ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้นล้อการเมือง

    ลำดับตอนที่ #2 : ผ่าบันทึกลับแอดมิดชั่น ภาคแอดมิดชั่นครองเมือง

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 49


     ผ่าบันทึกลับแอดมิดชั่น ภาคแอดมิดชั่นครองเมือง

             ทุกเหตุการณ์และทุกตัวละครล้วนแต่เป็นเรื่องสมมติขึ้นมั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงใดๆทั้งนั้น
             หากท่านคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงๆ แปลว่าท่านคิดมากไปแล้ว!


             ต่อจากภาคที่แล้ว http://my.dek-d.com/bloody_rabbit/story/viewlongc.php?id=142209&chapter=1


             **วันที่XเดือนXปี2548

             ราวกับคนบ้า ผมหัวเราะอยู่คนเดียวมาหลายวันแล้ว ตื่นยิ้มอย่างอิ่มเอิบ หลับก็ยังคงยิ้มอย่างอิ่มเอิบ
             ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมอุตส่าห์รอเวลานี้มาเกือบหกสิบปีแล้ว

             เวลาที่จะใกล้ชิดกับคนในระดับนี้ เวลาที่จะรับมาซึ่งการยอมรับว่าเป็นพวกเดียวกับ"ท่านผู้นั้น" เวลาที่จะได้รับใช้ท่านนายขทุจศิล โกงกินเป็นกิจวัตร เอ๊ย! ทุจศิล กิจวัตร ผู้นี้

             ข้อมูลของเหล่าเด็กเส้นเด็กสายของท่านนายข ถูกส่งเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของผม
             งาน"ลับ"ของผมคราวนี้ไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่ แต่ผลที่ได้คืนมาน่าจะมากพอดู....

             กับงานทำให้เด็กเส้นเหล่านี้เอนท์ติดโรงเรียนชั้นนำของประเทศอย่าง"ฬอจุรา"หรือ"ทำมะสาด"
             ข้อมูลค่อยๆโหลดมาอย่างช้าๆ ผมจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ พร้อมกับสบถอยู่ในใจ "อะไรกันวะ!"
             เน็ตกระทรวงกรูมันลีดส์ไลน์นะเว้ย! ไหง มันโหลดช้าอย่างงี้!

             ผมมัวด่าเจ้าคอมเฮงซวยอยู่ แต่ที่ไหนได้ ผมเพิ่งนึกออก
             ผมเองนั่นแหละที่ปล่อยให้โหลดบิทอยู่พร้อมกันตั้งหลายสิบไฟล์แน่ะ มันก็สมควรหรอกที่มันจะโหลดช้า ก็เล่นโหลดซะเต็มเหนี่ยวอย่างนี้นี่นา

             พอกดหยุดโหลดชั่วคราว ข้อมูลการเรียนของเหล่าเด็กเส้นเหล่านี้ก็ถูกอัพโหลดขึ้นมาจนเสร็จเพียงแค่ไม่ทันแมลงวันกระพริบตา
             ผมคลิกเปิดขึ้นมาในทันที

             บุหรี่ร่วงผลอยลงมาจากปาก....

             เวงสิฉลาดน้อยยิ่งกว่าพวกบัฟฟาโล่ซะอีก บางคนเกรดต่ำแทบจะทะลุไทยไปสหรัฐอเมริกาเลยมั้ง?
             แม*่งต่ำ*ิบ*าย ดันเ*ือกหรูอยู่โรงเรียนเอกชนของพวกฝรั่งเสียด้วย ไม่รู้หรือไงว่าพวกนี้มันไม่รับเงิน ขู่ก็ไม่ได้ผล ดังนั้นก็เลยให้โกงเกรดไม่ได้ไม่รู้หรือไง
             แทนที่จะให้ไปอยู่โรงเรียนรัฐ พวกนี้น่ะเล่นง่าย แค่เห็นนามสกุลก็ไม่ต้องทำอะไรต่อแล้ว 4.00 เต็มทันทีไม่รู้หรือไงกัน?

             ผมใช้รองเท้าคู่ละแสนขยี้บุหรี่มวนนอกหายากที่ตกลงไปบนพื้นแล้วจุดอันใหม่สูบต่อ
             "มิน่าล่ะ โง่ๆอย่างนี้นี่เองถึงต้องให้กรูช่วย" ผมบ่นพึมพำอยู่คนเดียว แต่พูดไป         มันก็กลับเข้าตัวเองล่ะนะ ปริญญาที่ติดให้ดูโก้ๆของผมน่ะ จริงๆก็ไปซื้อเค้ามานั่นแหละ ตัวผมน่ะเรียนจบแค่ป4เอง

             ผมยังจำได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปลัดกระทรวงคนก่อน ตอนแรกๆที่ผมได้ยินก็คิดเลยในทันทีว่า"บ้าหรือเปล่าหมอนั่นน่ะ"
             แต่เมื่อเจอเข้ากับตัวแล้ว ผมนี่อึ้ง คิดไม่ออกจริงๆครับ

             ทว่าผมไม่ทำอย่างคนก่อนแน่ๆ ท่านนายขก็เตือนไว้แล้วว่าถ้าโกงกันดื้ออย่างนั้นอีก ท่านคงช่วยอีกไม่ได้แน่ๆ แถมถ้าเรื่องดังขึ้น ปลัดคนก่อนคงโดนลากออกมาสาวไส้แน่ๆ
             และเมื่อสาวไส้ไปจนถึงตัวท่าน เห็นทีผมคงต้องคงถูก....

             บรึ๊ย! ไม่อยากจะคิดต่อ ผมลูบคอตัวเองอย่างเบาๆ
             มิน่าล่ะ.... เพราะอย่างนี้นี่เองท่านนายขถึงสั่งให้จัดการกับพวกเจ้าพ่อทั้งหลาย เพราะท่านกลัวจะโดนมุกเดียวกับตนเองนี่เอง

             ผมโทรหาบรรดาที่ปรึกษาของผมเพื่อมาประชุมหารือในเรื่องนี้กัน จนในที่สุด....

             "เห็นทีต้องลองหาหนทางจากระบบการศึกษาของต่างประเทศแล้วล่ะครับ" ที่ปรึกษาของผมคนหนึ่งพูดขึ้นมา
             "งั้น ของประเทศไหนดีล่ะ?" ผมถามต่อ ระบงระบบการศึกษาอะไรของใครแม้แต่ในประเทศไทยผมเองก็ไม่รู้ทั้งนั้น จริงๆผมมาทำที่กระทรวงนี้เพราะมีเส้นมีสายที่อยู่ในนี้ต่างหาก ถ้าทำได้ผมอยากจะไปอยู่กับพวกกระทรวงเกษตร แรงงาน หรือคมนาคมมากกว่า เพราะพวกนั้นแอบมุบมิบทีได้เงินมาก
             "ของออสเตรเลียครับ ผมว่าเหมาะสมที่สุด" ที่ปรึกษาอีกคนพูดออกมา
             "ทำไมล่ะ?"
             "เพราะที่ออฟเตย์เรียระบบมันซับซ้อนครับ"
             "หา?" ผมถามอย่างไม่เชื่อหูตนเอง "ทำไมระบบซับซ้อนแล้วถึงจะเอามาใช้ล่ะ"
             "เพราะคนไทห์ส่วนใหญ่โง่" เขาเฉลยต่อ
             "หา?" ผมร้องอุทานอีกครั้ง
             "คืองี้ครับ รู้ไหมครับว่าคนไทห์ส่วนใหญ่น่ะเป็นคนง่ายๆสบายๆไม่ค่อยชอบคิดอะไรมาก แต่ระบบการศึกษาของออฟเตย์เรียนี่มันยุ่งยากขนาดที่ปรึกษาอย่างพวกเราหลายๆคนยังงงกับระบบของมันเลย"
             "แล้ว?"
             "ก็.... ยิ่งยุ่งยากมากคนเข้าใจก็ยิ่งน้อย คนเข้าใจยิ่งน้อย เราก็ยิ่งมั่วนิ่มง่าย และเมื่อมั่วนิ่มง่ายเราก็...."
             "อ๋อๆ ผมเข้าใจแล้ว แล้วคนอื่นๆว่ายังไงบ้าง?" ผมพูดออกไปทั้งๆที่ยังงงๆอยู่ แต่มันดูน่าจะเวิร์คนะ
             "ผมก็เห็นด้วย ระบบนี้ มันสามารถทำให้ไม่โปร่งใสได้ อย่างเช่นคะแนนดิบ เราก็สามารถใช้ค่าอื่นบอกแทนได้ ค่าตัวแปรอะไรพวกนี้อีก เราก็สามารถใส่ให้คนที่เราต้องการให้เอนท์ติดเยอะได้โดยที่คนอื่นไม่สงสัย ส่วนคนที่เราไม่อยากให้ติด เราก็ใส่ให้มันไปน้อยๆ"
             "ผมก็เห็นด้วยครับ นอกจากนี้ระบบนี้น่ะ มันเหมาะสมกับประเทศที่มาตรฐานเท่าเทียมกันอย่างออฟเตย์เรีย แต่ที่ประเทศเราน่ะ มาตรฐานไม่เท่ากัน พวกโรงเรียนมาตรฐานต่ำๆที่มีเยอะในประเทศเราก็จะสามารถเอนท์ติดได้มากขึ้น นี่แหละ! เวลามีคนท้วงเราจะสามารถใช้โรงเรียนพวกนี้ในการสนับสนุนพวกเราได้"
             "แล้วคนอื่นๆล่ะว่าไง?"

             เมื่อมองหน้าที่ปรึกษาคนอื่นๆ ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าไม่ต้องหารือกันต่อ ผมได้ข้อสรุปแล้ว

             หลายวันต่อมา พวกที่ปรึกษาทั้งหลายก็ช่วยกันหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบการเอนท์ของออฟเตย์เรียนี้ มันถูกเรียกว่าอะไรนะ? อ๋อ! จำได้แล้ว "อ็อบมึกชั่ง!"
             "แอดมิดชั่นครับท่าน" ที่ปรึกษาของผมคนหนึ่งร้องแย้ง

             สุดท้ายการค้นคว้าหาข้อมูลก็มายังที่สิ้นสุด การนั่งเทียนเขียนระบบการศึกษาใหม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ยังเหลือปัญหาอีกอย่าง....
             มีทำ*่า อะไรรายการระ*ำนี่" ผมสบถด่า
             รายการนี้เป็นรายการที่น่ากลัวจริงๆ น่าลัวกว่าเหล่าผู้ปกครองหรือนักการศึกษาซะอีก เพราะเหล่าผู้ปกครองหรือนักการศึกษาน่ะเวลาถาม  ถ้าเราตอบไม่ได้ก็ยังพอเลี่ยงไปหาข้อมูลและข้ออ้างมาตอบใหม่
             แต่รายการนี้ ถ้าเกิดเราตอบไม่ได้ คงจะจบแน่ๆ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่ เมื่อตอนจะเปลี่ยนคะแนนGPA PR ของปลัดคนก่อน ก็เสร็จกับเจ้ารายการนี้ รายการถึงพริกถึงขิง....

             "เตรียมข้อมูลไว้ๆนะ เพื่อเป็นการเตรียมตัว เราจะคัดเลือกคนที่ปั้นหน้าตายเก่งสุด แถเก่งสุด เอ่อ เอาท่านก็แล้วกัน" แล้วผมก็ชี้ไปยังที่ปรึกษาหัวโล้นๆของผมคนหนึ่ง
             "ผมหรือครับ? ได้เลยครับท่าน!"

             ผมลุ้นระทึกอยู่ข้างจอ ทันทีที่เสียงรายการเริ่ม "สวัสดีครับนี่รายการถึง..." เพียงแค่นั้นผมก็สั่งถามเหล่าที่ปรึกษาให้ทำตามแผนที่วางไว้
             "พวกนักยิงHNHที่จ้างไว้เตรียมพร้อมแล้วสินะ?"
             "SMSครับท่าน ผมโทรไปเช็คเรีบร้อยแล้ว คำพูดต่างๆก็เตรียมคิดไว้ร่วมพันกว่าคำ คิดว่าการโต้กันคราวนี้กันคราวนี้เราน่าจะชนะครับ"
             "ดีมา เอาล่ะเตรียมดูกันเถอะ" แล้วผมก็จดจ้องที่หน้าจอต่อ คู่ต่อสู้ของเราคราวนี้มีแค่นักการศึกษาหญิงคนหนึ่งกับเหล่าเด็กนักเรียนไม่กี่คน การโต้กันคราวนี้ผมคิดว่าพวกผมคงจะชนะแน่นอน

             ทุกนาทีผ่านไปอย่างลุ้นระทึก แย่ชะมัด! อีกฝ่ายพูดเก่ง*ิบ*าย แต่โชตดียังถามไม่ตรงจุดสักเท่าไหร่
             "ตอนพักโฆษณาลองโทรไปให้เล่นเจ้าเด็กนั่นไหมครับ ถ้าทางเด็กนั่นตื่นๆทีวีพอดู" ที่ปรึกษาคนหนึ่งถาม
             "ก็ดี เอาให้ตายไปเลย" ผมพูดยืนยันออกไป

             ผมดูต่ออีกสักพัก จนถึงช่วงหนึ่ง "ท่านศึกษามาดีแล้วหรือยัง?" นักการศึกษานั่นมันพูดอะไรน่ะ! คำถามนี้พวกที่ปรึกษาผมดูเหมือนไม่ได้เตรียมไว้ตั้งรับเลยซวยล่ะสิ!
             ผมจ้องไปที่หน้าจออีกครั้ง เจ้าที่ปรึกษาผู้กล้าของเราสะอึกเล็กน้อย แต่ก็ตอบออกไป "คือทางออฟเตย์เรีย...." แถได้ดีนี่บอกว่าศึกษาแล้ว ทั้งที่เราไม่ได้ทำ แล้วฝ่ายนั้นล่ะ?

             นักการศึกษาผู้นั้นไม่ย้ำประเด็นนี้ต่อ.... ฟู่.... ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าโดนย้ำตรงจุดนี้จนเผยไต๋ว่าพวกเรานั่งเทียนคิด ทุกอย่างก็เป็นอันจบ....

             นั่นเป็นประเด็นที่ผมเสียวที่สุดในรายการนั้นแล้ว แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี พวกผมเป็นฝ่ายชนะ


             ทว่า มันยังไม่จบ.... เหล่าผู้ปกครองในตัวเมืองหลายๆที่ไม่ว่าจะกรุงเทพหรือต่างจังหวัด โดยเฉพาะพวกต่างจังหวัด.... ต่างก็ท้วงเรื่องการเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งสิ้น
             แต่แปลกแหะ ไม่ค่อยมีใครเน้นประเด็นเรื่อง"ถ้าจะเปลี่ยนระบบการรับเข้าต้องบอกก่อนสี่ปี"เลย โชคเข้าข้างผมนิดหน่อยแล้วนะ

             "ถ้าจะชนะในทางประชาธิปไตยเราต้องใช้จำนวนคนที่มากกว่า!" ผมสั่งกร้าวแล้วก็ให้จัดการจ้างม็อบ โทรไปตามโรงเรียนมาตรฐานต่ำทั้งหลาย รวมทั้งเขียนจดหมายแกล้งว่าเป็นเด็กนักเรียน ส่งไปถึงท่านนายขด้วย

             ใช่ เสียงมากกว่าย่อมมากกว่า ในที่สุดผมก็ชนะ! ปีหน้านี้แหละท่านนายขสมหวังแน่ๆ



    ------------------------



             **วันที่XเดือนXปี2549

             ทั้งๆที่เป็นวันแรกของการทำงานในรัฐบาลสมัยใหม่  แต่ท่านนายขก็กลับเรียกหาผมเป็นการส่วนตัว มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่?
             ว่าแต่คราวนี้ท่านเรียกผมไปก้วยเหตุผลอันใดกัน? ทั้งที่ระบบ"อ็อบมึกชั่ง"นี้ก็สามารถผูกขาดผู้ที่จะเอนท์ติดได้แล้วแท้ๆ แต่กลับยังมีเรื่องให้ผมช่วยอีก น่าสงสัยจริงๆว่าจะเป็นเรื่องอะไร
             ผมเปิดประตูไปอย่างช้าๆ แอร์ในห้องนี้เย็นมาก ในห้องก็มืดสนิทอีกต่างหาก

             ข้างมู่ลี่อีกฟากหนึ่งของห้อง ชายร่างท้วมที่มีรูปหน้าเป็นแพนตาก้อนยืนอยู่ที่นั่น

             "มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ" ผมถามออกไปอย่างสุภาพ พร้อมกับหมอบคลานเข้าไป
             ท่านผู้นั้นกระแอมมาครั้งหนึ่งแล้วพูดอย่างเบาๆว่า....

             "คนโง่ปกครองง่าย คนฉลาดปกครองยาก"
             พูดเสร็จท่านก็ยกไวน์ปี50ที่มีราคามากกว่าเงินเดือนครูโรงเรียนรัฐบาลทั้งชาติมาจิบอยู่ชั่วครู่แล้วพูดต่อ
             "การศึกษานี่สำคัญนะ รู้ไหม?"


             จบ..... อนาคตของชาติไทห์จะเป็นยังไง!? ติดตามชมต่อตอนหน้า (ถ้าตอบรับไม่ดีจะไม่เขียนต่อนะ ดังนั้น ขอเสียงหน่อย!)






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×