ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมป่วนแผ่นดิน(yaoiมั้ง คิดว่านะ)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 55


    คุยกันนิดนึงก่อนอ่าน

          หลายๆคนคงด่า ดองนิยายไว้ มีหน้ามาแต่งนิยายเรื่องอื่นอีก= = เหอๆ อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าyaoiมั้ยเหมือนกัน เพราะตัวเอกเป็นผู้หญิงแต่อยู่ในร่างผู้ชาย สนองนี๊ด ตัวเองล้วนๆ ตัวละครนี้ และก็ไม่แน่ใจอีกเหมือนกัน ว่าจะให้อยู่หมวดไหนดี ระหว่างแฟนตาซีกับกำลังภายใน เพราะอันที่จริงแล้ว แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะหงุดหงิดนิยายกำลังภายใน มีนางเอก อยู่นั่นล่ะ เบื่อผู้หญิง!!!!(เพราะเราต้องการผู้ชายฮ่าๆ)เลยอยากแต่งสนองนี๊ดบ้าง แต่ไปๆมาๆ ก็คิดว่า น้ำหน้าอย่างเราเห็นทีไม่ไหว แต่งกำลังภายใน ก็เลย ขอเป็นแฟนตาซีก็แล้วกัน แล้วก็ต้องมานั่งคิดหนัก ว่าจะให้ไปเกิดที่ดินแดนไหน แล้วจะให้ไปป่วนยังไง เพราะเรื่องนี้ คงเน้นฮาอีกนั่นละ แต่ก็นั่งคิดแล้วเราจะทำยังไงดี จะต่อยังไงดี อ๊ากกก ปวดหัว แถมยังไม่ค่อยชินกับการแต่งทำนองว่าต้องแทนตัวเอกว่าเธอ เขา อะไรทำนองนี้ ปกติชอบแต่งแบบให้ตัวเอกพูดฉัน ผมไปเลยมากกว่า คำเตือนไว้สำหรับคนอ่าน ไรเตอร์ชอบดองโปรดทำใจ เพราะบางที คิดพล็อตก็ออกนะ แต่ขี้เกียจ(ตอบง่ายมาก) ยังไงปิดเทอม ถ้าไม่ติดเรียนพิเศษ คงคิดได้เรื่อยๆมั้ง….. เอาล่ะ จบแพล่มแต่เพียงเท่านี้

    บทนำ

    ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

     

    สาวสวยนัยน์ตาสีแดงเพลิง เส้นผมยาวระต้นเอวด้วยสีเดียวกับนัยน์ตา กำลังมองซ้ายมองขวาเพื่อหาครอบครัวของเธอ

     

    ในขณะที่ตัวของเธอเอง ก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างด้วยชุดเดรสสีแดงเพลิง พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีแดง และไม่ว่าจะนัยน์ตาก็เป็นสีแดงเพลิง เส้นผมก็เป็นสีแดงเพลิง แม้กระทั่งการแต่งหน้า เธอก็แต่งโทนสีแดง และทาปากด้วยลิปสติกสีแดงเช่นกัน เรียกได้ว่า ต่อให้ไม่สวย ก็คงต้องมอง

     

    “นั่นไงครับคุณแม่ ยัยตัวเล็กอยู่นั่นไง”

     

    เสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวนาม กานต์ธารา วัชรวดี หันไปมองที่ต้นเสียง พร้อมกับยิ้มกว้างทันที พลางตัวเธอก็รีบสาวเท้าไปหาครอบครัวของเธอ

     

    “คุณพ่อ คุณแม่ พี่เมฆ”เธอรีบเดินไปหาครอบครัวของเธอพลางยิ้มกว้างทันที

     

    “นี่ยัยตัวเล็ก นั่นเธอจะแต่งตัวไปล่อควายที่ไหนนั่น แต่งตัวซะ แถมยังใส่คอนแทคเลนส์อีกต่างหาก”เมฆา วัชรวดี พี่ชายวัยสามสิบต้นๆของเธอ ส่ายหน้าเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องค้อนขวับ ก่อนจะพูด

     

    “โธ่ พี่เมฆ ก็น้ำชอบสีแดงอ่ะ”เธอได้แต่ค้อนขวับคนพูด ทำให้ ธาริณี วัชรวดี คุณแม่ของเธอต้องเข้ามาไกลเกลี่ย

     

    “ตาเมฆก็ เราก็อย่าไปแหย่น้องสิลูก ยัยน้ำก็เหมือนกัน พี่เขาก็เย้าแหย่ไปอย่างนั้นแหล่ะลูก”ซึ่งทำให้เธอได้แต่เบ้ปาก ก่อนจะแลบลิ้นใส่พี่ชายของเธอ ซึ่งทำให้พี่ชายของเธอ ลงมะเหงกเข้าให้หนึ่งลูก

     

    “เอาล่ะๆ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เมฆก็ อย่าไปแกล้งน้องสิ ลูกเองก็เหมือนกันน้ำ จะไปแหย่พี่เขาทำไมกัน โตๆกันจนป่านนี้แล้ว เราเองก็เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ รีบกลับบ้านกันดีกว่า”เสียงของ เวคิน วัชรวดี คุณพ่อของเธอพูดขึ้น เพื่อไกล่เกลี่ยเธอกับพี่ชาย ทำให้เธอได้แต่เบะปาก ก่อนจะพยักหน้าตกลง

                       

     

    5 วันถัดมา

                        “อะไรกันคะ พี่เมฆ ทีพี่เมฆยังออกไปเที่ยวกับเพื่อนได้เลย ก็แค่ผับเอง น้ำเองก็ไปกับเพื่อนๆด้วย น้ำโตแล้วนะคะ”เธอได้แต่ทำหน้าบึ้ง

                       

                        อะไรกัน เธอเองก็แค่ขอไปเที่ยวที่ผับกับเพื่อนๆแค่นั้นเอง เธอโตแล้วนะ เธออายุตั้ง 27 แล้ว ทำไมพี่ชายของเธอจะต้องคอยห้ามนั่นห้ามนี่ เหมือนเธอเป็นเด็กๆด้วย เธอโตแล้วนะ

                       

                        “ไม่ได้เด็ดขาด ยัยน้ำ เกิดมีคนมาทำมิดีมิร้ายกับเธอจะทำยังไง พี่เป็นผู้ชาย พี่ก็ต้องไปไหนมาไหน ในที่แบบนั้นได้อยู่แล้ว แต่นี่เราเป็นผู้หญิงนะ”

                       

                        คำก็ผู้หญิง สองคำก็ผู้หญิง เธอล่ะเบื่อจริงๆ กับการเป็นผู้หญิง

                       

                        ตอนที่อยู่ที่เมืองนอก ใช่ว่าเธอจะไม่เคยไปเที่ยวในสถานที่แบบนั้นซะเมื่อไหร่ แต่เธอก็แค่ปิดเงียบ ไม่ให้ที่บ้านรู้ก็เท่านั้นเอง เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆกับครอบครัวของเธอ แต่อาจจะเป็นเพราะพ่อแม่และพี่ของเธอเป็นคนที่ทำงานเป็นอาจารย์ด้วยกันหมด เลยค่อนข้างจะมีความหัวโบราณกันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

                       

                        “คุณพ่อคุณแม่ช่วยน้ำหน่อยสิคะ”เธอได้แต่ส่งสายตาไปออดอ้อน คุณพ่อคุณแม่ของเธอ

                       

                        “ไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่ให้เราไปเด็ดขาด ถ้าไม่มีพี่ไปด้วย อย่ามาดื้อกับพี่นะ น้ำ”พี่ชายเธอสั่งห้ามเด็ดขาด เธอเลยได้แต่ทำหน้าเบะ

                       

                        “พี่เมฆใจร้าย ทีตัวเองยังออกไปเที่ยวลัลล้ากับเพื่อนได้เลย น้ำเองก็อยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนเหมือนกันนะ ไปในสถานที่แบบนั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลย คำก็ผู้หญิง สองคำก็ผู้หญิง ผู้หญิงคนอื่นที่เขาไปเที่ยวในที่แบบนั้นก็มีตั้งเยอะแยะ”เธอร่ายยาวใส่พี่ชายของเธอ แต่มีหรือ ที่พี่ชายตัวดีของเธอจะฟัง

                       

                        “คุณพ่อคุณแม่คะ”เธอได้แต่ส่งสายตาออดอ้อนไปให้คุณพ่อคุณแม่เธออีกครั้ง

                       

                        “พ่อกับแม่เองก็เห็นด้วยนะลูกนะ ถึงจะมีเพื่อนเราด้วยก็เถอะ แต่ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงนะลูก แล้วปกติเราก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนนัก แล้วนี่ยังเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกอีก ให้ขับไปเองเดี๋ยวก็จะหลง นั่งแท็กซี่เดี๋ยวนี้ก็อันตรายนะลูก”

                       

                        “เดี๋ยวนี้เขามีจีพีเอสนำทางแล้วนะคะ มันไม่หลงหรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่”

                       

                        “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงพี่ก็ไม่ให้เราไป ถึงเราจะขับรถไปเองก็เถอะ แต่ยังไงเราก็เป็นผู้หญิง เกิดมีโจรดักจี้ หรือไปที่ผับแล้ว มีคนมอมเหล้าจะทำยังไง ยิ่งเราเป็นผู้หญิงอยู่ ยังไงพี่ก็ไม่ให้เราไปเด็ดขาด”เมฆา พี่ชายของเธอ บอกเสียงเฉียบขาด

                       

                        เธอเลยได้แต่เบะปาก ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไป

                       

                        “พี่เมฆคนบ้านี่ น้ำโตจะแย่อยู่แล้ว ยังจะทำเหมือนน้ำเป็นเด็กๆอยู่อีก คำก็ผู้หญิง สองคำก็ผู้หญิง เดี๋ยวก็บอก ผู้หญิงไปสถานที่แบบนั้น มันไม่ดีบ้างละ มันไม่เหมาะบ้างละ คุณพ่อคุณแม่ ก็ดันไปเห็นดีเห็นงามด้วยอีก เพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากจะกลับจากอังกฤษ”เธอได้แต่บ่นกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่อยู่บนเตียง

                       

                        ทำไมที่บ้านของเธอจะต้องเป็นคนหัวโบราณด้วยนะ เธอเองก็พอเข้าใจว่า คนบางคนอาจจะมองผู้หญิงกินเหล้า หรือไปสถานที่แบบนั้นไม่ดีเท่าไหร่ ยิ่งโดยเฉพาะกับครอบครัวเธอที่เป็นอาจารย์ ก็ต้องทำตัวให้ดีสมกับที่เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น

                       

                        แต่เธอก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไรซักหน่อย สังคมสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วนะ ที่พ่อกับแม่ยังไม่เห็นว่าพี่ชายเธอเลย ที่ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ แล้วก็บอกว่ามันเป็นเวลานอกงานของพี่ชายของเธอ ถึงจะเป็นอาจารย์ก็ต้องมีกันบ้าง

                       

                        “ไม่เห็นจะยุติธรรมเลย คุณพ่อคุณแม่ใจร้าย”

                       

                        บางทีเธอเอง ยังอยากจะเกิดมาเป็นผู้ชายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย พี่ชายหรือครอบครัวของเธอจะได้ไม่ต้องมาอ้างเป็นผู้หญิงอย่างนั้นอย่างนี้ซักที

                       

                        เธอเหลือบมองนาฬิกาเวลา ซึ่งตอนนี้ก็ ประมาณสองทุ่มกว่าแล้ว

                       

                        “คิดหรอว่าน้ำจะยอม คอยดูเถอะ ขอดีๆไม่ชอบ แอบออกไปก็ได้”เธอเอ่ย พร้อมกับดวงตาสีแดง ที่สวมคอนแทคเลนส์อยู่จะเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา

     

                        เธอเหลียวซ้ายแลขวา ในตอนเวลาประมาณเกือบสี่ทุ่ม ซึ่งเธอได้นัดแนะกับเพื่อนไว้ว่า เธอจะแอบออกจากบ้านเวลาประมาณนั้น

     

                        เพราะเธอจะได้สบโอกาส ที่พ่อแม่ของเธอหลับไปแล้ว และพี่เมฆที่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆไม่อยู่ แอบออกจากบ้านไปลันล้าซะเลย

                       

                        เธอมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะขึ้นรถ แล้วสตาร์ทเครื่องรถ ที่จะบอดอยู่บริเวณหน้าบ้านของเธอ ก่อนที่จะขับรถไปทางที่เพื่อนของเธอได้บอกไว้ แล้วก็ได้แต่คิดในใจ

                       

                        เชอะ พี่เมฆ ทีตัวเองยังออกไปเที่ยวลัลล้ากับเพื่อนได้เลย น้ำไม่ยอมพี่หรอก

                       

                        เธอได้แต่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ก่อนที่จะเบิกตากว้าง เมื่อมีรถสิบล้อคันใหญ่พุ่งสวนมาชนรถเธออย่างแรง!!

    เอี๊ยดดดดด โครม!!!

     

     

     

                        เธอลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงงกับสภาพรอบข้าง ก่อนที่จะหันซ้ายหันขวาอย่างตกใจ

                       

                        ที่นี่ที่ไหน ทำไมมันมืดขนาดนี้ หรือว่าเธอตายแล้ว!!!! ไม่นะ เธอยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ เจ้าหมูอ้วนสุนัขตัวผู้พันธุ์โกเด้นที่บ้านของเธอใครจะคอยดูแล เธอยังไม่ได้แต่งงานเลย ไม่สิ ไม่เคยมีแฟนด้วยซ้ำไป ไม่นะ!! กระทั่งอยู่เมืองนอก เธอยังทำแค่หอมแก้มกับเพื่อนผู้ชายเลยด้วยซ้ำไป เธอยังไม่เคย….เลยนะ!!!(เซ็นเซอร์ เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีโปรดใช้วิจารณญาณ)

     

                        “หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วเจ้ามนุษย์แล้วจงตามข้ามา”เธอหันไปมองตามต้นเสียง ทำให้เธอเห็นโครงกระดูกที่มีไฟสีดำลุกขึ้นตามตัว อย่างกับโกสไรเดอร์ไม่มีผิด

                       

                        “กรี๊ดดดดด ผีหลอก”เธอเบิกตาโตอย่างตกใจ ผีหลอก!!! ผีหลอกเธอแล้ว!!

                       

                        “หยุด!!! เจ้ามนุษย์ ข้าไม่ใช่ผี แต่ข้าเป็นยมทูตที่มารับวิญญาณของเจ้า”

                       

                        เมื่อได้ฟังกับทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเก่า

                       

                        นี่…..

     

                        นี่เธอตายแล้วงั้นเหรอ?

                       

                        “น่ะนี่ หนูตายแล้วเหรอคะ”เธอได้แต่บอกด้วยเสียงสั่นเครือ

                       

                        “ใช่ เจ้าตายแล้ว แล้วข้าก็คือยมทูตผู้มาน้ำวิญญาณของเจ้าไปพบยมบาล”โกสไรเดอร์ในสายตาของเธอยืนยันขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เธออดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

                       

                        อะไรกัน นี่เธอตายแล้วหรอ หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเธอที่อยากทำ ยังไม่เคยได้ทำเลยนะ ที่สำคัญที่สุดคือเรื่อง……(ยัง มันยังไม่เลิก)ฮือออ

     

                        “ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องตาย ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วต่างก็ต้องตายเหมือนกัน อย่าเศร้าโศกไปเลย เจ้ามนุษย์”

                       

                        “ตะ….ตะแต่ หนูเพิ่งอายุ 27 เองนี่คะ”เธอบอกเสียงสั่นเครือ

                       

                        “ทำใจเสียเถิด อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่อาจกลับไปภพภูมิเดิมได้อีกแล้ว ตามข้ามาเถิด จะได้ไปพบกับท่านยมบาลกัน”โกสไรเดอร์ตามความคิดของเธอ ยื่นมือมาทำอะไรซักอย่าง ก่อนที่จะ มีเส้นเชือกอยู่ที่ข้อมือของเธอ แล้วโกสไรเดอร์ก็ได้เดินนำเธอไป

                       

                        “ลุงมันคืออะไรอ่ะ”เธอถามขึ้น หลังจากเดินมาได้ซักพัก เมื่อเธอเริ่มทำใจกับการตายของเธอได้แล้ว

                       

                        “เส้นเชือกตรึงวิญญาณไว้ตรึงวิญญาณกันหนี(ว่าแต่ ข้าไปเป็นลุงเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!!!)”

                       

                        เธอพยักหน้าหงึกหงัก ขณะที่ยิงคำถามตลอดทางไปเรื่อยๆ ทำเอายมทูติที่มาคุมเธอไปหายมบาลถึงกับปวดหัวไปเลยทีเดียว

                       

                        “ลุงๆ ท่านยมบาลเนี่ย ดุมั้ยอ่ะ”เธอถามอย่างกลัวๆ ขณะเดินไปใกล้ห้องของท่านยมบาล

                       

                        “ขึ้นอยู่กับกรรมของเจ้า ว่าเจ้าทำดีทำชั่วมาแค่ไหน แต่จากการที่ข้าตรวจดูคร่าวๆแล้ว เจ้าไม่ได้มีทำกรรมหนักหนาอะไรไว้ คงจะไม่เป็นอะไรหรอก อย่ากลัวไปเลย นังหนู”หลังจากคุยไปคุยมา กับคนที่ทำให้เขาต้องพูดมากที่สุดในรอบพันปี ก็ทำให้เขารู้สึกสนิทสนมกับมนุษย์ผู้หญิงคนนี้มากขึ้น จึงได้ตรวจสอบกรรมอย่างคร่าวๆ ก่อนที่ประตูห้องท่านยมบาลจะเปิดขึ้น

                       

                        “ลุงๆ หนูกลัวจังเลย”เธอบอกอย่างหวั่นๆ

                       

                        “อย่ากลัวไปเลย มา เดินตามข้ามาเถอะ”เธอเดินตามลุงโกสไรเดอร์ของเธอเข้าไป

                       

                        ภายในห้อง มีโครงกระดูกที่เหมือนกับลุงโกสไรเดอร์ยืนอยู่หลายคน แต่ก็ต่างสีกันไป ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า สีแดง หรือสีดำเหมือนกับลุงโกสไรเดอร์

                       

                        และตรงบัลลังก์สูงสุด ก็ได้มีชายที่ดูอายุประมาณหกสิบกว่าๆ ใส่ชุดโจงกระเบนสีทองสลักลวดลายไทยแบบสมัยก่อนนั่งอยู่ตรงกลาง ก่อนที่จะพูดขึ้น

                       

                        “จงเอ่ยนามออกมา”เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่ลุงโกสไรเดอร์ก็ได้เอ่ยขึ้นก่อน

                       

                        “กานต์ธารา วัชรวดีขอรับ”ลุงโกสไรเดอร์ของเธอเอ่ย แล้วโกสไรเดอร์ม่วงที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้เปิดสมุดสีดำบางอย่างพลางเอ่ยขึ้น

                       

                        “นางสาวกานต์ธารา วัชรวดี……”ก่อนที่โกสไรเดอร์ม่วงนี้จะเล่าประวัติโดยรวมของเธอก่อนที่จะชะงัก และเอ่ยเรียกท่านยมบาลด้วยเสียงร้อนรน

                       

                        “ท่านยมบาลเป็นเรื่องแล้วขอรับ!!!

                       

                        “มีอันใดหรือ”

                       

                        “ในประวัติ บอกว่าหญิงนางนี้ตายด้วยโรคชราขอรับ!!”สิ้นเสียง ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาภายในห้อง

                       

                        ท่านยมบาลที่เธอเห็นว่าทำสีหน้าราบเรียบมาตลอด ก็ได้ขมวดคิ้ว ก่อนจะตวาดด้วยเสียงดังก้อง

     

                        “เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร!!!! เจ้ายมทูตดำ บอกข้ามาซิ!!! ”ท่านยมบาลขมวดคิ้วด้วยความกราดเกรี้ยว

                       

                        เธอได้แต่มองลุงโกสไรเดอร์ของเธออย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะเอ่ยตอบ

                       

                        “อย่าโกรธลุงโกสไรเดอร์เลยค่ะ วิญญาณที่ต้องนำมาต่างมีตั้งหลายดวง ต้องมีการผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดาค่ะ”เธอเอ่ยตอบเพื่อช่วยปกป้องลุงโกสไรเดอร์

                       

                        “ข้าไม่ได้ถามความเห็นเจ้า!!!”ท่านยมบาลตวาดออกมา ทำเอาเธอได้แต่แอบไปเกาะข้างหลังลุงโกสไรเดอร์ของเธอ

     

                        ซึ่งลุงโกสไรเดอร์เองก็ได้ตบไหล่เธอเป็นการปลอบใจ ก่อนที่จะเอ่ยตอบ

                       

                        “ข้าพเจ้าทำตามใบคำสั่งของยมทูติทองขอรับ ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”

                       

                        “ยมทูตทองหรือ ไปตามมันไปลงขุมนรกที่สิบแปดซะ!!”ท่านยมบาลเอ่ยสั่งการ ก่อนที่จะมียมทูตสีต่างๆเดินออกไป

                       

                        พร้อมกับท่านยมบาลที่ถอนหายใจ พร้อมกับมองหน้าเธออย่างกังวลใจ

                       

                        “แล้วข้าจะทำเช่นใดกับเจ้าดีนะ”

                       

                        “แค่ส่งหนูกลับบ้านก็พอค่ะ”เธอเอ่ยความต้องการของเธออย่างมีความสุข

                       

                        เธอยังไม่ถึงคราวตาย เธอจะได้กลับไปหาครอบครัวของเธอแล้ว

     

                        เธอคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

     

                        “ไม่ได้หรอกเจ้ามนุษย์ ถึงตอนเจ้าเดินมาหาข้าจะเป็นเวลาเพียงไม่นานนัก แต่สำหรับโลกมนุษย์แล้ว ณ ตอนนี้ ก็ผ่านไปเป็นหลายอาทิตย์แล้ว ตอนนี้ร่างของเจ้า คงโดนเผาไปแล้ว”ท่านยมบาลพูด พร้อมกับถอนหายใจ

     

                        ทำให้เธอได้แต่พูดไม่ออก เมื่อได้ฟังท่านยมบาล เธอหรือ อุส่าต์ดีใจ ที่รู้ว่าตัวเองยังไม่ถึงฆาต แต่นี่อะไรกัน………….

                       

                        “เอาล่ะเจ้ามนุษย์ ด้วยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ข้าจะให้เจ้าเลือกภพที่เจ้าจะไปเกิดได้ พร้อมกับให้พรเจ้าอีก 3 ข้อ”

     

                        “เกิดใหม่หรือคะ หนูไม่อยากลืมเรื่องราวเก่าๆนี่คะ”เธอได้แต่เบ้หน้า ลืมความกลัวยมบาลตรงหน้าไปเสียสนิท

     

                        “อุวะ นังหนูนี่ แล้วเอ็งจะเอายังไงเล่า”ท่านยมบาลเริ่มทำหน้าเหมือนพวกลุงแก่ๆ ที่เริ่มหงุดหงิดกับช่วงวัยทองที่เกิดขึ้น

                       

                        “ก็………..ขอเป็นเกิดใหม่ แต่มีความทรงจำเดิมได้มั้ยคะ นะๆๆๆๆ”เธอได้แต่ส่งสายตาออดอ้อนไปให้ท่านยมบาล  ก่อนที่ท่านยมบาลจะถอนหายใจ พร้อมพยักหน้าตกลง

                       

                        “ก็ได้ ข้าจะถือเสียว่าเจ้าใช้พรไปแล้ว 1 ข้อ”

                       

                        ก่อนที่เธอจะคิดหนักกับพรที่เหลืออีก 2 ข้อ

     

                        เอ พรที่เหลืออีก 2 ข้อ เธอจะทำอะไรดีนะ แล้วเรื่องภพที่จะไปเกิดอีก เธอจะไปเกิดจะไหนดีล่ะ หรือจะเกิดภพเก่าของเธอดี แต่มาเอาเรื่องพรก่อนดีกว่า เธอจะขออะไรดีนะ

     

                        ก่อนที่เธอจะนึกอะไรบางอย่างออก สิ่งที่เธอมักจะเบื่อหน่ายตลอดเวลา กับการทำนั่นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ได้ แล้วเธอก็มักเบื่อเสมอ กับการที่เธอต้องทุกข์ทรมาณทุกๆเดือน

                       

                        ในขณะที่ผู้ชายไม่เห็นจะมีบ้างเลย ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

     

                        ก่อนที่เธอจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อนึกถึงนิยายแนวที่เธอชอบอ่าน หึๆๆๆ

     

                        “พรข้อแรก หนูขอให้หนูเกิดเป็นผู้ชายค่ะ ส่วนข้อสอง หนูขอให้หนูเป็นผู้ชาย ที่มีเสน่ห์ค่ะ มีเสน่ห์เย้ายวนใจไม่ว่าจะกับชายหรือหญิง หญิงเข้าใกล้ก็หลง ชายเข้าใกล้ก็หลง รอยยิ้มก็งดงามดุจรุ่งอรุณ ดวงตาก็ทอประกายหวานเหมือนดวงดาวนับล้าน ผิวกายเนียนละเอียดอ่อนนุ่มมือ ผิวกายหอมเย้ายวนไม่เหมือนใคร ใครที่ได้กลิ่นก็รู้สึกสดชื่น และสงบใจ จนอยากที่จะอยู่ใกล้ อ๋อ แล้วก็ให้หนูสวยแบบที่เป็นผู้ชายตัวเล็กๆนะคะ เอวบ้างอ้อนแอ้นน่ะค่ะ ขอแค่นี้ล่ะค่ะ”เมื่อพูดจบ เธอก็ยิ้มหวาน ด้วยความใสซื่อ เสมือนที่เธอขอไปนั้นน้อยมากกกกกก

                       

                        “อุบ่ะ นังหนูนี่ นี่เรียกว่าน้อยแล้วรึ ลงรายละเอียดซะยิ่งกว่าอะไรดีอีก”ท่านยมบาลได้แต่ยิ้มขำ

     

                        “แหมๆ ก็นี่ร่างกายของหนูนี่คะ ยังไงจะขอให้ตัวเองงดงามแล้ว ก็ต้องขอแบบทุกๆด้านสิคะ”เธอได้แต่ยิ้มแห้งๆไปให้

                       

                        “หึๆ เอาเถิด เจ้ายังเหลือพรขอได้อีกข้อ เพราะที่เจ้าขอเป็นผู้ชายนั้นไม่นับ เพราะข้าให้สิทธิ์เจ้าในการเลือกอยู่แล้วว่าจะเลือกเกิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”ท่านยมบาลได้แต่ยิ้มขำ พลันรู้สึกเกิดความเอ็นดูในตัวผู้หญิงตรงหน้า จะว่าไปแล้วก็รู้สึกขำๆปนเอ็นดู ตั้งแต่ได้ยินความคิด นึกถึงแนวนิยายที่ชอบแล้วล่ะนะ

                       

                        ก่อนที่ท่านยมบาลจะหัวเราะหึๆออกมา

     

                        “ลุงหัวเราะอะไรหรือคะ”เธอได้แต่เอียงคออย่างสงสัย เธอปล่อยไก่อะไรหรือเปล่าหว่า

                       

                        “ข้าก็หัวเราะความคิดเจ้าน่ะสิ”ลุงยมบาลเฉลยพร้อมหัวเราะหึๆ

                       

                        “เอ๋ ความคิดหนู”เธอได้แต่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง

                       

                        “เจ้าคิดอะไร ข้าก็ได้ยินหมดนั่นล่ะ”ก่อนที่จะส่ายหน้ากับความคิดหญิงสาวตรงหน้า

                       

                        ก่อนที่เธอจะเบิกตาโต

     

                        โหย ได้ยินความคิดของเธอหมดเลย อย่างนี้ก็รู้หมดเลยน่ะสิ ว่าเธอคิดจะทำอะไรยังไงน่ะ

                       

                        ยังงี้มันเข้าข่าย ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนอื่นชัดๆ!!

     

                        แต่เรื่องนั้นช่างมันไปก่อนเถอะ ตอนนี้เธอมีโอกาสที่จะได้ขอพรได้อีกหนึ่งข้เธอจะขออะไรดีน้า………

                       

                        อืม………..

                       

                        เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน

     

                        “ขอให้หนูพบเจอแต่ความโชคดีค่ะ”เธอเอ่ย ก่อนจะยิ้มหวาน

                       

                        “หืม ขอให้พบเจอแต่ความโชคดีเราะ”ท่านยมบาลเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ

                       

                        “ค่ะ ขอให้ไม่ว่าหนูจะทำอะไร ก็ขอให้พบเจอแต่ความโชคดีค่ะ”

                       

                        “อืม เจ้าได้รับสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้!!!(ทำอย่างกับเล่นเกมไปได้)เอาล่ะ เจ้ายมทูตดำ เจ้าจงพานังหนูนี่ ไปเลือกบ่อเกิดใหม่เสียเถอะ เจ้าเองก็พานังหนูนี่ไปเลือกว่าจะไปเกิดที่ไหนเถอะ”

     

                        “ขอรับ”ก่อนที่ลุงโกสไรเดอร์จะพาเธอเดินออกไปจากห้องนี้

                       

                       

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×