ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SuJu Fiction] +++ Nobody Knows...+++ [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : So Hot

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 55


               

    Chapter 4

    So Hot

     

                “แม่ ชุดนี้น่ารักดีนะครับ”

     

                “แต่แม่ว่ามันดูเด็กไปนะ”

     

                “แม่ของผมหน้าเด็กจะตาย ไปไหนมาไหนคนก็คิดว่าเป็นพี่สาว”

     

    ลูกชายคนเล็กเอียงศีรษะกลมซบไหล่ผู้เป็นแม่หลังจากหยอดคำหวานเสร็จ มือหยาบของหญิงวัยกลางคนลูบผมอย่างเอ็นดู จนกระทั่งลูกชายอีกคนเดินเข้ามาในบ้านอย่างหงุดหงิด เธอจึงดันตัวทงเฮออกห่างแล้วลุกยืนขึ้น

     

                “ทำไมทำท่าทางแบบนั้นล่ะคยูฮยอน พี่ซีวอนเขาดูแลไม่ดีเหรอลูก?”

     

                “แม่ อึนฮยอกล่ะ?” คยูฮยอนเบียงเบนประเด็นเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก ทงเฮที่นั่งช้อนตามองพี่ชายในตอนแรกจึงผุดลุกขึ้นยืนอย่างหัวเสีย

     

                “ทำไมทำแบบนี้ล่ะพี่ แม่อุตส่าห์เป็นห่วง แต่พี่กลับถามถึงคนอื่น”

     

                “อึนฮยอกไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉัน” คยูฮยอนหันมาพูดกับน้องชาย

     

                “แต่เขาก็ไม่ใช่คนในครอบครัว และอีกอย่าง...”

     

                “พอเถอะทงเฮ อึนฮยอกเขาบอกว่าจะออกไปทำธุระข้างนอกสักพักน่ะจ้ะ เดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้ว” แม่หันมาต่อว่าทงเฮและพาคยูฮยอนมานั่งด้วยกัน “ไหนลองเล่ามาซิ ใครทำให้ลูกชายของแม่อารมณ์เสีย”

     

                “ก็ซีวอนน่ะสิ!” คยูฮยอนพูดไปก็หน้ามุ่ยไป

     

                “พี่ซีวอนน่ะเหรอ?”

     

                “แม่อย่าเรียกเขาว่าพี่ได้ไหม ไม่เห็นว่าเขาจะทำตัวน่าเคารพตรงไหนเลย”

     

                “แต่เขาก็อายุมากกว่าลูกตั้งหลายปีนะ” แม่กุมมือลูกชายคนโตเอาไว้อย่างเอ็นดู ทงเฮมองภาพนั้นด้วยความนึกอิจฉา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำเป็นไม่เห็นว่าแม่ให้ความรักอย่างลำเอียงมากแค่ไหนกัน

     

                “แม่ครับ อายุน่ะวัดความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้หรอกนะครับ”

     

                “ก็ใช่น่ะสิ ขนาดพี่อายุมากกว่าผมยังทำตัวเหมือนเด็กมัธยมอยู่เลย” ทงเฮพูดเสียงเบาแต่ก็ไม่อาจรอดพ้นหูของพี่ชายไปได้

     

                “อยากโดนตีหรือไงทงเฮ แกเงียบไปเลยไป”

     

                “โอ๊ย! พี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันอีกแล้ว” แม่เอามือกุมขมับอย่างคิดไม่ตก คยูฮยอนทำท่าจะบอกว่าทงเฮไม่ใช่น้องชายของเขา แต่เมื่อเห็นว่าอยู่ต่อหน้าแม่จึงทำเป็นเงียบๆ ไป

     

                “เอาเป็นว่าแม่มาฟังเรื่องของผมก่อนเถอะ” คยูฮยอนเอ่ยขึ้น “ทงเฮ แกออกไปที่อื่นก่อน”

     

                “ไม่! ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ” ทงเฮยกขาขึ้นมาบนโซฟาราวกับจะสิงโซฟาเสียให้ได้ คยูฮยอนเลิกใส่ใจและหันไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แม่ฟัง ทงเฮเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอดเวลาก็แอบฟังไปด้วย

     

                ไม่ได้อยากรู้เท่าไรหรอกนะ แค่ไม่อยากออกไปจากตรงนี้ตามคำสั่งของพี่ชายต่างหากล่ะ

     

                “แม่ว่าเขาก็โรแมนติกดีนะคยูฮยอน รับรักพี่เขาไปเถอะลูก หน้าที่การงานก็ดี ชาติตระกูลก็ดี แถมเขาก็หล่อด้วย ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าได้ควงกับเขาก็ไม่ต้องอายใครเลย”

     

                ทงเฮรู้สึกว่าแม่พูดจาได้ตรงใจเขามาก ถ้าคยูฮยอนคบกับซีวอนแล้วล่ะก็ คนเอาแต่ใจอย่างคยูฮยอนจะได้เลิกพยศเสียที

     

                “แต่ว่าผมน่ะชอบอึนฮยอก”

     

                “ห๊ะ!” แม่ปรับอารมณ์ตามลูกชายแทบไม่ทันจนต้องยกมือขึ้นแนบอก

     

                “ชอบมาตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้เขาทำเป็นเฉยๆ แต่ว่า...ที่เขามาที่นี่เพราะอาจจะรู้ใจตัวเองก็ได้”

     

                “เพื่อนพี่แค่ไม่อยากกลับบ้านเพราะเป็นพวกเด็กมีปัญหาครอบครัวแตกแยกล่ะมั้ง”

     

                “ใครให้แกออกความเห็นห๊ะทงเฮ”

     

                คยูฮยอนหันมาด่าทำให้ทงเฮยกมือปิดปากและนั่งเงียบๆ อีกครั้ง

     

                “ลูกชอบอึนฮยอกมากเลยเหรอ?” แม่ถาม

     

                “ครับ ชอบมาก ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง”

     

                “พี่ซีวอนให้เวลาลูกกี่วันล่ะ?”

     

                “สามวัน”

     

                “ผมว่าสามนาทีก็พอแล้ว ยังไงพี่ก็ไม่เปลี่ยนใจแน่ๆ” ทงเฮกระซิบคุยกับแม่เพราะอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้

     

                แต่ยังไงก็ตาม ทงเฮคิดว่าคยูฮยอนจะต้องคบกับซีวอนแน่นอนเพราะดูเหมือนแม่ก็เชียร์ซีวอนจนออกนอกหน้า แถมยังเปิดประตูบ้านต้อนรับราวกับซีวอนเป็นลูกเขยไปแล้ว

     

                “ยังไงก็แล้วแต่ลูกเถอะจ้ะ ลูกชอบใครแม่ก็ชอบด้วย”

     

                “อ้าว! แม่...เมื่อกี้ยังเชียร์พี่ซีวอนอยู่เลยนะ ทำไมเปลี่ยนใจล่ะ” ทงเฮร้องถามขึ้นแม้จะต้องทนเห็นพี่ชายตีหน้ายักษ์อย่างไม่พอใจอยู่ก็เถอะ

     

                “ก็พี่ชายลูกไม่ได้ชอบซีวอนนี่”

     

                “แต่พี่คยูฮยอนก็รักกับพี่อึนฮยอกไม่ได้นะครับ ไม่ได้เด็ดขาด” ทงเฮยืนกราน แม้ว่าจะไม่มีน้ำหนักในคำพูดสักนิดเลยก็เถอะ

     

                “ทำไมจะคบไม่ได้” คยูฮยอนคว้าคอเสื้อน้องชายอย่างรวดเร็วจนคนตัวเล็กกว่ายืนแทบไม่ติดพื้น

     

                “กะ...ก็...”

     

                “คยูฮยอนปล่อยน้อง” แม่เอ่ยบอก คยูฮยอนจึงปล่อยมือ ทงเฮไอค่อกแค่ก ก่อนจะกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น

     

                “พี่อึนฮยอกเขาเป็นฝาแฝดกับพี่ฮยอกแจ”

     

                “แล้วยังไง?”

     

                “พี่ก็เลยไม่สมควรจะเป็นแฟนกับเขาไงล่ะ”

     

                “ตรรกะอะไรของแกเนี่ยทงเฮ ฉันไม่เข้าใจ” ทงเฮเม้มริมฝีปากแน่น เขาจะพูดยังไงดีล่ะ มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก บางทีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไม รู้เพียงแต่ไม่อยากให้พี่ชายคบหากับอี อึนฮยอกเลยสักนิดเดียว

     

                “ก็พี่อึนฮยอกน่ะ...เขาหน้าตาเหมือนแฟนของผมเลย”

     

                ทงเฮทำเสียงอ่อยๆ ลงไป คยูฮยอนชะงักไปนิดหนึ่งเพราะเขาเองก็เพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ด้วยความต้องการของหัวใจแล้วคยูฮยอนเองก็ยอมเรื่องนี้ให้ทงเฮไม่ได้เลย

     

                “แต่ฉันไม่รู้จักแฟนนาย”

     

                “แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

     

                “รู้แล้วยังไงล่ะทงเฮ เขาตายไปแล้ว อีกอย่างอึนฮยอกก็คืออึนฮยอก ไม่ใช่ฮยอกแจ นายคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดแบบนี้กับฉัน หรือว่านายชอบอึนฮยอกหรือไง ชอบเพราะเขาหน้าตาเหมือนแฟนของนายงั้นเหรอ?”

     

                ทงเฮน้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะถูกคยูฮยอนต่อว่ารุนแรงมากเท่านี้มาก่อน แม้ว่าที่ผ่านมาคยูฮยอนจะพูดจาไม่ดีกับเขาเลย แต่ก็ไม่เคยกระทบกระเทือนจิตใจทงเฮจนถึงกับต่อมน้ำตาแตกแบบนี้

     

                เป็นเพราะว่าเรื่องที่พูดถึงเกี่ยวกับอี ฮยอกแจนั่นเอง

     

                แค่เอ่ยชื่อออกมา...ทงเฮก็ร้องไห้แล้ว

     

                ในขณะนั้นเอง ผู้ที่ถูกกล่าวถึงก็เข้ามาได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี แม่เดินหายเข้าไปในห้องนอนอย่างเงียบๆ เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กๆ และอยากให้คยูฮยอนตัดสินใจด้วยตนเอง หล่อนไม่อยากเข้าข้างใครเพราะทั้งสองคนก็คือลูกชายเหมือนกัน

     

                “คุยอะไรกันเหรอ เสียงดังเอะอะไปถึงนอกบ้านเลย”

     

    อึนฮยอกเอ่ยขึ้น คยูฮยอนแค่นเสียงในลำคอพร้อมสะบัดหน้าหนี ในขณะที่ทงเฮเอาแต่จ้องมองหน้าพี่ชายเพราะหวังจะได้ยินคำว่าขอโทษ

     

                “คยูฮยอน ว่าไงล่ะ ฉันถามไม่ได้ยินเหรอ?” อึนฮยอกเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งแล้วเดินผ่านทงเฮไปหาคยูฮยอน คยูฮยอนค่อยๆ หันหน้ามาแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลพราก แม้แต่ทงเฮก็ยังงงว่าพี่เขาร้องไห้เสียใจเรื่องอะไรตั้งแต่เมื่อไรกัน

     

                “อึนฮยอก ฮือๆๆ” คยูฮยอนโผเข้าโอบกอดอึนฮยอกและสะอึกสะอื้นหนักขึ้น อึนฮยอกเองก็กอดอีกฝ่ายตอบพร้อมทั้งลูบผมอย่างอ่อนโยน ทงเฮอยากจะหนีออกไปจากตรงนั้น แต่เขาก้าวขาไม่ออกเลยสักนิด

     

                “ใครทำให้คยูฮยอนของฉันต้องเสียใจ หือ?”

     

                “นะ...นาย นายนั่นแหละ” คยูฮยอนผละออกแล้วใช้นิ้วจิ้มอกแกร่งของฮยอกแจเบาๆ

     

                “ฉันเหรอ?”

     

                “อื้อ วันนี้พอไม่มีนายอยู่ข้างๆ อะไรมันก็ยุ่งยากไปหมดเลย”

     

                “ทำไมล่ะ?”

     

                “ซีวอนเขาให้เวลาฉันสามวัน เขาถามฉันว่าจะเป็นแฟนกับเขาหรือเปล่า?”

     

                “นายชอบเขาหรือเปล่าล่ะ?” อึนฮยอกเอ่ยถาม เสียงเขาเขาไม่มั่นคงเอาเสียเลย คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองอึนฮยอกแล้วส่ายหน้า เขาไม่ได้พูดออกไปหรอกว่าจริงๆ แล้วเขานั้นชอบอึนฮยอก ไม่ใช่กัปตันชเว ซีวอน

     

                “งั้นฉันให้เวลานายสองวัน นายจะคบกับฉันหรือเปล่า?” ทงเฮสะดุ้งวาบ เขาคิดว่าตัวเองไม่น่าจะยืนอยู่ตรงนี้เลยตั้งแต่แรก ทำไมไม่ก้าวออกไปนะทงเฮ ก้าวขาออกไปสิ

     

                “อะ...อะไรนะ?” คยูฮยอนอ้าปากพะงาบๆ อย่างตกใจ

     

                “งั้น...สองนาทีก็แล้วกัน”

     

                “ได้สิ ตกลง...ฉันจะเป็นแฟนกับนายอึนฮยอก”

     

                อึนฮยอกคว้ามือคยูฮยอนเดินออกไปนอกบ้าน เดินผ่านทงเฮออกไปราวกับทงเฮเป็นอากาศธาตุ ทงเฮคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันรวดเร็วเกินไป เร็วเสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

     

                รู้ตัวอีกทีก็...

     

                พี่ชายของตัวเองเป็นแฟนกับพี่ชายของแฟนตัวเองเสียแล้ว

     

     

     

                อึนฮยอกกับคยูฮยอนนั่งจับมืออยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านตัวเดียวกันกับที่อึนฮยอกนั่งทำรายงานให้ทงเฮเมื่อตอนกลางวัน แม้จะเป็นครั้งที่สองที่ได้นั่ง แต่อึนฮยอกรู้สึกเหมือนว่าเขาคุ้นชินกับโต๊ะหินอ่อนตัวนี้มานานหลายปีแล้ว

     

                “นายพูดจริงๆ น่ะเหรออึนฮยอก”

     

                “อืม ฉันตั้งใจเดินทางกลับมาเกาหลีก็เรื่องนี้แหละ” อึนฮยอกบอกอย่างตรงไปตรงมา เขามาเกาหลีครั้งล่าสุดตอนวันเกิดของฮยอกแจ และก็เคยคิดว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกเลย จนกระทั่งความรู้สึกที่มีต่อคยูฮยอนมันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

     

                “นายจะรักฉันไปจนวันสุดท้ายของชีวิตเลยไหม?”

     

                “ฉันจะรักนายไปทุกๆ วัน” อึนฮยอกตอบ แต่เขาก็ไม่แน่ใจเท่าไรนัก

     

                บางทีอาจจะเป็นเพราะมีตัวแปรอีกตัวที่กำลังยืนงงและสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแคร์ทงเฮในเมื่อเขามาที่นี่เพราะคยูฮยอนตั้งแต่เริ่มแรก

     

                “คยูฮยอน”

               

    “หืม?”

     

                “วันที่ฮยอกแจจากไป เป็นวันที่เราคุยกันครั้งสุดท้าย นายจำได้ไหม?” อึนฮยอกเริ่มบีบมือคยูฮยอนไว้แน่นขณะที่เอ่ยถาม คยูฮอนรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่เพราะไม่อยากให้อึนฮยอกปล่อยมือจากไป เขาจึงกัดฟันทนต่อไปเช่นนั้น

     

                “จำได้สิ มันเป็นวันที่ฉันกำลังจะกลับมาเกาหลีพอดี”

     

                คยูฮยอนนึกถึงเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อหกเดือนก่อน ทว่าภาพที่นึกออกกลับมีแต่หน้าของซีวอนอย่างเดียวเท่านั้น

     

                “คืนนั้นฉันโทรไปเล่าเรื่องของซีวอนให้นายฟัง แล้วนายก็ต่อว่าฉันใหญ่เลย”

     

                “เรื่องซีวอนเหรอ?” อึนฮยอกเลิกคิ้วถามขึ้น

     

                “อืม จำไม่ได้หรือไงว่าฉันโทรไปเล่าหลังจากที่พบกับซีวอนได้แค่คืนเดียวเองนะ”

     

                อึนฮยอกพยักหน้าอย่างแช่มช้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คยูฮยอนเขินมากและรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลยตั้งแต่เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนรักมาเป็นแฟนกัน เขาวางมืออีกข้างทับมือของอึนฮยอกเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยบอก

     

                “ฉันรักนายมากนะอึนฮยอก”

     

                คยูฮยอนจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมกริบของอีกฝ่าย แววตาของอึนฮยอกตั้งแต่ถอดแว่นออกและเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีทองมาโดยตลอด คยูฮยอนก็รู้สึกชอบลุคส์นี้มาก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันแน่ที่เขาหลงรักอึนฮยอกจนล้นหัวใจ

     

                ทว่า...ไม่เคยมีโอกาสจะพูดมันออกมา

     

                “ถ้าวันนั้นฉันรู้ว่าน้องของนายจะจากไป ฉันคงไม่พูดเรื่องไร้สาระให้นายฟัง หรือไม่ก็...ฉันจะให้นายได้ใช้เวลาอยู่กับน้อง ขอโทษนะอึนฮยอก”

     

                “ไม่ต้องหรอก มันไม่สำคัญอะไรเลย ในใจฉันมีแค่นาย”

     

                อึนฮยอกบอกแล้วโน้มใบหน้าคมคายเข้าไปใกล้ๆ คยูฮยอนมากขึ้น คนฉลาดอย่างคยูฮยอนย่อมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ อึนฮยอกขยับเข้าไปใกล้อีกจนลมหายใจเป่ารดอยู่บนปลายจมูกของคยูฮยอนนี่เอง

     

                มือแกร่งโอบรอบลำคอของคยูฮยอนไว้ราวกับแสดงสัญลักษณ์ว่าเขาจะเป็นเจ้าของริมฝีปากและหัวใจของผู้ชายคนนี้

     

                ทว่า...

     

                ในขณะที่ริมฝีปากกำลังจะแตะกันนั้น หางตาของอึนฮยอกก็เหลือบไปเห็นทงเฮแอบมองอยู่ตรงประตู แค่ปรายตาดูก็รู้แล้วว่าทงเฮยืนตัวเกร็งมากแค่ไหนกับภาพที่เห็น

     

                เขาเอียงศีรษะบังหน้าคยูฮยอนเอาไว้ ก่อนจะทำท่าพรมจูบริมฝีปากนั้นอย่างบรรจงที่สุด

     

     

     

                เช้าวันต่อมา ทงเฮตื่นขึ้นเพราะได้กลิ่นอาหารเช้าฝีมือของแม่ เขาเดินงัวเงียไปทางห้องครัวแล้วโอบเอวแม่เอาไว้จากด้านหลัง ซุกซบใบหน้าหวานลงไปกับแผ่นหลังอบอุ่นแล้วกอดไว้เนิ่นนาน

     

                “ลูกชายคนเล็กของแม่เป็นอะไรไปน้า...มาอ้อนแม่แต่เช้าเชียว”

     

                “แม่ครับ”

     

                “หืม? มีอะไรทงเฮ?” แม่กุมมือลูกชายที่อยู่ตรงเอวของเธอไว้ แค่นี้ทงเฮก็ใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง

     

                “พี่คยูฮยอนคบกับพี่อึนฮยอกแล้ว”

     

                “ก็ดีแล้วนี่ลูก ถ้าพี่เขามีความสุข ทงเฮของเราก็ควรจะมีความสุขด้วย”

     

                “แต่ผมไม่มีความสุขเลยครับ” ทงเฮบอกตามความเป็นจริง ผู้เป็นแม่รู้สึกใจหาย เขาเคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าพี่น้องชอบผู้ชายคนเดียวกันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ

     

                “ทงเฮ ลูกไม่ได้ชอบอึนฮยอกเขาใช่ไหม?” แม่หันมาถามด้วยสีหน้าจริงจังมากขึ้น ทงเฮส่ายหน้าช้าๆ

     

                “ผมแค่รู้สึกแปลกๆ เขาหน้าตาเหมือนพี่ฮยอกแจ เหมือนไปหมดทุกอย่าง”

     

                “อย่างน้อยสีผมก็ไม่ใช่” แม่บอกแล้วหันไปหยิบจานมาตักอาหารใส่ลงไป

     

                “ถ้าเขาไม่ทำสีผม เขาก็เหมือนมากๆ เหมือนเป็นคนๆ เดียวกัน บางครั้ง...”

     

                ทงเฮเงียบลงไป เพราะไม่อยากจะคิดต่อ เขารู้สึกไปว่าอึนฮยอกกับฮยอกแจคือคนๆ เดียวกัน ที่เขากลัวมากไปกว่านั้นคือ...ถ้าฮยอกแจไม่เคยมีฝาแฝดมาก่อน และเขากับคยูฮยอนก็อาจจะโดนปั่นหัวเล่นจากผู้ชายหนึ่งคนที่แกล้งบอกว่ามีสองชื่อและมีฝาแฝดด้วย

     

                “บางครั้งทำไมเหรอ? พูดต่อสิ” แม่เอ่ยถาม

     

                “ไม่มีอะไรหรอกครับ”

     

                “ทงเฮ ลูกน่ะควรจะเข้มแข็งได้แล้ว อย่าผูกมัดพี่ฮยอกแจเขาไว้ด้วยความรักของลูกเลย ส่วนเรื่องคยูฮยอนกับอึนฮยอก ถ้าเขาเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ ต่อให้ลูกขัดขวางแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องคู่กัน”

     

                “แต่ว่าแม่ครับ...”

     

                “อยู่เฉยๆ ดีกว่าลูก เหตุผลในใจลูกมันเหมือนคนไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”

     

                ทงเฮรู้สึกเหมือนโดนแม่กำลังด่า แต่เขาก็คิดว่าตนเองเป็นแบบนั้นแหละ ร่างเล็กช่วยแม่ยกอาหารมาไว้ที่โต๊ะและนั่งกินกันสองแม่ลูกอย่างเงียบๆ อึนฮยอกตื่นมาทีหลังและนั่งร่วมวงด้วย แต่ว่าทงเฮรีบชิงลุกหนีออกไป แค่เห็นหน้าอึนฮยอก ภาพที่อึนฮยอกจูบพี่ชายเขาก็ลอยขึ้นมาตรงหน้าแล้ว

               

     

     

                หลังจากอึนฮยอกทานอาหารและล้างจานเสร็จเรียบร้อย เขาก็เดินมาใกล้ๆ ทงเฮ ดวงตาคู่กลมมองไปแล้วนึกหวั่นอยู่ในใจ ไม่อยากให้อึนฮยอกนั่งลงใกล้ๆ เพราะกลัวทำตัวไม่ถูก ทว่าสุดท้ายสวรรค์ก็ไม่เข้าข้างเขา

     

                “มานั่งทำอะไรตรงนี้ ไปหาพี่คยูฮยอนในห้องนอนสิ” ทงเฮประชดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล

     

                “ตรงนี้ไม่มีใครแปะสติ๊กเกอร์ไว้ว่าห้ามนั่งนี่”

     

                “อย่ามาก่อกวน” ทงเฮหันไปแยกเขี้ยวใส่

     

                “พี่ไม่ได้ก่อกวนนะ พี่พูดความจริง แล้วอีกอย่างตอนนี้คยูฮยอนก็ไม่อยู่ด้วย เขาออกไปซื้อของให้แม่”

     

                “แล้วทำไมคุณไม่ไปกับเขาล่ะ?”

     

                “ก็พี่อยากอยู่ที่นี่” อึนฮยอกไม่เพียงตอบคำถาม แต่เขายังมองทงเฮด้วยสายตาที่แสนเจ้าชู้ ทงเฮผูกหัวคิ้วเป็นปมแน่นเมื่อแปลกใจกับท่าทางประหลาดๆ ของผู้ชายคนนี้ อึนฮยอกเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

     

                ...ทำให้นึกถึงเมื่อคืนที่พี่ชายของเขาเริ่มหลับตาลง

     

                “หยุดนะ นายจะทำอะไรน่ะ?”

     

                “กินข้าวยังไงให้ติดแก้ม แถมยังนั่งอยู่เฉยๆ ได้ตั้งหลายสิบนาที เด็กจริงๆ เลย”

     

                อึนฮยอกหยิบเมล็ดข้าวที่แก้มเนียนออกให้แล้วหลุดขำเบาๆ กับท่าทางตกใจของทงเฮเมื่อครู่นี้ ทงเฮกัดฟันกรอดเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกลั่นแกล้งมากกว่า แม้ว่าเขาจะกินข้าวเลอะเถอะจริงๆ ก็เถอะ

     

                “ผมไม่ใช่เด็กนะ” ทงเฮเบ้ปากพูด ยิ่งทำให้ดูน่ารักมากขึ้นไปอีก เวลาคนที่งอนและยังดูน่ารักเนี่ย เป็นเพราะว่าเขาน่ารักจริงๆ หรืออีกฝ่ายมองข้ามความน่ากลัวไปกันแน่นะ

     

                “เด็กมากๆ เลย”

     

                “อีกปีเดียวก็จะเรียนจบแล้ว ไม่สิ แค่...เอ่อ...ไม่กี่เดือนน่ะ”

     

                “ยังไงสำหรับฉัน นายก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีแหละน่า” อึนฮยอกวางมือบนลงศีรษะทงเฮอีกครั้ง ให้ตายสิ เขาเกลียดท่าทางใจดีแบบนี้ที่สุดเลย ทำไมจะต้องทำท่าทางคล้ายพี่ฮยอกแจเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังด้วยนะ

     

                “ถอยออกไปไกลๆ เลยนะ” ทงเฮผลักอึนฮยอกออกห่างแล้วเปลี่ยนเป็นพูดแบบไม่สุภาพแทน “เมื่อวานก็จูบพี่ชายฉัน วันนี้ก็ยังมาทำเจ้าชู้ใส่ฉันอีก”

     

                “งั้นก็ยอมรับแล้วสิว่าเมื่อคืนแอบดู” อึนฮยอกกลั้นขำกับท่าทางของคนตรงหน้าจนตัวเองหน้าแดงไปหมด

     

                “อะ...อะไรนะ?!” ทงเฮเบิกตากว้าง อี ทงเฮเอ๋ย...จู่ๆ ก็บอกเขาออกไปจนหมด

     

                “จะให้พูดอีกครั้งไหม เผื่อได้ยินข้อกล่าวหาไม่ชัดเจน”

     

                “ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นเสียหน่อย ไหนล่ะหลักฐาน?”

     

                “ไม่มีหรอก แต่พี่เป็นผู้เสียหาย พี่จะโกหกนายทำไม?” อึนฮยอกตอบหน้าตาย ทำให้ทงเฮอ้าปากค้างอย่างงุนงง เสียหายเหรอ หมอนี่มีอะไรต้องเสียหายตั้งแต่เมื่อไร ในเมื่อเป็นคนไปจูบคนอื่นก่อนแท้ๆ

     

                “นายมีอะไรเหลือให้เสียหายด้วยเหรอ?” ทงเฮเชิดหน้าใส่

     

                “แน่นอนสิ เกิดนายเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังแล้วพูดผิดๆ ไปล่ะ พี่ก็ขายหน้าแย่เลย”

     

                “บ้าหรือไง แล้วฉันจะเอาเรื่องนี้ไปพูดทำไมกัน?”

     

                “จะรู้เหรอ คนโรคจิตอย่างนาย อาจจะไปบอกคนอื่นว่าพี่จูบคยูฮยอน แล้วก็จูบเหมือนคนไม่ประสีประสา ทำให้พี่เสียชื่อก็ได้”

     

                “เชอะ” ทงเฮลุกขึ้นยืนเพราะไม่อยากจะเสวนากับอีกฝ่ายต่อไป ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนต้อนให้จนมุมอยู่ตลอดเวลา ให้ตายสิ

     

                “อีกอย่างนะ เมื่อคืน...พี่ไม่ได้จูบคยูฮยอน” อึนฮยอกพูดเรียบๆ แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่นมาก ทงเฮหันกลับมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เห็นๆ กันอยู่ว่าจูบไปแล้ว จะมาพูดว่าไม่ได้จูบได้อย่างไร

     

                “ใครเชื่อนายก็เป็นควายแล้วล่ะ”

     

                “แล้วนายเห็นตอนที่ปากพี่สัมผัสกับปากของคยูฮยอนหรือไง” อึนฮยอกเดินเข้าไปหาทงเฮเรื่อยๆ ทงเฮทำตัวไม่ถูก เขาถอยหลังหนีทีละนิดจนสะดุดขาตัวเองเกือบล้มลง โชคดีที่อึนฮยอกรั้งเอวบางเอาไว้ได้ทัน

     

                “เอ่อ...คิดว่าเห็นนะ”

     

    ทงเฮตอบแบบครึ่งๆ กลางๆ เพราะเมื่อวานอึนฮยอกก็เอาศีรษะบังเอาไว้เสียด้วย แต่ถ้าทำขนาดนั้นแล้วไม่ได้จูบ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน

     

    “อ๊ะ!” เสียงใสร้องอย่างตกใจเมื่ออึนฮยอกรั้งเอวให้เข้าไปใกล้มากขึ้นไปอีก ทงเฮเงยหน้าขึ้นมอง แม้จะหวั่นไหวต่อสายตาคู่นั้น แต่เขากลับอยากมองต่อไปเรื่อยๆ

     

    ไม่ว่าจะมองอีกสักกี่ครั้งก็รู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ

     

    “พี่ไม่ได้จูบคยูฮยอน”

     

    “นายจูบ”

     

    “ไม่!” อึนฮยอกยืนยัน “ถ้าจูบกัน ต้องเป็นแบบนี้”

     

    สิ้นเสียงของอึนฮยอกแล้ว ทงเฮก็แทบไม่มีโอกาสพูดหรือโต้แย้งอะไรออกมาอีก ริมฝีปากของอึนฮยอกสัมผัสเข้ากับกลีบปากนุ่ม กดย้ำเน้นๆ จนทงเฮเบิกตาโพลงเพราะไม่ทันตั้งตัว

     

    เขาไม่รู้ว่าจูบของอึนฮยอกต้องการจะสื่ออะไร แต่จิตใต้สำนึกของทงเฮก็สั่งให้เขานั้นหลับตาลงและเริ่มเปิดปากจูบตอบอึนฮยอกกลับไปเช่นกัน

     

     

     

    Talk with Eunnana

    สงสัยจะมีคนเดาเนื้อเรื่องได้แล้วสินะคะ คึคึคึ

    เจอกันวันหยุดถัดไปค่า ^^

    รักคนอ่านทุกคน รักคนแสดงความคิดเห็นที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×