ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 บทส่งท้าย
เลื่อนลงไปอ่าน ‘ตอนจบ’ ได้เลยจ้า!!!!!
|
||||
|
||||
|
Name : `สมติ่ง< My.iD > [ IP : 1.0.224.70 ]
Email / Msn: pai.pimprapa(แอท)hotmail.com วันที่: 29 มิถุนายน 2555 / 22:33 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : กะตังค์ คูก้า คร๊าฟ< My.iD > [ IP : 125.26.152.48 ]
Email / Msn: waytanee(แอท)hotmail.com วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 22:39 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : กะตังค์ คูก้า คร๊าฟ< My.iD > [ IP : 125.26.152.48 ]
Email / Msn: waytanee(แอท)hotmail.com วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 22:26 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : กะตังค์ คูก้า คร๊าฟ< My.iD > [ IP : 125.26.152.48 ]
Email / Msn: waytanee(แอท)hotmail.com วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 22:04 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
Name : กะตังค์ คูก้า คร๊าฟ< My.iD > [ IP : 125.26.152.48 ]
Email / Msn: waytanee(แอท)hotmail.com วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 21:45 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : กะตังค์ คูก้า คร๊าฟ< My.iD > [ IP : 125.26.152.48 ]
Email / Msn: waytanee(แอท)hotmail.com วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 21:25 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : กะตังค์ คูก้า คร๊าฟ< My.iD > [ IP : 125.26.152.48 ]
Email / Msn: waytanee(แอท)hotmail.com วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 21:11 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : E.L.F*JW< My.iD > [ IP : 119.42.108.160 ]
Email / Msn: noo_smind(แอท)hotmail.com วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 17:31 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : meenunsae [ IP : 110.164.213.157 ]
Email / Msn: - วันที่: 28 มิถุนายน 2555 / 07:08 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : mena [ IP : 110.168.194.228 ]
Email / Msn: - วันที่: 27 มิถุนายน 2555 / 22:53 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : kyo* [ IP : 180.183.50.158 ]
Email / Msn: - วันที่: 27 มิถุนายน 2555 / 22:42 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : Pinoczkio [ IP : 27.130.109.158 ]
Email / Msn: - วันที่: 27 มิถุนายน 2555 / 22:03 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : lee eun [ IP : 58.11.175.3 ]
Email / Msn: miracle_609(แอท)hotmail.com วันที่: 27 มิถุนายน 2555 / 21:57 |
|
|
|
|
|
||||
|
||||
|
Name : พิณ [ IP : 180.180.45.162 ]
Email / Msn: - วันที่: 27 มิถุนายน 2555 / 21:51 |
Chapter 13
บทส่งท้าย
‘0809’
ดวงหน้าหวานก้มลงมองกระดาษในมือตัวเองสลับกับแผ่นป้ายหน้าห้องเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เขามั่นใจว่าตัวเองมาถึงที่นี่เป็นคนแรก แต่กลับแปลกใจเมื่อประตูไม่ได้ปิดสนิทอย่างที่ควรจะเป็น
“ทำดีๆ หน่อยสิฮยอกแจ เอาผ้ามาเช็ดฝุ่นตรงนี้ แล้วก็เช็ดในลิ้นชักด้วย”
“แม่ล่ะก็ สั่งกันอยู่ได้”
“ก็ลูกทำอะไรชักช้านี่นา เสร็จแล้วจะได้ปูเตียง มินโฮ...ลูกเอาผ้ามาปูเตียงให้น้องเลย แล้วก็เอาไม้แขวนเสื้อมาแขวนให้น้องด้วยลูก”
“ครับแม่”
เสียงของผู้หญิงหนึ่งคนกับผู้ชายอีกหนึ่งคน ไม่สิ...สองคนต่างหาก ทั้งหมดอยู่ในนั้น ทงเฮผลักประตูเข้าไปก็พบกับรูมเมทและครอบครัวของฝ่ายนั้นที่มาถึงก่อนเขา
“เอ่อ...น้องครับ มาผิดตึกหรือเปล่า ที่นี่หอพักชายนะ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งและมีหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาใกล้ เขาโน้มลงมาจ้องหน้าเล่นทำเอาอี ทงเฮกระพริบตาปริบๆ
“ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ”
“งั้นนายก็เป็นรูมเมทฉันเหรอ?” ชายหนุ่มอีกคนกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับใช้ผ้าขี้ริ้วที่เต็มไปด้วยฝุ่นชี้มาทางเขา ทงเฮพยักหน้าช้าๆ ทำให้สองพี่น้องหันไปมองหน้ากัน
“เป็นไปไม่ได้!” คนเป็นพี่เอ่ยขึ้น
“พี่อย่าคิดอะไรเกินเลยนะ ถึงจะเป็นผู้ชายแบบที่พี่ชอบก็ห้ามจีบ นั่นเป็นรูมเมทของผม” คนที่ยืนอยู่บนเตียงกระโดดลงมายืนตรงหน้าทงเฮ ก่อนจะยื่นมือออกมาตรงหน้า “สวัสดี ฉันชื่ออี ฮยอกแจ”
“ฉัน...อี ทงเฮ สวัสดีครับ” ทงเฮไม่ลืมหันไปโค้งทักทายให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท ชายหนุ่มสองพี่น้องลากกันไปซุบซิบอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวของฮยอกแจก็กลับบ้านไป
ทงเฮกับฮยอกแจพบกันครั้งแรกอย่างเรียบง่าย
พวกเขาจัดของในส่วนของตัวเองโดยไม่ได้สนทนาอะไรกันอีกตลอดทั้งวัน
คืนแรกที่หอพัก ทงเฮและฮยอกแจต่างก็ไปกินข้าวกับเพื่อนโรงเรียนเก่า ทงเฮกินข้าวเสร็จก็กลับมาที่ห้องเลยทันที แต่ฮยอกแจกลับมาเกือบสี่ทุ่ม แถมยังมีกลิ่นเหล้าอ่อนๆ โชยมาอีกด้วย พอมาถึงก็พบว่าในห้องยังเปิดไฟสว่างจ้า ทงเฮนั่งอยู่บนเตียง มีโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ วางอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าทงเฮกำลังจดหรือเขียนบันทึกอะไรสักอย่าง
พอฮยอกแจมาถึงก็สลัดรองเท้าไปคนละทิศละทาง ปิดไฟและเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า
“อ๊ะ!” เสียงร้องอย่างตกใจทำให้ฮยอกแจหันไปตามต้นเสียง
“เป็นอะไรไป เขียนหนังสือยังไม่เสร็จเหรอ?”
“ปะ...เปล่าหรอก เขียนเสร็จแล้วพอดี”
“แล้วร้องทำไมล่ะ?” ความจริงฮยอกแจไม่จำเป็นต้องอยากรู้ก็ได้ และทงเฮก็อาจจะไม่อยากบอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงที่สั่นเครือทำให้ฮยอกแจเกิดความเป็นห่วงขึ้นมาในใจ
“ฉะ...ฉันจะนอนแล้วนะ” ทงเฮไม่ได้ตอบ เขาเพียงนำโต๊ะญี่ปุ่นวางไว้ข้างเตียง แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้ฮยอกแจ แสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาพร้อมๆ กับฮยอกแจที่เริ่มปรับสายตาให้ชินกับความมืดได้แล้ว เขามองแผ่นหลังที่สั่นทะท้านของทงเฮแล้วก็เพ่งมองด้วยความตกใจ
“นี่...นะ...นาย”
“เรียกฉันเหรอ?” ทงเฮเอียงคอมาเล็กน้อยเท่านั้นแต่ยังหันหลังให้เหมือนเดิม
“อื้อ นาย...ชื่อว่าอะไรนะ?”
“ทงเฮ”
“นายร้องไห้อยู่หรือเปล่า?”
“เปล่า”
“อย่าโกหกน่า ฉันรู้ เสียงนายสั่น แล้วนายกำลังกลั้นเสียงสะอื้นอยู่ด้วย” คำรู้ทันของฮยอกแจทำให้ทงเฮพลิกตัวหันกลับมาจ้องตาแป๋ว น้ำตาที่เป็นประกายวาววับในความมืดช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน
มันมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของคนเราได้มากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
“ร้องไห้จริงๆ ด้วย” ฮยอกแจเอ่ยขึ้น เขาเอามือรองศีรษะแล้วนอนคุยกับทงเฮในความมืด “เป็นอะไรอ่า?”
“กลัว...”
“กลัวอะไร?”
“กลัวผีน่ะสิ ถ้าปิดไฟแล้วมันน่ากลัวนะ” คำตอบของทงเฮทำให้ฮยอกแจเกือบหลุดขำ
“แต่การปิดไฟนอนทำให้เราหลับสนิทนะ แม่ฉันบอกมา”
ทงเฮไม่ตอบอะไร แม่ของเขาไม่เคยสอนแบบนั้น ถ้าแม่ยังอยู่แม่อาจจะสอนก็ได้ แต่พ่อกับแม่ของทงเฮก็จากไปนานมากแล้ว
“มาทำข้อตกลงกันไหม?” ฮยอกแจเสนอขึ้น
“ข้อตกลง?”
“ก็ต้องอยู่ร่วมกันอีกตั้งสี่ปีไม่ใช่เหรอ หรือว่านายจะย้ายออกตั้งแต่วันพรุ่งนี้ล่ะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ฉันจะอยู่ที่นี่ให้ครบสี่ปี”
“ฉันเองก็ไม่เรื่องมากเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ต้องมีข้อตกลง” ทงเฮพยักหน้าเบาๆ ปาดน้ำตาออกจากใบหน้า เกือบลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ตนร้องไห้เพราะความหวาดกลัวมากเพียงใด
“ฉันต้องปิดไฟเวลานอนทุกคืนใช่ไหม?” ทงเฮเอ่ยถาม เพราะมันเป็นเรื่องแรกที่พวกเขาควรจะจัดการ
“ปิดไฟเพดานแล้วเปิดตรงหัวเตียงก็ได้ คนละครึ่งทาง นายโอเคไหม?” ทงเฮพยักหน้าอีกครั้ง “ถ้าคืนไหนไม่กลับมานอนที่หอต้องโทรบอกกันด้วยนะ”
“อืม...” ทงเฮคิดว่าข้อนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก ถึงจะไม่สนิทกัน แต่ก็ไม่ควรทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง “เรื่องทำความสะอาด...”
“ฉันไม่ล้างห้องน้ำนะ ไม่เด็ดขาด” ฮยอกแจรีบชิงบอก ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยเสียงอ่อย “แต่ให้ล้างจานกับถูพื้นได้ ไม่มีปัญหา”
“เดี๋ยวฉันล้างห้องน้ำเอง”
“อ้อ! ห้ามพาคนอื่นมานอนที่ห้องด้วย” ฮยอกแจเอ่ยขึ้นเสียงดัง ข้อนี้สำคัญมาก เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย แต่ชอบออกไปหาความวุ่นวายเสียเอง
“อือ จะไม่พามาหรอก”
“นึกไม่ออกแล้วอ่ะ เอาไว้ค่อยปรับกันไปเรื่อยๆ แล้วกันเนอะ”
“ปรับกันไปเรื่อยๆ” ทงเฮทวนคำแล้วหลับตาลง เขาคิดว่าข้อตกลงมีแค่นี้จึงตั้งใจว่าจะนอนหลับ แม้ภายในห้องจะยังมืดอยู่ก็ตาม แต่แสงจากโคมไฟบนหัวเตียงก็วูบวาบขึ้นจนทงเฮต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“แค่นี้ก็นอนได้แล้วล่ะ” ฮยอกแจยิ้มอย่างอบอุ่น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทงเฮได้รับรอยยิ้มแบบนั้น เขารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงดวงตา แต่ฮยอกแจก็ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ถ้านายกลัวผีมาก เรา...เอ่อ...เราขยับเตียงมาชิดกันดีไหม” ทงเฮอ้าปากค้างกับคำชวนของคนที่เพิ่งรู้จักกันวันแรก “ห้อง...ของเรา...จะได้กว้างขึ้นด้วยไงล่ะ”
คืนวันผ่านไปทีละนิด แต่ทงเฮคิดว่าความสนิทสนมของเขาและฮยอกแจไม่ได้เพิ่มขึ้นมาจากวันแรกที่รู้จักกันเลย พวกเขานอนเตียงเดียวกันก็จริง แต่ก็ไม่เคยล้ำเส้นกั้นระหว่างเตียงไปหาอีกฝ่ายเลยสักครั้ง บางคืนทงเฮอาจจะนอนดิ้นจนพลิกตัวไปอิงแอบแนบซบอกของฮยอกแจ แต่เขาก็ตื่นก่อนและรีบลุกจากเตียง ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฮยอกแจไม่เคยรู้เรื่องนี้...
เหมือนที่ทงเฮเองก็ไม่เคยรู้ตัวว่าบางครั้งฮยอกแจก็นอนดิ้นมาหาเขาแล้วรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนเช่นเดียวกัน
วันหนึ่ง...ตอนปีสอง ทงเฮไปทำรายงานห้องเพื่อนที่อยู่ถัดไปอีกสิบสองบล็อก คืนนั้นฝนตกหนักมาก และแบตโทรศัพท์ก็หมด ทงเฮจึงไม่ได้โทรไปบอกฮยอกแจ เขากังวลมาก จึงยืมโทรศัพท์เพื่อนโทรไปบอกรูมเมทว่าคืนนี้จะไม่กลับเนื่องจากไม่สามารถวิ่งฝ่าพายุได้
ฮยอกแจบอกว่าเข้าใจและวางสายไป แต่อีกไม่กี่นาทีก็โทรกลับมา เขาบอกสั้นๆ ว่าให้ทงเฮรีบเก็บของและลงไปด้านล่าง ทงเฮทำตามที่ฮยอกแจบอกจึงได้รู้ว่าฮยอกแจถือร่มมาสองคัน คันหนึ่งกางไว้ท่ามกลางสายฝน อีกคันยื่นส่งให้ทงเฮ และก็เดินนำกลับหอไป
พวกเขาไม่ได้อยู่ในร่มคันเดียวกัน
แต่เรื่องในคืนนั้นเป็นสิ่งที่ทงเฮยังจดจำมาจนถึงตอนนี้
เช้าวันต่อมา ฮยอกแจป่วยเพราะโดนละอองฝน ทงเฮจึงอยู่เฝ้าไข้ให้ทั้งคืน ผลสุดท้ายก็ติดไข้ไปด้วยกันจนแม่ของฮยอกแจต้องมาดูแลทั้งคู่
ตอนปีสามเทอมหนึ่ง มีรุ่นพี่ปีสี่มาจีบทงเฮ และมาส่งทงเฮที่ห้องบ่อยๆ ทงเฮรู้ว่าฮยอกแจไม่พอใจนัก ข้อตกลงของพวกเขาคือห้ามพาคนอื่นมาที่ห้อง แต่ทงเฮก็ไม่รู้จะปฏิเสธรุ่นพี่คนนั้นได้อย่างไร
ฮยอกแจไม่ได้แสดงท่าทางโกรธเคืองหรือพูดตรงๆ กับทงเฮ แต่ช่วงนั้นฮยอกแจก็เงียบๆ ไป ไม่ชวนกินข้าวหรือถามไถ่ทุกข์สุขกันเลยสักคำ ทงเฮที่ปกติมักจะเงียบอยู่เสมอจึงเดินเข้ามาถามตรงๆ
“ฮยอกแจ นายโกรธอะไรฉันหรือเปล่า?”
“เปล่านี่” ฮยอกแจตอบแล้วก็หันหน้าหนีไปทางอื่น ทงเฮจึงเกาะแขนฮยอกแจไว้แน่น
“บอกมาตรงๆ เถอะ ฉันหน้าด้านถามนายตรงๆ ขนาดนี้แล้วนะ” ทงเฮเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเกาะแขนฮยอกแจแน่นเกินไป จึงค่อยๆ คลายมือออก “ฉัน...ฉันไม่เข้าใจคนแบบนายเลย ถ้าโกรธ...ทำไมถึงไม่บอกว่าโกรธล่ะ?”
“ก็ฉันนึกว่านายจะรู้ตัวน่ะสิ” ฮยอกแจหันมาตอบด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว ทงเฮน้ำตาร่วงเผาะเพราะตกใจที่ฮยอกแจพูดกับตนแบบนั้น เขาพยักหน้าระรัวไม่ได้ถามอะไรฮยอกแจอีก ร่างบางหมุนตัวหันกลับไป แต่เสียงของฮยอกแจก็ดังขึ้นเบาๆ อยู่ด้านหลัง “ขอโทษ...”
ขาเรียวของทงเฮหยุดกึก แค่คำนี้คำเดียว เขาก็พร้อมจะยกโทษให้ฮยอกแจแล้ว
“ฉัน...ไม่ชอบที่นายทำผิดข้อตกลงของเรา”
“เรื่องรุ่นพี่คนนั้น ฉันปฏิเสธเขาไปหลายครั้งแล้ว”
“เรื่องรุ่นพี่คนนั้น ฉันปฏิเสธเขาไปหลายครั้งแล้ว”
“นายไม่เด็ดขาด!” ฮยอกแจออกความเห็น ทงเฮจึงเถียงไม่ออกเพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนเด็ดขาดอย่างที่ฮยอกแจว่าจริงๆ
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?”
“บอกเขาว่านายอยู่ที่นี่กับแฟน เราเป็นแฟนกัน เราอยู่ด้วยกัน!”
ทงเฮพยักหน้า และหันหลังเดินออกจากห้องไป ฮยอกแจให้เขาไปบอกกับรุ่นพี่ที่มาจีบว่าเป็นแฟนกัน แม้จะเป็นแค่คำพูด แต่ทงเฮกลับรู้สึกเหมือนว่าตนกับฮยอกแจได้เป็นคู่รักกันจริงๆ
เขาคิดไปเองว่าฮยอกแจหึง
ทั้งๆ ที่ฮยอกแจก็ควงรุ่นน้องรุ่นพี่ในมหาลัย ทั้งในคณะนอกคณะแทบไม่ซ้ำหน้ากันทุกวัน แต่ทงเฮก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆ ฮยอกแจแบบนี้
ตอนปีสี่ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ฮยอกแจกับทงเฮต้องทำโปรเจ็คท์เพื่อให้จบการศึกษา ด้วยความที่อยู่คนละคณะกัน พวกเขาจึงแทบไม่เจอกันเลย วันหยุดก็ต้องไปออกพื้นที่บ้างล่ะ ไปนั่งทำรายงานที่หอพักของเพื่อนบ้างล่ะ ไปค้นคว้าที่ห้องสมุดบ้างล่ะ นานๆ ทีพวกเขาจะได้มาเจอกันที่หอพัก
วันหนึ่งฮยอกแจนั่งมองดาวอยู่นอกระเบียง ทงเฮมองฮยอกแจผ่านกระจกใสแล้วตกอยู่ในภวังค์ เสี้ยวใบหน้าเรียบเฉยของฮยอกแจสวยงามเหมือนรูปปั้น ทงเฮไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรักฮยอกแจได้มากขนาดนี้
เขารักฮยอกแจมากขึ้นทุกวันในขณะที่ฮยอกแจไม่เคยรู้ตัวเลย
อี ทงเฮ...เป็นคนเงียบๆ ในความคิดของฮยอกแจ
จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น ทงเฮคนนี้ก็อยากจะสดใส ทงเฮคนนี้ก็อยากจะยิ้มสวยๆ ต่อหน้าคนที่ทงเฮรักเหมือนกัน แต่เพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ กลัวว่าจะถูกฮยอกแจรังเกียจที่สารภาพรักออกไป จึงได้แต่เก็บตัวและไม่สุงสิงอย่างที่ใจอยากจะทำ
อี ทงเฮ...ตลอดทั้งสี่ปีในความคิดของฮยอกแจก็เป็นแบบนั้นเอง
“อ้าว! กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” ฮยอกแจหันมาเห็นทงเฮยืนนิ่งอยู่ก็เอ่ยทักขึ้น ทงเฮหันซ้ายขวาเลิ่กลั่กเพราะกลัวจะถูกจับได้ที่แอบมอง เขาเปิดประตูออกไปหาฮยอกแจแล้วนั่งลงข้างๆ กัน
“เพิ่งกลับมาถึงน่ะ”
“ดูดาวด้วยกันไหม?” ฮยอกแจเอ่ยชวนแล้วแหงนขึ้นไปมองบนท้องฟ้า
“ฉันไม่ชอบดูดาวหรอก ฉันดูดาวไม่เป็น”
“ไม่! ฉันก็ดูไม่เป็น รู้จักแค่ดาวเหนือกับดาวลูกไก่เท่านั้นแหละ แต่ดูบนฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับเต็มไปหมดมันก็เพลินดีนะ”
ทงเฮค่อยๆ แหงนขึ้นไปบนท้องฟ้าบ้าง ดาวสวยอย่างที่ฮยอกแจว่าจริงๆ
บางที...คืนนี้ดวงดาวอาจจะสวยงามที่สุดก็ได้
โดยเฉพาะดวงดาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ทงเฮคนนี้ สวยที่สุดในดวงตาเลยล่ะ
“ฉันชอบมองทะเลมากกว่า ดูแล้วนึกถึงตัวเอง ทะเลคือชื่อของฉัน...ทะเลทางตะวันออก” ทงเฮเอ่ยขึ้นบ้าง ทำให้ฮยอกแจสามารถละสายตาจากดวงดาวบนฟ้ามามองที่ดวงหน้าหวาน
“ทะเลกว้างใหญ่มาก”
“ท้องฟ้าก็กว้างใหญ่ไม่ต่างกันหรอกน่า” ทงเฮเถียงขึ้น “แต่ท้องฟ้ากับทะเลมักอยู่คู่กันนะ”
ทงเฮแค่หวังอยากให้ความจริงเป็นเช่นนั้น ยามที่ฮยอกแจมองท้องฟ้า และทงเฮมองทะเลอยู่ข้างๆ พวกเขาก็จะอยู่ข้างๆ กัน แต่ฮยอกแจกลับเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
“ทรายกับทะเลต่างหากที่อยู่คู่กัน”
“เหรอ...ทำไมล่ะ?” ทงเฮเลิกคิ้วถามเพราะเชื่อสิ่งที่ฮยอกแจพูดจริงๆ แต่ฮยอกแจกลับส่ายหน้ารัว
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เคยได้ยินคนเขาพูดกันแบบนั้นน่ะ”
“แต่ยังไงมันก็คู่กันจริงๆ นั่นแหละ” ทงเฮไม่เถียงฮยอกแจอีก เขาเห็นด้วยกับฮยอกแจและจดจำคำในวันนั้นเอาไว้
คืนที่นั่งดูดาวด้วยกัน...
“เขาเสียชีวิตนานเกินกว่าที่เราจะช่วยเขาไว้ได้ ผมเสียใจด้วยนะครับ”
คำพูดของหมอที่โรงพยาบาลทำให้โลกของทงเฮแตกสลายไปต่อหน้าต่อตา เขาช็อคไปจนต้องแอดมินเข้าโรงพยาบาลไปอีกคน พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่า...
ฮยอกแจปลอดภัยแล้ว
และซีวอนได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบแล้ว
แม่ของซีวอนไม่ต่อว่าฮยอกแจเลยสักคำ เธอไม่คิดว่าฮยอกแจจะแต่งงานกับซีวอนตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีว่าซีวอนมีคนอื่น แต่เมื่อพบว่าคนอื่นที่ว่านั่นคือคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮยอกแจในงานศพ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่หันหลังและเดินจากไปอย่างเงียบๆ
“ฮึก...พี่...พี่ซีวอน...” ทงเฮเอาแต่ร้องไห้ ไม่มีวินาทีไหนที่จะไม่มีน้ำตาบนใบหน้าสวย ฮยอกแจเกือบคิดไปว่าทงเฮรักซีวอนมาก ซึ่งจริงๆ แล้วก็อาจจะใช่ แต่เป็นความรักคนละแบบกัน
นานเลยทีเดียวกว่าที่เขาจะทำใจยอมรับได้ว่าเรื่องนั้นมันผ่านพ้นไปแล้ว...
อาจเป็นเพราะคำพูดจากแม่ของฮยอกแจที่บอกทงเฮเอาไว้ในวันหนึ่ง
“ถ้าทงเฮรักฮยอกแจของแม่ ทงเฮจะต้องลืมความเศร้า ลืมความเสียใจ ลืมทุกอย่างให้หมด แล้วรู้สึกแค่รักเท่านั้น”
สองปีต่อมา
“ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมทรายถึงคู่กับทะเล” ทงเฮเอ่ยขึ้นในขณะที่พวกเขาอยู่บนเรือขนาดใหญ่ มองดูท้องทะเลกว้างที่ไม่ว่าจะหันไปทางทิศไหนก็ยังมองไม่เห็นฝั่ง ทงเฮจำได้เสมอถึงเรื่องในคืนวันนั้น แต่ฮยอกแจจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตัวเองเคยพูดอะไรออกมา
“ฉันก็รู้แล้ว” ฮยอกแจเอ่ยบอกพลางรั้งเอวบางของทงเฮให้เข้ามาใกล้ เขาเกลี่ยไรผมของทงเฮที่ลมพัดมาปรกหน้าผากออกไปด้านข้าง ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากสวยแล้วกอดทงเฮไว้แน่น
“นายรู้ว่าอะไรเหรอ? เมื่อก่อนนายเคยบอกว่าไม่รู้นี่”
ฮยอกแจไม่ได้ตอบอะไรออกมา พวกเขาต่างก็รู้แล้วว่าทำไม จึงได้แต่คลี่ยิ้มให้กัน ทงเฮผละออกอย่างช้าๆ เขาเดินไปเกาะราวเหล็กที่กั้นเรือเอาไว้ มองกลับไปยังไปทางสุสานที่เพิ่งจากมา
“พี่ซีวอนน่ะสวยงามเหมือนโลกใบนี้เลยนะ ฉันไม่อยากให้เขาไป แต่ถ้าเขาอยู่...เขาคงจะเสียใจมาก”
“ใช่! พี่ซีวอนเป็นคนดีมากๆ เลย” ฮยอกแจเอ่ยขึ้น เขาบอกคำว่า ‘ขอบคุณ’ และ ‘ขอโทษ’ ซีวอนอยู่ในใจ เพื่อที่จะให้ทงเฮกับฮยอกแจได้รักกัน ซีวอนได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา แต่ซีวอนก็ต้องเสียสละสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับฮยอกแจเช่นเดียวกัน นั่นคือลมหายใจของซีวอนเอง
แต่อย่างน้อย...
ซีวอนก็ยังได้รับความรักที่ฮยอกแจและทงเฮมอบให้ ความรักที่บริสุทธิ์ที่มีให้แก่พี่ชายที่แสนดีที่สุด
“ถ้าโลกใบนี้ไม่เสียสละตัวเอง ทรายกับทะเลก็คงไม่ได้อยู่คู่กันใช่ไหม?”
ทงเฮเอ่ยถามด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ เขายังทำใจไม่ได้ที่ซีวอนเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองเพื่อให้ฮยอกแจกับทงเฮได้สมหวัง ซีวอนคงรู้สึกผิดมาก และเขาก็รักทั้งฮยอกแจและทงเฮมากเช่นกัน
“ต่อไปนี้ทรายจะโอบอุ้มทะเลเอาไว้เอง” ฮยอกแจสอดนิ้วมือประสานกับทงเฮเอาไว้อย่างรักใคร่ “ฉันจะรักนายให้มากกว่าที่ฉันเคยเกลียดนาย”
“ไม่ได้นะ” ทงเฮทำหน้าบึ้งตึง “นายไม่ต้องรักฉันมากก็ได้ แค่...เอ่อ...แค่อย่าเกลียดใครเหมือนที่เคยเกลียดฉันก็พอ”
ฮยอกแจและทงเฮต่างก็ยิ้มให้กันอย่างมีเลสนัย เพราะความเกลียดของฮยอกแจช่างเร่าร้อนมากเหลือเกิน ทงเฮเขย่งตัวขึ้นไปจูบที่ริมฝีปากของฮยอกแจอย่างร้อนแรง ฮยอกแจจึงรั้งเอวบางเอาไว้แล้วจูบตอบด้วยรักแสนหวาน
“ฉันน่ะรักนายมาตั้งนานแล้วนะ รักตั้งแต่ปีหนึ่งเลย” ทงเฮบอกเสียงอื้ออึงอยู่ในโพรงปาก ฮยอกแจคิดว่าอาจจะหูอื้อไปจึงได้ยินแต่เสียงครางของทงเฮเท่านั้น
“ว่าไงนะ?” ฮยอกแจเอ่ยถาม
“บอกไปหมดแล้ว”
จากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาอีกเลย
จบแล้วนะคะกับฟิก ‘อึนซีเฮ’ สั้นๆ ที่อยากให้ทงเฮรักฮยอกแจมากๆ
ฮยอกแจหื่นๆ แบดๆ และมีซีวอนมาพัวพันด้วย
สมหวังคนอ่านหรือเปล่าไม่รู้ แต่อึนนาน่ามีความสุขที่ได้ทำแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ เลย
ติดตามหน้าปกและรายละเอียดการสั่งซื้อหนังสืออย่างเป็นทางการได้ในตอนถัดไปค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น