ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4
“ตกลงคุณเป็นเพื่อนพี่กลางจริงๆใช่มั้ย” เสียงหวานๆถามขึ้นเมื่อรถแล่นมาได้ครึ่งทาง
แต่จนมาถึงร้านอาหารจีนที่กินเนื้อที่ห้องแถวถึงสามคูหา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดสดที่มีคนเดินจับจ่ายซื้อของประปรายแล้ว ก็ยังไม่มีคำตอบบออกจากปากคนขับ
เป็นหนึ่งถอยรถเข้าจอดที่ริมถนนหน้าร้าน แล้วจึงหันมามองหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
“อย่าบอกนะว่าคุณยอมขึ้นรถมาด้วย ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจในตัวผม”
“เปล่า...” คำตอบที่ติดปาก และคงฝังลงในสายเลือดของคนไทยหลายๆคนถูกเอ่ยออกมาโดยอัตโนมัติ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลับไปเป็นเด็กสามขวบ ที่ถูกพ่อดุเรื่องที่เดินตามคนแปลกหน้าไป
แต่เมื่อนึกได้ว่าตอนนี้เธออายุ23ปีแล้วต่างหาก ปลายฝันก็เชิดหน้าขึ้น และจ้องตากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
สองหนุ่มสาวประสานสายตากันจนไฟแทบลุก และคนที่ทนไม่ได้ก่อนคือ...เจ้านาย
“น้าเบสเป็นน้าชายของผม แล้วก็เป็นเพื่อนกับอาหมอกลางจริงๆ” เด็กชายเอ่ยยืนยัน ก่อนจะมองไปที่ผู้หญิงคนเดียวในรถอย่างไม่พอใจ “...ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พวกเราจะได้ไปทานข้าวกันซะที”
แล้วก็เปิดประตูรถ ก้าวลงไปโดยไม่รอคำตอบ ร่างเล็กเดินเข้าไปในร้านอย่างคุ้นเคย แสดงให้เห็นว่าเด็กชายคงมาร้านนี้หลายครั้งแล้ว
น้าชายที่เพิ่งรู้ฤทธิ์หลานหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด นึกถึงปัญหาเรื่องพฤติกรรมของหลานชายเกี่ยวกับผู้หญิงสาวๆ ซึ่งเขายังไม่มีเวลาคุยกับหลานให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ด้วยความที่ยุ่งทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
มารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูจากทางด้านหลัง และเห็นว่าร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อยืดพอดีตัว คลุมทับด้วยเสื้อหนาวสีเขียวน้ำทะเล กับกางเกงยีนส์สีซีด ชายลุ้ย กำลังเปิดประตูรถ และเดินตามหลานชายของเขาเข้าไปในร้าน
ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไปดักข้างหน้าของน้องสาวของเพื่อนรุ่นพี่ ก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้าไป "ตกลงคุณจะเอาอย่างไงแน่"
...เจอผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่เคยมีใครที่เขาเดาใจไม่ถูก และประหลาดใจเท่ากับคนตรงหน้า
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินกลางรักบอกให้ช่วยไปรับน้องสาว เขาก็จิตนาการไว้ว่า นักศึกษาแพทย์จะต้องดูคงแก่เรียน ใส่แว่นหนาๆ หรือไม่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่น่าเชื่อถือแบบพี่หมอ
แต่ภาพของหญิงสาวที่ดูอย่างไรก็เหมือนเด็กสาวมากกว่า เมื่อผมยาวที่ผูกเป็นหางม้า แต่ดูยุ่งนิดๆเพราะเจ้าตัวกำลังนอนซบกับกระเป๋าเดินทางที่ใหญ่ อยู่ตรงบริเวณที่นั่งรอสำหรับผู้โดยสาร ไม่ใช่ภาพที่เขาคาดไว้ว่าจะได้เห็น
เพราะความไม่แน่ใจว่าเธอคือคนที่เขาต้องมารับหรือเปล่า เนื่องจากมองไปรอบๆแล้วก็ไม่มีหญิงสาวคนอื่นที่มาคนเดียว และมีลักษณะเหมือนรอคนมารับอยู่อีก
เป็นหนึ่งจึงตัดสินใจเข้าไปมองใกล้ๆ
และใบหน้าของหญิงสาวที่หลับสนิท ก็ดูไม่ออกว่ามีสายเลือดเดี๋ยวกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำอำเภอเสียด้วย
จนอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา เผยให้นัยน์ตาที่ถอดแบบมาจากพี่ชาย ชายหนุ่มจึงมั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้คือ'ธุระ'ที่เขาต้องจัดการ
แต่ท่าทางไม่พอใจ และอาการรังเกียจที่ได้รับ ทำให้ความคิดที่จะแกล้งผู้หญิง เกิดขึ้นในสมองแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาจึงแย่งกระเป๋าของเธอมาโดยไม่แนะนำตัว หวังว่าอีกฝ่ายจะโวยวาย แล้วก็หน้าแตกเมื่อรู้ความจริงว่าเขาเป็นเพื่อนกับกลางรัก
แล้ว'น้องสาวพี่กลาง'ก็สร้างความประหลาดใจเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหล่อนเดาถุกว่าเขาเป็นใคร และบอมขึ้นรถมาโดยดี แม้จะยังตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง
พอเขาตั้งใจปิดปากเงียบ เพื่อกระตุ้นให้เธออยากรู้ และดูเหมือนว่าจะได้ผล แต่พอสักพักก็เป็นอย่างที่เห็น...
นัยน์ตากลมโตเป็นประกายวาวเมื่อเห็นมือหนากำลังกุมรอบข้อมือเธออยู่ "ปล่อยมือค่ะ คุณเป็นหนึ่ง"
น้ำเสียงเย็นๆไม่ได้ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มกลัวจนคลายมือออก แต่เพราะสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่มองอย่างสนใจต่างหาก
“คุณรู้ชื่อผมได้อย่างไง” เขาแน่ใจว่ายังไม่ได้พูดชื่อจริงของตัวเองให้อีกฝ่ายได้ยินเลย
“ก็...” หญิงสาวแกล้งลากเสียงยาว เพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของอีกฝ่าย ก่อนจะยักไหล่ด้วยท่าทีเพื่อนๆแนะนำว่าไม่ควรทำ เพราะอาจจะเกิดอาการวูบไปได้จากแข้งของคนเห็น
“...ถ้าคุณชื่อเบส มีหลานชายชื่อบอส คุณก็คือพ่อเลี้ยงเป็นหนึ่ง และเป็นญาติกับเพื่อนสนิทของพี่กลาง”
ความที่มีกันอยู่สองคนพี่น้อง และกำพร้าแม่แต่เล็ก รวมทั้งพ่อก็งานยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลาให้ กลางรักและปลายฝันจึงสนิทกันมาก แม้จะอายุห่างกันเกือบสิบปี
ทั้งสองสามารถพูดคุยกันได้แทบทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องเพื่อนด้วย กลางรักรู้จักเพื่อนทุกคนของน้องสาว และเล่าเรื่องเพื่อนของเขาทุกคนให้ปลายฝันฟังเช่นกัน...
เป็นหนึ่งเองก็เป็นชื่อที่หญิงสาวได้ยินบ่อยๆ จนไม่รู้สึกแปลกหน้าทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก
“แล้วคุณไม่กลัวผมแอบอ้างเหรอ” คำถามออกแนวคาดคั้นทำให้ว่าที่คุณหมอสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พลางล่วงกระเป๋ากางเกงและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโชว์
“ตอนที่คุณมัวแต่เหม่อเมื่อกี้น่ะ ฉันโทรไปหาพี่กลาง ถามรายละเอียดมาแล้ว และก็ให้พี่กลางช่วยส่งรูปของคุณหรือหลานคุณมาให้ดู” ว่าแล้วก็กดเปิดภาพของชายหนุ่มหน้าตาคมสัน ที่ดูมุมไหนก็เป็นคนเดียวกับคนตรงหน้าเธอ
“...มีปัญหาอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันจะได้เข้าไปหาอะไรทานบ้าง” ไม่รอคำตอบ ร่างบางก็ก้าวเข้าไปในร้านอาหารจีนที่เด็กชายเข้าไปนั่งรอแล้ว
และเกือบสะดุดล้มให้ขายหน้าคนทั้งร้าน เมื่อได้ยินคำตอบกลับมา “ผมว่ารูปที่พี่หมอส่งมา ผมไม่ค่อยหล่อเท่าไร ไว้ผมหารูปใหม่ให้คุณดีกว่า”
“มาช้าจังเลย ผมสั่งอาหารไปแล้วนะ” เสียงบ่นมาจากคนที่อยากทานหูฉลามกับพระกระโดดกำแพง แต่เลือกสั่งแค่บะหมี่ผัดกับเป็ดย่าง เพราะเห็นว่ามื้อนี้มีหญิงสาวอีกคนมาด้วย
เป็นหนึ่งนั่งลงข้างหลานชาย และยกแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นดื่ม ก่อนจะโบกมือให้หญิงสาวที่ขอตัวไปล้างหน้าล้างตาก่อน “ทางนี้ครับ ปลาย”
ปลายฝันเมินชายหนุ่มที่ตีสนิทเรียกชื่อเล่นเธอ และหันไปสนใจกับเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนแทน
...ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก ทำให้หญิงสาวชอบเล่นกับเด็ก และฝันอยากมีน้องมาตลอด จึงพยายามพูดคุยกับเด็กชาย ที่พี่ชายของเธอเล่าให้ฟังถึงความฉลาดและน่ารักเสมอ
“บอสมาทานอาหารที่นี่บ่อยหรือครับ แสดงว่าอาหารต้องอร่อยแน่ๆเลย”
“ก็ไม่บ่อยหรอกครับ” คนที่ทำปั้นปึ้งมาตลอดยิ้มกว้าง และเลื่อนแก้วน้ำไปไว้ตรงหน้าหญิงสาว “...อาปลายเดินทางมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนซิครับ”
ปลายฝันยิ้มตอบ พร้อมรับน้ำใจจากคนตัวเล็กด้วยความเต็มใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงเริ่มคุ้นหน้าเธอ และหายจากอาการโมโหหิวแล้ว จึงยอมคุยด้วยดีๆ
แต่พอลิ้นสัมผัสกับน้ำใสๆที่เด็กชายส่งมาให้ เธอก็แทบเปลี่ยนความคิดไม่ทัน แต่เพราะมารยาทค้ำคอ และบริกรที่ยืนค้ำศีรษะอยู่ ทำให้หญิงสาวกลั้นใจกลืนน้ำอึกนั้นลงไป
ก่อนจะยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี “แหม...ขนาดน้ำเปล่ายังอร่อยแบบนี้ สงสัยอาต้องขอชิมน้ำอย่างอื่นแล้วซิ” พูดจบก็หันไปสั่งเครื่องดื่มแก้วใหม่สำหรับตัวเอง โดยไม่แสดงอาการผิดปกติให้ใครเห็น
เพราะหญิงสาวรู้ดี ว่าถ้าเธอโวยวาย ยิ่งทำให้อีกฝ่ายที่จงใจแกล้งใส่เกลือในแก้วน้ำของเธอได้ใจที่แผนสำเร็จ เธอจึงทำเป็นพอใจที่ดื่มน้ำจากแก้วที่เธอสาบานว่าจะไม่แตะต้องมันอีก
ฝากไว้ก่อนเถอะ! ไว้เจอพี่กลางเมื่อไร เธอจะเอาขืนทั้งน้าทั้งหลานเลย (ถ้าเธอไปถึงโดยสวัสดิภาพนะ)
..............................................................................
ริมฝีปากเคลือบสีชมพูประกายมุกเข้ากับชุดสีชมพูอ่อนที่สวมอยู่เม้นเข้าหากันเมื่อเห็นภาพคนสามคนนั่งทานอาหารด้วยกัน
"ผู้ช่วยของเจ้าจะฆ่าเป้าหมายตายก่อนไหม" ประโยคที่ตรงใจเธอทำให้ธุวพรหันไปมอง'หัวหน้า'ตาขวาง
...อดหมั่นไส้เทพหนุ่มไม่ได้ที่อ่านใจเธอถูกอยู่เรื่อย แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าไม่ได้ใช่เวทย์อ่านใจเธอก็ตาม
"ฉันก็กลัวอยู่เหมือนกันค่ะ" ธุวพรพยักหน้ารับอย่างยอมจำนวน เมื่อหันไปเห็นปลายฝันกำลังบรรจงเหยียบไปที่เท้าของเป็นหนึ่ง พร้อมทำหน้าตกใจแบบที่เด็กสิบขวบอย่างนายบอสดูก็รู้ว่าแกล้งทำ
...เห็นทีก่อนร่วมงานกัน เธอต้องฝึกยัยปลายใหม่เสียแล้ว จะทำหน้าไร้เดียงสาทั้งทีต้องให้มันแนบเนียนกว่านี้ ดูอย่างเธอเป็นต้น
เวลาหมั่นไส้แล้วแกล้งเดินชนใคร อีกฝ่ายต้องเป็นคนขอโทษเธอก่อนทุกที ไม่มีเสียล่ะที่ใครจะเอาผิดเธอได้!
แล้วความคิดดีๆบางอย่างก็แวบเข้ามาในสมอง วิญญาณสาวยิ้มประจบ พลางเอ่ยเสียงหวาน "...เห็นแบบนี้ท่านกันดิสไม่คิดเปลี่ยนเป้าหมายให้ฉันใหม่เหรอคะ"
กามเทพหนุ่มอมยิ้มกับท่าออดอ้อนที่เริ่มเห็นจนชินตาแล้ว เพราะอีกฝ่ายพยายามขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ได้รับมอบหมายงาน "ถ้าเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เจ้าจะขาดผู้ช่วยนะ เพราะผู้ชายคนอื่นที่มีชะตาชีวิตเกี่ยวข้องกับเจ้าไม่ได้อยู่ใกล้ตัวของปลายฝันเลย โอกาสที่จะตามหาเนื้อคู่เจอ และจับคู่สำเร็จ คงเป็นไปได้ยาก"
เมื่อหาเหตุผลมาแย้งไม่ได้ ธุวพรก็สะบัดหน้ากลับมาสนใจที่จอโปร่งแสงตรงหน้าแทน
แล้วก็ตรงตาโต เมื่อเห็นว่าในโต๊ะที่สมาชิกเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว!!!
.............
........
...สำหรับปลายฝัน อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่ฝืดคออีกมื้อหนึ่ง
ไม่ใช่เพราะรสชาติของอาหาร ที่ต้องยอมรับว่าฝีมือดีไม่แพ้กุ๊กในร้านอาหารที่กรุงเทพฯเลย
แต่เนื่องมาจากเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก ที่ทำให้น้ำย่อยเธอทำงานไม่ดี จนมีอาการจุกแน่นขึ้นมาถึงลำคอ และความอยากอากหารก็ลดลงไปด้วย
...เริ่มจากคนตัวเล็กที่สุดอย่างเจ้านาย ที่ทำให้เธอต้องคอยระวังอาหารทุกอย่างที่จะตักเข้าปาก จะกินแต่ละคำก็ต้องพิศแล้วพิศอีก
นี่! ถ้าเธอไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเธอเป็นเจ้าตูบ คงจะดมพิสูจน์กลิ่นก่อนตักใส่ปากด้วย...
...คนถัดมาคือ เป็นหนึ่ง ผู้ชายที่เธอให้คำนิยามได้สั้นๆว่า กวนประสาท!
เพราะอีกฝ่ายเอาแต่นั่งอมยิ้ม มองหลานชายตัวแสบของเขาตักอาหารใส่จานให้เธอ แถมด้วยบริการราดน้ำจิ้มต่างๆให้ด้วยปริมาณที่มากเกินพิกัดที่คนปกติจะทานได้
เธอเลยเผลอวางเท้าพลาดจากพื้นไปเหยียบลงบนเท้าของพ่อเลี้ยงหนุ่มเต็มๆไปหนึ่งที เป็นการเตือนแบบเบาะๆ ว่าอย่าริอ่านเปิดสงครามกับเธอ
เพราะทำกับคนเป็นหลานไม่ได้ เพราะไม่อยากโดนว่า ว่ารังแกเด็ก...เลยขอลงกับคนเป็นน้าแทนไปก่อน
...ส่วนคนสุดท้ายที่มาหลังสุด แต่ความ(น่ารำคาญ)แรงแซงหน้าคนอื่นๆไปหลายขุม คือหญิงสาวหุ่นนางแบบ(ปฏิทินเครื่องดื่มมึนเมา) ที่กำลังนั่งกระแซะพ่อเลี้ยงหนุ่ม โดยไม่สนใจสายตาของคนทั้งร้านที่มองมา
"อันนี้ก็อร่อยนะคะ คุณเบส" ตะเกียบที่คีบเนื้อเป็ดนุ่มๆที่หนังติดมันน้อยๆถูกย่างจนกรอบกำลังดี จ่ออยู่ที่ปากของชายหนุ่ม
เมื่อไม่มีทางเลี่ยง เป็นหนึ่งก็อ้าปากรับแต่โดยดี พยายามไม่สนใจสายตาล้อเลียนของหญิงสาวอีกคน กับแววตาตัดพ้อของหลานชาย
เพราะเขาสัญญากับเจ้านายว่าวันนี้จะเป็นวันของครอบครัว แต่ดันมีคนนอกมาร่วมโต๊ะถึงสองคน
"น้องปลายก็ลองชิมดูนะคะ เป็ดย่างของร้านนี้ขึ้นชื่อจริงๆ พี่ฉัตรเองยังอยากมาทานทุกวันเลยค่ะ ถ้าไม่กลัวหุ่นเสีย" คราวนี้ฉัตรประอรหันมาคีบเป็ดอีกชิ้นใส่จานของปลายฝัน
ว่าที่คุณหมอสาวเลยได้แต่ยิ้มฝืดๆไปให้แทนคำขอบคุณ
...ขอบคุณที่ไม่ได้คีบป้อนถึงปากแบบที่ทำกับชายหนุ่มอีกคน
"ไหนตอนแรกน้าฉัตรบอกว่า ถ้าเจอหน้าอาปลาย จะขอตบซักทีสองทีไงครับ" คนตัวเล็กที่สุดถามขึ้น
ทำเอาทั้งโต๊ะหันมามองเด็กชายพร้อมกัน แล้วคนที่คิดจะเล่นกีฬาวอลเล่ย์ก็รีบแก้ตัวเสียงหวาน "ก็ตอนนั้นน้องบอสบอกน้าว่า ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มากวนใจน้าเบสนี่ครับ"
คน'เกือบ'กลายเป็นลูกบอลถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมเจ้านายถึงได้หายไปเข้าห้องน้ำเสียนาน และกลับมาอีกทีพร้อมหญิงสาวที่ทำหน้าอย่างกับจะกัดเธอทั้งๆที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
...ที่แท้ก็ฝีมือเจ้าเด็กจอมแสบที่ไม่โกหกเอาไว้นี่เอง
โชคดีที่เธอไหวตัวทัน รีบแนะนำตัวเองว่าเป็นใคร...ผลก็เป็นอย่างที่เห็น
ชื่อคุณหมอกลางรักยังหอมหวานในหมู่สาวๆ และเผื่อแผ่อานิจสงฆ์มาให้น้องสาวเหมือนเคย
จากที่จะกัดเธอจมเขี้ยว ฉัตรประอรจึงเปลี่ยนมาเอาใจเธอแทน
ยังดีที่คุณพี่กำลังตั้งใจจะเลียปากน้าชายนายบอสอยู่ (เอ้อ! หนูปลาย เจ๊ฉัตรแกเป็นคนนะ ไม่ใช่เจ้าบ็อก) มิฉะนั้นเธอคงรู้สึกรำคาญยิ่งกว่านี้
"อาปลายไม่กล้ากวนบอสกับคุณน้ามากหรอกครับ พออาเจอกับอากลางแล้วก็จะขออยู่เงียบๆ" ปลายฝันดักคออย่างรู้ทัน ว่าที่เด็กชายไม่ชอบหน้าเธอ คงเป็นอาการหวงน้าชาย...ซึ่งเธอดูแล้วไม่เห็นน่าหวงตรงไหน
"...เพราะฉะนั้นบอสไม่ต้องห่วงครับ" ว่าพลางตักเป็ดย่างชิ้นสุดท้ายให้คนที่ยังไม่มีใครบริการ
การกระทำนั้นสร้างความพอใจให้เจ้านายและฉัตรประอรมาก ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนไม่คิดว่าเรื่องของเขาและปลายฝันจะจบง่ายๆอย่างที่หญิงสาวพูด
เช่นเดียวกับผู้ที่แอบมองจากที่ที่อยู่ห่างไกล ที่รู้แก่ใจดีว่า ปลายฝันยังต้องเจอกับพ่อเลี้ยงหนุ่มคนนี้ไปอีกพักใหญ่ที่เดียว...
...........................................................................
“โอ้ย! ท่านกามฯต้องตั้งใจแกล้งทอฟฟี่แน่ๆเลยค่ะ พี่1963” เสียงบ่นที่ไม่เบานักทำให้เจ้าของโต๊ะที่ถูกหญิงสาวยึดไป จนต้องไปเบียดเบียนเอากับเพื่อนร่วมงานที่โต๊ะข้างๆ หมุนเก้าอี้ล้อเลื่อนมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว พยายามไม่หลุดหัวเราะกับสรรพนามที่ใช้เรียกเทพหนุ่มผู้เป็นหัวหน้า
"ท่านแกล้งอะไรครับ" ถามทั้งๆที่รู้ดีว่าหัวหน้าไม่มีทางแกล้งอีกฝ่ายโดยไม่มีเหตุผล แต่จากประสบการณ์ไม่กี่วัน ก็บอกได้ว่าเขาไม่ควรขัดใจหญิงสาว
...เพื่อความปลอดภัยของหูตัวเอง เออออตามไปจะดีที่สุด
ธุวพรตวัดค้อนราวกับชายหนุ่มตรงหน้าคือตัวการ "ก็พี่ดูซิคะ! คนที่หนูต้องจับคู่ให้ คนหนึ่งก็มีผู้หญิงรอบตัวตั้งเยอะจนไม่รู้ใครเป็นตัวจริง อีกคนก็ไม่สนใจใครเลย เล่นเลือกเคสยากๆมาให้ มือใหม่แบบหนูก็ตายซิ"
"โถ่! พี่นึกว่าอะไร" เจ้าของนาม1963ผ่อนลมหายใจ เมื่อทราบว่าเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ
มือหนาเตะไปที่จอภาพแผ่วเบา ภาพก็เปลี่ยนจากโต๊ะอาหารที่ประกอบไปด้วย1หนุ่ม 2สาว และเด็กชาย กลายเป็นภาพของหญิงชายผมทองคู่หนึ่งที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ริมทะเล ซึ่งธุวพรเดาว่าเป็นชายหาดสวยๆแบบนี้ต้องเป็นแถวทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนแน่นอน
คุณหนูทอฟฟี่ฟันธง!!
"เรื่องใครเป็นเนื้อคู่กับใคร ดูไม่ยากหรอกครับ ทอฟฟี่เห็นแสงนั้นไหม" เมื่ออีกฝ่ายถาม หญิงสาวจึงสังเกตเห็นว่าแสงสีชมพูฉายออกมาจากอกซ้ายของฝ่ายหญิง
เสียงเจ้าของโต๊ะยังอธิบาย9jvช้าๆ "...เราจะเห็นแสงนั้นก็ต่อเมื่อคนๆนั้นอยู่กับคนที่เค้ามีใจให้ตามลำพัง"
"หมายความว่าผู้หญิงคนนี้รักผู้ชายข้างเดียวใช่มั้ยคะ" ใบหน้าสวยดูรื่นเริง เหมือนเด็กเห็นของเล่นชิ้นใหม่
แหม! มีเครื่องมือดีๆแบบนี้ อุบเงียบเชียวนะ ท่านกามฯ
ชายหนุ่มที่รูปร่างและหน้าตา'เกือบ'เหมือนเทพบุตรกรีกพยักหน้ารับ ก่อนจะทำให้ภาพเปลี่ยนไปเป็นหนุ่มสาวอีกคู่ ซึ่งนั่งอ่านหนังสือกันอยู่คนละมุม ในห้องสมุดที่ไร้บุคคลอื่นรบกวน
คราวนี้วิญญาณสาวสังเกตเห็นแสงสีขาวที่นิ้วนางซ้ายของฝ่ายหญิง เชื่อมอยู่กับแสงสีขาว ที่ส่องสว่างจากนิ้วนางซ้ายของฝ่ายชาย
และอาจารย์ที่กำลังสอนวิธีดูเนื้อคู่อยู่ก็ไม่รอให้ลูกศิษย์สงสัยนาน "แสงสีขาวที่เชื่อมต่อกัน เป็นสัญญาณว่าทั้งสองคือคู่แท้ กรณีแบบนี้เราไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะเมื่อถึงเวลา ความรักก็จะค่อยๆเกิดขึ้นเอง"
พูดไม่ทันขาดคำ เมื่อสองหนุ่มสาวเงยหน้ามาประสานสายตากัน แสงสีชมพูจางๆก็ปรากฏขึ้นที่ตำแหน่งหัวใจของหญิงสาว และแสงสีฟ้าที่ค่อนข้างสว่างก็ปรากฏที่หน้าอกด้านซ้ายของชายหนุ่ม
ธุวพรอดยิ้มไปกับภาพที่ทั้งสองมีสีหน้าเก้อเขิน และรีบหลบสายตากัน ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ แต่เมื่อเผลอก็แอบชำเลืองอีกฝ่าย ให้ความรู้สึกว่ากำลังดูภาพยนต์โรแมนติกซักเรื่อง
แล้วอารมณ์หวานๆก็ถูกตัดฉับมาที่หนุ่มสาวคู่ใหม่ ที่มีแสงสีชมพูผสานกับแสงสีฟ้าเชื่อมนิ้วนางของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน หากบรรยากาศแตกต่างกับคู่ก่อนหน้าลิบลับ เมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่ริมถนน
และขณะที่ทั้งสองกำลังจะแยกไปทางใครทางมันนั้น ธุวพรสาบานว่าเธอเห็นทางเท้าที่เคยราบเรียบ มีอิฐก้อนหนึ่งกระเดิดขึ้นมา ทำให้ฝ่ายหญิงที่มัวแต่เชิดหน้าสะดุดล้มลง และเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่ฝ่ายชายคว้าเอวบางเอาไว้ ทำให้หญิงสาวคนนั้นตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
กำลังจะอ้าปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ช่วยท่านกามเทพที่มากประสบการณ์ก็ขยิบตาให้เธอทีหนึ่ง และพูดลงไปในไมโครโฟนแบบตั้งโต๊ะที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน "เห็นไหม ความจริงเขาก็เป็นคนดี อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยคุณ"
จากนั้นอดีตหนุ่มกรีกกดปุ่มเล็กๆที่ไมค์ และเริ่มพูดอีกครั้ง "ความจริงเธอก็น่ารักดีนะ กอดเธอไว้แบบนี้ไม่รู้สึกใจเต้นบ้างเหรอ"
สิ้นเสียงพูด แสงสว่างจางๆก็ปรากฏที่หน้าอกของคนทั้งสอง สร้างความพึงใจให้ผู้ที่แอบมองเป็นอย่างมาก
เมื่อภาพในจอดับลง พร้อมๆกับไมค์ที่หายไป ผู้ตั้งตัวเป็นอาจารย์ก็เริ่มการบรรยายอีกครั้ง "คู่สุดท้ายนี่แหละที่เป็นหน้าที่ของพวกเรา
...เพราะพวกเค้าถูกลิขิตให้คู่กัน แต่จะมีกรรมบางอย่างคอยขัดขวางไว้ เราจึงต้องคอยปลูกต้นรักให้ และประคับประคองจนกว่ากรรมของพวกเค้าจะหมด เมื่อนั้นแสงที่เชื่อมพวกเค้าไว้ก็จะกลายเป็นสีขาว"
“แสดงว่าที่พี่พูดไปเมื่อกี้ สองคนนั้นได้ยินหรือคะ” ธุวพรเอียงคอน้อยๆ เพราะรู้ดีว่าทำแบบนี้แล้วอีกฝ่ายรู้สึกเอ็นดู และยินดีจะตอบข้อซักถามของเธอ
เหยื่อรายล่าสุดที่ตกหลุมท่าทางน่ารัก'ภายนอก'ของหญิงสาวที่อายุเฉียดสามสิบ(แต่เจ้าตัวยืนยันว่าเพิ่งยี่สิบกว่าๆ) กล่าวขึ้นเมื่อไมโครโฟนเมื่อครู่ปรากฎขึ้นอีกครั้ง “ไมค์นี้เป็นอุปกรณ์พิเศษ หนึ่งในความศิวิไลที่ท่านกันดิสคิดค้นขึ้น เมื่อเราพูดลงไป เสียนี้จะดังขึ้นในจิตสำนึกของเป้าหมาย ทำให้เรากระตุ้นให้เขาฉุกคิดถึงความรู้สึกบางอย่าง”
“อย่างเวลาหนูไปเดทกับหนุ่มๆ แล้วความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่ เป็นเพราะพวกพี่กรอกหูหรือเปล่าคะเนี่ย” น้ำเสียงเคืองน้อยๆเมื่อนึกว่าเธออาจจะปล่อยผู้ชายดีๆไป เพียงเพราะเขาไม่ใช่เนื้อคู่ โดยมีผู้ช่วยท่านกามเทพเหล่านี้อยู่เบื้องหลัง
พวกที่นั่งทำงานอยู่รับรู้ถึงรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมา หนึ่งในนั้นจึงรีบแก้ตัวแทนตนเองและพวกพ้อง “พวกเราทำตามหน้าที่ที่ท่านกันดิสสั่งนะคะ”
“หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” คุณหนูที่ไม่มีใครเดาอารมณ์ได้ไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อนึกเรื่องสนุกๆได้ “...แล้วแบบนี้หรือเปล่า เวลานางเอกจะโดนตัวร้ายวางยาทีไร พระเอกเหมือนมีญาณวิเศษ ตามมาช่วยทันทุกที แต่พอโดนพระเอกปล้ำนะ ไม่มีใครเสนอหน้ามาซักคน"
...เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งานนี้ก็ดูน่าสนใจ แล้วก็คงมีอะไรใหม่ๆให้เธอได้ทำอีกเยอะ
แต่เมื่อนึกถึงโลกความจริงที่แสนโหดร้าย ต่างกับในนิยายรักหวานแหวว ยกตัวอย่างหญิงสาวสุดเลิศแบบเธอที่ตายก่อนมีรักแท้ วิญญาณสาวก็อดสงสัยไม่ได้ "...ถ้ามีพวกพี่กับท่านกันดิสคอยช่วยแบบนี้ ทำไมยังมีคนที่แต่งแล้วหย่า หรือมีผู้หญิงโดนข่มขืนอีกล่ะคะ"
และคำตอบที่ได้ก็ทำเอาเธอพูดไม่ออก
"เรื่องบางอย่างเราก็ยื่นมือเข้าไปช่วยมากไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น เป็นผลจากการกระทำของเขาในชาติก่อนๆ เพราะพระพรหมท่านลิขิตไว้แล้ว...ใครทำอะไรไว้ ต้องได้รับผลตอบแทนที่เท่าเทียมกัน!!"
เสียงรถคุ้นหูที่ใกล้เข้ามา และหยุดลงที่หน้าบ้าน ทำให้นายแพทย์หนุ่มวางช้อนส้อมลงบนจาน และเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน
ร่างสูงผงะถอยหลังเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงแรงที่มาปะทะบริเวณลำตัวและหน้าอก
"คิดถึงจังเลยคะ พี่กลาง" เสียงใสที่ดังอู้อี้เพราะตัวคนพูดยังซุกหน้าอยู่กับอกเขา สองแขนโอบรอบเอวแน่น ไม่ยอมปล่อย
กลางรักกอดตอบน้องสาวด้วยความคิดถึงไม่แพ้กัน มือใหญ่ที่เรียวสวยเหมือนมือผู้หญิงลูบผมยุ่งๆของคนตัวเล็กกว่าอย่างเบามือ ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ชายหนุ่มต่างวัยสองคนที่ยืนมองอยู่เบื้องหลังน้องสาว โดยมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของใครว่างอยู่ข้างประตูบ้าน
"ทำไมกลับมาช้าจัง เบส พี่กำลังคิดว่าจะโทรศัพท์ไปถามพอดี" ว่าพลางดันตัวคนที่กอดไม่ปล่อยออก และยกมือรับไหว้แขกทั้งสอง "...เข้ามาคุยกันก่อนซิ ทั้งน้าทั้งหลานเลย"
..."พี่กลางทานอะไรอยู่เนี่ย น่าทานจัง" เสียงหวานเอ่ยอย่างยินดี จากนั้นเจ้าตัวก็รีบวิ่งไปที่ห้องด้านหลัง ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นห้องครัว
เพราะบ้านพักของโรงพยาบาลรัฐบาลที่ไหนๆก็เหมือนกันหมด!
"อะไรกันคุณ ที่ผมเลี้ยงคุณไปเมื่อกี้ยังไม่อิ่มอีกเหรอ" เป็นหนึ่งที่นั่งลงที่ชุดรับแขกร้องถามอย่างตกใจปนขบขัน
แล้วก็หันไปอธิบายกับเจ้าของบ้านที่นั่งฝั่งตรงข้าม "ผมพาบอสกับปลายไปทานอาหารจีนก่อนกลับครับ แล้วบังเอิญเจอคุณฉัตร ก็เลยกลับช้า"
กลางรักพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ว่าที่ทั้งสามกลับมาถึงที่นี้ช้า
ไม่ใช่เพราะมัวแต่หาอะไรทาน แต่เป็นเพราะเจอใครบางคนมากกว่า "แล้วนี้นายหลุดมาได้ไง"
คำถามตรงไปตรงมาซะจนคนถูกถามทำหน้าไม่ถูก แล้วมองไปทางหลานชายที่เดินไปเปิดโทรทัศน์ดูอย่างคุ้นเคย ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ด้วยความที่มาเยี่ยมนายแพทย์หนุ่มบ่อยๆ
"ฝีมือบอสโวยวายว่าเหนื่อย แล้วคุณฉัตรคงเกรงใจปลายที่เพิ่งเดินทางมาถึง ยังไม่ทันได้พัก ก็เลยเป็นโชคดีของผม..."
"อ้าว! คุณ ยังไม่กลับไปอีกเหรอ ดึกแล้ว รีบพาหลานกลับไปนอนได้แล้วนะ" ปลายฝันที่เดินออกมาพร้อมจานข้าวและช้อนส้อมอีกชุดทักขึ้นเมื่อเห็นว่าแขกยังนั่งอยู่
จากนั้นก็ลงมือ'ช่วย'จัดการกับกับข้าวที่พี่ชายทานค้างเอาไว้
เมื่อรู้สึกถึงสายตาดุๆที่จ้องมา คนเป็นน้องก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "พี่กลางก็รีบมาทานซิคะ เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมดหรอก"
คนที่โดนไล่ทั้งทางตรงทางอ้อมทนอยู่ต่อไม่ไหว "ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะ พี่หมอ ไป! บอส กลับบ้านเรากันดีกว่า ผู้หญิงแถวนี้เค้าไม่ต้อนรับเรา" ประโยคหลังนั้นบ่นพึมพำแบบตั้งใจให้ผู้หญิงคนเดียวในที่นี้ได้ยิน
..."ทำไมเราเกเรอย่างนี้ยัยปลาย เบสอุตส่าห์ไปรับเราแทนพี่ แล้วก็เลี้ยงข้าวด้วย ยังจะไปไล่เค้าอีก" กลางรักดุน้องสาวทันทีที่เหลือเพียงสองคนพี่น้อง
คนที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆรีบกลืนอาหารในปากลงไป แล้วทำแก้มป่อง "ก็หมอนั้นกวนประสาทปลายก่อนนี่น่า แล้วที่บอกว่าเลี้ยงข้าวปลายน่ะ ปลายกินเข้าไปได้ไม่กี่คำเอง ตอนแรกก็โดนนายบอส หลานชายตัวแสบของเค้าแกล้ง ตอนหลังก็กลืนไม่ลงเพราะคุณฉัตรของเค้า"
"เราก็เลยมาแย่งข้าวพี่กิน?" คนเป็นพี่โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ จากนั้นก็หันมาสนใจกับเรื่องของลูกชายเพื่อนรักแทน "...แล้วที่เราบอกว่าโดนบอสแกล้งหมายความว่าไง"
น้ำเสียงเป็นงานเป็นการของพี่ชายที่รัก ทำให้อีกฝ่ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียด...
"ตอนแรกปลายก็ไม่รู้นะว่าทำอะไรให้บอสเกลียดขี้หน้า แต่พอเจอคุณฉัตรประอร ถึงรู้ว่าเป็นอาการหวงน้าชาย" ปลายฝันสรุปได้ตรงใจอีกฝ่าย
กลางรักจึงได้แต่พยักหน้ารับ "พี่จะลองคุยกับนายเบสดู ปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไร"
"ไม่ใช่'ค่อย'นะคะพี่กลาง แต่มันไม่ดีสำหรับสวัสดิภาพของปลายมากๆเลย" คนที่โดนลูกหลงจากพฤติกรรมของเด็กชายแย้งเสียงดัง เพราะถึงเธอจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับสองน้าหลานคู่นี้อีก แต่ในทางปฏิบัติมันคงไม่ง่ายนัก ในเมื่อพี่ชายเธอสนิทกับเป็นหนึ่งมาก
คุณหมอหนุ่มอมยิ้มกับสีหน้าเหมือนเด็กโดนบังคับให้กินยาของน้องสาว โบกมือไล่เมื่อเห็นว่าจานข้าวของคนตรงหน้าว่างเปล่าแล้ว "อิ่มแล้วก็ไปพักเถอะไป เดี๋ยวพี่ล้างจานให้เอง"
เมื่อเห็นร่างเล็กยังนั่งนิ่งไม่ขยับ เจ้าของบ้านก็มองตามหางตาของอีกฝ่ายไปยังกระเป๋าเดินทางที่ไม่รู้เจ้าตัวหอบหิ้วขึ้นรถไฟมาด้วยได้อย่างไร
เสียงถอนหายใจมาจากคนแก่กว่า "เอาของจำเป็นขึ้นไปก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ยกกระเป๋าตามขึ้นไปให้ เรานอนห้องเล็กนะ"
บ้านพักของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเล็กๆแห่งนี้ก็เหมือนบ้านพักของข้าราชการทั่วๆไป...คือเป็นบ้านสองชั้น
ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่นผสมห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องครัวบวกส่วนซักล้าง ส่วนชั้นบนแบ่งเป็นสองห้องนอน และมีห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง...ซึ่งออกแบบไว้สำหรับครอบครัวเล็กๆ
แต่สำหรับหนุ่มโสดแล้ว ห้องนอนเล็กก็คือห้องเก็บของดีๆนี้เอง
จนกระทั่งมีเพื่อนแวะมาเยี่ยมเยียนเจ้าของบ้าน และไม่สามารถหาห้องพักในอำเภอเล็กๆนี้ได้ ห้องเก็บของจึงถูกปรับปรุงให้เป็นห้องนอนอีกห้อง ซึ่งใช้สำหรับแขกที่นานๆจะมีมาซักคน
จึงเป็นโชคดีของปลายฝันที่มาแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้าให้พี่ชายมีเวลาเตรียมตัว ที่เจอปัญหาขลุกขลักแค่เรื่องคนมารับเท่านั้น!
...มือเรียวเล็กผลักประตูไม้เข้าไป ควานหาสวิตไฟจนเจอ เมื่อดวงไฟที่ติดบนเพดานกลางห้องสว่างขึ้น ปลายฝันก็พบกับห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ
เตียงนอนเหล็กที่ทอดพับได้ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆที่ทำมาจากไม้อัดสำเร็จรูป ซึ่งพี่ชายของเธอคงหาซื้อมาจากร้านที่เธอเห็นตอนนั่งรถผ่านตลาดของอำเภอ เพราะเป็นแบบเดียวกันเลย
ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนก็เป็นสีขาวล้วน เช่นเดียวกับสีของผ้าม่าน และผนังห้อง
หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกได้ว่าพี่ชายเธอไม่มีหัวด้านการตกแต่งบ้านเอาเสียเลย...
..........
......
...เมื่อปลายฝันอาบน้ำเสร็จและกลับมาที่ห้องพัก ก็พบว่ากระเป๋าของเธอถูกนำมาว่างไว้กลางห้องเรียบร้อยแล้ว และบนโต๊ะก็มีข้อความจากเด็กยกกระเป๋าที่มีดีกรีเป็นถึงคุณหมอวางอยู่
'พี่โทร.ไปรายงานคุณพ่อให้แล้ว ว่าลูกสาวสุดที่รักส่งตรงถึงมือพี่โดยไม่มีอะไรบุบสลาย
ดังนั้นรีบนอนซะ พรุ่งนี้พี่จะได้พาดูโรงพยาบาลก่อน
ฝันดีนะ...พี่กลาง'
เหมือนมีอะไรอุ่นๆโอบรอบตัวเธอไว้ ปลายฝันยิ้มน้อยๆกับกระดาษที่แสดงถึงด้านที่อ่อนโยน และขี้เล่นของพี่ชายเธอ ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้สัมผัส
นอกจากบทบาทคุณหมอที่เอาจริงเอาจัง และทุ่มเทให้กับการทำงานแล้ว กลางรักยังมีด้านน่ารักๆเช่นนี้ด้วย
ไม่รู้เพราะไม่มีใครเข้าถึงด้านนี้ของพี่ชายเธอหรือเปล่า กลางรักจึงยังมีคนรักเป็นตัวเป็นตนกับเขาซะที
จะมีที่เธอคดว่าพี่ชายลองคบหาดูใจกันอยู่ แต่สุดท้ายก็เป็เพียงเพื่อนเท่านั้น
ปลายฝันเคยกลัวเหมือนกันว่าพี่ชายของตัวเองจะเบี่ยงเบน ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าเป็นน้องใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ และได้รู้ได้เห็นว่า มีนักศึกษาและหมอจำนวนไม่น้อยที่นิยมไม้ป่าเดียวกัน
มาโล่งใจเมื่อตอนที่รู้จากรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับพี่ชายของเธอ ว่าคุณหมอกลางรักที่เคร่งขรึม สมัยเรียนก็เคยเที่ยวผู้หญิงกับเขาเหมือนกัน
นึกแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ "เมื่อไรพี่กลางจะมีพี่สะใภ้ให้เราซักทีนะ"
"คงจะเร็วๆนี้แหละ ถ้าปลายช่วย" เสียงหวานๆที่คุ้นหูแม้จะไม่ได้ยินมาหลายปี ทำให้คนที่กำลังรื้อเสื้อผ้าออกมาใส่ตู้ขนลุกชัน
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง มือขยับแว่นสายตาที่ใส่หลังเธอถอดคอนเทคเลนส์ออกแล้ว เพื่อเตรียมตัวเข้านอน
เมื่อแน่ใจว่าแว่นไม่มีปัญหา และภาพที่เธอเห็นไม่ใช่ภาพหลอน นิ้วก็ชี้ไปยังร่างสมส่วนที่เธอรู้จักดี หากแต่ทุกทีที่พบกัน อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในลักษณะโปร่งแสงแบบนี้
สาวสวยมองนิ้วที่ชี้มายังหน้าเธออย่างขัดใจ เพราะไม่เคยมีใครทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้กับเธอมาก่อน แต่เห็นกับปากที่อ้าๆหุบๆเหมือนปลาขาดอากาศ น้ำเสียงที่ใช้จึงแค่ขุ่นเล็กน้อย แต่เจือแววขบขันมาก
“เอามือลงเดี๋ยวนี้นะ ยัยปลาย ใครสั่งใครสอนให้ชี้หน้าคนอื่นแบบนี้เนี่ย”
คนที่ตกใจจนแทบช็อคเอามือลงทันที แต่ยังมีอาการตะกุกตะกักอย่างเห็นได้ชัด “...พะ...พี่...พี่ ”
คราวนี้ฝ่ายที่โผล่มาแบบเงียบๆเลยชักหงุดหงิด “ตกใจอะไรนักหนาฮะ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น’ผี’ไปได้”
ปลายฝันตะโกนออกมาด้วยความตกใจ แต่เสียงที่ลอดออกจากริมฝีปากกลับเป็นเพียงเสียงกระซิบเท่านั้น...
“พี่ทอฟฟี่!!”
แต่จนมาถึงร้านอาหารจีนที่กินเนื้อที่ห้องแถวถึงสามคูหา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดสดที่มีคนเดินจับจ่ายซื้อของประปรายแล้ว ก็ยังไม่มีคำตอบบออกจากปากคนขับ
เป็นหนึ่งถอยรถเข้าจอดที่ริมถนนหน้าร้าน แล้วจึงหันมามองหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
“อย่าบอกนะว่าคุณยอมขึ้นรถมาด้วย ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจในตัวผม”
“เปล่า...” คำตอบที่ติดปาก และคงฝังลงในสายเลือดของคนไทยหลายๆคนถูกเอ่ยออกมาโดยอัตโนมัติ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลับไปเป็นเด็กสามขวบ ที่ถูกพ่อดุเรื่องที่เดินตามคนแปลกหน้าไป
แต่เมื่อนึกได้ว่าตอนนี้เธออายุ23ปีแล้วต่างหาก ปลายฝันก็เชิดหน้าขึ้น และจ้องตากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
สองหนุ่มสาวประสานสายตากันจนไฟแทบลุก และคนที่ทนไม่ได้ก่อนคือ...เจ้านาย
“น้าเบสเป็นน้าชายของผม แล้วก็เป็นเพื่อนกับอาหมอกลางจริงๆ” เด็กชายเอ่ยยืนยัน ก่อนจะมองไปที่ผู้หญิงคนเดียวในรถอย่างไม่พอใจ “...ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พวกเราจะได้ไปทานข้าวกันซะที”
แล้วก็เปิดประตูรถ ก้าวลงไปโดยไม่รอคำตอบ ร่างเล็กเดินเข้าไปในร้านอย่างคุ้นเคย แสดงให้เห็นว่าเด็กชายคงมาร้านนี้หลายครั้งแล้ว
น้าชายที่เพิ่งรู้ฤทธิ์หลานหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด นึกถึงปัญหาเรื่องพฤติกรรมของหลานชายเกี่ยวกับผู้หญิงสาวๆ ซึ่งเขายังไม่มีเวลาคุยกับหลานให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ด้วยความที่ยุ่งทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
มารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูจากทางด้านหลัง และเห็นว่าร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อยืดพอดีตัว คลุมทับด้วยเสื้อหนาวสีเขียวน้ำทะเล กับกางเกงยีนส์สีซีด ชายลุ้ย กำลังเปิดประตูรถ และเดินตามหลานชายของเขาเข้าไปในร้าน
ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไปดักข้างหน้าของน้องสาวของเพื่อนรุ่นพี่ ก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้าไป "ตกลงคุณจะเอาอย่างไงแน่"
...เจอผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่เคยมีใครที่เขาเดาใจไม่ถูก และประหลาดใจเท่ากับคนตรงหน้า
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินกลางรักบอกให้ช่วยไปรับน้องสาว เขาก็จิตนาการไว้ว่า นักศึกษาแพทย์จะต้องดูคงแก่เรียน ใส่แว่นหนาๆ หรือไม่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่น่าเชื่อถือแบบพี่หมอ
แต่ภาพของหญิงสาวที่ดูอย่างไรก็เหมือนเด็กสาวมากกว่า เมื่อผมยาวที่ผูกเป็นหางม้า แต่ดูยุ่งนิดๆเพราะเจ้าตัวกำลังนอนซบกับกระเป๋าเดินทางที่ใหญ่ อยู่ตรงบริเวณที่นั่งรอสำหรับผู้โดยสาร ไม่ใช่ภาพที่เขาคาดไว้ว่าจะได้เห็น
เพราะความไม่แน่ใจว่าเธอคือคนที่เขาต้องมารับหรือเปล่า เนื่องจากมองไปรอบๆแล้วก็ไม่มีหญิงสาวคนอื่นที่มาคนเดียว และมีลักษณะเหมือนรอคนมารับอยู่อีก
เป็นหนึ่งจึงตัดสินใจเข้าไปมองใกล้ๆ
และใบหน้าของหญิงสาวที่หลับสนิท ก็ดูไม่ออกว่ามีสายเลือดเดี๋ยวกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำอำเภอเสียด้วย
จนอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา เผยให้นัยน์ตาที่ถอดแบบมาจากพี่ชาย ชายหนุ่มจึงมั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้คือ'ธุระ'ที่เขาต้องจัดการ
แต่ท่าทางไม่พอใจ และอาการรังเกียจที่ได้รับ ทำให้ความคิดที่จะแกล้งผู้หญิง เกิดขึ้นในสมองแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาจึงแย่งกระเป๋าของเธอมาโดยไม่แนะนำตัว หวังว่าอีกฝ่ายจะโวยวาย แล้วก็หน้าแตกเมื่อรู้ความจริงว่าเขาเป็นเพื่อนกับกลางรัก
แล้ว'น้องสาวพี่กลาง'ก็สร้างความประหลาดใจเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหล่อนเดาถุกว่าเขาเป็นใคร และบอมขึ้นรถมาโดยดี แม้จะยังตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง
พอเขาตั้งใจปิดปากเงียบ เพื่อกระตุ้นให้เธออยากรู้ และดูเหมือนว่าจะได้ผล แต่พอสักพักก็เป็นอย่างที่เห็น...
นัยน์ตากลมโตเป็นประกายวาวเมื่อเห็นมือหนากำลังกุมรอบข้อมือเธออยู่ "ปล่อยมือค่ะ คุณเป็นหนึ่ง"
น้ำเสียงเย็นๆไม่ได้ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มกลัวจนคลายมือออก แต่เพราะสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่มองอย่างสนใจต่างหาก
“คุณรู้ชื่อผมได้อย่างไง” เขาแน่ใจว่ายังไม่ได้พูดชื่อจริงของตัวเองให้อีกฝ่ายได้ยินเลย
“ก็...” หญิงสาวแกล้งลากเสียงยาว เพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของอีกฝ่าย ก่อนจะยักไหล่ด้วยท่าทีเพื่อนๆแนะนำว่าไม่ควรทำ เพราะอาจจะเกิดอาการวูบไปได้จากแข้งของคนเห็น
“...ถ้าคุณชื่อเบส มีหลานชายชื่อบอส คุณก็คือพ่อเลี้ยงเป็นหนึ่ง และเป็นญาติกับเพื่อนสนิทของพี่กลาง”
ความที่มีกันอยู่สองคนพี่น้อง และกำพร้าแม่แต่เล็ก รวมทั้งพ่อก็งานยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลาให้ กลางรักและปลายฝันจึงสนิทกันมาก แม้จะอายุห่างกันเกือบสิบปี
ทั้งสองสามารถพูดคุยกันได้แทบทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องเพื่อนด้วย กลางรักรู้จักเพื่อนทุกคนของน้องสาว และเล่าเรื่องเพื่อนของเขาทุกคนให้ปลายฝันฟังเช่นกัน...
เป็นหนึ่งเองก็เป็นชื่อที่หญิงสาวได้ยินบ่อยๆ จนไม่รู้สึกแปลกหน้าทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก
“แล้วคุณไม่กลัวผมแอบอ้างเหรอ” คำถามออกแนวคาดคั้นทำให้ว่าที่คุณหมอสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พลางล่วงกระเป๋ากางเกงและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโชว์
“ตอนที่คุณมัวแต่เหม่อเมื่อกี้น่ะ ฉันโทรไปหาพี่กลาง ถามรายละเอียดมาแล้ว และก็ให้พี่กลางช่วยส่งรูปของคุณหรือหลานคุณมาให้ดู” ว่าแล้วก็กดเปิดภาพของชายหนุ่มหน้าตาคมสัน ที่ดูมุมไหนก็เป็นคนเดียวกับคนตรงหน้าเธอ
“...มีปัญหาอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันจะได้เข้าไปหาอะไรทานบ้าง” ไม่รอคำตอบ ร่างบางก็ก้าวเข้าไปในร้านอาหารจีนที่เด็กชายเข้าไปนั่งรอแล้ว
และเกือบสะดุดล้มให้ขายหน้าคนทั้งร้าน เมื่อได้ยินคำตอบกลับมา “ผมว่ารูปที่พี่หมอส่งมา ผมไม่ค่อยหล่อเท่าไร ไว้ผมหารูปใหม่ให้คุณดีกว่า”
“มาช้าจังเลย ผมสั่งอาหารไปแล้วนะ” เสียงบ่นมาจากคนที่อยากทานหูฉลามกับพระกระโดดกำแพง แต่เลือกสั่งแค่บะหมี่ผัดกับเป็ดย่าง เพราะเห็นว่ามื้อนี้มีหญิงสาวอีกคนมาด้วย
เป็นหนึ่งนั่งลงข้างหลานชาย และยกแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นดื่ม ก่อนจะโบกมือให้หญิงสาวที่ขอตัวไปล้างหน้าล้างตาก่อน “ทางนี้ครับ ปลาย”
ปลายฝันเมินชายหนุ่มที่ตีสนิทเรียกชื่อเล่นเธอ และหันไปสนใจกับเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนแทน
...ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก ทำให้หญิงสาวชอบเล่นกับเด็ก และฝันอยากมีน้องมาตลอด จึงพยายามพูดคุยกับเด็กชาย ที่พี่ชายของเธอเล่าให้ฟังถึงความฉลาดและน่ารักเสมอ
“บอสมาทานอาหารที่นี่บ่อยหรือครับ แสดงว่าอาหารต้องอร่อยแน่ๆเลย”
“ก็ไม่บ่อยหรอกครับ” คนที่ทำปั้นปึ้งมาตลอดยิ้มกว้าง และเลื่อนแก้วน้ำไปไว้ตรงหน้าหญิงสาว “...อาปลายเดินทางมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนซิครับ”
ปลายฝันยิ้มตอบ พร้อมรับน้ำใจจากคนตัวเล็กด้วยความเต็มใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงเริ่มคุ้นหน้าเธอ และหายจากอาการโมโหหิวแล้ว จึงยอมคุยด้วยดีๆ
แต่พอลิ้นสัมผัสกับน้ำใสๆที่เด็กชายส่งมาให้ เธอก็แทบเปลี่ยนความคิดไม่ทัน แต่เพราะมารยาทค้ำคอ และบริกรที่ยืนค้ำศีรษะอยู่ ทำให้หญิงสาวกลั้นใจกลืนน้ำอึกนั้นลงไป
ก่อนจะยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี “แหม...ขนาดน้ำเปล่ายังอร่อยแบบนี้ สงสัยอาต้องขอชิมน้ำอย่างอื่นแล้วซิ” พูดจบก็หันไปสั่งเครื่องดื่มแก้วใหม่สำหรับตัวเอง โดยไม่แสดงอาการผิดปกติให้ใครเห็น
เพราะหญิงสาวรู้ดี ว่าถ้าเธอโวยวาย ยิ่งทำให้อีกฝ่ายที่จงใจแกล้งใส่เกลือในแก้วน้ำของเธอได้ใจที่แผนสำเร็จ เธอจึงทำเป็นพอใจที่ดื่มน้ำจากแก้วที่เธอสาบานว่าจะไม่แตะต้องมันอีก
ฝากไว้ก่อนเถอะ! ไว้เจอพี่กลางเมื่อไร เธอจะเอาขืนทั้งน้าทั้งหลานเลย (ถ้าเธอไปถึงโดยสวัสดิภาพนะ)
..............................................................................
ริมฝีปากเคลือบสีชมพูประกายมุกเข้ากับชุดสีชมพูอ่อนที่สวมอยู่เม้นเข้าหากันเมื่อเห็นภาพคนสามคนนั่งทานอาหารด้วยกัน
"ผู้ช่วยของเจ้าจะฆ่าเป้าหมายตายก่อนไหม" ประโยคที่ตรงใจเธอทำให้ธุวพรหันไปมอง'หัวหน้า'ตาขวาง
...อดหมั่นไส้เทพหนุ่มไม่ได้ที่อ่านใจเธอถูกอยู่เรื่อย แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าไม่ได้ใช่เวทย์อ่านใจเธอก็ตาม
"ฉันก็กลัวอยู่เหมือนกันค่ะ" ธุวพรพยักหน้ารับอย่างยอมจำนวน เมื่อหันไปเห็นปลายฝันกำลังบรรจงเหยียบไปที่เท้าของเป็นหนึ่ง พร้อมทำหน้าตกใจแบบที่เด็กสิบขวบอย่างนายบอสดูก็รู้ว่าแกล้งทำ
...เห็นทีก่อนร่วมงานกัน เธอต้องฝึกยัยปลายใหม่เสียแล้ว จะทำหน้าไร้เดียงสาทั้งทีต้องให้มันแนบเนียนกว่านี้ ดูอย่างเธอเป็นต้น
เวลาหมั่นไส้แล้วแกล้งเดินชนใคร อีกฝ่ายต้องเป็นคนขอโทษเธอก่อนทุกที ไม่มีเสียล่ะที่ใครจะเอาผิดเธอได้!
แล้วความคิดดีๆบางอย่างก็แวบเข้ามาในสมอง วิญญาณสาวยิ้มประจบ พลางเอ่ยเสียงหวาน "...เห็นแบบนี้ท่านกันดิสไม่คิดเปลี่ยนเป้าหมายให้ฉันใหม่เหรอคะ"
กามเทพหนุ่มอมยิ้มกับท่าออดอ้อนที่เริ่มเห็นจนชินตาแล้ว เพราะอีกฝ่ายพยายามขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ได้รับมอบหมายงาน "ถ้าเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เจ้าจะขาดผู้ช่วยนะ เพราะผู้ชายคนอื่นที่มีชะตาชีวิตเกี่ยวข้องกับเจ้าไม่ได้อยู่ใกล้ตัวของปลายฝันเลย โอกาสที่จะตามหาเนื้อคู่เจอ และจับคู่สำเร็จ คงเป็นไปได้ยาก"
เมื่อหาเหตุผลมาแย้งไม่ได้ ธุวพรก็สะบัดหน้ากลับมาสนใจที่จอโปร่งแสงตรงหน้าแทน
แล้วก็ตรงตาโต เมื่อเห็นว่าในโต๊ะที่สมาชิกเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว!!!
.............
........
...สำหรับปลายฝัน อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่ฝืดคออีกมื้อหนึ่ง
ไม่ใช่เพราะรสชาติของอาหาร ที่ต้องยอมรับว่าฝีมือดีไม่แพ้กุ๊กในร้านอาหารที่กรุงเทพฯเลย
แต่เนื่องมาจากเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก ที่ทำให้น้ำย่อยเธอทำงานไม่ดี จนมีอาการจุกแน่นขึ้นมาถึงลำคอ และความอยากอากหารก็ลดลงไปด้วย
...เริ่มจากคนตัวเล็กที่สุดอย่างเจ้านาย ที่ทำให้เธอต้องคอยระวังอาหารทุกอย่างที่จะตักเข้าปาก จะกินแต่ละคำก็ต้องพิศแล้วพิศอีก
นี่! ถ้าเธอไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเธอเป็นเจ้าตูบ คงจะดมพิสูจน์กลิ่นก่อนตักใส่ปากด้วย...
...คนถัดมาคือ เป็นหนึ่ง ผู้ชายที่เธอให้คำนิยามได้สั้นๆว่า กวนประสาท!
เพราะอีกฝ่ายเอาแต่นั่งอมยิ้ม มองหลานชายตัวแสบของเขาตักอาหารใส่จานให้เธอ แถมด้วยบริการราดน้ำจิ้มต่างๆให้ด้วยปริมาณที่มากเกินพิกัดที่คนปกติจะทานได้
เธอเลยเผลอวางเท้าพลาดจากพื้นไปเหยียบลงบนเท้าของพ่อเลี้ยงหนุ่มเต็มๆไปหนึ่งที เป็นการเตือนแบบเบาะๆ ว่าอย่าริอ่านเปิดสงครามกับเธอ
เพราะทำกับคนเป็นหลานไม่ได้ เพราะไม่อยากโดนว่า ว่ารังแกเด็ก...เลยขอลงกับคนเป็นน้าแทนไปก่อน
...ส่วนคนสุดท้ายที่มาหลังสุด แต่ความ(น่ารำคาญ)แรงแซงหน้าคนอื่นๆไปหลายขุม คือหญิงสาวหุ่นนางแบบ(ปฏิทินเครื่องดื่มมึนเมา) ที่กำลังนั่งกระแซะพ่อเลี้ยงหนุ่ม โดยไม่สนใจสายตาของคนทั้งร้านที่มองมา
"อันนี้ก็อร่อยนะคะ คุณเบส" ตะเกียบที่คีบเนื้อเป็ดนุ่มๆที่หนังติดมันน้อยๆถูกย่างจนกรอบกำลังดี จ่ออยู่ที่ปากของชายหนุ่ม
เมื่อไม่มีทางเลี่ยง เป็นหนึ่งก็อ้าปากรับแต่โดยดี พยายามไม่สนใจสายตาล้อเลียนของหญิงสาวอีกคน กับแววตาตัดพ้อของหลานชาย
เพราะเขาสัญญากับเจ้านายว่าวันนี้จะเป็นวันของครอบครัว แต่ดันมีคนนอกมาร่วมโต๊ะถึงสองคน
"น้องปลายก็ลองชิมดูนะคะ เป็ดย่างของร้านนี้ขึ้นชื่อจริงๆ พี่ฉัตรเองยังอยากมาทานทุกวันเลยค่ะ ถ้าไม่กลัวหุ่นเสีย" คราวนี้ฉัตรประอรหันมาคีบเป็ดอีกชิ้นใส่จานของปลายฝัน
ว่าที่คุณหมอสาวเลยได้แต่ยิ้มฝืดๆไปให้แทนคำขอบคุณ
...ขอบคุณที่ไม่ได้คีบป้อนถึงปากแบบที่ทำกับชายหนุ่มอีกคน
"ไหนตอนแรกน้าฉัตรบอกว่า ถ้าเจอหน้าอาปลาย จะขอตบซักทีสองทีไงครับ" คนตัวเล็กที่สุดถามขึ้น
ทำเอาทั้งโต๊ะหันมามองเด็กชายพร้อมกัน แล้วคนที่คิดจะเล่นกีฬาวอลเล่ย์ก็รีบแก้ตัวเสียงหวาน "ก็ตอนนั้นน้องบอสบอกน้าว่า ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มากวนใจน้าเบสนี่ครับ"
คน'เกือบ'กลายเป็นลูกบอลถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมเจ้านายถึงได้หายไปเข้าห้องน้ำเสียนาน และกลับมาอีกทีพร้อมหญิงสาวที่ทำหน้าอย่างกับจะกัดเธอทั้งๆที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
...ที่แท้ก็ฝีมือเจ้าเด็กจอมแสบที่ไม่โกหกเอาไว้นี่เอง
โชคดีที่เธอไหวตัวทัน รีบแนะนำตัวเองว่าเป็นใคร...ผลก็เป็นอย่างที่เห็น
ชื่อคุณหมอกลางรักยังหอมหวานในหมู่สาวๆ และเผื่อแผ่อานิจสงฆ์มาให้น้องสาวเหมือนเคย
จากที่จะกัดเธอจมเขี้ยว ฉัตรประอรจึงเปลี่ยนมาเอาใจเธอแทน
ยังดีที่คุณพี่กำลังตั้งใจจะเลียปากน้าชายนายบอสอยู่ (เอ้อ! หนูปลาย เจ๊ฉัตรแกเป็นคนนะ ไม่ใช่เจ้าบ็อก) มิฉะนั้นเธอคงรู้สึกรำคาญยิ่งกว่านี้
"อาปลายไม่กล้ากวนบอสกับคุณน้ามากหรอกครับ พออาเจอกับอากลางแล้วก็จะขออยู่เงียบๆ" ปลายฝันดักคออย่างรู้ทัน ว่าที่เด็กชายไม่ชอบหน้าเธอ คงเป็นอาการหวงน้าชาย...ซึ่งเธอดูแล้วไม่เห็นน่าหวงตรงไหน
"...เพราะฉะนั้นบอสไม่ต้องห่วงครับ" ว่าพลางตักเป็ดย่างชิ้นสุดท้ายให้คนที่ยังไม่มีใครบริการ
การกระทำนั้นสร้างความพอใจให้เจ้านายและฉัตรประอรมาก ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนไม่คิดว่าเรื่องของเขาและปลายฝันจะจบง่ายๆอย่างที่หญิงสาวพูด
เช่นเดียวกับผู้ที่แอบมองจากที่ที่อยู่ห่างไกล ที่รู้แก่ใจดีว่า ปลายฝันยังต้องเจอกับพ่อเลี้ยงหนุ่มคนนี้ไปอีกพักใหญ่ที่เดียว...
...........................................................................
“โอ้ย! ท่านกามฯต้องตั้งใจแกล้งทอฟฟี่แน่ๆเลยค่ะ พี่1963” เสียงบ่นที่ไม่เบานักทำให้เจ้าของโต๊ะที่ถูกหญิงสาวยึดไป จนต้องไปเบียดเบียนเอากับเพื่อนร่วมงานที่โต๊ะข้างๆ หมุนเก้าอี้ล้อเลื่อนมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว พยายามไม่หลุดหัวเราะกับสรรพนามที่ใช้เรียกเทพหนุ่มผู้เป็นหัวหน้า
"ท่านแกล้งอะไรครับ" ถามทั้งๆที่รู้ดีว่าหัวหน้าไม่มีทางแกล้งอีกฝ่ายโดยไม่มีเหตุผล แต่จากประสบการณ์ไม่กี่วัน ก็บอกได้ว่าเขาไม่ควรขัดใจหญิงสาว
...เพื่อความปลอดภัยของหูตัวเอง เออออตามไปจะดีที่สุด
ธุวพรตวัดค้อนราวกับชายหนุ่มตรงหน้าคือตัวการ "ก็พี่ดูซิคะ! คนที่หนูต้องจับคู่ให้ คนหนึ่งก็มีผู้หญิงรอบตัวตั้งเยอะจนไม่รู้ใครเป็นตัวจริง อีกคนก็ไม่สนใจใครเลย เล่นเลือกเคสยากๆมาให้ มือใหม่แบบหนูก็ตายซิ"
"โถ่! พี่นึกว่าอะไร" เจ้าของนาม1963ผ่อนลมหายใจ เมื่อทราบว่าเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ
มือหนาเตะไปที่จอภาพแผ่วเบา ภาพก็เปลี่ยนจากโต๊ะอาหารที่ประกอบไปด้วย1หนุ่ม 2สาว และเด็กชาย กลายเป็นภาพของหญิงชายผมทองคู่หนึ่งที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ริมทะเล ซึ่งธุวพรเดาว่าเป็นชายหาดสวยๆแบบนี้ต้องเป็นแถวทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนแน่นอน
คุณหนูทอฟฟี่ฟันธง!!
"เรื่องใครเป็นเนื้อคู่กับใคร ดูไม่ยากหรอกครับ ทอฟฟี่เห็นแสงนั้นไหม" เมื่ออีกฝ่ายถาม หญิงสาวจึงสังเกตเห็นว่าแสงสีชมพูฉายออกมาจากอกซ้ายของฝ่ายหญิง
เสียงเจ้าของโต๊ะยังอธิบาย9jvช้าๆ "...เราจะเห็นแสงนั้นก็ต่อเมื่อคนๆนั้นอยู่กับคนที่เค้ามีใจให้ตามลำพัง"
"หมายความว่าผู้หญิงคนนี้รักผู้ชายข้างเดียวใช่มั้ยคะ" ใบหน้าสวยดูรื่นเริง เหมือนเด็กเห็นของเล่นชิ้นใหม่
แหม! มีเครื่องมือดีๆแบบนี้ อุบเงียบเชียวนะ ท่านกามฯ
ชายหนุ่มที่รูปร่างและหน้าตา'เกือบ'เหมือนเทพบุตรกรีกพยักหน้ารับ ก่อนจะทำให้ภาพเปลี่ยนไปเป็นหนุ่มสาวอีกคู่ ซึ่งนั่งอ่านหนังสือกันอยู่คนละมุม ในห้องสมุดที่ไร้บุคคลอื่นรบกวน
คราวนี้วิญญาณสาวสังเกตเห็นแสงสีขาวที่นิ้วนางซ้ายของฝ่ายหญิง เชื่อมอยู่กับแสงสีขาว ที่ส่องสว่างจากนิ้วนางซ้ายของฝ่ายชาย
และอาจารย์ที่กำลังสอนวิธีดูเนื้อคู่อยู่ก็ไม่รอให้ลูกศิษย์สงสัยนาน "แสงสีขาวที่เชื่อมต่อกัน เป็นสัญญาณว่าทั้งสองคือคู่แท้ กรณีแบบนี้เราไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะเมื่อถึงเวลา ความรักก็จะค่อยๆเกิดขึ้นเอง"
พูดไม่ทันขาดคำ เมื่อสองหนุ่มสาวเงยหน้ามาประสานสายตากัน แสงสีชมพูจางๆก็ปรากฏขึ้นที่ตำแหน่งหัวใจของหญิงสาว และแสงสีฟ้าที่ค่อนข้างสว่างก็ปรากฏที่หน้าอกด้านซ้ายของชายหนุ่ม
ธุวพรอดยิ้มไปกับภาพที่ทั้งสองมีสีหน้าเก้อเขิน และรีบหลบสายตากัน ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ แต่เมื่อเผลอก็แอบชำเลืองอีกฝ่าย ให้ความรู้สึกว่ากำลังดูภาพยนต์โรแมนติกซักเรื่อง
แล้วอารมณ์หวานๆก็ถูกตัดฉับมาที่หนุ่มสาวคู่ใหม่ ที่มีแสงสีชมพูผสานกับแสงสีฟ้าเชื่อมนิ้วนางของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน หากบรรยากาศแตกต่างกับคู่ก่อนหน้าลิบลับ เมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่ริมถนน
และขณะที่ทั้งสองกำลังจะแยกไปทางใครทางมันนั้น ธุวพรสาบานว่าเธอเห็นทางเท้าที่เคยราบเรียบ มีอิฐก้อนหนึ่งกระเดิดขึ้นมา ทำให้ฝ่ายหญิงที่มัวแต่เชิดหน้าสะดุดล้มลง และเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่ฝ่ายชายคว้าเอวบางเอาไว้ ทำให้หญิงสาวคนนั้นตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
กำลังจะอ้าปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ช่วยท่านกามเทพที่มากประสบการณ์ก็ขยิบตาให้เธอทีหนึ่ง และพูดลงไปในไมโครโฟนแบบตั้งโต๊ะที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน "เห็นไหม ความจริงเขาก็เป็นคนดี อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยคุณ"
จากนั้นอดีตหนุ่มกรีกกดปุ่มเล็กๆที่ไมค์ และเริ่มพูดอีกครั้ง "ความจริงเธอก็น่ารักดีนะ กอดเธอไว้แบบนี้ไม่รู้สึกใจเต้นบ้างเหรอ"
สิ้นเสียงพูด แสงสว่างจางๆก็ปรากฏที่หน้าอกของคนทั้งสอง สร้างความพึงใจให้ผู้ที่แอบมองเป็นอย่างมาก
เมื่อภาพในจอดับลง พร้อมๆกับไมค์ที่หายไป ผู้ตั้งตัวเป็นอาจารย์ก็เริ่มการบรรยายอีกครั้ง "คู่สุดท้ายนี่แหละที่เป็นหน้าที่ของพวกเรา
...เพราะพวกเค้าถูกลิขิตให้คู่กัน แต่จะมีกรรมบางอย่างคอยขัดขวางไว้ เราจึงต้องคอยปลูกต้นรักให้ และประคับประคองจนกว่ากรรมของพวกเค้าจะหมด เมื่อนั้นแสงที่เชื่อมพวกเค้าไว้ก็จะกลายเป็นสีขาว"
“แสดงว่าที่พี่พูดไปเมื่อกี้ สองคนนั้นได้ยินหรือคะ” ธุวพรเอียงคอน้อยๆ เพราะรู้ดีว่าทำแบบนี้แล้วอีกฝ่ายรู้สึกเอ็นดู และยินดีจะตอบข้อซักถามของเธอ
เหยื่อรายล่าสุดที่ตกหลุมท่าทางน่ารัก'ภายนอก'ของหญิงสาวที่อายุเฉียดสามสิบ(แต่เจ้าตัวยืนยันว่าเพิ่งยี่สิบกว่าๆ) กล่าวขึ้นเมื่อไมโครโฟนเมื่อครู่ปรากฎขึ้นอีกครั้ง “ไมค์นี้เป็นอุปกรณ์พิเศษ หนึ่งในความศิวิไลที่ท่านกันดิสคิดค้นขึ้น เมื่อเราพูดลงไป เสียนี้จะดังขึ้นในจิตสำนึกของเป้าหมาย ทำให้เรากระตุ้นให้เขาฉุกคิดถึงความรู้สึกบางอย่าง”
“อย่างเวลาหนูไปเดทกับหนุ่มๆ แล้วความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่ เป็นเพราะพวกพี่กรอกหูหรือเปล่าคะเนี่ย” น้ำเสียงเคืองน้อยๆเมื่อนึกว่าเธออาจจะปล่อยผู้ชายดีๆไป เพียงเพราะเขาไม่ใช่เนื้อคู่ โดยมีผู้ช่วยท่านกามเทพเหล่านี้อยู่เบื้องหลัง
พวกที่นั่งทำงานอยู่รับรู้ถึงรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมา หนึ่งในนั้นจึงรีบแก้ตัวแทนตนเองและพวกพ้อง “พวกเราทำตามหน้าที่ที่ท่านกันดิสสั่งนะคะ”
“หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” คุณหนูที่ไม่มีใครเดาอารมณ์ได้ไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อนึกเรื่องสนุกๆได้ “...แล้วแบบนี้หรือเปล่า เวลานางเอกจะโดนตัวร้ายวางยาทีไร พระเอกเหมือนมีญาณวิเศษ ตามมาช่วยทันทุกที แต่พอโดนพระเอกปล้ำนะ ไม่มีใครเสนอหน้ามาซักคน"
...เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งานนี้ก็ดูน่าสนใจ แล้วก็คงมีอะไรใหม่ๆให้เธอได้ทำอีกเยอะ
แต่เมื่อนึกถึงโลกความจริงที่แสนโหดร้าย ต่างกับในนิยายรักหวานแหวว ยกตัวอย่างหญิงสาวสุดเลิศแบบเธอที่ตายก่อนมีรักแท้ วิญญาณสาวก็อดสงสัยไม่ได้ "...ถ้ามีพวกพี่กับท่านกันดิสคอยช่วยแบบนี้ ทำไมยังมีคนที่แต่งแล้วหย่า หรือมีผู้หญิงโดนข่มขืนอีกล่ะคะ"
และคำตอบที่ได้ก็ทำเอาเธอพูดไม่ออก
"เรื่องบางอย่างเราก็ยื่นมือเข้าไปช่วยมากไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น เป็นผลจากการกระทำของเขาในชาติก่อนๆ เพราะพระพรหมท่านลิขิตไว้แล้ว...ใครทำอะไรไว้ ต้องได้รับผลตอบแทนที่เท่าเทียมกัน!!"
เสียงรถคุ้นหูที่ใกล้เข้ามา และหยุดลงที่หน้าบ้าน ทำให้นายแพทย์หนุ่มวางช้อนส้อมลงบนจาน และเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน
ร่างสูงผงะถอยหลังเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงแรงที่มาปะทะบริเวณลำตัวและหน้าอก
"คิดถึงจังเลยคะ พี่กลาง" เสียงใสที่ดังอู้อี้เพราะตัวคนพูดยังซุกหน้าอยู่กับอกเขา สองแขนโอบรอบเอวแน่น ไม่ยอมปล่อย
กลางรักกอดตอบน้องสาวด้วยความคิดถึงไม่แพ้กัน มือใหญ่ที่เรียวสวยเหมือนมือผู้หญิงลูบผมยุ่งๆของคนตัวเล็กกว่าอย่างเบามือ ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ชายหนุ่มต่างวัยสองคนที่ยืนมองอยู่เบื้องหลังน้องสาว โดยมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของใครว่างอยู่ข้างประตูบ้าน
"ทำไมกลับมาช้าจัง เบส พี่กำลังคิดว่าจะโทรศัพท์ไปถามพอดี" ว่าพลางดันตัวคนที่กอดไม่ปล่อยออก และยกมือรับไหว้แขกทั้งสอง "...เข้ามาคุยกันก่อนซิ ทั้งน้าทั้งหลานเลย"
..."พี่กลางทานอะไรอยู่เนี่ย น่าทานจัง" เสียงหวานเอ่ยอย่างยินดี จากนั้นเจ้าตัวก็รีบวิ่งไปที่ห้องด้านหลัง ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นห้องครัว
เพราะบ้านพักของโรงพยาบาลรัฐบาลที่ไหนๆก็เหมือนกันหมด!
"อะไรกันคุณ ที่ผมเลี้ยงคุณไปเมื่อกี้ยังไม่อิ่มอีกเหรอ" เป็นหนึ่งที่นั่งลงที่ชุดรับแขกร้องถามอย่างตกใจปนขบขัน
แล้วก็หันไปอธิบายกับเจ้าของบ้านที่นั่งฝั่งตรงข้าม "ผมพาบอสกับปลายไปทานอาหารจีนก่อนกลับครับ แล้วบังเอิญเจอคุณฉัตร ก็เลยกลับช้า"
กลางรักพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ว่าที่ทั้งสามกลับมาถึงที่นี้ช้า
ไม่ใช่เพราะมัวแต่หาอะไรทาน แต่เป็นเพราะเจอใครบางคนมากกว่า "แล้วนี้นายหลุดมาได้ไง"
คำถามตรงไปตรงมาซะจนคนถูกถามทำหน้าไม่ถูก แล้วมองไปทางหลานชายที่เดินไปเปิดโทรทัศน์ดูอย่างคุ้นเคย ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ด้วยความที่มาเยี่ยมนายแพทย์หนุ่มบ่อยๆ
"ฝีมือบอสโวยวายว่าเหนื่อย แล้วคุณฉัตรคงเกรงใจปลายที่เพิ่งเดินทางมาถึง ยังไม่ทันได้พัก ก็เลยเป็นโชคดีของผม..."
"อ้าว! คุณ ยังไม่กลับไปอีกเหรอ ดึกแล้ว รีบพาหลานกลับไปนอนได้แล้วนะ" ปลายฝันที่เดินออกมาพร้อมจานข้าวและช้อนส้อมอีกชุดทักขึ้นเมื่อเห็นว่าแขกยังนั่งอยู่
จากนั้นก็ลงมือ'ช่วย'จัดการกับกับข้าวที่พี่ชายทานค้างเอาไว้
เมื่อรู้สึกถึงสายตาดุๆที่จ้องมา คนเป็นน้องก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "พี่กลางก็รีบมาทานซิคะ เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมดหรอก"
คนที่โดนไล่ทั้งทางตรงทางอ้อมทนอยู่ต่อไม่ไหว "ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะ พี่หมอ ไป! บอส กลับบ้านเรากันดีกว่า ผู้หญิงแถวนี้เค้าไม่ต้อนรับเรา" ประโยคหลังนั้นบ่นพึมพำแบบตั้งใจให้ผู้หญิงคนเดียวในที่นี้ได้ยิน
..."ทำไมเราเกเรอย่างนี้ยัยปลาย เบสอุตส่าห์ไปรับเราแทนพี่ แล้วก็เลี้ยงข้าวด้วย ยังจะไปไล่เค้าอีก" กลางรักดุน้องสาวทันทีที่เหลือเพียงสองคนพี่น้อง
คนที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆรีบกลืนอาหารในปากลงไป แล้วทำแก้มป่อง "ก็หมอนั้นกวนประสาทปลายก่อนนี่น่า แล้วที่บอกว่าเลี้ยงข้าวปลายน่ะ ปลายกินเข้าไปได้ไม่กี่คำเอง ตอนแรกก็โดนนายบอส หลานชายตัวแสบของเค้าแกล้ง ตอนหลังก็กลืนไม่ลงเพราะคุณฉัตรของเค้า"
"เราก็เลยมาแย่งข้าวพี่กิน?" คนเป็นพี่โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ จากนั้นก็หันมาสนใจกับเรื่องของลูกชายเพื่อนรักแทน "...แล้วที่เราบอกว่าโดนบอสแกล้งหมายความว่าไง"
น้ำเสียงเป็นงานเป็นการของพี่ชายที่รัก ทำให้อีกฝ่ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียด...
"ตอนแรกปลายก็ไม่รู้นะว่าทำอะไรให้บอสเกลียดขี้หน้า แต่พอเจอคุณฉัตรประอร ถึงรู้ว่าเป็นอาการหวงน้าชาย" ปลายฝันสรุปได้ตรงใจอีกฝ่าย
กลางรักจึงได้แต่พยักหน้ารับ "พี่จะลองคุยกับนายเบสดู ปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไร"
"ไม่ใช่'ค่อย'นะคะพี่กลาง แต่มันไม่ดีสำหรับสวัสดิภาพของปลายมากๆเลย" คนที่โดนลูกหลงจากพฤติกรรมของเด็กชายแย้งเสียงดัง เพราะถึงเธอจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับสองน้าหลานคู่นี้อีก แต่ในทางปฏิบัติมันคงไม่ง่ายนัก ในเมื่อพี่ชายเธอสนิทกับเป็นหนึ่งมาก
คุณหมอหนุ่มอมยิ้มกับสีหน้าเหมือนเด็กโดนบังคับให้กินยาของน้องสาว โบกมือไล่เมื่อเห็นว่าจานข้าวของคนตรงหน้าว่างเปล่าแล้ว "อิ่มแล้วก็ไปพักเถอะไป เดี๋ยวพี่ล้างจานให้เอง"
เมื่อเห็นร่างเล็กยังนั่งนิ่งไม่ขยับ เจ้าของบ้านก็มองตามหางตาของอีกฝ่ายไปยังกระเป๋าเดินทางที่ไม่รู้เจ้าตัวหอบหิ้วขึ้นรถไฟมาด้วยได้อย่างไร
เสียงถอนหายใจมาจากคนแก่กว่า "เอาของจำเป็นขึ้นไปก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ยกกระเป๋าตามขึ้นไปให้ เรานอนห้องเล็กนะ"
บ้านพักของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเล็กๆแห่งนี้ก็เหมือนบ้านพักของข้าราชการทั่วๆไป...คือเป็นบ้านสองชั้น
ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่นผสมห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องครัวบวกส่วนซักล้าง ส่วนชั้นบนแบ่งเป็นสองห้องนอน และมีห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง...ซึ่งออกแบบไว้สำหรับครอบครัวเล็กๆ
แต่สำหรับหนุ่มโสดแล้ว ห้องนอนเล็กก็คือห้องเก็บของดีๆนี้เอง
จนกระทั่งมีเพื่อนแวะมาเยี่ยมเยียนเจ้าของบ้าน และไม่สามารถหาห้องพักในอำเภอเล็กๆนี้ได้ ห้องเก็บของจึงถูกปรับปรุงให้เป็นห้องนอนอีกห้อง ซึ่งใช้สำหรับแขกที่นานๆจะมีมาซักคน
จึงเป็นโชคดีของปลายฝันที่มาแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้าให้พี่ชายมีเวลาเตรียมตัว ที่เจอปัญหาขลุกขลักแค่เรื่องคนมารับเท่านั้น!
...มือเรียวเล็กผลักประตูไม้เข้าไป ควานหาสวิตไฟจนเจอ เมื่อดวงไฟที่ติดบนเพดานกลางห้องสว่างขึ้น ปลายฝันก็พบกับห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ
เตียงนอนเหล็กที่ทอดพับได้ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆที่ทำมาจากไม้อัดสำเร็จรูป ซึ่งพี่ชายของเธอคงหาซื้อมาจากร้านที่เธอเห็นตอนนั่งรถผ่านตลาดของอำเภอ เพราะเป็นแบบเดียวกันเลย
ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนก็เป็นสีขาวล้วน เช่นเดียวกับสีของผ้าม่าน และผนังห้อง
หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกได้ว่าพี่ชายเธอไม่มีหัวด้านการตกแต่งบ้านเอาเสียเลย...
..........
......
...เมื่อปลายฝันอาบน้ำเสร็จและกลับมาที่ห้องพัก ก็พบว่ากระเป๋าของเธอถูกนำมาว่างไว้กลางห้องเรียบร้อยแล้ว และบนโต๊ะก็มีข้อความจากเด็กยกกระเป๋าที่มีดีกรีเป็นถึงคุณหมอวางอยู่
'พี่โทร.ไปรายงานคุณพ่อให้แล้ว ว่าลูกสาวสุดที่รักส่งตรงถึงมือพี่โดยไม่มีอะไรบุบสลาย
ดังนั้นรีบนอนซะ พรุ่งนี้พี่จะได้พาดูโรงพยาบาลก่อน
ฝันดีนะ...พี่กลาง'
เหมือนมีอะไรอุ่นๆโอบรอบตัวเธอไว้ ปลายฝันยิ้มน้อยๆกับกระดาษที่แสดงถึงด้านที่อ่อนโยน และขี้เล่นของพี่ชายเธอ ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้สัมผัส
นอกจากบทบาทคุณหมอที่เอาจริงเอาจัง และทุ่มเทให้กับการทำงานแล้ว กลางรักยังมีด้านน่ารักๆเช่นนี้ด้วย
ไม่รู้เพราะไม่มีใครเข้าถึงด้านนี้ของพี่ชายเธอหรือเปล่า กลางรักจึงยังมีคนรักเป็นตัวเป็นตนกับเขาซะที
จะมีที่เธอคดว่าพี่ชายลองคบหาดูใจกันอยู่ แต่สุดท้ายก็เป็เพียงเพื่อนเท่านั้น
ปลายฝันเคยกลัวเหมือนกันว่าพี่ชายของตัวเองจะเบี่ยงเบน ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าเป็นน้องใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ และได้รู้ได้เห็นว่า มีนักศึกษาและหมอจำนวนไม่น้อยที่นิยมไม้ป่าเดียวกัน
มาโล่งใจเมื่อตอนที่รู้จากรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับพี่ชายของเธอ ว่าคุณหมอกลางรักที่เคร่งขรึม สมัยเรียนก็เคยเที่ยวผู้หญิงกับเขาเหมือนกัน
นึกแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ "เมื่อไรพี่กลางจะมีพี่สะใภ้ให้เราซักทีนะ"
"คงจะเร็วๆนี้แหละ ถ้าปลายช่วย" เสียงหวานๆที่คุ้นหูแม้จะไม่ได้ยินมาหลายปี ทำให้คนที่กำลังรื้อเสื้อผ้าออกมาใส่ตู้ขนลุกชัน
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง มือขยับแว่นสายตาที่ใส่หลังเธอถอดคอนเทคเลนส์ออกแล้ว เพื่อเตรียมตัวเข้านอน
เมื่อแน่ใจว่าแว่นไม่มีปัญหา และภาพที่เธอเห็นไม่ใช่ภาพหลอน นิ้วก็ชี้ไปยังร่างสมส่วนที่เธอรู้จักดี หากแต่ทุกทีที่พบกัน อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในลักษณะโปร่งแสงแบบนี้
สาวสวยมองนิ้วที่ชี้มายังหน้าเธออย่างขัดใจ เพราะไม่เคยมีใครทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้กับเธอมาก่อน แต่เห็นกับปากที่อ้าๆหุบๆเหมือนปลาขาดอากาศ น้ำเสียงที่ใช้จึงแค่ขุ่นเล็กน้อย แต่เจือแววขบขันมาก
“เอามือลงเดี๋ยวนี้นะ ยัยปลาย ใครสั่งใครสอนให้ชี้หน้าคนอื่นแบบนี้เนี่ย”
คนที่ตกใจจนแทบช็อคเอามือลงทันที แต่ยังมีอาการตะกุกตะกักอย่างเห็นได้ชัด “...พะ...พี่...พี่ ”
คราวนี้ฝ่ายที่โผล่มาแบบเงียบๆเลยชักหงุดหงิด “ตกใจอะไรนักหนาฮะ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น’ผี’ไปได้”
ปลายฝันตะโกนออกมาด้วยความตกใจ แต่เสียงที่ลอดออกจากริมฝีปากกลับเป็นเพียงเสียงกระซิบเท่านั้น...
“พี่ทอฟฟี่!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น