ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสั่งรักกามเทพ (สัญญาลับยมทูต)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 49


    หญิงสาวร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดสูทสุดหรูของห้องเสื้ออิตาลี กำลังนั่งจ้องจอสี่เหลี่ยม โปร่งใส ที่ลอยอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ที่ดูอย่างไงก็คล้ายคอมพิวเตอร์ที่เธอเห็นในภาพยนตร์ไซไฟเกี่ยวกับอนาคต ต่างเพียงแต่เจ้าเครื่องมือตรงหน้าจะปรากฏก็ต่อเมื่อ รวบรวมสมาธิ และตั้งจิตให้แน่วแน่ว่าจะใช้งานมันเท่านั้น...ซึ่งเรียกกันว่าเครื่องศิวิไล

     

    ดวงหน้าสวยเฉี่ยวเวลานี้ดูจะเปร่งประกายกว่าปกติ เพราะอากาศรอบตัวดียิ่งกว่าแถวสวิสที่เจ้าตัวมีบ้านพักตากอากาศอยู่เสียอีก

     

    ธุวพรมองไปรอบๆห้องกว้างที่สว่างไสวตลอดเวลา ทั้งที่เธอไม่เห็นไฟซักดวง และตั้งแต่มาถึงที่นี้ เธอก็ไม่เห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เลย

     

    ไหล่บางไหวเล็กน้อยแบบที่เจ้าตัวมั่นใจว่าทำแล้วไม่น่าเกลียด เพราะลองทำหน้ากระจกมาแล้วหลายที กว่าจะได้มุมและองศาในการยกที่สวยที่สุด

     

    ...สำหรับที่นี่ อะไรๆก็ดูเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ!

     

    โลกมนุษย์ที่ผู้คนต้องรำเรียนขวนขวายอย่างหนัก เพื่อให้มีความสามารถในการพูดภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาแม่ แต่ที่นี้ไม่ว่าใครจะพูดอะไรมา คนฟังก็เข้าใจได้เอง แม้แต่เสียงของสัตว์อย่างหมาแมว ตอนนี้เธอยังฟังเข้าใจเลย!

     

    คิดแล้วก็เจ็บใจ ว่าทำไมเธอต้องเสียเวลาไปนั่งเรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี กับญี่ปุ่นด้วย ถึงการพูดได้ห้าภาษาจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ แถมยังส่งให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด ทั้งสวย เป็นที่อิจฉาของหลายๆคน

     

    แต่เวลานี้ความสามารถนั้น ดูไร้ประโยชน์สิ้นดี!

     

    แล้วยังเรื่อง'งาน'อีก...ใครจะคิดว่าตายไปแล้วยังต้องทำงานอีก...

     

    จากคำบอกเล่าและการพาไปชมตัวอย่างของผู้ดูแลที่มีศักดิ์เป็นถึงกามเทพยุคใหม่ ที่ไม่ใช่เด็กชายตัวจ้อย เที่ยวไปยิงใครต่อใครด้วยลูกศร อย่างท่านกันดิส

     

    ที่นี่ไม่มียมทูตที่ต้องไปรับวิญญาณคนตายมา แล้วให้พญายมตัดสินว่าจะส่งไปใช้กรรมในนรก หรือได้ขึ้นสวรรค์

     

    หากหญิงสาวได้เห็นขั้นตอนตั้งแต่การใส่รายชื่อคนที่ถึงฆาตลงไปในเครื่องคำนวณ จากนั้นเครื่องก็จะประมวลผลและกำหนดวิธีการตายกับเวลาตาย แถมลงมือบันดาลให้เกิดขึ้นจริงเสร็จสรรพ

     

    ...ซึ่งสาเหตุที่วิญญาณเธอหลุดจากร่างมาก่อนเวลาอันควร ก็เพราะมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ ทำให้ชื่อของเธอหลงเข้าไปเครื่องนี้

     

    แต่พอจะถามเสียหน่อยว่าไอ้บ้าคนนั้นเป็นใคร เธอจะได้เล่นงานถูกตัว มัคคุเทศน์กิตติมศักดิ์ก็เดินหลิ่วๆ นำไปยังสถานที่อื่นๆแทน...

     

    ขั้นต่อมา วิญญาณที่ออกจากร่างมาใหม่ๆ เมื่อยอมรับการตายของตัวเองได้แล้ว ก็จะถูกนำทางมายังเขตแดนพิเศษที่ตั้งอยู่ระหว่างสามโลก หรือที่เรียกว่าเขตกลาง

     

    ซึ่งเป็นที่ตั้งของ'ศาลชีวิต' และหน่วยงานต่างๆอีกหลายหน่วยที่เธอยังไม่มีโอกาสได้เข้าชม ที่แต่ละหน่วยงานจะมีเทพเป็นหัวหน้า และมีผู้ช่วยเป็นวิญญาณที่ตัดสินแล้วว่า มีความดีความชอบเท่าๆกับความผิดที่เคยทำไว้ ซึ่งเป็นวิญญาณส่วนน้อยจริงๆ

     

    ทำให้เทพต่างๆค่อนข้างขาดแคลนผู้ช่วย ด้วยไม่ค่อยมีผู้ช่วยใหม่ๆ'เกิด'ขึ้นบ่อยนัก ส่วนพวกหน้าเก่าที่ทำงานมานาน บางทีก็นึกเบื่อ แล้วก็ขอลาออกไปเกิดใหม่อยู่เรื่อยๆ

     

    ส่วนวิญญาณที่มีความดีมากกว่าความเลวก็จะถูกส่งไปอยู่ที่โลกบนหรือสวรรค์ โดยต้องทำหน้าที่คอยดูแล ปกป้องคนที่ทำความดี เพื่อเป็นการชดใช้ความผิดเล็กๆน้อยๆที่เคยทำ หรือที่มนุษย์เรียกกันว่าเทวดาและนางฟ้า จากนั้นก็รอที่จะไปเกิดใหม่

     

    และผู้ที่ทำความชั่วไว้มาก จะถูกส่งไปที่โลกล่างหรือนรก และต้องทำงานหนักๆ เช่น ดูแลลาวาภูเขาไฟไม่ให้ล้นออกมานอกผิวโลก ซึ่งเป็นงานที่อยู่ท่ามกลางความร้อน เป็นต้น

     

    จนเมื่อสาสมกับความผิดที่ทำไว้ ก็จะได้ไปเกิดใหม่ โดยขึ้นกับความดีที่ติดวิญญาณ(เพราะไม่มีตัวแล้ว)มา ว่าจะไปเกิดใหม่เป็นอะไร ไล่ตั้งแต่เชื้อโรค สัตว์ คน จนถึงเทพ

     

    'แล้วระหว่างเกิดเป็นคนจนที่ต้องทำงานงกๆ กับเกิดเป็นพวกสัตว์เลี้ยง ที่วันๆไม่ต้องทำอะไร แต่มีคนหาอาหารมาให้ อย่างไหนต้องมีความดีติดตัวมากกว่ากันคะ'

     

    จำได้ว่าพอเธอถามคำถามนี้ออกไป ตอนที่ท่านเทพผู้มากเสน่ห์พาเธอไปที่ประตูเข้าสู่โลกล่าง ที่มีภาพตัวอย่างงาน(อันแสนทรมาน)ต่างๆฉายอยู่บนจอ ที่มีลักษณธเหมือนโทรทัศน์แบบจอแบน ฝ่ายที่ถูกถามดูจะอึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็หัวเราะเบาๆ แต่ไม่ยอมตอบคำถามเธอ

     

    เทพที่มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับความรักย้อนถามกลับมาด้วยแววตาเป็นประกาย 'แล้วถ้าเป็นเจ้าล่ะ ธุวพร ถ้าเลือกได้ เจ้าจะเลือกแบบไหน'

     

    'แน่นอนค่ะ!' คำตอบรับฉะฉานบอกความมั่นใจดังขึ้นทันที ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้เหนื่อย '...อย่างฉันคงมีทางเดียวให้เลือก อย่างไงก็ต้องเกิดเป็นสาวสวย สูงสง่า ทรัพย์มหาศาล แสนฉลาด ชาติต้องการ เหมือนเดิม'

     

    หัวเราะตบท้ายแล้วก็ชะงักเล็กน้อย เพราะคิดอีกทีเธอก็อยากลองเกิดเป็นผู้ชายบ้าง เนื่องจากเป็นผู้ชายเปลี่ยนแฟนบ่อยแค่ไหนก็ไม่มีใครนินทา และถูกมองเป็นคนไม่ดีเหมือนผู้หญิง

     

    ทั้งๆที่ผู้หญิงที่ไปไหนมาไหนกับผู้ชายมากหน้าหลายคนแบบเธอ แต่ไม่ยอมให้ใครได้แตะเนื้อต้องตัวมากกว่าจับมือถือแขน ยังรักนวลสงวนตัวมากกว่าผู้หญิงบางคนที่มีแฟนคนเดียว แต่ก็ยอมเขาไปถึงไหนต่อไหนทั้งๆที่ยังไม่แต่งงานกัน

     

    แต่ยังไม่ทันถามว่าเกิดใหม่นี้เปลี่ยนเพศได้ไหม ผู้ที่จะตอบคำถามเธอก็ชิงเดินหนีไป ทิ้งไว้แต่คำชม??

     

    …'เราไม่เคยเจอใครแบบเจ้าเลย ธุวพร'

     

     

    "เป็นอย่างไงบ้างครับ น้องทอฟฟี่" เสียงที่ถามเป็นภาษากรีก(แต่อยู่ที่นี้ เธอสามารถฟังออก)มาจากชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม หุ่นล้ำแบบที่มองแล้วนึกไปถึงรูปปั้นเดวิด เสียแต่เจ้าตัวดันถูกใจจมูกหมูของชาติแรกๆ ทำให้มองอย่างไรก็เป็นได้เพียงชายหนุ่ม(เกือบ)หล่อ เจ้าของโต๊ะที่เธอยึดเนื้อที่มาซะครึ่งหนึ่ง

     

    "หนูเบื่อจังเลยค่ะ พี่1963" นี่เป็นอีกเรื่องที่ธุวพรขัดใจ เพราะพนักงานที่หน่วยกลางจะถูกเรียกด้วยลำดับตัวเลข ส่วนชื่อเฉพาะจะมีสำหรับเทพผู้เป็นหัวหน้าเท่านั้น

     

    แล้วคนที่สุดแสนจะภาคภูมิใจกับชื่อตัวเอง ที่ทั้งไพเราะเพราะพริ้ง แถมมีความหมายที่สมตัวเธอที่สุดว่า...ผู้เป็นเลิศตลอดกาล จะถูกเปลี่ยนไปเรียกว่า9669 หรือ44440(ที่คนลิ้นไก่สั้นอาจออกเสียงเพี้ยนเป็นซี้ๆๆๆ สูญ’) ซึ่งไม่เข้ากับสาวสวยอย่างเธอเป็นที่สุด

     

    เรื่องอยุติธรรมแบบนี้ เธอยอมรับไม่ได้!!!!

     

    เจ้าของชื่อ1963 ณ เวลานี้ ซึ่งเป็นชายหนุ่มผู้โชคดีจำนวนน้อย ที่มีโอกาสเรียกชื่อเล่นอันแสนน่ารักของเธอ ยิ้มปลอบใจ "อย่างนั้นพี่หาชุดใหม่ให้เอาไหมครับ"

     

    ผู้ช่วย(ตัวจริง)ของท่านกามเทพ ที่ตอนนี้ได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลธุวพรเสนอขึ้น เนื่องจากคิดว่าหญิงสาวจะพอใจเหมือนตอนแรกที่เขาตั้งจิตเปลี่ยนชุดกระโปรงของเธอเป็นสูทหรู จนเขาได้รับอนุญาติให้เรียกชื่อเล่นของเจ้าหล่อนก่อนหัวหน้าซะอีก

     

    แต่อารมณ์ ความคิดของวิญญาณที่หลุดออกจากร่างด้วยความผิดพลาด ดูจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก เพราะแทนที่คุณหนูคงสวยจะยิ้มแย้มแจ่มใส กลับเบ้ปากน้อย (พอให้คนเห็นรู้ว่าไม่พอใจ แต่ไม่ดูน่าเกลียดเกินไป) "ไม่เอาหรอกค่ะ ตอนนี้หนูไม่มีอารมณ์"

     

    อดีตหนุ่มหล่อชาวกรีซในชาติก่อนเลยได้แต่เกาศีรษะ เพราะตอบไม่ได้เหมือนกัน หมุนเก้าอี้กลับไปทางจอโปร่งใสบนโต๊ะของตนเองเพื่อทำงานต่อ

     

     

    "ทำไมที่นี้งานมันน่าเบื่อจังคะ" เสียงหวานถามขึ้น หลังจากนั่งเท้าคาง มองเจ้าของโต๊ะทำงานมาได้สักพัก

     

    ตัวหนังสือที่แสดงอยู่บนหน้าจอดูคล้ายภาษาต่างดาว แต่ก็แปลกจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่เธออ่านได้ว่าทั้งหมดเป็นรายชื่อคน "...ไปที่ไหนๆก็มีแต่รายชื่อ" พูดขึ้นหลังจากนึกย้อนไปถึงกระดาษหลายตั้งที่กองอยู่ในห้องของท่านยมบาล ซึ่งล้วนแต่เป็นรายชื่อแทบทั้งนั้น

     

    "ทอฟฟี่ต้องเข้าใจก่อนนะครับ ว่าที่เขตกลางนี้ เป็นจุดเชื่อมของสามโลก ที่มีดวงจิตผ่านไปมาตลอด เราจึงต้องตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าผิดพลาดไปเพียงดวงจิตเดียว อาจส่งผลกระทบไปทั้งสามโลกได้" 1963อธิบายไป มือก็พิมพ์งานไป

     

    "...ทุกอย่างพระพรหมท่านกำหนดมา แล้วพวกผู้ช่วยก็จะส่งให้หน่วยงานต่างๆนำไปปฏิบัติ แม้แต่เรื่องอากาศ ฝ่ายอุตุนิยมของท่านวรรษชล ท่านอุสรา และท่านศุวิล ก็จะรับสร้างภูมิอากาศต่างๆในแต่ละวัน แต่ละที่บนโลกมนุษย์ ตามคำสั่ง

     

    หรือภัยธรรมชาติ ที่เป็นงานของฝ่ายธรณีของท่านปฐพี...คู่แค้นของท่านมุราชนม์" เสียงพูดประโยคหลังเบาลง ก่อนจะยกมือป้องปากและกระซิบเสียงเบา เหมือนลูกน้องที่กำลังนินทาเจ้านาย

     

    "...สองท่านนี้ไม่ถูกกัน เพราะเวลามีภัยธรรมชาติแล้วคนและสัตว์ตายมากๆ ฝ่ายที่ดูแลคนตายอย่างศาลชีวิตจะทำงานหนักมากๆ"

     

    หญิงสาวที่ทำหน้าเซ็งอยู่ ดูกระตือรือร้นขึ้น...เรื่องนินทากับผู้หญิงเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะหญิงสาวไฮโซแบบเธอด้วยแล้ว!

     

    แต่ก่อนจะหลงประเด็นไปไกลจนธุวพรรู้จักเทพหมดเขตแดนพิเศษ ผู้ช่วยเทพหนุ่มก็กลับเข้าเรื่องงานที่คุยค้างไว้ "และเมื่อได้'ลิขิต'มา หน่วยต่างๆก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ตอนนี้ยังดีที่ผู้ช่วยใหม่ๆเอาคอมพิวเตอร์จากโลกมนุษย์มาดัดแปรง ช่วยในการเก็บข้อมูล แต่ก็มีผู้ช่วยยุคเก่าที่ยังใช้กระดาษและเก็บใส่แฟ้มอยู่

     

    อย่างนี้ท่านมุราชนม์คงแก่กว่าท่านกันดิสมากซินะคะวิญญาณสาวที่ได้รับสิทธิพิเศษในตอนนี้ถามขึ้น เมื่อนึกเปรียบเทียบห้องทำงานของเทพทั้งสองที่แตกต่างกันมาก ทั้งที่ภายนอกทั้งสองดูเหมือนหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆทั้งคู่

     

    อีกฝ่ายหยุดมือที่ทำงานอยู่ หันมานั่งคุยเป็นกิจลักษณะ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมและคงไม่ปล่อยให้เขาทำงานแบบเงียบๆแน่

     

    อายุจริงๆของพวกท่าน พี่ก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่ที่เคยฟังเขาเล่ากัน เห็นว่าเป็นรุ่นเดียวกัน แต่งานของท่านมุราชนม์อยู่แต่ที่เขตกลางเท่านั้น ไม่มีโอกาสไปที่อื่นนัก ตรงข้ามกับท่านกันดิส ที่งานของท่านอยู่ที่โลกมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ ท่านเลยซึมซับบางสิ่งบางอย่างมาจากที่นั้น แล้วก็เอามาปรับใช้ในงาน

     

    เรื่องไปโลกมนุษย์ทำให้นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างอย่างสนใจ เธอมัวแต่ตื่นตากับสิ่งแปลกใหม่และความสะดวกสบายที่ได้พบ จนลืมนึกไปเลยว่าหลังจากเธอตายแล้วจะเกิดอะไรกับคนรอบข้างเธอบ้าง

     

    คุณพ่อและคุณหญิงแม่คงเสียใจที่ลูกสาวคนเดียวจากไปเร็วแบบนี้ แล้วยังหนุ่มๆที่เข้าคิวรอให้เธอเลือกควงเล่นอีกล่ะ

     

    คิดแล้วก็ยิ่งเสียดาย โดยเฉพาะเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าชุดใหม่ที่เพิ่งไปซื้อมา...อุตส่าห์ไปเค้นคอพี่ที่รู้จักกันให้ส่งมาให้เธอเป็นพิเศษ ยังไม่ได้ใส่ไปอวดให้บรรดาลูกสาวของคุณหญิงป้าทั้งหลายอิจฉาเล่นเลย

     

    โอ้ย! ยิ่งคิดยิ่งแค้น เพราะไม่รู้ป่านนี้แม่พวกนั้นจะว่าอย่างไร ที่ไม่ต้องออกแรงอะไร ดาวสังคมเบอร์หนึ่งอย่างเธอก็พ้นทางมาได้

     

    พี่คะ! ทอฟฟี่อยากกลับไปดูที่บ้านเอ่ยเสียงแข็งด้วยความเคยชินกับการออกคำสั่ง

     

    ก่อนจะแผ่วลงเมื่อนึกได้ว่าเธอยังต้องอาศัยอีกฝ่าย เพราะเธอไม่รู้วิธีกลับไปยังโลกมนุษย์ “...ไม่รู้ครอบครัวหนูจะว่าเสียใจกันขนาดไหนนิ้วเรียวที่เล็บเคลือบไว้อย่างดีค่อยกรีดหยดน้ำที่หางตา ด้วยท่วงท่าที่ไม่ว่าใครมาเห็นก็อยากสับน้ำตาให้เธอ พร้อมยอมทำทุกอย่างที่หญิงสาวเอ่ยปาก

     

    แม้แต่วิญญาณหนุ่มตรงหน้าก็เช่นกัน ยังอดใจอ่อนกับใบหน้าเศร้าๆนั้นไม่ได้ วิญญาณที่มาที่นี้แล้ว จะกลับลงไปโลกมนุษย์ได้ก็ต่อเมื่อลงไปเกิดใหม่เท่านั้นครับ ยกเว้นลงไปทำงาน แต่ก็ต้องเป็นผู้ช่วยที่ทำงานมานานจนเป็นที่ว่างใจของหัวหน้างาน หรือได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากคณะกรรมการกลางเท่านั้นครับดังนั้น ต่อให้อยากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถช่วยเธอได้

     

    “...แต่ถ้าน้องทอฟฟี่อยากรู้ ลองขอให้ท่านกันดิสช่วย ท่านคงเต็มใจไปดูความเป็นอยู่ของครอบครัวน้องทอฟฟี่ให้นะครับเสียงปลอบดังขึ้นเมื่อเห็นหน้าสวยๆงองิกลงเรื่อยๆ

    คนที่อยากลงไปเองมากกว่ากอดอกอย่างขัดใจ แล้วหัวหน้าของพี่ไปไหนล่ะค่ะ เอาหนูมาทิ้งไว้หน้าคอมที่มีแต่รายชื่อใครก็ไม่รู้ แล้วก็หายทั้งหัวทั้งตัวไปเลย

     

    ...เธอคงไม่หงุดหงิดเท่านี้ ถ้ารายชื่อตรงหน้ามีคนที่เธอรู้จักบ้าง อย่างน้อยเธอจะได้รู้ว่าใครแอบเป็นแฟนกับใครอยู่บ้าง หรืออนาคตคู่ไหนจะปิ๊งปั๊งกัน จะได้เอาไปเมาท์ถูก

     

    หรือหนุ่มหล่อคนไหนมีคู่อยู่แล้ว เธอจะได้ไม่เสียเวลาชายตาแล ไม่ก็แสดงรายชื่อหนุ่มโสดหล่อ รวย นิสัยดี ที่ยังไม่มีใครจองให้ดูเป็นบุญตาบ้าง

     

    จะให้ดี น่าจะมีชื่อเนื้อคู่ของเธอด้วย

     

    เสียงกระแอมจากด้านหลังทำให้หญิงสาวต้องยอมรับว่าพวกเทพคงอายุยืนจริงๆ หรืออาจจะไม่มีวันตายก็ได้ เพราะบ่นไปทันเหนื่อย กามเทพหนุ่มก็มายืนอยู่ข้างหลังพวกเธอแล้ว

     

    เรื่องที่โลกมนุษย์คงต้องเอาไว้ก่อนนะประโยคแรกบอกให้รู้ว่าผู้พูดมายืนได้ครู่ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมา หากเธอไม่รู้ตัว “...เพราะตอนนี้เจ้าต้องไปพบท่านมุราชนม์พร้อมเรา

     

    ก่อนหันยิ้มให้ลูกน้องหนุ่มอย่างเห็นใจ เนื่องจากเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องเผชิญกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆยิ่งกว่าคลื่นในทะเลเวลามีพายุเสียอีก เมื่อต้องอยู่กับวิญญาณสาวตามลำพัง เพราะเพื่อนร่วมงานรายอื่นๆค่อยๆทยอยหนีไปข้างนอกหลังจากพูดคุยกับธุวพรได้ไม่นาน

     

    แค่ช่วงที่พาเจ้าหล่อนเดินดูบริเวณรอบๆ เพื่อไม่ให้ธุวพรเบื่อจนออกอาการอาละวาด เทพอย่างเขายังต้องเสกเวทรักษาอาการประหลาดที่เกิดกับขมับทั้งสองข้างอยู่หลายรอบ

     

    แล้วลูกน้องของเขาที่เป็นเพียงวิญญาณธรรมดาที่ใช่เวทไม่ได้ ไม่ล้มป่วยลงไปก็ดีเท่าไรแล้ว

     

    เพราะฉะนั้นเรื่องพูดคุย นินทานายเล็กๆน้อยๆแบบนี้เขาไม่ถือสา

     

    ...เรื่องแบบนี้บนโลกมนุษย์ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ คู่รักบางคู่ที่เขาช่วยให้รักกันก็เริ่มความสัมพันธ์จากเรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นบ่อย แบบฝ่ายหญิงกำลังนินทาฝ่ายชาย(ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องจริง) แล้วเจ้าตัวเกิดมาได้ยินพอดี ทำให้เกิดความประทับใจแรกพบ(ที่ไม่น่าจดจำ)...

     

    หญิงสาวที่นั่งหน้างอรีบสปิงตัวลุกขึ้น นัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง “...ท่านฯบาลแก้ปัญหาให้ฉันได้แล้วใช่มั้ยค่ะ แหม! ความจริงไม่เห็นต้องคิดมากเลย ส่งวิญญาณฉันกลับเข้าร่างตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง หรือไม่ก็ส่งขึ้นสวรรค์ไปเลย

     

    คำหลังที่เอ่ยอย่างมั่นใจเต็มที่ว่าตัวเองทำความดีมากกว่าความชั่วทำให้ท่านกันดิสแทบสำลักน้ำลาย ขณะที่ลูกน้อง อดีตหนุ่มกรีกกรอกตาไปมาอย่างจนคำพูด

     

    .......................................................................

     

    "ตกลงว่าพวกคุณจะเอาอย่างไงคะ" คนใจร้อนถามขึ้นทันทีที่ประตูเปิด และตัวเธอเดินเข้าไปในห้องที่ตอนนี้ก็ยังเต็มไปด้วยอกสารต่างๆ แต่ดีขึ้นมาครั้งแรกที่เธอมาเห็นเล็กน้อย เพราะกองกระดาษอยู่เฉพาะบนโต๊ะทำงาน กับตู้สำหรับใส่เอกสารเท่านั้น

     

    ธุวพรเดินตามท่านกันดิสไปนั่งที่เก้าอี้ที่เคยใช้วางรายชื่อคนใกล้ตาย พลางถามย้ำอีกครั้งเมื่อเจ้าของห้องยังเงียบ "ว่าอย่างไงคะ ท่านฯบาล"

     

    ผู้ดำรงตำแหน่งยมบาลสะดุ้งกับคำเรียก ที่อย่างไรเขาก็ยังไม่ชินซักที แต่เมื่อรู้ดีว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจหญิงสาว จึงได้แต่มองด้วยนัยน์ตาวาว

     

    "นั่นซิ ท่านมุราชนม์ ตกลงจะให้ธุวพรมาเป็นผู้ช่วยเรา หรือจะส่งไปไหน" เทพหนุ่มคนกลางรีบดึงความสนใจของทั้งสองมาที่ตน เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะมอดไหม้เพราะนัยน์ตาสีแดงเพลิงของเทพผู้พิพากษาไปเสียก่อน

     

    "เราได้ตรวจสอบประวัติของเจ้าโดยละเอียดแล้ว" ผู้พูดมองหน้าหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้อง แล้วถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม "...ผลปรากฏว่า เวลานี้เจ้ามีความดีน้อยกว่าความชั่ว" มากๆ...คำสุดท้ายเขาละไว้ในใจ เพราะนึกสงสาร ไม่อยากพูดออกมาให้สะเทือนใจอีกฝ่าย

     

    เทพหนุ่มทั้งสองสบตากัน แล้วพร้อมใจกันเสกเวทปิดโสต เตรียมรับเสียงกรีดร้อง ตีโพยตีพายของหญิงสาว แต่ปฏิกิริยาที่ได้คือเสียงหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขัน ฮะๆๆ ขนาดงานยุ่ง ท่านฯบาลยังมีอารมณ์ขันล้อเล่นอีก

     

    ธุวพรสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ไหล่บางยังสั่นน้อยๆเนื่องจากพยายามกลั้นหัวเราะ บอกมาเถอะค่ะ ว่าจะส่งฉันกลับโลกมนุษย์หรือขึ้นสวรรค์

     

    นัยน์ตาสีทองและสีแดงมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิท เอ่ยย้ำเสียงหนักให้รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ถ้าถือตามข้อมูลที่ได้มา เราคงต้องส่งเจ้าไปทำงานใช้กรรมในนรก

     

    นรก!!!!!!!!เสียงร้องดังและมีพลังขนาดที่สั่นสะเทือนกองเอกสารให้ล้มลงมาได้ แต่เทพหนุ่มทั้งสองไม่ได้สนใจ เพราะความปลอดภัยของตนสำคัญกว่า เมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืน เต้นเร้าๆ สายตาก็มองหาข้าวของหนักๆสำหรับขว้างปาระบายอารมณ์ เหมือนที่เคยทำเวลาอยู่บ้านแล้วมีคนขัดใจ

     

    หากแต่เจ้าของห้องรู้ทัน ของที่ใหญ่กว่าฝ่ามือ หรือหนักกว่ากระดาษแผ่นเดียว จึงหายวับไปด้วยความไวแสง

     

    ส่วนผู้ที่คุ้นชินกับนิสัยของกับหญิงสาวมากกว่าสร้างเกราะใสไว้รอบตัว และขัดขึ้นก่อนที่เพื่อนร่วมชะตากรรมจะเสกอะไรมาปิดปากต้นเสียง ซึ่งจะทำให้เรื่องยุ่งกว่าเดิม

     

    "เจ้าใจเย็นๆก่อน ธุวพร...มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ท่านมุราชนม์ ในเมื่อเราเคยเห็นชื่อของธุวพรอยู่ในกลุ่มที่จะมาทำงานที่นี้นี่น้า" ประโยคหลังหันไปทางเจ้าของห้องที่นั่งประจันหน้าอยู่กับวิญญาณสาว

     

    แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ฝ่ายที่ไม่ใช่เทพคนเดียวในที่นี้ก็คว้าคอเสื้อเชิ๊ตสีเทาที่เรียบกรึบเสมอขึ้นมาจนนัยน์ตาสีนิลและสีแดงทองประสานกัน แล้วถามเสียงเหี้ยม

     

    ลืมสนิทว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ที่มีอำนาจตัดสินชะตาชีวิตหลังความตายของเหล่าวิญญาณทุกดวง "หมายความว่าอย่างไง รีบอธิบายมาให้ละเอียดเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะอาละวาดและป่าวประกาศให้รู้ทั้งสามโลกเลย ว่าท่านฯบาลทำงานพลาด แล้วคิดปิดปากฉันโดยการส่งไปไกลๆกันดาลๆ แล้วอีกหน่อยก็คงส่งมือปืนไปฆ่าปิดปาก" ดูเหมือนคุณหนูขาวีนจะโมโหจนลืมไปว่าตอนนี้เธอตายแล้ว

     

    จะขำก็ขำไม่ออกกับอาการสติแตกของสาวสวยที่กำลังจะขย้ำคอเขา เทพหนุ่มจึงเอ่ยเสียงเรียบ พลางดึงเสื้อของตนออกจาการเกาะกุม "เจ้าใจเย็นๆก่อน เราแค่บอกผลการตรวจสอบเท่านั้น แต่ยังไม่ได้บอกเลยว่าเราตัดสินใจจะส่งเจ้าไปที่ไหนแน่"

     

    "อ้าว! ก็เมื่อกี้ท่านพูดว่าจะให้ฉันไปนรก" น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง แล้วหันไปทางกามเทพหนุ่มที่ยืนถอยห่างออกมา อย่างขอคำยืนยัน "...ใช่มั้ย ท่านกันดิส"

     

    เมื่อเห็นฤทธิ์ของธุวพรแล้ว คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ผู้ที่ถูกเรียกตัวเป็น'พยาน'พยักหน้ารับ แล้วรีบหลบสายตาวาวๆของ'จำเลย'

     

    ได้แต่นึกขออภัยในใจ...ตอนนี้ช่วยตัวเองไปก่อนนะ ท่านมุราชนม์

     

    เมื่อทำอะไรไม่ได้กับต้นเรื่องตัวจริงที่มาวุ่นวายกับเอกสารจนหญิงสาวเจ้าปัญหาหลงมาที่นี้ก่อนเวลาอันควร ท่านยมบาล(ขอย้ำว่ายมบาล หรือท่านยมฯ ไม่ใช่ท่านฯบาล)ก็เอ่ยสั่งด้วยเสียงทรงอำนาจ พลางทรุดตัวลงนั่งตามเดิม "เจ้านั่งฟังเราเงียบๆ แล้วก็ใจเย็นๆ"

     

    เมื่อผู้มาเยือนทั้งสองนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงพูดช้าๆชัดๆ ป้องกันการเข้าใจผิดอีก "...การที่ตรวจสอบที่เราบอกเมื่อครู่ เป็นผลการตรวจความดีความชั่วของมนุษย์นามธุวพรตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ผลก็อย่างที่บอก"

     

    "ตรวจผิดหรือเปล่าคะ ฉันทำความดีออกบ่อย ทั้งทำบุญ บริจาคของให้มูนิธิต่างๆ ทั้งเพื่อนเด็ก เพื่อนสัตว์ แล้วก็มีน้ำใจกับเพื่อน..." กำลังจะร่ายคุณสมบัติของตัวเอง ชนิดที่นางงามคนไหนก็ไม่มีทางสู้ แล้วอยู่เสียงของเธอก็หายไป

     

    เจ้าของผลงานมองหญิงสาวที่อ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาทอง ที่ปากขยับแต่ไม่มีเสียงออกมา แล้วหันไปสบนัยน์ตาสีทองและแดง ที่ขณะนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงไปทั้งสองข้าง เป็นเชิงให้อีกฝ่ายอธิบายต่อ

     

    "ความดีของเจ้าที่ตรวจพบมีเพียงการแบ่งปันสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่เจ้าไม่ต้องการแล้วให้ผู้อื่น แถมจุดประสงค์ก็เพื่อสร้างภาพพจน์ดีๆ มากกว่าจะเป็นการทำโดยสุจริตใจ ซึ่งจะเรียกว่าการทำความดี เรายังเรียกได้ไม่เต็มปากเลย"

     

    "...ในขณะเดียวกัน เจ้าชอบดูถูกผู้คน ใช้วาจาทำร้ายคนอื่นทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ บุพการีเองเจ้าก็ไม่ละเว้น"...ศรจากท่านยมบาลดอกที่หนึ่งปักที่อกอวบอิ่มข้างขวา

     

    "แย่งผลงานคนอื่น โกหก บิดเบือนความจริงเพื่อความพอใจของตัวเอง"...ลูกศรดอกต่อมาปักเข้าที่หน้าท้องแบนราบ

     

    และเทพหนุ่มร่างผอมบางยังกระหน่ำยิงศรเข้าใส่หญิงสาวไม่ยั้ง "...ที่บอกว่ารักสัตว์และเด็ก เจ้าก็เลือกปฏิบัติเฉพาะสัตว์ลี้ยงตัวเอง สัตว์ที่เจ้ารังเกียจก็สั่งให้คนอื่นฆ่าให้โดยไม่กลัวบาป กับเด็ก เจ้าก็เอาใจเฉพาะลูกของคนที่มีหน้าตามีฐานะ แล้วก็ทำเฉพาะต่อหน้าพ่อแม่เด็กเท่านั้น เจ้ามีนิสัยเอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว นินทาว่าร้าย"

     

    และดอกสุดท้ายปักลงที่ขั้วหัวใจ "ที่สำคัญ เจ้าชอบแย่งคนรักของคนอื่น และเหยียบย่ำความรักที่คนอื่นมอบให้ มีผู้คนมากมายที่ต้องโศกเศร้าเสียใจกับการกระทำของเจ้า ทั้งเหล่าหญิงสาวที่ผิดหวังจากความรัก ชายหนุ่มที่เข็ดกับความรัก"

     

    ซึ่งคุณสมบัติข้อสุดท้ายนี้เอง ที่เทพหนุ่มที่ผู้ทำหน้าที่ดูแลให้คนรักกัน แผลงศรเข้ากลางหน้าผากของธุวพร "ทำไมเจ้าเลวแบบนี้เนี่ย"

     

    ก็ผู้ชายมาชอบฉันเอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่คนสองคน แต่มีตั้งเยอะ แล้วจะให้ฉันรับรักทุกคนหรือไงล่ะ" คน(ในอดีต)ที่ผิดแล้วยังไม่ยอมรับ ย้อนถามด้วยคำถามที่อีกฝ่ายเถียงไม่ออก

     

    เมื่อเห็นเทพทั้งสองเงียบไป ริมฝีปากบางก็แย้มยิ้มอย่างเป็นต่อ ทำเป็นลืมๆคุณสมบัติข้ออื่นๆก่อนหน้านี้เพราะไม่รู้จะแก้ตัวว่าอย่างไร "เห็นไหมคะ ข้อมูลพวกนี้มันไม่จริงซะหน่อย"

     

    "แต่จากการตรวสอบเพิ่มเติม" เจ้าของห้องตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อเจ้าตัวไม่คิดจะรับฟังความผิดของตน

     

    โดยไม่สนใจค้อนวงใหญ่ที่หญิงสาวส่งมาให้ และสายตาที่อ่านได้ว่า...เถียงไม่ออกล่ะซิ

     

    "...เราพบว่าชะตาชีวิตเดิมของเจ้า เมื่อเจ้าได้แต่งงานและครองคู่กับเนื้อคู่ของเจ้า นิสัยของเจ้าจะเปลี่ยนไป และช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่เจ้าได้สร้างความดีเพิ่มขึ้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เมื่อยามที่หมดอายุขัย เจ้าน่าจะมีความดีและความชั่วใกล้เคียงกัน และมีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่เขตกลางนี้"

     

    "ปัญหาก็เลยเกิดขึ้น เพราะท่านไม่รู้ว่าจะส่งธุวพรไปที่นรก หรือจะให้เธอทำงานที่นี้ใช่มั้ย" เทพหนุ่มที่ร่วมฟังอยู่ด้วยถามขึ้น และได้รับคำตอบเป็นความเงียบ ซึ่งหมายความท่านมุราชนม์ไม่ปฏิเสธ

     

    "แล้วทำไมพวกท่านไม่ส่งฉันกลับเข้าร่างเดิมล่ะ" หญิงสาวถามขึ้น แม้จะยังงงๆกับชะตากรรมของตัวเองอยู่

     

    แล้วก็หน้าร้อนผ่าวเมื่อดวงตาสีทองหรี่ลง เหมือนกับมองเด็กนักเรียนที่ถามคำถามโง่ๆที่อ่านหนังสือในมือเอาก็ได้ ไม่ต้องถามครู "ถ้าเจ้าไม่กลัวว่าจะมีคนเอาเจ้าไปทดลอง เพราะอยู่ๆคนที่ตายแล้วก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ เราก็ยินดีจะส่งเจ้ากลับไปร่างเดิมหรอกนะ"

     

    นึกภาพตัวเองนอนอยู่บนเตียงเหล็ก ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และมีคนใส่ชุดผ่าตัดปิดจมูกปิดปาก ค่อยๆลงมือกรีดที่ผิวบางๆของเธอแล้ว ธุวพรก็ส่ายหน้าพรึด "ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันเกรงใจ"

     

    "แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ ท่านมุราชนม์" เสียงเอ่ยกลั่วหัวเราะจากกามเทพหนุ่ม เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวแบบที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากสาวมั่น

     

    มีสองทางเลือกนัยน์ตาต่างสีทอดมองวิญญาณสาวอย่างระแวดระวัง เผื่อว่ามีการอาละวาดรอบสอง เขาจะได้รับมือทัน “...ทางแรก เจ้าต้องไปชดใช้กรรมในนรก จากนั้นก็ไปเกิดใหม่เหมือนเช่นวิญญาณอื่นๆที่จบชีวิตในแต่ละชาติแล้ว

     

    เว้นจังหวะเล็กน้อย แต่ดูจากสีหน้าของผู้ฟังแล้ว หญิงสาวคงไม่เลือกทางนี้หากไม่จำเป็น “...ทางเลือกที่สองคือ เจ้าต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงเวลาที่ชะตาเจ้าขาดจริงๆตามลิขิต เราจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่

     

    การเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่สบายหรอกนะธุวพรเสียงนุ่มฟังรื่นหูแย้งขึ้น เมื่อเห็นริมฝีปากได้รูปที่เคลือบสีสวยขยับ คล้ายจะตอบรับทางเลือกหลัง “...เพราะที่ๆเจ้าอยู่ได้มีเพียงโลกมนุษย์ และที่นั้นจะไม่มีใครเห็นเจ้า ยกเว้นวิญญาณด้วยกันเท่านั้น

     

    เจ้าจะไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไร นอกจากหายตัวได้ ไม่สามารถสัมผัสสิ่งต่างๆรอบตัว ได้แต่เฝ้าดูเท่านั้น เพราะนี้เป็นการใช้กรรมอย่างหนึ่ง โดยการที่ต้องทนกับความอ้างว้าง

     

    ...สมองน้อยๆแต่มีรอยหยักมากที่บรรจุอยู่ในศีรษะได้รูปสวยนึกไปถึงใครบางคนทันทีที่ได้ยินคำว่า จะไม่มีใครเห็นเจ้า

     

    แต่ฉันมีคนรู้จักที่เห็นแล้วก็คุยกับคนตายได้นะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่เหงาเท่าไรเสียงหวานเอ่ยสิ่งที่อยู่ในความคิดออกไป เรียกความสนใจจากเทพทั้งสองในที่นี้ได้ทันที เพราะมีคนเพียงส่วนน้อยจริงๆที่จะมีความสามารถแบบนี้

     

    แล้วอยู่ๆความคิดบางอย่างก็สว่างวาบขึ้นมาสำหรับผู้ที่ต้องการผู้ช่วยเพิ่ม ท่านมุราชนม์ เรามีความคิดดีๆ ที่จะทำให้ธุวพรได้ชดใช้ความผิดได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องไปทำงานในนรก และไม่ต้องอยู่รอเวลาไปเปล่าประโยชน์อีกนับสิบปี

     

    ว่าไป ท่านกันดิสร่างผอมสูงโน้มตัวมาข้างหน้าด้วยความสนใจทันที ตอนนี้ถ้ามีทางเลือกอะไรที่พอจะทำให้วิญญาณสาวตอบรับอย่างสงบ โดยไม่ผิดกฎระเบียบมากนัก เขาก็ยินดี

     

    จุดมุ่งหมายของเขาในตอนนี้คือ ส่งเธอออกไปจากเขตกลางได้เร็วเท่าไรยิ่งดี

     

    เราจะให้ธุวพรมาทำงานเป็นผู้ช่วยเรา โดยรับผิดชอบให้ชักนำเนื้อคู่ให้มาเจอกันข้อเสนอที่ดูจะมีประโยชน์กับตัวเอง และไม่สร้างความลำบากให้หญิงสาวนัก แต่อีกฝ่ายที่เหลือฟังอย่างไรก็ไม่เห็นทางที่จะปฏิบัติให้เป็นจริงได้

     

    เสียงแย้งอย่างไม่แน่ใจดังขึ้น ตามกฎ วิญญาณที่ไม่เป็นกลาง ความดีและความเลวยังเลื่อมล้ำกัน ไม่มีสิทธิปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เขตกลางนี้ และเราก็ไม่เห็นทางเลยว่าวิญญาณที่ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้คนได้ จะทำหน้าที่ผู้ช่วยของกามเทพได้อย่างไร

     

    เรื่องนี้ไม่ยากค่ะ ฉันทำเองไม่ได้ แต่สั่งให้คนอื่นทำแทนได้นี่คะอดีตคนหัวไวตอบแทน หลังจากประติดประต่อเรื่องราวได้ “...ฉันสามารถติดต่อให้คนรู้จักที่มองเห็นวิญญาณช่วยเหลือฉันได้ ใช่มั้ยคะท่านกันดิส

     

    นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบแดงเป็นประกายพราวด้วยความถูกใจ เจ้าฉลาดจริงๆ ธุวพร...ก็อย่างที่ได้ยินนั้นแหละ ท่านมุราชนม์ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไรล่ะประโยคหลังหันไปทางเจ้าของห้องที่มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่

     

    เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ต้องตกลงกันไว้ก่อน ว่าธุวพรจะไปในฐานะวิญญาณเร่ร่อน หรือจะไปในฐานะผู้ช่วยของท่านกันดิส

     

    ยมบาลหนุ่มเอ่ยต่อเมื่อเห็นนัยน์ตาสีดำมองมาอย่างไม่เข้าใจ “...ถ้าวิญญาณเร่ร่อนทำความผิดเพิ่ม โดยการไปยุ่งเกี่ยว หรือก่อปัญหาให้มนุษย์ บาปกรรมจะติดตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ช่วยเทพ ถ้าทำงานพลาด จะเป็นสิทธิของเทพผู้เป็นหัวหน้า ว่าจะตัดสินลงโทษอย่างไร แต่หัวหน้าก็รับผิดชอบเรื่องที่ผู้ช่วยก่อด้วย

     

    ฉันขอเป็นผู้ช่วยท่านกันดิสดีกว่า นะคะเสียงหวานออดอ้อนว่าทีหัวหน้าเพราะพิจารณาดูแล้ว โอกาสที่เธอจะพลาดมีสูง ถึงจะไม่อยากยอมรับก็ตาม

     

    เพราะนิสัยเธอ บางครั้งก็เผลอแกล้งคนที่เธอไม่ชอบหน้าเล็กๆน้อยๆ แต่มีจำนวนไม่น้อย

     

    ดังนั้น ยอมรับการลงโทษจากเทพที่ดูใจดีอย่างท่านกันดิส น่าจะดีกว่ามีความผิดติดตัวเพิ่ม ทำให้เธอต้องทนอยู่ในสภาพนี้นานขึ้นอีก

     

    ถ้าเป็นลูกน้องเรา เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของเราอย่างเคร่งคัด เจ้าจะทำได้ไหม ธุวพรเสียงนุ่มๆ และใบหน้ายิ้มๆ ทำให้หญิงสาวพยักหน้ารับ

     

    และทันทีที่สิ้นเสียงคำตอบรับ ค่ะแสงสีฟ้าสลับชมพูก็รายล้อมรอบตัวธุวพร ก่อนที่แสงเหล่านั้นจะค่อยๆไปรวมกันอยู่ที่ติ่งหูทั้งสองข้างของเธอ และเมื่อแสงจางหายไป ก็ปรากฏต่างหูพลอยกลมๆที่ติ่งหู โดยข้างหนึ่งมีสีฟ้าและอีกข้างสีชมพู

     

    ทันทีที่ตั้งสติได้ หญิงสาวก็รีบหยิบกระจกพับที่ติดตัวไว้ขึ้นมาส่อง ก่อนจะทำหน้าเบ้น้อยๆแต่พองาม เชยจังค่ะ ท่านกันดิส ปกติถ้าฉันไม่ใช้ของที่มีแบรด์ มันก็ต้องเป็นของสั่งทำพิเศษนะคะ

     

    บ่นพลางเอียงหน้าซ้ายขวาเพื่อให้เห็นต่างหูคู่ใหม่ชัดๆ ก่อนจะหันมาเปรียบเทียบการแต่งตัวของสองเทพหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์ ท่านก็มีความคิดก้าวหน้าดีออก อย่างการเอาคอมพิวเตอร์มาประยุกค์น่ะ แต่ทำไมไม่เอามาใช้กับรสนิยมเรื่องการแต่งกายแบบท่านฯบาลบ้างล่ะค่ะ

     

    เพราะขณะที่เทพหนุ่มที่มีหน้าที่ตัดสินชะตาชีวิตหลังความตายแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตเรียบกรึบ และกางเกงขายาวสีเทาเหมือนสีผม ทำให้เจ้าตัวดูภูมิฐานเหมือนนักธุรกิจหนุ่ม

     

    เทพที่ดูแลเรื่องความรัก กลับแต่งกายด้วยเสื้อยืดแขนสั้นเพนท์ลายเป็นตัวอักษรสีสันแสบตา กับกางเกงยีนส์สีขาวมอๆ...

     

    เพื่อตัดความรำคาญ...ก่อนที่เพื่อนและอาจลามมาถึงตัวเขาเอง จะถูกหญิงสาวปรับโฉมเสียใหม่ให้ดูดีตามความคิดของหล่อน คนที่รสนิยมด้านแฟชั่นดีกว่าจึงดีดนิ้วหนึ่งที

     

    ...ต่างหูข้างซ้ายที่มีสีชมพูก็เปลี่ยนจากทรงกลมเป็นรูปหัวใจ และข้างขวาก็กลายเป็นต่างหูระย้าที่มีสายสีเงินยาวลงมาถึงระดับคาง ตรงปลายเป็นพลอยสีฟ้าที่มีลูกทรงเหมือนศรกามเทพ

     

    แบบนี้ค่อยดูสร้างสรรค์หน่อยคุณหนูผู้เอาแต่ใจยิ้มร่าเมื่อเห็นต่างหูแบบใหม่ สายตาที่มองไปยังผู้ออกแบบมีประกายชื่นชมอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอนึกแช่งชักหักกระดูกอีกฝ่ายในใจ “...ตอนแรกฉันนึกว่าท่านมุราชนม์เนี่ย เคยเป็นพวกผู้พิพากษาหรือไม่ก็ทนายมาก่อน แต่ความจริงท่านต้องเคยเป็นดีไซเนอร์มาก่อนแน่ๆเลย

     

    ก่อนจะนอกเรื่องจนกู่ไม่กลับ เทพหนุ่มที่ถูกลืมไปชั่วขณะที่กระแอมขัดขึ้น

     

    ต่างหูคู่นี้จะใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างเจ้ากับเรา เมื่อเจ้ากลับไปยังโลกมนุษยืแล้ว และก็จะคอยควบคุมไม่ให้เจ้าทำผิดกฏด้วย หวังว่าเราคงไม่ต้องใช้คุณสมบัติข้อหลังนะรอยยิ้มที่มุมปากและเสียงเย็นๆของเทพหนุ่มที่ดูอารมณ์ดีเสมอ ทำธุวพรกลืนน้ำลายเอื๊อก ชักไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือเปล่าที่เลือกทางนี้

     

    ...ท่านกันดิสจะเอาคืนที่เธอไปวิจารณ์เรื่องเสื้อผ้าหรือเปล่านะ!

     

    แต่เมื่อเปลี่ยนใจไม่ทันแล้ว หญิงสาวก็ถามเรื่องงานที่เธอต้องทำทันที แล้วจะให้ฉันเริ่มงานเมื่อไรค่ะ แล้วคนที่ฉันต้องช่วยเป็นกามเทพให้มีใครบ้าง

     

    ใบหน้าที่เรียกว่างดงามมากกว่าหล่อหลา หันไปทางยมบาลหนุ่ม และเมื่ออีกฝ่ายผายมือเป็นเชิงให้สิทธิ์เต็มที่ จึงหันมาทางผู้ช่วยพิเศษคนใหม่ เจ้าจะเริ่มงานได้ต่อเมื่อศึกษาข้อมูลเป้าหมายเพียงพอแล้ว และตกลงกับคนที่จะเป็นสื่อกลางในการทำงานเรียบร้อย

     

    ยมบาลยุคปัจจุบันที่นั่งสังเกตการณ์มีท่าทางอ่อนใจ และอดสงสารวิญญาณสาวไม่ได้เมื่อเห็นนัยน์ตาสีประหลาดมีประกายแบบที่ทำให้ผู้ถูกมองขนลุกซู่ ส่วนเป้าหมายของเจ้า คือ.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×