ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SuJu Fiction] +++ Nobody Knows...+++ [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : Headache

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 55


     

    Chapter 2

    Headache

     

     

                ตั้งแต่ซีวอนเข้ามาในบ้าน เขาก็พูดจายั่วโมโหอึนฮยอกแทบจะทุกประโยค เดี๋ยวก็หาเรื่องจิกกัดบ้างล่ะว่าไม่มีบ้านอยู่ถึงต้องมาอาศัยอยู่บ้านของเพื่อน อีกเดี๋ยวก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเวลาที่อึนฮยอกกับคยูฮยอนกำลังจะคุยกัน ทำให้อึนฮยอกรำคาญและเดินหนีออกไปเล่นกับช็อกโก้ที่มุมอื่น

     

    ในที่สุดซีวอนก็ได้อยู่กับคยูฮยอนตามลำพังสมใจ

     

    “เขาเป็นเพื่อนคุณแน่เหรอคยูฮยอน?” ซีวอนเปิดประเด็นถาม

     

    “ก็ใช่น่ะสิ ฉันเป็นเพื่อนกับอึนฮยอกมาก่อนที่จะโชคร้ายพบกับคนอย่างนายเสียอีก”

     

    “ก่อนผม? จะนานสักแค่ไหนเชียว” ซีวอนสะบัดหน้าหนีเหมือนเด็กโข่งที่โตแต่ตัว ใครก็ได้บอกทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นกัปตันของสายการบินชื่อดังจริงๆ น่ะ ทำตัวรุงรังยิ่งกว่าเด็กสามขวบเสียอีก

     

    แล้วคยูฮยอนจะต้องตามง้อด้วยหรือเปล่าเนี่ย

     

    “ว่าไงล่ะ รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว” ซีวอนเซ้าซี้ถามอย่างกวนใจ

     

    “สี่ปี นานพอหรือยังล่ะ?!

     

    คยูฮยอนพูดจบก็นึกถึงครั้งแรกที่เขาได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา สี่ปีมาแล้วที่เขาได้รู้จักกับผู้ชายดีๆ อย่างอึนฮยอก ผู้ชายเกาหลีซึ่งเป็นรูมเมทคนแรกและคนเดียวของเขาตลอดเวลาที่เรียนอยู่ในนิวยอร์ก คนที่ใส่แว่นตาหนาเตอะเพราะสายตาสั้นห้าร้อยและเอียงอีกเกือบพัน

     

    สายตาสั้นมากขนาดนี้ เวลาอาบน้ำไม่ลำบากเหรอ?

     

    ก็นิดหน่อย แต่ฉันชินแล้วล่ะ

     

    ดูสิ ใส่แว่นตาตลอดเวลาจนจมูกเป็นรอยหมดเลย แบบนี้จะหาแฟนได้ยังไงเล่า

     

    คยูฮยอนจำไม่ได้ทั้งหมดหรอกว่าอึนฮยอกไปทำเลสิกเพื่อให้สายตากลับมาเป็นปกติตั้งแต่เมื่อไร แต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาสนทนาประโยคเหล่านี้นี่เอง

     

    ว้าว! เพื่อนฉันหล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย นายเหมือนอัญมณีที่ถูกซ่อนเอาไว้เลย วันนั้นคยูฮยอนกระโดดไปรอบๆ อึนฮยอกที่สวมใส่แว่นดำหลังจากทำการรักษาใหม่ อึนฮยอกลูบท้ายทอยอย่างเขินอาย ก่อนจะเอ่ยขึ้น

     

    พอไม่ได้ใส่แว่นตาแล้วหน้าเหมือนฮยอกแจเลยแฮะ

     

    และนั่นเป็นครั้งแรกที่คยูฮยอนได้รู้ว่าอึนฮยอกมีพี่น้องฝาแฝดอีกคน เขาเคยเห็นรูปถ่ายอยู่ครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นรูปตอนที่ทั้งคู่ยังเรียนอยู่มัธยมต้น ซึ่งดูไม่ออกว่าเหมือนกันแค่ไหนเพราะอึนฮยอกสวมใส่แว่นตามาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

     

    “คยูฮยอน คุณสนใจฟังผมอยู่หรือเปล่า?” เสียงของซีวอนดังขึ้นเรียกสติของคยูฮยอนกลับคืนมา

     

    “อื้อ” คยูฮยอนตอบสั้นๆ

     

    “นายอึนฮยอกอะไรนั่นน่ะ ไม่น่าไว้ใจเลย”

     

    “ตรงไหนที่ไม่น่าไว้ใจ ถ้าเทียบกับนายแล้วเพื่อนฉันน่าไว้ใจมากกว่าอีก”

     

    “ผมพูดจริงๆนะ” ซีวอนยืนยัน สายตาของเขามองคนไม่ผิดแน่ อึนฮยอกเหมือนมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนในดวงตา ราวกับว่าคิดอะไรไม่ซื่อกับคยูฮยอนมากกว่าที่จะมาหาแบบเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น

     

    “พูดมากแบบนี้กลับบ้านไปเลยไป” คยูฮยอนหาเรื่องไล่ซีวอนกลับบ้าน เขาอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับอึนฮยอกให้มากกว่านี้ อยากรู้ด้วยว่าก่อนที่ซีวอนจะโทรมา อึนฮยอกตั้งใจจะบอกอะไรกับเขา ดวงตาคู่กลมหันไปมองอึนฮยอกที่นั่งหยอกล้อกับช็อกโก้ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเมื่อหันมาพบซีวอน

     

    ทงเฮเดินเกี่ยวแขนแม่ออกมาจากห้องนอนพอดี ดูเหมือนว่าแม่จะออกมาทำอาหารเย็นตอนรับเพื่อนของลูกชายคนโต อึนฮยอกลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้ใหญ่ หากแต่สายตากลับจ้องมองแต่ใบหน้าหวานของทงเฮเท่านั้น

     

                ...คยูฮยอนจะรอช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

               

    “รีบกลับไปได้แล้ว นายต้องบินพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?” คยูฮยอนไม่พูดเปล่า เขาดันร่างสูงโปร่งของซีวอนออกไปทางประตูอย่างยากลำบาก

     

                “พรุ่งนี้ผมไม่มีบินนะ”

     

                “ก็นั่นแหละ ได้หยุดทั้งทีก็ไปพักผ่อนบ้างสิ”

     

                “ไล่กันอยู่ได้ ยังเห็นหน้าคุณไม่กี่นาทีเอง” ซีวอนเดินถอยหลังไปจนถึงประตู คยูฮยอนพยายามจะผลักซีวอนออกไปด้านนอก แต่ซีวอนเอามือจับกรอบประตูไว้แน่น “คิดถึงนะคยูฮยอน”

     

                “แต่ฉันไม่คิดถึงนาย ไม่อยากเห็นหน้านายด้วย”

     

                “ปากแข็ง”

     

                “ไปได้แล้ว” คยูฮยอนเอาแต่ไล่อีกฝ่ายท่าเดียว ใบหน้าเขาร้อนผะผ่าวเหมือนคนจะเป็นไข้ สงสัยข้างนอกอากาศเย็นล่ะมั้ง

     

                “ก็ได้ๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันตอนเก้าโมงนะ เดี๋ยวผมมารับ”

     

                “ใครจะไปกับนาย” คยูฮยอนเบิกตาโพลง ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจสุดๆ ไปเลย แต่ทำไมกันนะเขาถึงปฏิเสธซีวอนไม่ได้ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่มีใคร แต่ในเมื่อตอนนี้อึนฮยอกกลับมาแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่คยูฮยอนจะต้องรั้งซีวอนเอาไว้อีก

     

                “มาใกล้ๆ สิ มีอะไรจะบอก” ซีวอนกวักมือเรียกคยูฮยอนที่ยืนรอปิดประตูบ้าน

     

                “มีอะไร?”

     

                “ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ก่อนสิ” เขาไม่บอกเปล่ายังยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนอย่างคยูฮยอนรู้ทัน

     

                “ไม่!

     

                “ผมไม่ได้จะหอมแก้มคุณนะ แค่จะบอกว่า...คืนนี้ห้ามนอนกอดกับนายอึนฮยอกเด็ดขาด ผมหึง แล้วก็...”

     

                “หือ?” ซีวอนพูดเสียงเบาลงอย่างมีลับลมคมใน คยูฮยอนจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างลืมตัว แล้วแก้มนุ่มก็ถูกสิงโตหนุ่มขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่จนได้

     

                พลาดจนได้สิน้า...โจ คยูฮยอน

     

     

     

                หลังจากซีวอนกลับไปแล้ว ไม่นานนักอาหารโดยฝีมือของแม่ก็วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ แม้ว่าจะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่ด้วยความที่อึนฮยอกแนะนำตัวว่าเป็นพี่ชายฝาแฝดของฮยอกแจก็ทำให้แม่ของทงเฮและคยูฮยอนเอ็นดูอึนฮยอกอย่างไม่มีข้อกังขา

     

                “แม่พอรู้ว่าฮยอกแจชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร เพราะเด็กนั่นมาฝากท้องที่บ้านเราบ่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าอาหารวันนี้จะถูกปากอึนฮยอกหรือเปล่านะจ๊ะ” คนเป็นแม่เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

     

                “ผมทานไม่ยากหรอกครับ” เขาบอกพลางกวาดตามองดูอาหาร ทงเฮที่ดูเหมือนจะไม่ชอบเขาในตอนแรก เวลานี้กลับรอลุ้นอย่างสนอกสนใจ ก็แน่ล่ะสิ ต่อให้คนๆ เดียวกัน แต่หน้าตาเหมือนกันมากขนาดนี้ มนุษย์หน้าไหนก็ต้องหวั่นไหวด้วยกันทั้งนั้น

     

                “กินไม่ยากที่ไหนล่ะแม่ เจ้านี่นะเลือกกินอย่างกับพระราชา ชอบกินเค็มมาก ผมล่ะกลัวว่าสักวันมันจะเป็นโรคไตวาย อ้อ...แล้วก็ชอบกินไข่แดงยางมะตูมด้วยนะ แต่เกลียดหนวดปลาหมึกเป็นที่สุดเลยล่ะ”

     

                วันนี้คยูฮยอนพูดเยอะกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะว่าเขามีความสุขมาก อึนฮยอกเพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วหันไปถามแม่อีกครั้ง

     

                “เอ่อ...สรุปว่าเด็กคนนี้ก็ลูกชายของแม่เหมือนกันเหรอครับ?”

     

                “ก็ใช่น่ะสิ ผมหน้าตาเหมือนแม่มากกว่าพี่คยูฮยอนอีก คุณมองไม่ออกหรือไง” ทงเฮโวยลั่น เอาอีกแล้ว คิดว่าเขาเป็นเด็กรับใช้อีกแล้วนะ

     

                “อย่าเสียมารยาทสิทงเฮ!” แม่ตีแขนลูกชายเบาๆ เป็นเชิงปราม

     

                “เห็นไหมล่ะ พี่เตือนตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่เชื่อ”

     

                “เงียบไปเลย” ทงเฮเม้มปากแน่น โดนแม่ดุต่อหน้าคนอื่นก็เจ็บช้ำพอแล้ว ยังโดนคยูฮยอนกระทืบซ้ำจนจมดินอีก

     

                “เอาล่ะๆ ทานกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นเสียก่อน”

     

                แม่ห้ามทัพได้ทันท่วงที สองพี่น้องจึงก้มหน้าก้มตาทานอาหารกันได้ ทงเฮนึกในใจว่าอึนฮยอกไม่เหมือนฮยอกแจเลยสักนิด นอกจากหน้าตาที่เหมือนกันแล้ว ทุกอย่างก็ตรงข้ามไปเสียหมด ฮยอกแจชอบกินไข่ขาว แต่อึนฮยอกชอบกินไข่แดง ฮยอกแจชอบรสหวาน แต่อึนฮยอกชอบรสเค็ม

     

                และที่สำคัญ...ฮยอกแจของทงเฮชอบกินหนวดปลาหมึกเป็นที่สุด

     

                “พี่คยูฮยอนบอกว่าคุณไม่ทานปลาหมึก แต่อาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะเป็นปลาหมึก งั้นคุณก็ทานไข่เจียวไปแล้วกันนะครับ” ทงเฮว่า

     

                “นั่นสิอึนฮยอก ฉันก็ลืมบอกแม่ไปเลย” คยูฮยอนทำหน้าตารู้สึกผิด ในขณะที่ทงเฮจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย อึนฮยอกลอบมองริมฝีปากบางยามเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ อย่างเพลิดเพลิน ถึงเขาจะเกลียดหนวดปลาหมึกมากแค่ไหน แต่ท่าทางที่มีความสุขกับการกินของทงเฮก็ทำให้อึนฮยอกอดกลืนน้ำลายไม่ได้

     

     

     

                หลังจากทานอาหารค่ำไปได้พักใหญ่ ทงเฮก็ทำหน้าที่ล้างจาน เขารู้สึกตัวเองเป็นลูกเลี้ยง ถึงแม่จะไม่ใช่แม่มดใจร้ายเหมือนอย่างในนิทาน แต่หลายครั้งแม่ก็เข้าข้างคนเป็นพี่อยู่บ่อยๆ แม่บอกว่าคยูฮยอนน่าสงสาร ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาตั้งสี่ปี แม่เลยอยากเอาใจคยูฮยอนให้มาก

     

                แม่ไม่คิดบ้างล่ะว่าทงเฮก็อยากไปเรียนต่อที่นิวยอร์กเหมือนกัน

     

                เหตุผลก็คือ...

     

                เพราะสองปีก่อนพี่ฮยอกแจไปที่นั่น

     

                ถ้าหากทงเฮได้ตามไปอยู่ข้างๆ พี่ฮยอกแจ หรือวันนั้นเขารั้งให้พี่ฮยอกแจไม่ไป พี่ฮยอกแจจะจากไปแบบไม่มีวันกลับเหมือนตอนนี้ไหมนะ

     

                ทงเฮอยากจะร้องไห้ แต่เสียงหัวเราะแสบแก้วหูของคยูฮยอนดังเข้ามาในห้องนอนอยู่เรื่อยๆ นานๆ ทีจะมีเสียงพูดของอึนฮยอกบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงพี่ชายของเขาเสียมากกว่า

     

                พอคิดถึงอึนฮยอกขึ้นมา หน้าของทงเฮก็ร้อนผะผ่าว เพราะตอนที่เขาเก็บจานไปล้าง อึนฮยอกเดินเอาแก้วน้ำมาเก็บพอดี ทว่าแทนที่จะมาด้านข้าง กลับยืนซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วยื่นแก้วเข้ามา แถมทงเฮยังเผลอส่งเสียงร้องออกไปให้น่าขายหน้าอีกด้วย

     

                ตกใจมากเหรอ พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

     

    อึนฮยอกพูดขึ้นเมื่อเห็นทงเฮหันกลับไปมอง ปลายคางของอึนฮยอกอยู่แค่ระดับสายตาของทงเฮนี่เอง แถมระยะห่างก็ใกล้มากเสียจนทงเฮกลัวว่าหัวใจจะเต้นแรงมากจนอีกฝ่ายได้ยินเข้า

     

    อย่ามายืนข้างหลังแบบนี้สิ ผมไม่ชอบนะ

     

    ใช่สิ! ที่ไม่ชอบเพราะเมื่อก่อนฮยอกแจชอบมายืนซ้อนด้านหลังช่วยเขาล้างจานอยู่เสมอ แทนที่จะล้างเสร็จเร็วๆ กลับยืนอ้อยอิ่งโอบกอดกันจนมือเปื่อยมือเหี่ยวไปหมด

     

    ครับ ต่อไปพี่จะไม่ทำสิ่งที่ทงเฮไม่ชอบนะ

     

    คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณเถอะ มันไม่เกี่ยวกับผมนี่ ทงเฮรีบหันหลังเพราะน้ำเสียงที่อบอุ่นของอึนฮยอกทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำเอาเสียเลย ทงเฮไม่เห็นหรอกว่าอึนฮยอกยิ้มกว้างมากแค่ไหนกับท่าทางของตนเอง แต่ทว่ามือหนาที่ขยี้ผมของเขาจนยุ่งเหยิงไปหมดก็ทำให้หัวใจของทงเฮพองโตขึ้นมาอย่างง่ายดาย

     

    อย่าพูดแบบนี้อีกนะ เรื่องของทงเฮก็คือเรื่องของพี่เหมือนกัน

     

    อึนฮยอกพูดอย่างเศร้าๆ แล้วก็เดินจากไป พอทงเฮหันหลังกลับไปมองก็พบแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น

     

    เสียงพูดคุยด้านนอกเงียบไปพักหนึ่งแล้ว ทงเฮจึงค่อยได้เอนกายล้มนอน แต่ยังไม่ทันจะได้หลับสนิท เสียงเปิดประตูก็ดังเข้ามา แสงไฟด้านนอกห้องสาดส่องจนคนที่นอนอยู่บนฟูกต้องหยีตาหลบแสง

     

    “ทงเฮ นายช่วยไปนอนห้องแม่ได้ไหม แอร์ห้องพี่เสียน่ะ” เสียงของคยูฮยอนดังเข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่มาในห้องเสียอีก

     

    “ปกติพี่ก็นอนตรงโซฟาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ทงเฮผุดลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย

     

    “เด็กคนนี้นี่ ทำไมชอบเถียงฉันอยู่เรื่อย” คยูฮยอนขึ้นเสียง อึนฮยอกที่หอบหมอนกับผ้าห่มอยู่ด้านหลังจึงเอ่ยขึ้นมาบ้าง

     

    “เราไปนอนข้างนอกกันก็ได้คยูฮยอน”

     

    “ไม่ได้หรอก นายมาทั้งทีจะให้นอนข้างนอกได้ไง ทงเฮ...ขอเถอะ แค่คืนเดียวเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้ช่างมาซ่อมแอร์ห้องพี่แล้ว” คยูฮยอนบอกอึนฮยอก ส่วนท้ายประโยคหันกลับมาพูดกับทงเฮอีกครั้ง ทงเฮพยายามจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อคยูฮยอนเดินเข้ามานอนแทรกอยู่บนฟูก แถมยังพาอึนฮยอกมานอนข้างๆ กันเสียอีก

     

    ทงเฮที่อยากจะเอาชนะพี่ชายจึงนอนนิ่งอยู่แบบนั้น

     

    เอาสิ อยากจะนอนห้องนี้กันนักก็เชิญ แต่อี ทงเฮก็จะไม่ยอมย้ายตัวเองออกไปจากห้องเหมือนกัน

     

     

     

                ทั้งๆ ที่ตอนแรกกำลังจะหลับอยู่แล้วเชียว แต่พอมีคยูฮยอนกับอึนฮยอกเข้ามานอนด้วย ทงเฮจึงได้แต่พลิกตัวไปมาอยู่เกือบค่อนคืน คยูฮยอนหลับไปหลังจากล้มตัวลงไปไม่นานนัก สังเกตได้จากเสียงกรนเบาๆ ที่ดังอยู่ข้างหู ส่วนอึนฮยอกก็คงจะหลับไปแล้วเพราะเห็นนอนนิ่งๆ

     

                ทงเฮผุดลุกขึ้นนั่ง ถ้าเขานอนในนี้ต่อไปต้องไม่ได้หลับแน่ๆ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาทำรายงานอีก ทงเฮคิดว่าเขาควรจะออกไปนอนข้างนอก แต่ก่อนจะลุกออกไปก็อดหันไปมองอึนฮยอกที่นอนข้างพี่ชายไม่ได้

     

                “จะไปไหน?” อึนฮยอกเอ่ยถาม ทงเฮสะดุ้งวาบ

     

                ...เขายังไม่หลับอีกเหรอเนี่ย แถมยังจ้องมองตาแป๋วขนาดนั้น

               

    “คือ...ผม...จะไปข้างนอก”

     

                “รู้แล้วว่าไปข้างนอก แต่จะไปทำไมล่ะ นอนไม่หลับเหรอ?”

     

    อึนฮยอกลุกขึ้นนั่งคุยกับทงเฮโดยที่มีร่างของคยูฮยอนนอนขวางอยู่ตรงกลาง ทั้งคู่มองหน้ากันในความมืด ทงเฮอยากจะมองหน้าอึนฮยอกให้นานกว่านี้ แต่นั่นก็ทำให้เขาคิดถึงพี่ฮยอกแจมากเกินไป จึงได้แต่เบนหน้าหนีไปทางอื่น และลุกขึ้นยืน

     

                “จะไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนไหม?”

     

                คำถามของอึนฮยอกทำให้ทงเฮหันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว เสียงที่อบอุ่นในความรู้สึกแบบนี้ คำพูดแบบนี้ ทงเฮได้แต่จ้องมองอึนฮยอกอย่างไม่เข้าใจ

     

                เมื่อก่อน...ทุกครั้งที่ทงเฮตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ฮยอกแจก็จะเดินไปเป็นเพื่อนเสมอเพราะรู้ดีว่าทงเฮกลัวผีไม่กล้าออกไปคนเดียว

     

                “ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกสั้นๆ ด้วยเสียงที่สั่นไหวมาก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป สุดท้ายแล้วอึนฮยอกก็เดินออกมาเป็นเพื่อนจนได้ รอจนกระทั่งทงเฮเข้าห้องน้ำเสร็จจึงเดินกลับมานอนที่ห้องต่อ แต่ก่อนที่ทงเฮจะเปิดประตู อึนฮยอกก็ดึงทงเฮกลับไปโอบไว้หลวมๆ

     

                “อ๊ะ!

     

                ทงเฮร้องอย่างตกใจ พอพยายามจะดันตัวออก อึนฮยอกก็กระชับอ้อมกอดไว้แน่นขึ้น เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงปล่อยให้อีกฝ่ายกอดไว้อยู่อย่างนั้น

     

                “ปะ...ปล่อยเถอะครับ”

     

    ทงเฮเอ่ยขึ้นหลังจากที่ถูกอีกฝ่ายกอดมานานหลายนาที อึนฮยอกลูบเรือนผมนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนจะยอมปล่อยออกอย่างเสียดาย

     

                “อย่าปล่อยให้คนอื่นกอดง่ายๆ แบบนี้อีกนะ” น้ำเสียงคมกริบบาดลึกหัวใจทำให้ทงเฮเลิกคิ้วสูง

     

                “ผมไม่ได้ยอมให้คุณกอด แต่คุณต่างหากที่ไม่ปล่อยผม”

     

                “แค่ไม่อยากให้นายเศร้าน่ะ” อึนฮยอกวางมือบนศีรษะทงเฮ แล้วเอ่ยต่อ “เข้มแข็งไว้นะทงเฮ”

     

                “คะ...ครับ?”

     

                “ฮยอกแจคงอยากให้ฉันพูดแบบนี้ล่ะมั้ง ไม่รู้สิ บางทีฉัน...” อึนฮยอกไม่พูดต่อ เขาคงรู้ตัวว่าพูดออกมามากเกินสมควรแล้ว “กลับเข้าไปนอนเหอะ ดึกมากแล้ว”

     

                อึนฮยอกพูดตัดบท เขาคว้าข้อมือทงเฮไว้แล้วจูงเข้าไปนอนในห้อง

     

                เป็นการนอนร่วมห้องกันครั้งแรกที่จะว่าประทับใจก็ไม่ใช่ จะไม่ประทับใจก็ไม่เชิง

     

                แต่ทงเฮรู้สึกว่าอี อึนฮยอกคนนี้...ช่างเป็นผู้ชายที่อันตรายและไม่น่าเข้าใกล้มากเหลือเกิน

     

     

    Talk with Eunnana

    มีความรู้สึกว่ามีคำผิดเยอะแฮะ ใครเจอบอกด้วยนะค้า...จะกลับมาแก้

    ไม่งั้นก็เดี๋ยววันเสาร์ซีนจะมาตรวจทานดูอีกทีค่า

    ขอให้อ่านอย่างสนุกน้า...อิอิ

    จะค่อยๆ เฉลยเรื่องราวในอดีตจ้า

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×