คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ท่ามกลางความสับสน วุ่นวายและเสียงจอแจที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ทำให้ผู้มาเยือนที่ไม่ได้ทำงาน และไม่ได้มีกิจธุระที่’ศาล’แห่งนี้ ถูกเมินเฉย
นัยน์ตาประหลาดที่เป็นสีฟ้าเหลือบชมพูมองผ่านเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมที่ดูแออัด ขณะที่สาวเท้าเอื่อยไปตามทางเดิน
ภายในห้องมีคนมากมายยืนเรียงแถวกัน สลับกับร่างหลายร่างเดินกวักไกว่ เก้าอี้ที่วางเรียงไว้รอบๆห้องก็มีคนจับจองจนเต็ม
ผู้มาใหม่ละสายตาจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องที่อยู่ตรงข้าม ก็พบสภาพที่ไม่ต่างกัน จึงออกเดินต่อไปเรื่อยๆ
แล้วก็ต้องส่ายหน้าเมื่อห้องที่อยู่ถัดๆมาก็ดูพลุกพล่านไม่แพ้กัน...
‘เขา’ที่ดูจะเป็นผู้ที่ว่างที่สุดในสถานที่แห่งนี้ จึงได้แต่ทอดสายตาไปตามทางเดินที่ดูจะยาวไม่มีที่สิ้นสุด สองข้างทางเป็นผนังทึบสีเทา ที่มีประตูเรียงรายเป็นระยะๆเท่าๆกัน และทุกบานก็มีสัญลักษณ์’ตาชั่ง’ติดไว้ที่หน้าประตู
แม้จะมีห้องอีกจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ไม่จำเป็นต้องเดินไปดูก็รู้ได้ว่า ภายในแต่ละห้องก็มีสภาพใกล้เคียงกัน จะแตกต่างก็เพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
มือเรียวสวยเหมือนคนไม่เคยทำงานหนักมาก่อนยกขึ้นเสยผมที่สีแปลกไม่แพ้ดวงตา คือเป็นสีขาวจางๆจนเกือบใส ที่แม้จะถักเป็นเปียแล้วก็ยังยาวเลยเอวลงไป แล้วชะงักเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ไหล่ซ้าย
“อ้าว! ท่านมุราชนม์ วันนี้ออกมาจากห้องทำงานได้เหรอ” เสียงที่ทุ้ม นุ่ม ฟังสบาย แต่แฝงไว้ด้วยความเย้ายวนแม้ผู้ฟังจะเป็นเพศเดียวกันดังขึ้น เมื่อหันมาพบบุรุษหนุ่ม เจ้าของมือสีน้ำผึ้งสวยแบบที่สาวๆหลายคนใฝ่ฝัน
ฝ่ายที่ถูกทักมีสีหน้าหงุดหงิด แต่ใบหน้าที่ประกอบด้วยริมฝีปากหยักสวย หากบางเฉียบ จมูกโด่งเป็นสัน ที่รับกับค้างเหลี่ยม และนัยน์ตาที่ดูลึกลับน่าค้นหา ที่ข้างหนึ่งมีสีทอง ส่วนอีกข้างสีแดงเพลิง ก็ไม่ได้ลดความน่ามองลงเลย
“เราไม่ไร้มารยาทขนาดไม่ออกมาต้อนรับท่านหรอกนะ” เสียงห้าวที่เปรี่ยมด้วยอำนาจดังขึ้น “...เชิญตามไปที่ห้องทำงานของเราดีกว่า”
ร่างสูงที่บางจนน่ากลัวว่าปลิวไปตามลม แต่ก็ไม่ลดความสง่าในแต่ละย่างก้าว เดินนำออกไปโดยไม่รอคำตอบรับ
ผู้’ไร้มารยาท’ที่มาโดยไม่บอกกล่าวเจ้าของสถานที่ล่วงหน้ายักไหล่ด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ใครที่พบเห็นต้องหยุดมอง จากนั้นจึงเดินตาม’ผู้เป็นใหญ่’ไป
...’ผู้มาเยือน’มองห้องที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆที่ผ่านมาเกือบสามเท่า แต่ดูจะหาพื้นที่สำหรับยืนหรือนั่งได้ยากยิ่งกว่าห้องอื่นเสียอีก เพราะกองเอกสารที่สุ่มๆกันอยู่ ทั้งบนโต๊ะ พื้น ตู้ แม้กระทั่งเก้าอี้ก็มีไว้ให้เอกสาร’นั่ง’
“เราว่า ท่านน่าจะเก็บข้อมูลด้วยระบบที่ศิวิไลกว่านี้นะ” ผู้ที่นานๆจะมาเยือนแนะนำ ขณะที่หยิบเอกสารออกจากเก้าอี้ และนำไปวางบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นจึงเอาตัวเองเข้าแทนที่เอกสารเหล่านั้น
นั่งเรียบร้อย มือก็เอื้อมไปหยิบแผ่นกระดาษที่อยู่ด้านบนสุดของกองออกมาดูฆ่าเวลา แต่ก็ถูกมือคล้ำแย่งไป ทั้งที่เห็นเพียงรูปที่ติดอยู่ที่มุมกระดาษเท่านั้น!
รูปของหญิงสาวสวย ซึ่งมีผมยาวดำ ดวงตากลมโตสีดำที่มีแววทันคน จมูกโด่งเชิดรั้น ปากอิ่มเต็มที่เม้มน้อยๆ...
พอจัดการโยนเอกสารไปไว้บนเก้าอี้ทำงานของตัวเองแทนแล้ว เจ้าของห้องก็หันมาทำตาดุให้คนที่ส่งยิ้มใสซื่อมาให้ “อย่ายุ่งกับรายชื่อผู้ที่จะมาเป็นผู้ช่วยในอนาคต เพราะพวกเราไม่มีอำนาจก้าวก่ายในส่วนนั้น ท่านว่าเรื่องของท่านมาดีกว่า”
“เราอยากขอฝ่ายของท่านไปช่วยงานเรา” คำตอบที่ได้รับทำให้นัยน์ตาข้างซ้ายที่เป็นสีแดงเหมือนจะจุดไฟได้
“ขอปฏิเสธ!!!” เสียงห้าวตะวาดก้องจนเอกสารบางตั้ง ที่สูงเกือบจรดเพดานสั่น และน่ากลัวว่าจะล้มลงมา ถ้าผู้มาเยือนไม่ยกมือขึ้นห้าม
“ใจเย็นๆ เราแค่ขอยืมชั่วคราว จนกว่าผู้ช่วยเราจะกลับมาเท่านั้น”
ดวงตาข้างที่เป็นสีทองหรี่ลงอย่างครุ่นคิด แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายประสานสายตามาตรงๆก็ต้องถอนหายใจ “...แล้วผู้ช่วยคนเก่งของท่านไปไหน”
คราวนี้ใบหน้างามที่ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนในตอนแรกงอหงิก ไม่ต่างกับอีกฝ่าย “ลากิจ...”
คำตอบสั้น แต่เป็นที่เข้าใจกันดีระหว่างทั้งคู่ น้ำเสียงของมุราชนม์จึงอ่อนลงกว่าเดิม “ท่านก็คงเห็นแล้วว่าทางเราเองก็มีงานล้นมือ อย่าว่าแต่แบ่งไปให้ท่านเลย เราเองก็อยากได้ผู้ช่วยเพิ่มเหมือนกัน”
“การจะหาผู้ที่มีคุณสมบัติครบนี้ ดูจะยากยิ่งกว่าการตามหารักแท้ซะอีกนะ” เป็นเรื่องจริงของ’ที่นี้’ที่รู้กันมาเนิ่นนาน และยังไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
ด้วยความที่รู้จักนิสัยใจคอกันดี ว่าการเกลี่ยกล่อมไม่มีประโยชน์สำหรับคนตรงหน้า ผู้ที่เดือดร้อนเพราะขาดผู้ช่วยจึงลุกขึ้นยืน และกล่าวลาด้วยการก้มศีรษะคำนับอีกฝ่าย “ไม่ต้องไปส่งเราหรอก เรามาเองได้ก็กลับเองได้”
ประตูห้องถูกเลื่อนเปิดอัตโนมัติและปิดสนิทเมื่อร่างโปร่งก้าวพ้นบริเวณห้อง
หากเพียงกะพริบตาประตูที่เพิ่งปิดไม่นานก็เปิดออกอีกครั้ง แต่คราวนี้ผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นร่างบอบบางที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าแบบหญิงสาว “ท่านมุราชนม์คะ ข้อมูลสำหรับพรุ่งนี้เรียบร้อยหรือยังคะ”
ริมฝีปากได้รูปสวยยังปิดสนิท เมื่อเจ้าตัวพุ่งความสนใจไปที่ข้อความในเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า หากนิ้วก็ชี้ไปยังเอกสารบนโต๊ะ ที่ถูกย้ายมาจากเก้าอี้ที่’แขก’นั่งเมื่อครู่
ผู้ช่วยที่ทำงานมานานจนรู้ใจกันดีเดินไปหยิบกองรายงานที่ต้องการ ก้มศีรษะคำนับ และเดินออกจากห้องอย่างคล่องแคล่ว เพราะงานที่นี้ต้องอาศัยความรวดเร็ว
...หากพลาดเพียงเสี้ยววินาที อาจหมายถึง’ชีวิต’ของคนนับร้อยนับพัน!!!
........................................................................
“ได้เรื่องไหมครับ ท่าน!” ทันทีที่เห็น’หัวหน้า’เดินเข้ามา ลูกน้องทั้งหลายก็เข้ามารุมถามเสียงดังเซ็งแซ่
บรรยากาศเป็นกันเองแตกต่างกับสถานที่ที่ชายหนุ่มผมยาวเพิ่งจากมาลิบลับ
...พื้นที่ทั้งหมดที่ไม่มีการกั้นห้อง แต่แบ่งเป็นมุมด้วยฉากกั้นสีสันสดใส ทั้งห้องมีเพียงประตูกระจกแบบบานเลื่อนเพียงบานเดียว ซึ่งมีรูปหัวใจสีแดงขนาดใหญ่ติดเอาไว้
โต๊ะทำงานแต่ละโต๊ะก็ว่างเปล่า ไม่มีกระดาษวางให้เห็นแม้แต่แผ่นเดียว เพราะข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บไว้ โดยอาศัยความก้าวหน้าของวิวัฒนาการ
เสียงถามไถ่ค่อยๆซาลงเมื่อคนเดียวที่จะให้คำตอบได้ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เงียบ
ความตื่นเต้นยินดีเปลี่ยนเป็นห่อเหี่ยว เมื่อสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้างามเสมอนั้น...หายไป
“ทางนู้นเขาก็ขาดคนเหมือนกัน” คำตอบยืนยันว่าความหวังเดียวในเวลานี้หมดไปแล้ว
เสียงๆหนึ่งบ่นขึ้นเมื่อเจ้าตัวเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน “ความจริงงานทางนั้นก็เหมือนๆเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นพรวดพราดแบบทางเราซะหน่อย”
“ใช่ ที่ตอนฝ่ายนั้นยุ่งๆยังมาเกณฑ์เราไปช่วย ทีเรายุ่งไม่เห็นมาช่วยเราบ้าง” เสียงบ่นรับเป็นทอดๆ ไม่ได้เกรงใจ’ผู้เป็นใหญ่’ที่เดินไปที่โต๊ะของตัวเอง ที่อยู่ด้านในสุด
“ความจริงงานทั้งสองฝ่ายก็มีเท่าๆกันแหละ เพราะมนุษย์หนีความตายไม่ได้อย่างไง ก็หนีหัวใจรักไม่ได้อย่างนั้นเช่นกัน”
เปลือกตาเลื่อนมาปิดบังนัยน์ตาสองสีด้วยความอ่อนล้า แต่ประโยคสุดท้ายที่ดูจะหลุดออกไปจากเรื่องที่คุยกันในตอนแรกซึ่งผ่านเข้ามาในโสตประสาท ก็จุดรอยยิ้มบนริมฝีปากทรงเสน่ห์
“โอ้ย!!! ทำไมคนต้องมีกิ๊กด้วย!”
.............................................................................
ความคิดเห็น