ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SuJu Fiction] +++ Nobody Knows...+++ [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : This Fool

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 55


     

    Chapter 1

    This Fool

     

                คุณ...รู้จักพี่ฮยอกแจหรือเปล่าครับ?

     

              ฮยอกแจน่ะเหรอ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ นั่นน้องชายฝาแฝดของฉันเอง ว่าแต่...นายเป็นใครกัน? หรือว่าเด็กรับใช้ของบ้านนี้ เอากระเป๋าฉันไปเก็บในห้องคยูฮยอนให้หน่อยสิ”

     

     

     

                ทงเฮนึกเสียดายที่น้ำตาของตัวเองที่เผยออกไปให้คนตรงหน้าเห็นเมื่อครู่ ผู้ชายคนนี้หน้าตาเหมือนอี ฮยอกแจมากราวกับถอดแบบกันออกมาก็จริง แต่มือหนาที่ถึงเนื้อถึงตัวพี่ชายของเขาอยู่ตลอดเวลาที่พูดคุยก็ทำให้ทงเฮเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหัน

     

                อี ฮยอกแจตายไปแล้ว

     

                ตายไปตั้งแต่หกเดือนก่อนแล้ว

     

                ต่อให้มีใครที่หน้าตาเหมือนฮยอกแจก็ไม่สามารถแทนกันได้

     

                “มัวยืนเซ่ออยู่ได้ เอากระเป๋าของเพื่อนฉันไปเก็บสิ” คยูฮยอนหันมาหาทงเฮที่เอาแต่จ้องมองอึนฮยอกอย่างไม่กระพริบตา ทงเฮหันรีหันขวางแล้วก้มลงไปจับกระเป๋าลาก แต่แล้วก็ชะงักมือไว้แล้วเอ่ยถามขึ้น

     

                “ทำไมผมต้องทำด้วยล่ะ?!” เขาถามพี่ชาย ทว่าอีกคนกลับตอบแทน

     

                “ก็นายเป็นเด็กรับใช้ไม่ใช่เหรอ?”

     

                “พี่คยูฮยอน!” ทงเฮเบะปากราวเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั้งๆ ที่เขาก็เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายแล้ว “บอกเขาไปสิว่าผมไม่ใช่...”

     

                “ฉันบอกให้เอาไปเก็บก็ไปสิ แล้วก็อย่าลืมกลับไปเทอาหารให้ช็อกโก้ด้วยนะ”

     

                คยูฮยอนพูดตัดบท ก่อนจะหันไปส่งยิ้มอ่อนหวานให้กับอึนฮยอก ทงเฮเม้มปากแน่น เขามองท่าทางของคยูฮยอนอย่างหมั่นไส้ ท่าทางแบบนั้นมันพญาเดวิลชัดๆ และผู้ชายที่คบหากับพี่ชายตัวร้ายของเขาได้ก็คงมีนิสัยเหมือนๆ กันล่ะมั้ง

     

                หลังจากได้นินทาทั้งคู่อย่างเงียบๆ ทงเฮก็ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในห้องนอนของพี่ชาย ก่อนจะเดินไปเทอาหารให้ช็อกโก้อยู่ในครัว แกล้งทำเสียงตึงตังเพื่อให้คยูฮยอนกับแขกคนพิเศษคุยกันไม่รู้เรื่อง

     

                ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วยนะทงเฮ

     

                โกรธที่ถูกเรียกว่า...เด็กรับใช้

     

                โกรธที่พี่ชายต่างบิดาทำเขาขายหน้า

     

                หรือโกรธ...ที่ผู้ชายคนนี้หน้าตาเหมือนคนที่ตายไปแล้วกันแน่

     

     

     

                “นี่! ช่วยทำเสียงเบาๆ หน่อยจะได้ไหม อย่าทำตัวเป็นเด็กไม่มีมารยาทเหมือนพ่อแม่ไม่สั่งสอนสิ”

                คยูฮยอนทนไม่ไหวจนต้องเดินเข้ามาต่อว่าทงเฮถึงในครัว ทงเฮทำจมูกฟุดฟิดแล้วจ้องมองคนเป็นพี่ชายอย่างเอาเรื่อง

     

                “แม่ของผมก็เป็นแม่ของพี่เหมือนกัน...”

     

                “แต่พ่อนายไม่ใช่!” คยูฮยอนกัดฟันกรอด “และนายก็ไม่มีวันใช่น้องชายฉัน”

     

                “อย่างน้อยก็น่าจะบอกเพื่อนของพี่ว่าผมไม่ใช่เด็กรับใช้” ทงเฮพูดจบก็เดินไปล้างมือ เขาอยากจะร้องไห้ แต่น้ำตามันไหลกลับเข้าไปข้างในจนหมด ทงเฮรู้สึกเหมือนเขาช้ำในจนกำลังจะหมดแรงตายอยู่แล้ว

     

                “นายอยากให้ฉันบอกคนอื่นหรือไงว่าแม่เราแต่งงานสองรอบ”

     

                สุดท้ายทงเฮก็เถียงต่อไม่ออก เขาเดินเลียงออกมาจากในครัว ขณะที่คยูฮยอนเดินเข้าไปทำเครื่องดื่มบางอย่างให้กับแขกคนพิเศษด้วยตัวเอง

     

     

     

                ทงเฮเดินออกมายังส่วนรับแขกและมองหาลูกสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนตัวน้อย เขาหันไปสบตาอึนฮยอกแวบหนึ่ง แต่ทำเป็นไม่สนใจเพราะไม่อยากหวั่นไหวให้กับดวงตาคมกริบคู่นั้น จึงก้มหน้าก้มตามองหาช็อกโก้ต่อ แต่เมื่อหาเท่าไรก็ไม่พบจึงส่งเสียงเรียก

     

                “ช็อกโก้ ช็อกโก้ลูก...ได้เวลาอาหารเย็นแล้วน้า”

     

                เสียงครางหงิงๆ ประจำตัวช็อกโก้เวลาอยากจะเล่นหรืออ้อนเจ้าของดังขึ้น ทงเฮหันไปมองตามต้นเสียง ก่อนจะพบว่าเจ้าช็อกโก้โผล่หัวขึ้นมาจากตักของอึนฮยอกนี่เอง เขาจึงรีบวิ่งไปคว้าช็อกโก้มากอดไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น

     

                “อย่ายุ่งกับช็อกโก้นะ”

     

                “ฉันไม่ได้ยุ่ง เจ้านั่นมันกระโดดขึ้นมานั่งบนตักฉันเองต่างหาก” เขาบอกพลางยักไหล่ มือหนาปัดขนช็อกโก้ที่ติดตามกางเกงของตัวเองออก ก่อนจะเอ่ยถาม “มันชื่อช็อกโก้เหรอ?”

     

                “ใช่! คุณไม่รู้หรือไง ถ้า...เอ่อ...ถ้าคุณกล่าวอ้างว่าเป็นพี่ชายฝาแฝดของพี่ฮยอกแจน่ะ คุณก็น่าจะรู้ว่าเขามีหมาตัวโปรดชื่อช็อกโก้”

     

                ทงเฮร่ายยาวอย่างโมโห พี่น้องฝาแฝดกันภาษาอะไร นิสัยต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งสุภาพและเทคแคร์ทงเฮอย่างดี ในขณะที่คนตรงหน้ากลับหาความเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้เลยสักนิด เจอกันครั้งแรกก็ใช้เขายกกระเป๋าเสียแล้ว

     

                “ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ”

     

    อึนฮยอกเอ่ยบอก เพียงแค่นั้นแววตาของทงเฮก็เป็นประกายแวววาวที่จะได้รู้เรื่องของคนรัก

     

    “ฮยอกแจเลี้ยงหมาชื่อช็อกโก้ แต่ก่อนจะไปเรียนต่อที่อเมริกา เขาฝากแฟนที่ชื่อทงเฮเลี้ยงไว้ หมอนั่นมันพูดกรอกหูฉันทุกวันเลยนะว่าแฟนมันน่ารักมาก”

     

                “ผมนี่แหละอี ทงเฮ แฟนของพี่ฮยอกแจ” ทงเฮแนะนำตัวเอง เผื่อว่าคนตรงหน้าจะยังไม่รู้ แต่อึนฮยอกนั้นรู้ดี เขาเห็นทงเฮครั้งแรกในงานศพของอี ฮยอกแจ แต่ไม่ได้เข้าไปพูดคุยหรือทำความรู้จักแต่อย่างใด

     

                “นายน่ะเหรอที่ชื่อทงเฮ ฮยอกแจอวดกับฉันไว้ซะเยอะเลย แต่พอฉันได้มาเห็นตัวจริงแล้ว...” พูดยังไม่ทันจบ ดวงตาเรียวยาวแต่คมคายก็มองทงเฮตั้งแต่หัวจรดเท้าจนคนถูกมองรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ทะ...ทำไม ผมเป็นยังไง?!

     

    “ก็น่าเกลียดกว่าที่คิดไว้เยอะเลยน่ะสิ”

     

    “นี่คุณ!

     

    “ถ้าใส่ที่เสริมส้นก็น่าจะเกินร้อยเจ็ดสิบอยู่ใช่ไหม นายใส่สามหรือสี่ชั้นล่ะ?”

     

    ทงเฮกัดฟันแน่น เขาบีบช็อกโก้อย่างลืมตัวจนมันส่งเสียงร้องอย่างงอนๆ แล้วกระโดดหลุดจากมือไปขึ้นนั่งบนตักอึนฮยอกอีกครั้ง

     

    “ช็อกโก้ นั่นไม่ใช่ฮยอกแจอัปป้านะ”

     

    ทงเฮบอกลูกรักที่ไม่เชื่อฟังเขาเลยสักนิด จึงได้แต่หันหลังเดินหนีไปอย่างงอนๆ ช็อกโก้ที่แสนรู้ก็วิ่งตามลงไปราวกับตามไปง้อเจ้านาย หากแต่ข้อมือของทงเฮกลับถูกรั้งเอาไว้

     

    “เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป”

     

    ทงเฮหันไปตามข้อมือของตนเอง คนที่เกาะแขนไว้ในตอนแรกจึงปล่อยมือออกอย่างลืมตัว เขามองทงเฮด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ไม่มีความกวนประสาท ไม่มีแววยั่วโมโหเหมือนวินาทีก่อนหน้านี้เลยสักนิดเดียว

     

    “เขาตายไปหลายเดือนแล้วนะ นาย...ยังไม่มีคนใหม่อีกเหรอ?”

     

    “ผมรักพี่ฮยอกแจ” ทงเฮตอบสั้นๆ และมั่นใจว่าคนฟังจะเข้าใจได้ง่ายดายที่สุด หากแต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าช้าๆ

     

    “รักก็ส่วนรัก แต่น้องชายฉันคงไม่ดีใจหรอกถ้าชีวิตของคนที่เขารักยังจมปรักอยู่แบบนี้ ฮยอกแจตายไปนานแล้ว และชีวิตของนายก็ยังต้องดำเนินต่อไป”

     

                “คุณไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า” ทงเฮจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาแน่วแน่ “ต่อให้เขาจะอยู่หรือตาย ผมก็จะไม่ทรยศเขาเด็ดขาด”

     

                เมื่อพูดจบ ทงเฮก็หันหลังเดินเข้าห้องนอนไปในทันที เขาไม่ทันได้เห็นอึนฮยอกที่กำลังลอบยิ้มอยู่ด้วยซ้ำ ทงเฮไม่รู้หรอกว่าอึนฮยอกที่ได้ยินคำตอบรู้สึกอย่างไรบ้าง เช่นเดียวกับคยูฮยอนที่เพิ่งเดินออกมาก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าอึนฮยอกกำลังยิ้มเพราะมีความสุขเรื่องอะไร

     

                “น้ำแดงมะนาวโซดาได้แล้วนะ” คยูฮยอนยื่นแก้วน้ำหวานสีแดงสดใสให้กับชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง อึนฮยอกจึงได้ละสายตาจากแผ่นหลังของทงเฮกลับมาที่คยูฮยอนอีกครั้ง

     

                “นายนี่รู้ใจฉันไม่เปลี่ยนเลยนะ” อึนฮยอกว่าพลางคนน้ำหวานสีแดงที่นอนอยู่ก้นแก้วให้เข้ากันกับโซดาด้านบน เขานั่งลงที่โซฟาตามเดิมทั้งๆ ที่ยังลบใบหน้าของทงเฮออกจากความคิดไม่ได้

     

                “ก็ฉันเป็นเพื่อนนายนี่นา” คยูฮยอนตอบทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกเหมือนคำพูดเลยสักนิด

     

                “แค่เพื่อนเหรอ?” ฮยอกแจทวนคำ

     

                “ก็แค่เพื่อนน่ะสิ นายให้ฉันได้เท่านี้เองไม่ใช่เหรอ” คำตอบของคยูฮยอนทำให้คนฟังรู้สึกวูบวาบขึ้นมาในใจอย่างหาเหตุผลไม่ได้ เป็นเพราะแบบนี้เองสินะที่ความสัมพันธ์ของอึนฮยอกกับคยูฮยอนไม่คืบหน้า เป็นเพราะว่ามีความเป็นเพื่อนมาขวางกั้นเอาไว้นี่เอง

     

                “แล้วถ้า...” อึนฮยอกวางแก้วน้ำลง เขาหันมาจ้องมองคยูฮยอนอย่างจริงจังมากขึ้น

     

                “เมื่อกี้คุยอะไรกับเด็กนั่นน่ะ คงไม่ได้จีบทงเฮหรอกใช่ไหม?” คยูฮยอนหรี่ตาถาม ในใจของเขาหึงหวงมาก เพื่อนๆ หลายคนที่อยู่ในเกาหลีมักฝากความคิดถึงมาให้ทงเฮอยู่เสมอ คยูฮยอนรู้สึกอิจฉาน้องชายที่น่ารักกว่า เพราะผู้ชายในแบบที่เขาชอบมักจะหลงรักทงเฮกันหมด

     

                คยูฮยอนกลัวว่าอึนฮยอกที่ตนเองแอบชอบก็จะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

     

                “ถ้าฉันจีบเด็กกะโปโลคนนั้น ฉันจีบนายไม่ดีกว่าเหรอ...หืม?” อึนฮยอกไม่พูดเปล่า ยังเกลี่ยผมคยูฮยอนอย่างเอ็นดูอีกด้วย คยูฮยอนรู้สึกดีที่อึนฮยอกทำแบบนี้ ต่อให้อึนฮยอกจะเจ้าชู้กับเขาแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่คยูฮยอนจะตักตวงได้

     

                “อย่ามาพูดเล่นสิ ฉันคิดจริงนะ”

     

                “ฉันดูเหมือนคนกำลังพูดเล่นเหรอ?” อึนฮยอกเริ่มรุกหนักมากขึ้น

     

                “เอ่อ...ก็...” คยูฮยอนได้แต่ก้มหน้า กลัวว่าอึนฮยอกจะทำให้อยากแล้วก็จากไปจึงไม่กล้าตอบอะไรออกมา “จริงสิ เมื่อกี้นายบอกทงเฮไปหรือยังว่านายรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทงเฮเป็นน้องชายฉัน ไม่ใช่เด็กรับใช้”

     

                “ไม่ได้บอกหรอก” อึนฮยอกยิ้มกว้างอย่างนึกสนุก “ปล่อยให้คิดว่าฉันเข้าใจผิดต่อไปแบบนั้นแหละ น้องนายตลกดี”

     

                “ห้ามชอบทงเฮนะ!” คยูฮยอนโพล่งขึ้นเพราะคิดเสียงดังไปหน่อย อึนฮยอกจึงรั้งร่างโปร่งเข้ามากอดเอาไว้อย่างหลวมๆ

     

                “คยูฮยอน ฉันน่ะไม่ได้พบหน้านายตั้งนาย ตั้งแต่น้องชายฝาแฝดของฉันเสีย ไม่สิ! ตั้งแต่นายย้ายออกไปอยู่ที่ฟลอริด้า เราก็ไม่เจอกันอีกเลย...ใช่ไหม”

     

                “อื้อ” คยูฮยอนตอบเสียงอู้อี้เพราะพูดไม่ถนัดนัด

     

                “ฉันคิดถึงนายมากนะ มากจนฉันรู้ตัวเองว่าที่จริงแล้วฉันน่ะ...”

     

                Rrrr Rrrr

     

                เสียงโทรศัพท์มือถือของคยูฮยอนดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกัน คยูฮยอนมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วกดปิดเสียงเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอึนฮยอกอีกครั้ง

     

                “เมื่อกี้นายว่าไงนะ?”

     

                “นายรับโทรศัพท์ก่อนสิ” อึนฮยอกบอก

     

                “ไม่ ฉัน...ฉันจะฟังนายพูดก่อน เมื่อกี้นายจะบอกอะไรฉัน”

     

                “คนที่โทรมาเขากำลังรอนายอยู่นะ”

     

                คยูฮยอนรู้สึกเสียดายและโมโหมากที่มีคนเข้ามาขัดนาทีทองของเขา แต่ในเมื่ออึนฮยอกบอกให้รับสาย เขาจึงต้องทำตาม

     

                “ว่าไง?!

     

                [ทำไมรับสายช้าจัง?] เสียงทุ้มจากปลายสายเอ่ยถาม

     

                “ฉันเข้าห้องน้ำ”

     

                [ถ่ายหนักหรือถ่ายเบาล่ะ?]

     

                “นายจะอยากรู้ไปทำไม”

     

                [ก็ถ้าคุณโกหกผม คุณก็จะเลี่ยงไม่ตอบคำถามน่ะสิ] ปลายสายพูดอย่างรู้ทัน คยูฮยอนส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ เขาเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อไม่ให้อึนฮยอกได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูด

     

                “ก็ได้ ฉันโกหก จริงๆ แล้วฉันมีแขกอยู่”

     

                [ใคร?]

     

                “เพื่อน”

     

                [ชื่ออะไรล่ะ ผมรู้จักหรือเปล่า นี่คุณห้ามยกหัวใจของคุณให้คนอื่นนอกจากผมนะ]

     

                “ชเว ซีวอน!” คยูฮยอนตวาดเสียงดัง “นายจะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับนายนะ”

     

                [แต่แม่คุณชอบผมนี่นา แล้วคุณก็เป็นของผมด้วย]

     

                “ฉะ...ฉันไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไร?” คยูฮยอนพูดตะกุกตะกัก ใบหน้าหวานแดงก่ำทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รู้สึกเขินใครเลยสักนิด

     

                [จะให้ผมพูดไหมล่ะว่าเมื่อไร ก็ตอนนั้นไง ที่คุณ...]

     

                “ห้ามพูดนะ!” คยูฮยอนขัดขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “ฉันจะวางสายแล้ว ฉันคุยกับเพื่อนอยู่ ไม่ว่างคุยไร้สาระกับนายหรอก”

     

                [วางก็ได้ แต่ช่วยเปิดประตูให้ผมหน่อยสิ ผมอยู่หน้าบ้านคุณแล้ว]

     

                “ไม่! บ้านฉันไม่ใช่ที่สาธารณะนะที่ใครจะไปจะมาก็ได้น่ะ”

     

                คยูฮยอนส่งเสียงดังอย่างโมโห แต่คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟากลับสะดุ้งเพราะโดนหางเลขไปด้วย คยูฮยอนจึงโบกมือปฏิเสธว่าไม่ได้หมายถึงอึนฮยอก เขายืนคุยโทรศัพท์เถียงกับซีวอนอยู่ไม่นานนักก็เดินไปเปิดประตูบ้านให้ชายหนุ่มจนได้

     

     

    Talk with Eunnana

    อ่า...กลับมาอีกแล้ว เอาปมมาให้เพิ่มขึ้นอีกนิด โฮะๆๆๆ

    เรื่องนี้ยังงงๆ คนแต่งนี่แหละค่าที่งง เอ๋?

    เอาเป็นว่า...มีปมอยู่ในเรื่องเยอะแยะมากมายเลย

    จะต้องค่อยๆ เฉลยออกมาทีละนิด อะไรที่คนอ่านสงสัยว่าทำไมๆๆๆ

    เอาไว้ติดตามในตอนหน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นะค้า...

    เจอกันวันหยุดค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×