ่อ.. คงจำได้นะฮะว่าผมน่ะชื่อเอ็ดวิน แม่ผมฮะชื่อกลอเรีย

      \"คริสทีนที่เพิ่งย้ายมาเมื่อวานซืนนี่ไงล่ะ ไซมอน\" เสียงแม่ผมดังมาจากในครัวพร้อมกับกลิ่นไก่งวงอบควันฉุยฮะ \"เขาได้มาคุยกับฉันน่ะ และเชิญครอบครัวเราไปร่วมทานมื้อเที่ยงกันที่บ้านเขา ฉันก็เลยเล่าไปว่ามันบังเอิญตรงกับวันเกิดห้าขวบของเอ็ดวินพอดี.. คุณและคุณนายเปอริยองน่ะ คริสทีน ลูกสาวของเขาที่อายุประมาณลูกเราได้ยินเข้าก็บอกว่าจะเอาของขวัญมาให้ด้วยน่ะ\"

      \"อ้อ..\" ผมถึงบางอ้อละครับ ...แหม ช่างเป็นเพื่อนบ้านที่นิสัยดีจริงๆนะครับ เห็นด้วยไหม?

      ของขวัญจากพ่อเป็นหนังสติ๊กฮะ ...พ่อเหลาเองเลยนะครับดูจากงาน มันประณีตพอสมควรเชียวล่ะ แต่ดูเหมือนว่าพ่อจะให้หากระสุนเอาเองนะครับ ของขวัญจากแม่เป็นเสื้อตัวใหม่ที่แม่ตัดเองเช่นกันฮะ ลายสิงโตที่ผมชอบเสียด้วยสิ... ของขวัญจากปู่โจเป็นช็อกโกแลตแผงหนึ่ง (ดูท่าจะประชดฟันของตัวเองนะครับ ฮา!) ของขวัญจากน้าแมรี่เป็นรถไขลานครับ ส่วนของป้าเมย์เป็นหุ่นยนต์ ....ของไอ้แซคมันก็คือบัตรเชิญให้ไปบ้านมันได้ไม่จำกัดเวลา (แล้วผมจะเอาไปทำไมครับเนี่ย?) ส่วนของลุงเกล็นเป็นเบ็ดตกปลาฮะ! น่าสนมากเลย

      ต่อมาก็คือของคริสทีนฮะ ..ผมค่อยๆแกะมันออกมาอย่างเบามือ ตั้งแต่ริบบิ้นสีทองไปจนถึงกระดาษห่อของขวัญสีแดงสด แกะสกอตเทปเบาๆแล้วก็เปิดกล่องดู ...ผมชะงักไปสามวินาทีฮะ คือ..

      ผมได้เป็นตุ๊กตาฮะ

      ตุ๊กตาผ้าผู้หญิงยัดนุ่นตัวเล็กๆที่ติดตาแทนกระดุม รวมไปถึงเอาเศษผ้ามาเย็บต่อเป็นชุดเรียบง่าย.. แต่มันก็ดูมีความหมาย รวมไปถึงด้ายสีแดงเส้นเล็กๆที่ค่อยๆมาเย็บต่อเป็นรอยยิ้ม ค่อยๆเอียงขึ้นทีละน้อยๆ จนกลายเป็นรอยยิ้มสวยๆ

      ดูยังไงก็ใช้ความพยายามมากฮะ... นั่นทำให้ผมปลื้มและอยากเจอหน้าเจ้าหล่อนมากเลยฮะ

      ผมเก็บตุ๊กตานั่นไว้ในอ้อมแขน แล้วก็จ้องมองนาฬิกาคุณปู่อย่างใจจดใจจ่อ...

      เที่ยงนี้สินะ ผมอยากเจอเธอจังเลยครับ ..คริสทีน ไลท์ เปอริยอง


      เราขี่เกวียนที่เทียมเจ้าโอดี้ หรือม้าแก่ๆตามชื่อของบ้านเราไปตามทางครับ หิมะยังคงโปรยปรายอย่างที่ผมชอบ ...ผมขยับผ้าพันคอเพื่อความอบอุ่น ก่อนจะพยายามมองฝ่าหมอกหิมะเพื่อมองหาบ้านไม้ที่น่าจะตั้งอยู่แถวๆนี้

      อ้า.. นั่นไงครับ

      มันก็เหมือนบ้านในละแวกใกล้ๆบ้านผม ทำจากไม้ทั้งหลังเพียงแต่ใหญ่กว่าหน่อย มีปล่องไฟเล็กๆ มีคอกม้าใกล้ๆ ในนั้นมีม้าสีขาวสะอาดอยู่ด้วยกันตัวหนึ่ง และมีเกวียนที่จอดอยู่ ข้างในนั้นเปิดไฟสว่างและมีเสียงใสๆหัวเราะคิกคัก

      ผมกลืนน้ำลายพยายามระงับความตื่นเต้น.. ขณะที่พ่อจอดเกวียนใกล้ๆแล้วผม แม่ และปู่โจก็ลงมา ผมยืนรั้งท้ายปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกผู้ใหญ่ในการทำความรู้จักทักทาย พ่อเคาะประตูเบาๆอย่างไว้ท่าที แล้วสียงเล็กๆที่ผมได้ยินตั้งแต่อยู่บนรถม้าก็ร้องขึ้นก่อนจะมีเสียงตุบๆ ดูเหมือนว่าเธอจะวิ่งไปรอบๆ แล้วไม่นานก็มีชายร่างผอมคนหนึ่งมาเปิดประตูให้พวกเราครับ

      \"อ้าว คุณไคลท์เชอร์นี่เอง เชิญครับๆ... พวกเราเพิ่งจะเตรียมอาหารเสร็จพอดี\"

      พ่อของผมยิ้มรับแล้วเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะปล่อยให้แม่ ปู่โจ และผมเข้าไปก่อนฮะตามประสาสุภาพบุรุษที่ดี พวกเราสลัดหิมะที่เกาะกุมอยู่ตามร่างกายแล้วค่อยเช็ดรองเท้ากับพรมเช็ดเท้าแล้วก็ถอดรองเท้าและเสื้อโค้ทแขวนไว้ ผมยิ้มแล้วมองคุณนายเปอริยองที่เอ่ยด้วยท่าทีดูใจดีว่า \"สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ เอ็ดวิน ...เข้ามาก่อนสิจ๊ะ จะได้รู้จักกัน\"

      แน่นอนครับว่าผมไม่ปฏิเสธ ..เดินตามคุณนายไปอย่างว่านอนสอนง่าย ผ่านห้องนั่งเล่นไปยังห้องทานอาหาร ...ว้าว! มีอาหารมากมายเลยล่ะครับ มันฝรั่งอบ มันฝรั่งทอด สลัด ไก่งวงอบอย่างที่ผมชอบ แต่สิ่งที่สะดุดตาผมก็คือ.. เด็กผู้หญิงฮะ

      เด็กผู้หญิงผมสีบลอนด์สวยยาวถึงกลางหลัง ดวงหน้าเล็กๆขาวอมชมพูนั้นกำลังแย้มรอยยิ้มสดใส.. นัยน์ตาสีเขียวมรกตงามนั้นกำลังจับจ้องมาทางผม เด็กหญิงในชุดตุ๊กตาสีขาวพองๆแบบเพิ่งตื่นนั้นก็ดูน่ารักดีนะครับ ..ไม่สิ เธอน่ารักมาเลยล่ะครับ ทำเอาผมมองเธอได้นานหลายวินาที

      \"คริสทีน.. นี่เอ็ดวินที่ลูกเย็บตุ๊กตาไปให้ไงจ๊ะ วันนี้วันเกิดเขาด้วยนะ\"

      เธอเย็บตุ๊กตาตัวเล็กๆนั่นให้ผมจริงๆด้วย! ตอนแรกผมนึกว่าเธออาจจะให้คนอื่นทำให้นะครับ ...ผมยิ้มแล้วยื่นมือออกไปทักทาย \"เอ็ดวิน ไคลท์เชอร์ ยินดีที่รู้จัก ...ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ ฉันชอบมากเลยล่ะ\"

      \"เหรอ.. ดีจัง\" หล่อนเป็นเจ้าของน้ำเสียงใสๆที่ผมได้ยินนั่นด้วยจริงๆล่ะฮะ แล้วคริสทีนก็ยื่นมือมาบีบมือของผมไว้แน่น ...ก่อนที่นัยน์ตาสีเขียวสดใสนั่นจะพินิจมองดูผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าทำให้ผมรู้สึกว่า..คือ ผมก็อายนิดๆน่ะครับ ก็ไม่ได้คิดแต่งตัวดีๆ อันที่จริงผมก็ไม่มีเสื้อผ้าตัวไหนดีไปกว่านี้แล้วล่ะ!

      \"อ้าว\" เธอร้องขึ้นแล้วกระพริบตาปริบๆ \"เธอหน้าแดงเลยล่ะ ไม่สบายรึเปล่า?\"

      \"อ๋อ..\" ผมถอนหายใจเบาๆ ยังไงเธอก็อายุแค่สี่ขวบกว่าเองนี่ \"ไม่เป็นไรหรอก ...เตาผิงบ้านเธออุ่นกว่าบ้านฉันเยอะเลยน่ะ ดูท่าทางร่างกายฉันมันชอบเสียด้วยสิ\" สีหน้าคริมทีนดูดีขึ้นมากเลยล่ะครับ ก่อนที่หล่อนจะยิ้มอย่างสดใสแล้วเท้ามือไว้ด้านหลังก่อนจะเอ่ย

      \"ผมเธอสวยดีนะ แต่ทำไมสีตาของเธอมันแปลกๆดูซีดๆชอบกล?\"

      เอ๋?.. ตาสีเทานี่ถือว่าซีดเหรอครับ?

      คือผมก็สูงประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตร ผมสีดำยุ่งๆ(เพราะยังไม่ได้หวีครับ) ตาก็สีเทาอย่างที่บอกล่ะครับ ....ผมยิ้มรับคำชมก่อนจะเอ่ยปากชมบ้าง \"ผมสีทองของเธอก็สวยดีเหมือนกัน ตาของเธอก็สีเขียวสดใสดี.. ฉันชอบแทนเธอจัง\"

      \"แหะๆ\" คริสทีนหัวเราะเบาๆก่อนจะมองไปยังอาหารและพวกผู้ใหญ่แล้วกวักมือเรียกผม \"มาเถอะ เอ็ดวิน ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วล่ะ!\"

      ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับ... แล้วครอบครัวของผมและครอบครัวปาริยองก็นั่งทานอาหารด้วยกัน พวกผู้ใหญ่ก็คุยไปเรื่อยเปื่อย ส่วนผมกับคริสทีนก็เล่นสงครามอาหารกันจนถูกต่อว่าทั้งคู่ แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ลากลับครับ

      วันนั้นเป็นวันเกิดที่ผมรู้สึกว่าได้รับของขวัญที่มีค่าที่สุดทีเดียวเชียวล่ะครับ... เป็นครั้งแรกในรอบความทรงจำที่ผมคิดจะจดจำมันให้ดี จำมันให้แม่นที่สุดถึงความสุขในวันนั้น ไม่มีวันลืมแน่ฮะ..


      วันเวลาผ่านไป... คริสต์มาสผ่านไปอีกหลายปีน่าดูชมทีเดียว ผมกับคริสทีนยิ่งสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ พวกเราเฝ้าดูการเจริญเติบโตของกันและกัน ผมก็โตขึ้น เช่นเดียวกันกับเธอ จากที่เล่นอยู่แต่ในบ้านของแต่ละคนจนผมสนิทกับคุณและคุณนายเปอริยองก็พัฒนามาเป็นการเล่นกลางแจ้งเช่นปั้นสโนว์แมน และปาหิมะสวนกันไปมาจนเปียกปอน และมานั่งพักคุยเฟื่องกันหน้าเตาผิง

      พวกเราทั้งคู่เข้าโรงเรียนแล้วล่ะครับ ...ตอนนี้ผมอายุเก้าจะสิบขวบในวันมะรืนแล้วล่ะ แน่นอน ก็วันคริสต์มาสนั่นแหละครับ อ้อ! ผมกับคริสทีนอยู่ห้องเดียวกันด้วยนะ นั่งติดกัน กลับบ้านด้วยกัน ผมจึงสนิทกับเธอมากที่สุดเลยล่ะฮะ

      \"เอ็ด.. เหม่ออะไรน่ะ?\"

      ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองอาจารย์ที่ดูเหมือนพร้อมจะหาเรื่องผมเสียแล้วถ้าคริสทีนไม่เรียกเสียก่อน ...เธอเรียกผมว่าเอ็ดแล้วล่ะครับ แต่ผมยังเรียกเธอว่าคริสทีนเหมือนเดิม ผมจึงหันมาตั้งใจจดโจทย์ในกระดานต่อ.. พอดีกับจังหวะที่กระดิ่งเลิกเรียนดัง

      อาจารย์ออกไปแล้วล่ะครับ.. ผมจึงคว้าดินสอแท่งเล็กๆใส่ในกระเป๋าเสื้อแล้วหอบสมุดไว้แนบกาย ก่อนจะใส่เสื้อโค้ทตัวเดิมทับแล้วหันไปพยักเพยิดกับคริสทีน เธอกำลังคุยอยู่กับแกริค มันหล่อครับ ผมยังอิจฉามันเลยด้วยซ้ำในบางที ...แซคเดินมาตบบ่าผมแล้วยิ้มกวนประสาท

      \"นี่เอ็ง มองคริสทีนไม่วางตาเชียวนา?\"

      ผมชะงัก ก่อนจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกแล้วหันไปทำตาดุใส่ไอ้เพื่อนบ้าครู่หนึ่งก่อนจะสาวเท้าไปสะกิดหลังคริสทีนเบาๆ ...เธอหันมามองก่อนจะเอ่ยลาแกริคแล้วเก็บของเดินมาพร้อมกับพวกเราสามคนครับ

      พวกเราเดินฝ่าความหนาวเย็นและไอละอองหิมะของเดือนธันวา.. แน่ละว่าผมชอบนักชอบหนา ส่วนไอ้แซคมันก็ได้แต่บ่นยานคางโดยมีคริสทีนหัวเราะเป็นแบ็คกราวด์ พวกเราสามคนกลับบ้านด้วยกันเสมอๆล่ะครับ มีการบ้านก็ลอกกัน เอ่อ.. พวกผมสองคนลอกคริสทีนซะมากกว่าน่ะครับ

      \"หนาวฉิบหาย..\" แซคมันเริ่มเปิดปากหมาๆของมันก่อนเพื่อนก่อนจะหลิ่วตามามองผม \"ฉันไม่เข้าใจแกเลยว่ะเอ็ด ทำไมแกถึงไปชอบไอ้ฤดูหนาวไส้แข็งแบบนี้ลงวะ?\" คริสทีนหัวเราะเบาๆแต่ก็ปล่อยให้ผมตอบ ผมถอนหายใจแล้วเอ่ยรอบที่ล้าน \"ก็ฤดูนี้มันวันเกิดฉันนี่หว่า.. ถึงมันจะหนาวแต่หิมะมันก็สวยดีพอแลกกันได้ไม่ใช่เหรอ?\"

      \"หิมะก็ยังเย็นอยู่ดีนั่นแหละ\" มันบ่นต่อแล้วพยายามดึงคริสทีนให้ร่วมบ่นด้วย \"เนอะ คริส\"

      \"ฉันชอบฤดูใบไม้ผลิ\" คริสทีนเอ่ยด้วยสีหน้าเพ้อฝัน นัยน์ตาสีมรกตของเธอเป็นประกายอย่างหาดูได้ยาก.. ผมเอียงคอมองเธอนิดหนึ่งก่อนที่เธอจะเอ่ยต่อ \"มันเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆ สดใสและร่าเริง ฉันชอบน่ะนะ\" ก่อนที่เธอจะหันมาพูดกับพวกเรา \"แล้วก็สวยด้วย\"

      \"ไอ้เหตุผลหลักมันคือไอ้อันสุดท้ายมากกว่ามั้ง\" ปากเสียแบบนี้ไม่มีใครหรอกครับ ไอ้เพื่อนของผมมันล้วงกระเป๋าแล้วมองคริสทีนด้วยสีหน้าดูหมิ่นนิดๆทำให้เธอต้องหันไปเถียงทะเลาะกันข้างหลังผม.. แต่มันไม่เข้าหูผมเลยแม้แต่น้อย เพราะสมองกำลังครุ่นคิดหนัก

      ฤดูหนาว.. มันคือฤดูที่เย็นยะเยือก ทำให้หลายชีวิตต้องตายจากไป และอีกหลายชีวิตต้องจำศีล การดำเนินชีวิตจึงต้องหยุดชะงักลงชั่วครู่ เปรียบเสมือนช่วงต่อระหว่างตอนปลายกับจุดจบของชีวิต..

      แต่คริสทีนชอบฤดูใบไม้ผลิ.. ซึ่งเธอก็บอกแล้วว่ามันคือจุดเริ่มต้นของความสดใสและงดงาม ต้นไม้ต่างผลิดอกออกผลกันในช่วงนี้ ทำให้มีผลผลิตต่างๆมาก่อเกื้อและบำรุงให้ชีวิตดำเนินต่อไป.. เปรียบเสมือนคู่มือที่ช่วยให้ชีวิตนั้นก้าวต่อไปได้อย่างสวยงาม

      ทำไมผมกับเธอช่างมีรสนิยมต่างกันเช่นนี้?!

      \"เออใช่.. ฉันมีเรื่องจะบอกพวกเธอทั้งสองคน\" คริสทีนยิ้ม.. แต่แน่นอนว่าผมกับแซคดูออกว่ามันต้องฝืนแค่ไหน ก่อนที่เธอจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง \"ฤดูหนาวปีนี้ บ้านของฉันทำการเกษตรไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก็เลย.. ก็เลยมีความคิดว่าจะ...\"

      สัญชาตญาณมันบอกครับ ว่าสิ่งที่เธอพูดไม่น่าจะใช่ข่าวดีแน่

      \"ย้ายบ้านในคืนวันมะรืนนี้\"

      ผมกับแซคหยุดกึก มองหน้าเจ้าหล่อนอย่างไม่เข้าใจ.. ก่อนที่ไอ้เพื่อนของผมซึ่งอารมณ์ร้อนจะชิงเอ่ยขึ้นก่อนผม

      \"ทำไมต้องถึงกับย้ายล่ะ\"

      น้ำเสียงที่พยายามกดให้มันไม่สั่นตอนนี้กลับแหบพร่า \"บ้านฉัน... บ้านฉันไม่มีเงินแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น\" เธอกลืนน้ำลาย \"ตกลงกันไว้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วว่าจะย้ายกัน แต่ฉันเพิ่งจะมาบอก ขอโทษด้วยนะ\"

      ผมพูดไม่ออกครับ...

      นี่ฤดูหนาวที่ผมชอบ.. ทำลายครอบครัวเธอหรือนี่?

      พวกเราเดินกันมาถึงบ้านพอดี... จึงแยกย้ายกันกลับบ้านโดยไร้ซึ่งคำพูด...


      \"พ่อฮะ\"

      เสียงเรียกของผมทำให้พ่อละสายตามาจากหนังสือพิมพ์ในมือ ขยับแว่นตาเล็กน้อยแล้วส่งรอยยิ้มมาให้ ...\"มีอะไรเหรอ เอ็ดวิน?\"

      ผมกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ..หวังอย่างที่สุดว่าเรื่องที่ผมเพิ่งได้ยินมามันจะไม่ใช่เรื่องจริง ขอร้องเถอะนะ แล้วก็เอ่ยปากถามออกไป \"พ่อรู้เรื่องที่ครอบครัวเปอริยองจะย้ายวันมะรืนรึเปล่าฮะ?\"

      พ่อนิ่งไปชั่วขณะ ..แต่แล้วก็พยักหน้ารับ

      \"ลูกก็รู้แล้วเหรอ?\"

      \"ครับ ..คริสทีนบอกผม\"

      พ่อผมยิ้มอย่างพยายามให้กำลังใจ \"ก็ไปส่งเขาซะสิ.. วันนั้นน่ะ\"

      \"แต่..\" ผมพยายามจะเอ่ย ..พ่อไม่น่าจะลืมนี่ครับ มันเป็นทั้งวันคริสต์มาสและวันเกิดผมนะ!! \"พ่อก็รู้นี่ครับ.. ถ้าเธอย้ายวันนั้นจริงๆ ผมก็คงจะรู้สึกแย่มากๆเลย ช่วยขอให้เขาไปย้ายเอาวันปีใหม่ได้ไหมครับพ่อ ขอร้องล่ะ\"

      \"แต่วันนั้นทุกคนจะอยู่บ้าน.. ถนนจะว่าง เหมาะแก่การเคลื่อนย้ายที่สุดเลยนะ\" พ่อผมเอ่ยเบาๆ แต่เมื่อเห็นผมยืนซึมอยู่ก็พยายามเอ่ยปลอบประโลม \"ก็อย่าคิดซะสิว่ามันคือวันคริสต์มาส ว่ามันเป็นวันเกิดลูก ...อันที่จริงมันก็คือวันธรรมดาๆวันหนึ่งเท่านั้นเอง เพียงแต่เราให้ความสำคัญกับมันมากเป็นพิเศษ มันก็มียี่สิบสี่ชั่วโมงเหมือนวันทั่วไป เป็นวันหนึ่งเหมือนวันอื่นๆในฤดูหนาว..\"

      พ่อยิ้มแล้วเรียกผมเข้าไปใกล้ๆ แล้วยกผมขึ้นไปนั่งบนตัก

      \"สิ่งที่ลูกทำได้ก็คือไปคอยส่งเขา.. ให้เขาไม่ลืมวันเวลาตลอดห้าปีที่อยู่ด้วยกัน\" มือของพ่อประคองผมให้นั่งบนตัก \"ทำให้เขามีความทรงจำดีๆก่อนจากดีกว่าไปรั้งเขารอเวลาที่จะเสียใจให้มันยืดไปอีกหน่อยเท่านั้นเอง\"

      ผมมองหน้าท่าน... ท่านมีผมสีดำสนิทเหมือนผมครับ ส่วนนัยน์ตาสีเทาซีดนี้ผมได้มันมาจากแม่ ผู้ซึ่งมีผมสีน้ำตาลสวย ...แล้วผมก็จำใจต้องพยักหน้าครับ จริงอย่างที่พ่อบอก ..ต่อให้ผมขอต่อเวลาไปจนถึงปีใหม่ ก็เท่ากับยืดเวลาเจ็บเท่านั้นเอง

      ผมทำได้เพียงเท่านี้จริงๆใช่ไหมครับ?


      \"นักเรียนคะ.. เงียบๆหน่อย\"

      อาจารย์แอนน์เคาะไม้บรรทัดกับโต๊ะไม้ คงจะไม่มีใครสนใจนักหรอกครับหากไม่ใช่เด็กหญิงที่สวยที่สุดในห้องกำลังยืนยิ้มเศร้าๆอยู่หน้าห้อง ...เธอผู้มีเรือนผมสีทองเป็นประกาย นัยน์ตาสีมรกตนั้นมีแววอาทร ...ผมมองเธอด้วยความสงสารจับใจ

      \"คริสทีน ไลท์ เปอริยอง.. เพื่อนของพวกเธอกำลังจะย้ายบ้านในวันพรุ่งนี้ วันนี้จึงจะมากล่าวอำลา ฟังกันหน่อยสิ\"

      แน่นอนครับว่าผมฟัง.. พร้อมกับกุมมือวางไว้บนโต๊ะด้วยเผื่อผมทำใจไม่ได้จะได้มีเครื่องเตือนสติ ไอ้แซคมันยังคงมีท่าทียียวนกวนอารมณ์ครับ มันนั่งเก้าอี้สองขา นัยน์ตามองไปยังคริสทีนเบื่อๆ แต่ผมรู้ครับ.. รู้ว่ามันกำลังพยายามปิดบังอารมณ์ที่เศร้าสร้อย ส่วนไอ้หล่อแกริคมันนั่งหลังตรงอย่างมาดคุณชาย.. ทุกคนในห้องพร้อมจะฟังเธอครับ ผมรู้..

      คริสทีนยิ้มเซียวๆขอบคุณอาจารย์แอนน์ ก่อนก้าวออกมายืนแล้วกระแอมเบาๆให้คอโล่ง ก่อนจะเอ่ยช้าๆ

      \"ห้าปีก่อน.. ฉันเป็นหนึ่งในครอบครัวเชื้อสายฝรั่งเศสที่อพยพย้ายถิ่นฐานที่ทำกินไปเรื่อยๆ เมื่อที่ๆเราอยู่ขาดแคลนเมื่อไหร่ก็จะย้าย\" เธอยิ้ม \"แน่นอน ฉันได้มาที่นี่ ย้ายมาที่นี่ประมาณสองสามวันก่อนคริสต์มาส และได้พบเพื่อนบ้านใกล้ๆกันจนสนิทสนมกันพอสมความาจนถึงปัจจุบัน\"

      ผมยิ้มครับ

      \"แต่นี่ก็ถึงช่วงที่ฉันต้องย้ายไปที่อื่นอีกแล้ว.. เพราะงานของทางบ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้ไม่ค่อยมีเงิน\" คริสทีนมองไปรอบๆ.. \"ฉันคงจะคิดถึงเพื่อนๆทุกคนมาก ความรู้สึกโศกเศร้าคงมีบ้าง แต่ก็นะ.. ฉันย้ายไปย้ายมาบ่อยๆอยู่แล้ว จึงพอจะทำใจได้ ..หวังว่าเพื่อนๆจะไม่ลืมฉัน คริสทีนคนนี้นะคะ\"

      ทุกคนนิ่งเงียบราวกับถูกสะกดอยู่ในภวังค์.. หลายคนเผลอพยักหน้ารับ หลายคนพึมพำตอบออกมาเบาๆ

      คริสทีนถอยหลังกลับไปแล้วหันไปยิ้มให้กับอาจารย์แอนน์ว่าเธอพูดจบเรียบร้อยแล้ว.. ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่ข้างๆผมด้วยรอยยิ้มบางเบา อาจารย์แอนน์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเริ่มสอนคณิตต่อ..

      สติผมเลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว.. เรื่องเศษส่วนไม่เข้าหูผมเลยสักนิดเพราะประโยคของเธอมันยังสะท้อนก้องอยู่ในสมองผมไม่หยุด

      ความรู้สึกโศกเศร้าคงมีบ้าง แต่ก็นะ.. ฉันย้ายไปย้ายมาบ่อยๆอยู่แล้ว จึงพอจะทำใจได้..

      ถ้าสมองน้อยๆของผมตีความไม่ผิดล่ะก็นะ.. ผมขอให้มันผิดทีเถอะ ขอร้อง.. มันหมายความว่า

      เธอไม่ได้เศร้านักหนาหรอกครับที่ต้องย้ายน่ะ


      ผมกลับมาถึงบ้านแล้วครับ.. และกำลังเดินวนไปวนมา คิดถ้อยคำบอกลาเจ๋งๆอยู่ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอด้วย.. ไม่อยากเป็นแค่ร้านระหว่างทาง ที่เพียงแวะครั้งเดียวแล้วก็ผ่านไป ไม่อาลัยอาวรณ์เลยสักนิดเดียว

      \"เอ่อ.. คริสทีน ไปที่นู่นแล้วอย่าลืมส่งจดหมายมาหาฉันบ้างนะ\" ไม่เอาดีกว่าครับ.. มันดูเชยๆไม่ค่อยดี หรือจะเอาแบบติดน้ำเน่าสักนิด?

      \"เธอจากไปแล้วก็เท่ากับพาฤดูใบไม้ผลิของฉันมันไปด้วย.. \" หวา.. มันไม่ค่อยเข้ากับนิสัยเรียบง่ายของผมเลยฮะ หรือว่าเอาตรงๆง่ายๆ?!


      \"อย่าลืมคิดถึงฉันบ้างนะ คริสทีน! เธอจะเป็นเพื่อนฉันเสมอ\"


      เข้าท่าที่สุดแล้วล่ะครับ!

      ผมยิ้มอย่างดีใจพอสมควร.. จริงสินะ ผมหันไปมองปฏิทิน วันนี้วันศุกร์ พรุ่งนี้วันเสาร์ ก็หมายความว่าผมนอนตื่นสายได้!

      ผมรีบวิ่งไปหาแม่ที่กำลังเก็บอาหารอยู่ในครับแล้วสะกิดชายเสื้อเบาๆ ...แม่ผมหันมามองแล้วมีสีหน้าเป็นคำถาม ผมรู้ครับ นี่หมายความว่าแม่กำลังสงสัยว่าผมเรียกทำไม ผมจึงรีบขอ \"แม่ครับ พรุ่งนี้ผมขอนอนตื่นสายๆหน่อยนะ ผมจะรอส่งคริสทีนคืนนี้น่ะ\"

      \"แต่เขาบอกว่าจะย้ายวันพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ?\"

      \"พรุ่งนี้มันก็เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนของวันนี้แล้วนี่ครับ\" ผมเอ่ยอย่างอารมณ์ดีแล้วตีสีหน้าอ้อนวอนต่อ \"นะครับแม่ ...เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนนึงที่ผมมี ผมอยากรอส่งเธอฮะ เธอจะได้ไม่ลืมผม ผมซึ่งเคยเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเธอไงครับ นะครับ\"

      \"โอ้ย..\" แม่ตบหน้าผากเบาๆทำเอาผมสะอึก ก่อนที่แม่จะยิ้มอย่างอ่อนแรง \"แม่ก็ขัดลูกไม่ค่อยได้เสียด้วยสิ.. เอ้า! ตกลงจ้ะ แต่แค่คืนนี้คืนเดียวนะ พรุ่งนี้ลูกต้องสัญญาว่าจะมีแรงสำหรับวันคริสต์มาสและวันเกิดนะจ๊ะ\"

      \"ครับผม!\"

      ผมวิ่งอย่างเริงร่าไปดูนาฬิกา สองทุ่มครึ่งแล้วครับ.. ผมเก็บแรงไปหน่อยดีกว่า ขอนอนสักงีบก่อนเถอะนะ แล้วผมก็ร้องดังๆบอกแม่ \"แม่คร้าบ! ปลุกผมตอนเที่ยงคืนด้วยนะฮะ ห้ามสายแม้แต่สักนาทีนะ\"

      แล้วผมก็ล้มตัวลงบนโซฟาตรงนั้น ทั้งที่ยังอยู่ในสเว็ตเตอร์ หลับตาลง.. แทบจะผล็อยหลับไปในทันทีเลยละมั้งครับ เพราะผมได้ยินประโยคของแม่เป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา

      \"ได้ๆ.. ว่าแต่ตื่นง่ายๆนะจ๊ะ เอ็ดวิน\"


      \"ตื่นได้แล้วจ้ะ.. ฮ้าว~\"

      แม่ผมเขย่าตัวแล้วเรียกให้ผมตื่นขึ้น.. ผมงัวเงียสะลึมสะเลือเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วพยายามบอกร่างกายให้กระฉับกระเฉง นี่ผมกำลังจะไปรอส่งคริสทีนนะ! จะมาซึมกระทือแบบนี้ไม่ได้ แล้วผมก็ลุกขึ้นมาแล้วส่งแม่เข้านอนด้วยคำว่าราตรีสวัสดิ์ฮะ

      ผมพันผ้าพันคอที่แม่ถักให้ผืนใหญ่ มันลากยาวถึงเอวเลยล่ะครับ.. แล้วก็คลุมทับด้วยเสื้อโค้ท ก่อนจะเปิดประตูออกไปสู้ลมหนาวข้างนอก นั่งลงบนบันไดเตี้ยๆสองสามขั้นหน้าบ้าน ขณะที่นัยน์ตาสีเทาของผมยังคงมองฝ่าหมอกหิมะที่หนาวเหน็บเผื่อจะเห็นรถม้าสีน้ำตาลเคลื่อนผ่านไปบ้าง...

      เอ๋?.. ถ้าแม่ปลุกผมตอนเที่ยงคืนก็หมายความว่า ผมอายุสิบเอ็ดขวบแล้วสิครับ? น่ายินดีเหมือนกันนะเนี่ย แล้วผมก็เหม่อต่อไป...

      นานเท่าไหร่ผมไม่รู้ครับ.. ความเย็นไม่ทำให้ผมสะเทือนเลย ผมบอกแล้วไงครับว่าผมรักหิมะ รักฤดูหนาว รักเดือนธันวาและวันคริสต์มาส.. หลายคนจึงบอกว่าผมเป็นคนแปลกที่รักความเย็น อันที่จริงผมชอบอะไรที่มันสบายตามากกว่าน่ะครับ ส่วนเรื่องหนาวๆน่ะคงเป็นผลพลอยได้

      ผมรักธรรมชาติครับ บ้านของผมอยู่กลางป่าสนสีเขียวที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวในตอนนี้

      ผมหวังว่าคริสทีนจะย้ายไปในที่ใหม่ที่มันดีๆ สบายๆ และคงไม่ต้องย้ายอีกบ่อยๆ หวังว่างานเกษตรของครอบครัวเธอจะดีทำให้มีเงิน และได้ลงหลักปักฐานเสียที ผมไม่ค่อยชอบหรอกนะครับที่ต้องย้ายไปนู่นมานี่บ่อยๆ อันที่จริงผมค่อนข้างยึดติดน่ะครับ

      ผมมองไปเรื่อยๆ.. เรื่อยๆ... ทอดสายออกไปไกลล้นฟ้า ทาบผ่านขอบนภาที่ดำสนิท โดยมีเกล็ดหิมะสีขาวโปรยลงมาเพิ่มบรรยายกาศ

      มองไปเรื่อยๆ.. สุดสายตา

      มองหาเพียงเกวียนสีน้ำตาลที่จะตัดผ่านพายุหมอกเมฆหิมะ

      มองต่อไป.. ต่อไป

      ต่อไป...


      กุก..กัก กุก..กัก

      ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที แม้นัยน์ตาจะยังปรับภาพโฟกัสไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนักแต่ก็พอเห็นลางๆว่ามันเป็นอะไรบางอย่างสีน้ำตาลกำลังวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วพอสมควร!

      ไม่สนแล้วครับจะมองเห็นรึเปล่า! แต่นั่นคือคริสทีนแน่นอนครับ ..ผมรีบออกวิ่งโดยสัญชาตญาณ ไม่รู้สึกตัวเท้าเล็กๆก็พาผมวิ่งมาบนหิมะที่ขาวเนียนละเอียด ไม่เคยมีครั้งใดเลยครับที่ผมรู้สึกว่าการก้าวบนหิมะมันจะยากลำบากเช่นนี้

      \"คริสทีน! โชคดีนะ! อย่าลืมเขียนมาหาบ้างล่ะ!!\"

      เวรกรรม! คำพูดสุดเลิศหรูที่ผมซ้อมไว้ทั้งคืนหายเกลี้ยงเมื่อผมพูดประโยคแสนธรรมดาที่สุดออกไป.. ธรรมดามากๆเลยล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าเธอได้ยินรึเปล่า แต่เกวียนของเธอมันห่างออกไป ไกลออกไป ไกลจนเกือบจะไม่เห็นผมสีทองเป็นประกายของเธอ..

      ผมยืนอยู่ตรงนั้น... ชะงัก มีเพียงลมหนาวเท่านั้นที่พัดให้ผ้าพันคอปลิว ความเย็นที่มากระทบกายทำให้ผมรู้แน่ว่าผมไม่ได้ฝันไป

      เธอไปแล้วจริงๆ ..คริสทีน


      สองอาทิตย์ผ่านไป...

      มีคนทักว่าผมซึมไปหลายวันทีเดียว ไอ้แซคมันก็ดูเศร้าๆ ...ผมกับมันก็รู้จักคริสทีนมาก่อนคนอื่นนานหลายวันทีเดียวล่ะ ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน แล้วก็สนิทกันมากทั้งสามคน การที่เพื่อนสนิทสักคนหายไปนี่มันสะเทือนใจนะครับ

      ผมกลับบ้านอย่างเหม่อลอยไม่ต่างจากสิบสี่วันที่ผ่านไปเท่าไหร่นัก.. ปีใหม่แล้ว แต่ผมไม่รู้สึกว่ามีอะไรแตกต่างไปเลย หิมะก็ยังไม่ละลาย เพื่อนๆทุกคนก็มาโรงเรียนกันตามปกติ อาจารย์แอนน์ก็ดุเหมือนเดิม.. และไอ้แกริคมันก็ยังหล่อ

      ผมอยากรู้จังว่านอกจากผมและไอ้แซคจะมีใครคิดถึงคริสทีนอีกไหม? ...แล้วเธอล่ะจะยังคิดถึงพวกเรารึเปล่า? เธอจะร้องไห้ไหม? แต่ผมว่าไม่หรอก เธอบอกแล้วนี่ครับ ว่าเธอทำใจได้ง่ายจะตาย

      เป็นเรื่องดีนะครับ

      เสียดายที่ผมไม่มีความสามารถพิเศษแบบนั้น..


      \"กลับมาแล้วครับ\"

      ผมเอ่ยเสียงยานคางด้วยอารมณ์ที่กำลังเบื่อก่อนจะวางสมุดกับดินสอไว้บนโต๊ะ แล้วถอดผ้าพันคอกับเสื้อโค้ดไปแขวนไว้ที่ราวข้างผนัง.. แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย ปู่โจซึ่งกำลังนั่งจิบชาอยู่หันมายิ้มด้วยเหงือกให้ผม ผมพยายามฉีกยิ้มตอบ... ท่าทางพ่อจะยังไม่กลับครับ

      แม่เดินออกมาจากครัว มีเหงื่อเกาะพราวเต็มใบหน้า ..แม่ผมหน้าตาสวยครับ ดูอย่างไรก็ไม่แก่เลยสักนิด แม่ยิ้มต้อนรับแล้วเอ่ยเบาๆ \"ไง.. กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ เอ็ด ดูท่าทางสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนี่\"

      \"เหรอฮะ\" ผมพยายามยิ้มตอบ \"อันที่จริงผมยังเศร้าเรื่องคริสทีนอยู่น่ะครับ แม่อย่าเป็นห่วงไปเลย\"

      \"อ้อ.. เหรอจ๊ะ\" แม่ผมปาดเหงื่อแล้วเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในถุงหน้าผ้ากันเปื้อนเหมือนพยายามจะหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างซึ่งเป็นสีขาวออกมาแล้วยื่นให้ด้วยใบหน้าสดใส \"นี่จะทำให้ลูกดีขึ้นจ้ะ\"

      ผมรับมา... แล้วก็เบิกนัยน์ตากว้าง


      เอ็ดวิน ไคลท์เชอร์

      บ้านไม้เลขที่ 2 ป่ามอร์กวู้ด แองเกิลตัน



      มันจ่าหน้าซองจดหมายว่าอย่างนี้ครับ! มันจ่าถึงผม! ผมรีบเปิดซองทันทีแล้วคว้ากระดาษสีขาวที่พับสี่ส่วนออกมาคลี่แล้วอ่านอย่างรวดเร็วด้วยความหิวกระหาย..  


      บ้านเลขที่ 51 ถนนปาร์กเลน เขตสวนสาธารณะเซ็นทรัลฝั่งตะวันออก นิวยอร์ก


      ถึง เอ็ด

      เป็นยังไงบ้าง เรียนน่ะ การบ้านยากขึ้นทันตาเลยใช่ไหมล่ะพอไม่ได้ลอกฉัน ฮ่ะฮ่ะ

      ฉันอยู่ที่นี่มีความสุขดี พ่อกับแม่ของฉันลองเปลี่ยนมาค้าขาย เข้ารูปเข้ารอยแล้วล่ะ บ้านที่ฉันอยู่เป็นปูนซีเมนต์ด้วยนะ แต่ชั้นบนก็เป็นไม้ แคบกว่าเก่าเล็กน้อยเพราะมันอยู่ติดถนน ที่ดินมันแพงน่ะ บ้านนี้เป็นสมบัติของปู่ที่เสียไปแล้ว เราจึงได้อยู่กัน

      ฉันได้เข้าโรงเรียนใหม่ด้วยล่ะ ที่นี่ต้องแบกกระเป๋าไปเรียน ต้องมีเครื่องแบบ ราคาน่าตกใจเหมือนกัน พ่อโมโหเสียแทบแย่แน่ะ

      ที่อยู่ฉันให้พ่อเขียนข้างบนให้แล้ว ส่งมาได้นะ

      ฝากความรักและคิดถึงถึงแซคด้วย บอกว่าอย่ากวนให้มาก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรำคาญ (สงสัยคงจะทำหน้าบูดมากเลยล่ะสิ)


      คริสทีน




      เธอเขียนถึงผมจริงๆด้วย!

      วันนั้นเมื่อผมวิ่งโร่เอาจดหมายนี้ไปให้ไอ้แซคมันดู ...เธอเดาถูกครับ มันทำหน้าบูดมากเลยล่ะ ผมเขียนตอบกลับไปครับ... และเราก็เขียนโต้ตอบกันมาเรื่อยๆ นี่ทำให้ผมหายคิดถึงเธอได้พอสมควรเชียวนะ

      ดีจังเลย..

      ผมสัญญาครับ... สักวัน ผมจะต้องไปนิวยอร์ก!!


      \"แกได้จดหมายจากคริสทีนอยู่รึเปล่าวะ?\"

      แซคาเรียส แมคคาร์ธีหรือแซค ...ชายหนุ่มผู้มีรูปหน้าคมเข้มติดจะกวนนิดๆแต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบเอ่ยถามผม ผมสีน้ำตาลเข้มปรกหน้าปรกตานิดๆดูเท่ นัยน์ตาสีฟ้าใสคู่นั้นก็ดูใสซื่อ รวมไปถึงนิสัยยอกย้อนป่วนประสาทก็เป็นที่กรี๊ดของสาวๆได้ไม่ยาก

      \"ไม่เลยว่ะ\" ผมเอ่ยตอบ.. มองหน้าเพื่อนชายอย่างอ่อนใจ มันถามผมมาหลายรอบแล้วหลังจากประมาณหกปีก่อนที่จดหมายจากเธอค่อยๆห่างหายไป จนตอนนี้ผมกับแซคอายุสิบแปดกันแล้ว และกำลังจะไปหาที่เรียนต่อที่ไหนสักแห่งในนิวยอร์ก ผมกับแซคอยู่โรงเรียนเดียวกันในตัวเมืองแองเกิลตันครับ เราเช่าหอพักอยู่กันสองคนแล้วก็ทำงานส่งเลี้ยงตัวเอง

      ผมอยากรู้จังว่าเมื่อไหร่ผมจะได้จดหมายจากเธออีก.. ลายมือของเธอสวยขึ้นมากหลังจากการ์ดใบเล็กที่แนวมากับของขวัญนั่น จนตอนนี้ดูเป็นระเบียบอ่านง่ายสบายตาขึ้นเยอะ ในขณะที่ทักษะในการเขียนของผมกับแซคก็ยังไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าที่ควร

      ผมหอบกระเป๋าเป้กลับบ้านพร้อมกับมัน ...เมืองแองเกิลตันเป็นเมืองเล็กๆทางตอนเหนือของอเมริกา ที่นี่มีรถยนต์บ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่คนมักจะขี่จักรยานหรือไม่ก็เดินเอากันมากกว่า ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเชยขนาดหนักที่บ้านยังมีเพียงแค่เจ้าโอดี้ตัวเดียว

      \"จะจบไฮสคูลแล้ว แกจะต่อไหนวะ\"

      ผมฟังมันอยู่ขณะที่กำลังไขประตูห้องแล้วเปิดเข้าไป... ห้องของพวกผมทำจากปูนฮะ แต่เฟอร์นิเจอร์ภายในเป็นไม้ ทั้งเตียงเล็กๆสองเตียง ตู้สองใบ โต๊ะสองตัว ห้องน้ำห้องหนึ่ง ผมล่ะแทบฆ่ามันเลยครับพอมันบอกว่าจะใส่ถุงยางไว้ในห้องน้ำและขออนุญาตผมล่วงหน้าด้วยว่าขอใช้ที่นี่เป็นเรือนหอของมันกับคริสทีน!!

      ผมหน้าแดงเลยครับ

      มันก็เลยหัวเราะร่า... มันหลงตัวเองครับไอ้นี่ ผมเพิ่งจะมาประจักษ์แจ้งเอาก็ตอนที่มันเริ่มหัดแต่งตัวให้ดูหล่อดูเท่ เช่นหวีผมให้ยุ่งๆกระเซอะกระเซิง ไปหาสร้อยไม้กางเขนมาใส่ หรือไม่ก็พยายามเก๊กซะ

      แต่ผมไม่ได้เข้าข้างเพื่อนนะครับ ..มันน่ะดูดีเสมอล่ะ ผิดกับผมที่หลายเป็นนายเอ๋อแว่นไปเรียบร้อย

      ผมสายตาสั้นขึ้นครับ จนต้องใส่แว่นกรอบดำเหลี่ยม มันเข้ากำหน้าผมก็ดีอยู่หรอกครับแต่เวลาผมเดินคู่กับแซคผมกลายเป็นเด็กเรียน ส่วนมันกลายเป็นหนุ่มป๊อบสุดเท่ในสายตาสาวๆ ใครจะมาชายตาไอ้แว่นอย่างผมละครับ!

      อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากให้มีใครมามองผมมากๆหรอกนะ ..ขอเพียงคริสทีนมองผมคนเดียวก็สุขเหลือแหล่แล้วล่ะครับ

      เมื่อผมโตขึ้นเรื่อยๆ ผมก็เริ่มเข้าใจตัวเองและโลก.. ผมไม่ได้คิดกับคริสทีนแค่เพื่อนเสียแล้วครับ ผมคิดกับเธอมากกว่านั้น ผมอยากเจอเธอ อยากพูดคุย อยากเป็นมากกว่าเพื่อนสนิท อยากอะไรต่อมิอะไรสารพัดอย่างที่ผู้ชายคนนึงจะพึงคิดกับผู้หญิงคนหนึ่งได้

      \"อยากต่อมหาลัยอะไรก็ได้ในนิวยอร์ก นิวยอร์กคอลเลจมั้ง?\"

      \"เออ ดี\" มันตบไหล่ผมแล้วกระโดดลงไปนั่งบนเตียง \"คิดเหมือนกันว่ะ เป็นพวกบ้านนอกอยากเข้ากรุง ไปเรียนที่นิวยอร์ก อนาคตก็สดใสเห็นๆ แหล่งเรียน แหล่งเงิน แหล่งงาน!\" แซคนอนลงบนเตียงอย่างสุขใจ

      ผมมองมัน

      .. ไม่ว่านายจะคิดยังไงนะแซค เป้าหมายเดียวของฉันคือคริสทีน.. ขอโทษที่ไม่ได้บอกแกนะ ไอ้เพื่อนรัก


      จดหมายฉบับต่อๆมาของคริสทีนยิ่งสั้นลงทุกที รวมไปถึงลายมือก็รีบหวัดขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงระยะเวลาที่ส่งมาก็เริ่มจะห่างกัน นานวันเข้า ผมก็แทบจะไม่ได้รับจดหมายจากเธอเลย

      ฤดูหนาวมาเยือนอีกครั้ง.. แต่ผมไม่ต้องใส่เสื้อโค้ทตัวใหญ่และผ้าพันคอผืนยาวอีกต่อไปแล้ว ทั้งผมและแซคต่างก็ใส่เสื้อสำหรับฤดูหนาวสีเทาแขนยาวของโรงเรียน รวมไปถึงกางเกงแสลคสีดำยาว หิวกระเป๋ากลับบ้านพักเหมือนทุกๆวัน ทักทายคุณนายพริสเจ้าของบ้านพักทุกครั้งและไอ้แซคก็ป้อนลูกยอ ส่วนผมก็จะมองไปยังกล่องไปรษณีย์สีแดงหน้าบ้าน

      มันก็ยังคงว่างเปล่า

      หิมะเกาะที่ขอบแว่นสีดำของผมแล้วเริ่มละลายกลายเป็นน้ำจนผมต้องเช็ดออก มันยังคงไอเย็นไว้ทำให้แว่นของผมพร่ามัวจนต้องถอดออกมาแล้วเช็ดลวกๆกับเสื้อตัวเอง พยายามหาสาเหตุว่าเพราะแว่นมันไม่ชัด ภาพที่ผมเห็นมันอาจจะไม่จริงก็ได้

      แต่ผมก็ยังเห็นกล่องไปรษณีย์ที่ว่างเปล่าเหมือนเดิมจริงๆครับ

      \"เอ็ด.. เฮ้ย ไอ้แว่น!!\"

      ผมสะดุ้งเฮือกเลยครับ.. แล้วก็ขยับแว่นพร้อมกับส่งนัยน์ตาดุๆไปให้มันที่กำลังยิ้มกว้าง ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินนำลิ่วขึ้นไปทันที ทำให้ผมต้องโทษตัวเองอีกครั้งครับ ก็ผมเตี้ยกว่ามันนี่นา! ผมสูงแค่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรเท่านั้น มันน่ะตั้งร้อยแปดสิบ!!

      แต่มันขึ้นไปก่อนก็เท่านั้นล่ะครับ เพราะกุญแจห้องน่ะอยู่ที่ผม ฮ่า!


      \"จะขยันอะไรนักหนาวะเอ็ด?\"

      ผมละสายตาจากหนังสือฟิสิกส์ที่ผมกำลังอ่าน ขยับแว่นให้อยู่บนดั้งแล้วหันไปมองมันที่เพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังนั่งดูรายการเกมโชว์อยู่ ก่อนจะเอ่ยตอบเบื่อๆ \"มหาลัยนิวยอร์คไม่ใช่สวนสาธารณะนะเฟ้ย จะได้เดินสบายใจเฉิบเข้าไปง่ายๆน่ะ\"

      \"ฉันรู้น่า\" แซคาเรียสครางอีกครั้งก่อนขยับนิ้วบนรีโมตเปลี่ยนช่องอย่างคล่องแคล่วแล้วเอาหมอนมาเกยศอกที่ค้ำคางไว้อีกที \"แต่กว่าจะเอนท์มันก็อีกตั้งสามเดือนนะเฟ้ย นี่จะคริสต์มาสแล้ว ไม่เอาน่าเพื่อน..\" มันยิ้มกว้าง \"วันเกิดแกนะ มันต้องเป็นสักวันที่แกไม่อ่านหนังสือสิ\"

      \"แต่วันนี้มันคริสต์มาสอีฟ ไม่ใช่คริสต์มาส\" ผมเอ่ยแย้งแล้วหันกลับมาให้ความสนใจกับโปรเจ็คไตล์ต่อ \"เพราะฉะนั้นฉันก็จะอ่านหนังสือต่อ ...แกอยาะจะออกไปข้างนอกก็ไปสิฟะแซค ไม่ต้องมากวนฉัน\"

      \"แสดงว่าแกตกลงจะสัญญากับฉัน\" มันยิ้มกว้างอย่างได้ทีแล้วผละออกจากเตียง รีโมทและหมอนขยับมาใกล้ผมแล้วแกล้งปิดโคมไฟ \"วันคริสต์มาสแกจะไม่อ่านหนังสือ! เยี่ยมเลย\" แซคตบหลังผมจนเลนส์เว้ากระแทกโต๊ะ ผมลุกขึ้นมาแล้วมองหน้ามันเบื่อๆแล้วก็พยักหน้าแบบขอไปที ...คือ ใครจะไปรู้ล่ะครับว่ามันจะมีความสุขขนาดยอมปิดทีวีแล้วให้ผมมาฟังเสียงร้องเพลงโหยหวนของมันแทน!

      \"ถ้าแกหมายความที่พูดจริง...\" มันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะแปรเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นไม่รู้เรื่อง \"แสดงว่าเที่ยงคืนนี้แกต้องออกผจญหิมะกับฉันนะเฟ้ย\"

      ผมถอนหายใจ..แล้วพลิกไปอ่านหน้าต่อไป


      \"นายสัญญาแล้วนา.. เอ็ด!\"

      ไอ้แซคเอ่ยด้วยท่าทีงอนๆราวกับสาวประเภทสอง ...ผมขยับแว่นกรอบดำเหลี่ยมอีกครั้งแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะยอมเดินตามที่มันลากไปโดยดี ...แรงมันเยอะมากครับ ผมก็ไม่อยากเข้าโรงพยาบาลเสียด้วย

      มันลากผมมาตามตรอกแน็กเกิล ...ครื้นเครงพอสมควรเชียวครับสำหรับคืนวันคริสต์มาส แสงไฟประดับหลากหลายสีส่องแสงเป็นประกาย ต้นสนต้นใหญ่วางอยู่กลางลาน หิมะปกคลุมตามกิ่งก้านสาขาต่างๆจนเกือบดูเหมือนว่ามันย้อมไปด้วยสีขาว แต่ผมไม่ทันได้ชื่นชมความงามของมัน แซคาเรียส แมคคาร์ธีก็หิ้วปีกผมแล้วลากโดยไม่สนเล้ย! ว่าผมพยายามลงส้นเท้ากับพื้นหิมะหนาเตอะแค่ไหน ...โว้ยย!

      \"นี่ๆๆๆ.. ดูนี่สิ ร้านของเล่น\"

      นัยน์ตาสีฟ้านั้นจ้องไปยังดิสเพลย์ของร้านอย่างสนใจจัดแล้วลากคอเสื้อผมมาดูด้วยกัน ผมจำต้องขยับแว่นอีกครั้งเพราะผิมะที่ละลายมันเปียกจนแว่นผมเลื่อนบ่อยๆ แล้วก็มองไปยังไอ้ของที่แซคสนใจนักหนา

      มันคือตุ๊กตาหมีครับ ...เทดดี้แบร์สีน้ำตาลที่มีนัยน์ตาทีจากกระดุมสีฟ้ากำลังถือหมอนเล็กๆรูปหัวใจ มีโบว์สีเขียวแดงอันเป็นสีประจำวันคริสต์มาส ..มันวางอยู่บนเบาะกำมะหยี่สีเขียวเข้ม ด้วยป้ายสนนราคาน่าตกใจ...

      \"น่ารักเนอะว่าไหม?\"

      ผมขยับใบหน้าจนลมหายใจร้อนๆแนบชิดกระจกเกิดเป็นละอองไออุ่น นัยน์ตาของผมจับจ้องไปยังตุ๊กตาหมีตัวนั้น ....ความคิดเดียวที่แล่นโลดอยู่ในสมองของผมเพียงหนึ่งเดียวนั้นก็คือ มันเหมาะกับคริสทีนที่สุด

      แซคาเรียสยิ้มกว้าง แล้วก็ลากผ้าพันคอผมเข้าในร้านด้วยเสียงหัวเราะอย่างสบายใจ

      \"เพิ่งรู้นะวุ้ย! ว่าแกน่ะชอบตุ๊กตาหมี.. ไปดูข้างในกันเถอะ!\"

      พอมันกระชากผมเข้ามาได้แล้วก็ทิ้งผมราวกับเป็นเพียงแค่บัตรผ่านประตู ส่วนมันน่ะหรือไปคุยเจ๊าะแจ๊ะกับเจ้าของร้านอย่างเมามัน ขณะที่ปรายตามองไปยังของราคาแพงหลังตู้โชว์แล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์..

      ผมหัวเราะแล้วขยับแว่น ...ชัวร์เลยครับ มันกำลังต่อราคา แถมไม่เปิดโอกาสให้ผมไปถามราคาเรื่องตุ๊กตาตัวนั้นด้วย!

      เท้าของผมพาร่างให้ขยับไปหยุดที่ดิสเพลย์อีกครั้ง.. มองตุ๊กตาตัวนั้นจากด้านหลังของชั้นการ์ดปีใหม่ด้วยความอยากได้ ราคานั้นแพงจับใจทีเดียว แพงอย่างที่คนจนๆอย่างผมแทบไม่มีสิทธิเลยสักนิด ...แต่เอาเถอะครับ ผมจะไปทุบกระปุกออมสินที่เก็บมานานหลายปีแล้วจะมาซื้อ เพียงเพื่อเธอเท่านั้น

      \"เหม่ออีกแล้วเอ็ด.. ไปได้แล้ววุ้ย!\"

      แล้วผมก็โดนลากอีกแล้วครับ สงสัยว่าชาติที่แล้วผมคงเกิดเป็นภรรยามนุษย์ถ้ำ.. ส้นเท้าของผมครูดกับพื้นหิมะต้นทานเช่นเคย หากแต่นัยน์ตาสีเทาลอดผ่านแว่นเลนส์เว้าจับจ้องไปยังตุ๊กตาตัวนั้น.. สักวันมันต้องเป็นของผม

      สักวันมันต้องเป็นของคริสทีน ผมสัญญาครับ

      \"เออใช่\" แซคขยับผ้าพันคอแล้วหันมาส่งรอยยิ้มประหลาดๆให้ผม... ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจก่อนที่มันจะปล่อบแขนเสื้อของผมแล้วหันมายิ้มระรื่น ก่อนจะล้วงกระเป๋าแล้วส่งกล่องเล็กๆที่ผูกโบว์ให้

      \"เมอร์รี่คริสต์มาส และสุขสันต์วันเกิด ไอ้เพื่อนยาก\"


      เมื่อพวกเราทั้งสองกลับไปถึงบ้านพัก.. สงสารไอ้แซคมันจังเลยครับ เพราะมันครางเพียงไม่กี่ประโยคก่อนจะถอดเสื้อโค้ทตัวนอกแล้วกระโดดลงไปนอนบนเตียงราวกับโหยหามาแสนนาน ก่อนจะหลับกรนสนิททั้งท่านอนคว่ำเช่นนั้นแล

      ผมค่อยๆเปิดกล่องใบเล็กนั้นออกดู... ข้างในนั้นเป็นลูกแก้วต้นสนที่มีละอองหิมะปลอมลอยละล่องไปทั่วหากคุณเขย่ามัน สวยดีทีเดียวแหละครับ ผมจึงวางมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ยิ้มแล้วมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเปิดลิ้นชัก

      ผมค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบกระปุกออมสินที่พ่อหลอมให้จากดินที่ขึ้นรูปแล้วเอาไปผิงไฟจนมันแข็งและแน่น มันหนักเหมือนกันครับ ผมขยับแว่นแล้วมองมันอย่างชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจออกไปที่ระเบียงห้องพร้อมกับผ้าผืนหนึ่ง

      ขอโทษนะ.. แต่เพื่อคริสทีน

      ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วรวบรวมสติให้มั่น... คลุมผ้าไว้บนกระปุก แล้วกลั้นใจมอบกำปั้นที่แรงที่สุดเท่าที่ผมเคยมีประเคนบนลงกระปุกออมสินคู่ชีพของผมตลอดสิบแปดปี..

      ไม่มีคำบรรยายใด.. นอกจากคำว่าผุยผง และเศษเหรียญก็ร่วงกราวลงกระทบกระเบื้องท่ามกลางหิมะสีเงินที่โปรยปรายลงมา...


      วันรุ่งขึ้นไอ้แซคหาวหวอด.. แล้วมันก็เดินเคียงคู่กับผมไปเรื่อยๆ บ่นอะไรไร้สาระ แต่สิ่งที่เรียกความสนใจจากผมมีเพียงสิ่งเดียวครับ ...นั่นคือเหรียญดอลล่าร์ที่กระทบกันในกระเป๋าสตางค์ของผม มันหนักอึ้งเชียวล่ะ แต่พอนับแล้ว.. มันก็พอดีครับ

      เย็นนี้แหละ.. เย็นนี้ ผมจะไปซื้อแล้วส่งจดหมายหาคริสทีน อยากเห็นสีหน้าเธอตอนได้รับมันจัง ผมยิ้มกับตัวเอง..


      \"เออ.. แซค\" ผมเริ่มต้น.. การเรียนในวันนี้ช่างยาวนานเสียจริง นานที่สุดเท่าที่ผมเคยเรียนเลยล่ะ แซคหันมามองผมแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมจึงเอ่ยต่อไป \"ฉันว่าจะแวะไปตรอกแน็กเกิลสักหน่อยว่ะ แกจะไปด้วยกันหรือจะกลับไปก่อน\"

      \"ฉันกลับไปดีกว่าว่ะ..\" มันตอบ ผมพยักหน้ารับแล้วก็โบกมือลารีบแยกตัวเลี้ยวเข้าตรอกทันทีด้วยใจลิงโลด ผมวิ่งเร็วเสียจนแทบจะบินปร๋อแล้วล่ะครับ นัยน์ตาสีเทาซีดของผมมองหาเพียงร้านของเล่นนั้น.. ลึกเข้าไปอีกนิด ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป..

      นั่นไง!

      ผมยิ้มด้วยความดีใจแล้วรีบกระโจนเข้าไปในร้านทั้งๆที่รองเท้ายังเปื้อนหิมะ.. ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เท้าของผมสาวเร็วกว่าใจนึก ครู่เดียวมันก็พาผมมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ แล้วส่งให้ปากของผมทำงานต่อ

      \"เอ่อ.. คือผมจะมาขอซื้อตุ๊กตาหมีตัวนั้นน่ะครับ\"

      ลุงชราเจ้าของร้านท่าทางใจดีหันมาแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหลังเคราขาว \"ตัวไหนหรือหลานชาย?\"

      ผมมองไปรอบๆร้าน.. จริงด้วยสิครับ มันก็มีเป็นสิบๆตัววางเรียงรายอยู่บนชั้น แต่ผมก็รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ออกไปแล้วเอ่ยต่อทันที \"ตัวที่อยู่ในตู้กระจกน่ะครับ ตัวที่วางอยู่บนผ้ากำมะหยี่ดิสเพลย์หน้าร้านน่ะครับ.. ขายให้ผมเถอะ นะ\"

      ลุงมองผมครู่หนึ่ง.. แล้วเอ่ยถามซ้ำ \"ตัวนั้นน่ะเหรอ.. ตัวที่ขนสีน้ำตาล ตาสีฟ้า ถือหมอนรูปหัวใจและผูกโบว์สีแดงเขียวใช่ไหมหลาน?\" ผมยิ้มกว้างแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาอย่างลนลาน \"ใช่เลยครับ ตัวนั้นแหละ\"

      แต่แล้วประโยคที่ผมได้ยินต่อมาทำให้ผมชะงักจนเหรียญบรอนซ์หล่นกระทบพื้นไม้มันวาว..

      \"ลุงเพิ่งขายให้คนอื่นไปเมื่อครู่นี้เอง.. ขอโทษจริงๆนะ หลานชาย\"


      สติผมอึ้งขาดลอย.. มือที่กำลังคว้าเหรียญนั้นหยุดนิ่ง ราวกับสายลมเป็นเพียงบัญชาแห่งพระเจ้าที่สามารถพัดพลิ้วผ่านไปได้แต่เพียงผู้เดียว ..ผู้คนรอบกายผมและทุกสิ่งทุกอย่างดูจะนิ่งเสียหมดแล้วในตอนนี้..

      \"เหรอ.. ครับ..\"

      ผมไม่ทันฟังคำตอบก็อับอายเหลือประมาณจึงหมุนกายแล้วรีบผลักบานประตูออกมาสู่ถนนใหญ่ทันที กระแทกกับฝูงชนทั้งหลายผมก็ไม่แคร์ หลายคนก่นด่าผมก็ไม่สน ในสมองผมสะท้อนประโยคเดียวไปมา ซ้ำๆ.. หลายคราจนน่าเจ็บใจ

      เพิ่งขายไปเมื่อครู่นี้เอง...

      ผมมองกำปั้นตัวเองอย่างเจ็บปวด.. มันปูดแดงขึ้นมาหลังจากที่ผมทุบกระปุกออมสินไปเมื่อคืน ความเจ็บปวดที่ผมได้รับมานี่อะไรกัน! ของขวัญวันเกิดของผม กระปุกออมสินอันนั้ที่ผมได้รับมาจากพ่อ พ่อทำให้ด้วยมือตนเอง! ตอนนี้มันคงไปนอนกองอยู่ในถังขยะที่ไหนสักแห่งในเมือง

      แม้ตาจะไม่ได้มองทางสักนิด แต่มันก็ทุลักทุเลพาร่างกายของผมมาจนถึงบ้านพักจนได้.. ผมวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่าลงส้นหนักไปรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ ขี้ฝุ่นใต้บันไดร่วงกราวเลยครับ ..แน่นอนว่าผมไม่สนใจ! ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นไอ้แซคนอนอ่านหนังสืออยู่แล้วมันก็ยิ้มทัก แต่ผมก็หมดแรงเอาดื้อๆ

      จึงทรุดกองอยู่ตรงนั้น..

      \"เฮ้ย.. เป็นไรไปวะเอ็ด\" เพื่อนของผมรีบกระโดดลงมาจากเตียงแล้วมองผมด้วยสายตาที่เข้าอกเข้าใจ ก่อนจะพยายามพยุงผมขึ้น \"นอนก่อนไหมจะได้อารมณ์ดีๆ วันนี้วันคริสต์มาสนะ วันเกิดแกนะเฟ้ย ทำอย่างกับมีเรื่องผิดหวังที่สุดในชีวิต\"

      ..มันแทงใจผมเสียเหลือเกิน

      แต่ผมก็ยอมลุกโดยดี.. แล้วเดินไปยังเตียงสีขาวของผม ทรุดกายลงทันทีอย่างหมดเรี่ยวแรงโดยไม่ได้ทานแม้แต่อาหารเย็นหรือถอดแว่นตา ความคิดเดียวของผมที่ยังวนเวียนอยู่และกลายเป็นจุดมุ่งหมายก็คือ..

      ผมจะต้องต่อนิวยอร์กคอลเลจให้ได้ครับ..


      ผมขยับแว่นตาด้วยรอยยิ้มกว้าง..

      ตัวอักษรเอ็นซีตรงหน้ามันทำให้ผมยิ้มออก แล้วหิ้วเป้พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางเข้าไป มันส่งเสียงครูดคราดกับพื้น ...แล้วเท้าของผมก็สาวไปเรื่อยๆก่อนจะกวาดตามองรอบๆอย่างตื่นเต้น

      เอ็นซี! นิวยอร์กคอลเลจ ..ผมทำได้ครับ!!

      ความพยายามตลอดหลายปีของผมไม่เสียเปล่า.. ผมอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ มหาวิทยาลัยแห่งนครนิวยอร์ก แม่กับพ่อผมดีใจแทบบ้าแน่ะเมื่อรู้ว่าผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นของอเมริกาได้ ส่วนปู่โจก็ยิ้มให้ทั้งๆที่ไม่มีฟันนั่นแหละครับ

      \"เหม่ออีกแล้วเอ็ง.. เขาให้ไปเข้าหอพักนะโว้ยไม่ใช่ให้มาเหล่สาว\"

      ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ.. ไอ้แซคมันมือเหนียวตีนเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก เกาะผมจนแจไม่ยอมปล่อย! เห็นขี้เกียจๆอย่างนั้นเถอะครับใครจะไปคิดว่าสอบได้ มันยิ้มด้วยท่าทีกวนประสาทแล้วลากคอเสื้อพร้อมกับกระเป๋าผมไปอีกทางนึง ..ฉันไม่ใช่แกนะโว้ยจะได้มาเหล่หญิง! ไอ้ชีกอ!!

      \"เฮ้ย!\" มันยิ้มด้วยท่าทีหื่นนรกแล้วสะกิดผม.. \"คนนั้นสวยเป็นบ้าเลยว่ะเอ็ง\"

      เธอคนนั้นเป็นหญิงสาวที่มีเรือนผมสีทองเป็นประกายอยู่ในชุดแบบเรียบง่ายและกำลังลากกระเป๋ามาเข้าหอพักแบบผม นัยน์ตาสีเขียวเรืองรองกวาดมองไปรอบๆเพราะเป็นนักศึกษาใหม่.. รูปหน้าแบบนั้น ริมฝีปากและจมูกโด่งรั้นแบบนั้นทำเอาผมแทบลืมหายใจ

      คริสทีนนี่เอง.. คนที่ผมเฝ้าพร่ำเพ้อมาตลอดแปดปีเต็ม.. ผมคิดถึงเธอใจแทบขาด

      \"คริสทีนไม่ใช่เรอะวะนั่น!\"

      \"ใช่ๆ\" ผมยิ้มด้วยท่าทีลิงโลดแล้วเปลี่ยนเป็นคว้าข้อมือไอ้เพื่อน ไม่สนใจกระเป๋ามันแล้วล่ะครับ \"ไปทักกันเถอะ! คริสทีน!!\"

      ผมร้องเรียกทำให้เจ้าหล่อนหันมามองเราทั้งสองคน แล้วริมฝีปากบางก็เผยอรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะรีบยกกระเป๋าวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีตื่นเต้นไม่แพ้ผม \"เอ็ดวิน! แซคาเรียส!! คิดถึงพวกนายเป็นบ้าเลย!!\"

      พวกเรากอดกันสามคนด้วยความยินดี.. ผมยิ้มแล้วขยับแว่นทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของคนที่ผมรักและเพื่อนที่สนิทที่สุด

      คิดถูกจริงๆครับที่มาเรียนที่นี่ คิดถูกที่สุดแล้วครับ...


      ผมขะมักเขม้นอย่างหนักที่จะเรียนให้จบ.. ผมจะหางานทำ ผมจะขอเธอแต่งงานแล้วเราก็จะมีความสุขด้วยกันสองคน ให้สมกับแปดปีที่ผมอดทนรอคอยมาอย่างหนัก ....แซคมันยังทักเลยครับว่าผมจะขยันไปต่อนาซ่าหรือไง?

      คริสทีน ผม และแซคก็กลับกลายมาเป็นเพื่อนสนิทเหมือนเดิมในรั้วมหาวิทยาลัย จนหลายคนถึงกับอิจฉาผมที่มีเพื่อนทั้งสองหน้าตาดีแสนดี ส่วนผมน่ะเหรอ? นายเอ๋อแว่นครับ.. ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้หรอก

      ผมยังรักเธอครับ.. แม้ผมจะไม่เคยบอกให้เธอรู้เลย

      ยิ่งผมได้ใกล้ชิดกับเธอเท่าไหร่ มันมีแต่ความสุข.. จนความทุกข์ตลอดแปดปีแทบไม่อยู่ในสมองผมเลยสักนิด ..พวกเราสามคนยังคงปกติ ปกติอย่างที่สุด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษเลย

      แล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง.. วันที่ผมจบ วันที่ผมรับปริญญา


      \"อ่าครับ.. ครับๆ ขอบคุณมากนะครับ\"

      มีบริษัทหนึ่งมาขอติดต่อให้ผมไปทำงานด้วย! เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะครับ ผมรีบหันไปบอกแซคด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง มันยิ้มแล้วปรบมือแสดงความยินดีด้วย มันก็เพิ่งได้งานเหมือนกัน ..ที่ดีก็คือ มันได้ทำงานที่เดียวกันกับคริสทีน!! แอบอิจฉาเล็กๆนะครับ

      \"เออใช่.. เอ็ด มีจดหมายถึงแกว่ะ\"

      ผมรับซองสีขาวนั้นมาอย่างงุนงง อะไรกันครับนี่?.. ผมไม่ค่อยได้รับจดหมายหรอกนะ คนที่เขียนส่งมาไม่ใช่คริสทีนแล้วจะเป็นใครกัน ..แต่นี่ก็ช่วงคริสต์มาส สงสัยคงจะมีใครแอบคิดพิศวาสเมอร์รี่คริสต์มาสผมล่วงหน้าละมั้ง!

      ถึง.. เอ็ดวิน

      นี่แกริคเพื่อนเก่านายนะ.. ไม่ขอพูดมากละกัน


      บ้านนายไฟไหม้ ไม่มีใครรอดเลยสักราย..


      ผมกลับไปแองเกิลตันเพื่อไปร่วมงานศพพ่อกับแม่ ป้าเมย์ น้าแมรี่ก็มา.. ทั้งสองร้องไห้กันใหญ่เลยครับ ในขณะที่ผมในชุดสูทสีขาวยืนนิ่งเงียบไว้อาลัยหน้าป้ายหลุมศพทั้งสามโดยไร้น้ำตา

      ผมจากครอบครัวไปนาน... ความผูกพันยิ่งห่างเหิน ห่างเหินมาก.. เพราะผมได้มอบมันให้เธอคนนั้นไปเสียจนหมดแล้ว ..หมดสิ้นไม่เหลือเยื่อใยให้กับครอบครัวของผมอีก

      ผมรีบกลับนิวยอร์กทันทีเท่าที่จะรีบได้.. พร้อมกับแหวนสีทองกลมเกลี้ยงในกล่องบุผ้ากำมะหยี่สีม่วงสวย สำหรับเจ้าสาวของผม สำหรับเธอคนเดียวเท่านั้น...


      วันนี้วันคริสต์มาส

      ผมมาถึงนิวยอร์กพอดิบพอดี.. นี่เย็นแล้ว เธอคงกลับบ้านไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมรู้จักบ้านเธอ ...เดี๋ยวผมไปดักรอก็ได้

      ผมรีบรุดกายไปจนถึงถนนปาร์กเลน ดักรอที่ร้านแถวๆบ้านของเธอ ...กำกล่องกำมะหยี่ไว้แนบแน่นอย่างตื่นเต้น ซักซ้อมบทขอแต่งงานให้ดีที่สุด ..คริสทีน ฉันชอบเธอนะ ชอบมากมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่งงานกับฉันเถอะ

      แล้วร่างบางในชุดโค้ทตัวยาวก็เดินผ่านหน้าผม.. ผมสาวเท้าเร็วหมายมั่นที่จะไปทำดั่งหวังทันที ..เธอยกมือซ้ายขึ้นเสยผมด้วยรอยยิ้มบางเบาแต่แสนน่ารัก แล้วผมก็ต้องชะงักอีกครั้ง

      นิ้วนางมือซ้ายนั้น มีแหวนทองประดับเพชรสวมอยู่

      ไร้คำพูดครับ...

      รู้แต่เพียงว่า ..สิ่งที่ผมพยายามทำมาทั้งหมด มันเปล่าประโยชน์สิ้นดี...


      สามเดือนผ่านไป

      ผมกลับหอพักของบุคลากรภายในบริษัทอย่างไร้อารมณ์ ..แซคมันก็ไปอยู่บริษัทของมัน ทำให้ห้องของผมหมดความครึกครื้นลงไปมากทีเดียว

      สามเดือนแล้วครับที่ผมซึมกระทือ ไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เรื่องราวในโลกนี้กลับกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปจนหมดสิ้น ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นหรือดีใจ ...ผมไม่ได้คุยกับเธออีกเลยนับตั้งแต่เจอกันวันนั้น ไม่ได้เจอแซคหรือคริสทีนอีกเลย

      แล้วผมก็ต้องชะงัก.. เมื่อมีจดหมายสีชมพูเหน็บไว้


      เรียน คุณเอ็ดวิน ไคลท์เชอร์

      ขอเชิญคุณมาร่วมงานแต่ง ณ ปาร์กฮอลล์ ระหว่าง.. คริสทีน ไลท์ เปอริยอง กับ แซคาเรียส แมคาร์ธี

      เวลา 8.00 นาฬิกาตอนค่ำของวันที่ 25 ธันวาคม



      น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินแล้วผมก็ฉีกจดหมายนั่นทิ้งไป... แซค.. แซค! ไอ้เพื่อนทรยศ!!!


      ผมกลับบ้าน.. แองเกิลตัน

      ผมก้มลงคำนับหน้าหลุมศพของพ่อกับแม่... หนึ่งปีที่แล้วที่ผมไม่สนใจ ไม่เหลียวแล ..ทุ่มเวลาให้กับผู้หญิงเพียงคนหนึ่งเท่านั้น

      ขอโทษนะครับ.. พ่อ แม่



      ชายชราคนหนึ่งกำลังเข็นรถเข็นไปยังสุสานของเมืองหลวงนิวยอร์ก..

      \"อ้าว? แคธี่.. มาเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่เหรอ?\" เขาทัก

      เด็กสาววัยประมาณเกือบยี่สิบปียิ้มเซียวๆตอบแล้วพยักหน้า ...ก่อนจะมาช่วยเข็นรถของเขาเข้าไปใกล้ๆหลุมศพสีขาวสองหลุมที่ตั้งอยู่เคียงกัน ชายชราขยับแว่นสีดำกรอบเหลี่ยมตามนิสัยก่อนจะเอ่ย

      \"ห้าปีแล้วสินะ ที่แซคกับคริสทีนจากไป\"

      \"ค่ะ.. ลุงเอ็ด\"

      ชายชรายิ้มเล็กน้อยผ่านออกมาทางหนวดขาว เมื่อมองดูบนหลุมศพของหญิงที่ยังคงเป็นที่รักก็เห็นอะไรบางอย่าง... ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลที่นัยน์ตาทำด้วยกระดุมสีฟ้า.. ถือหมอนรูปหัวใจและโบว์สีเขียวแดงตัวนั้นนั่นเอง

      คนที่ซื้อไปคงเป็นแซค..

      \"แคธี่..\"

      \"คะ?\"

      \"ช่วยเอานี่ไปวางบนหลุมศพพ่อกับแม่ได้ไหม?\"

      \"อ้อ ได้ค่ะ\"

      แล้วเธอก็เดินมาหยิบตุ๊กตาตัวน้อย.. ตุ๊กตาผู้หญิงที่รอยยิ้มจากเส้นด้ายดูจะหลุดลุ่ย สีของมันซีดไปตามกาลเวลาและทุกปีที่ผันผ่าน ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงนั้นก็ยังคงยิ้มเสมอและเป็นตัวที่เขาปลาบปลื้มที่สุด ..แคธี่วางมันลงเบาๆแล้วมองหน้าชายชราอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็พยักหน้า

      \"อย่างนี้แหละดีแล้ว.. ดีแล้ว ดีที่สุด\"

      แล้วเขาก็เอ่ยปากขอบใจเด็กสาว ก่อนจะหมุนรถเข็นของตนหายไปกับหมอกหิมะ


      เขายังรอเธออยู่เสมอ.. ยังคงเฝ้ารอแม้สักวันที่เธอจะหันกลับมา รอคอยตลอด.. ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ

      และไม่เคยหยุดรักเธอเลย.. แม้ว่าคริสต์มาสจะผ่านไปสักกี่สิบปีก็ตาม



      อู้ยๆๆ ลนก้น!

      ตอนหลังนี่รีบมาก ขอโทษนะค้า!!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×