คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : KiSS 01 เจ้าชายผู้ต้องสาป
KiSS
01 เจ้าชายผู้ต้องสาป
จะมีใครอีกไหมนะที่เพอร์เฟ็กต์เท่านี้?
นี่คือคำถามที่บรรดาเหล่าหญิงสาวใน “มหาวิทยาลัยน่านฟ้า” คอยถามตัวเองอยู่เสมอๆ
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การเรียน กีฬา หรือ กระทั่งกิริยามารยาท
ล้วนแต่ที่จะแสนเลิศเลอทั้งนั้น เข้ามาปีแรกก็ได้เป็นดาวมหาลัยด้วยคะแนนเอกฉันท์! การเรียนก็ยังได้Aตลอดทุกวิชา! กีฬาแม้จะเข้าชมรมไหน
ก็ล้วนแต่พาชมรมนั้นชนะเลิศเป็นที่หนึ่งอยู่ตลอด!
แถมยังมีความเป็นผู้นำภายใต้ความสุภาพนอบน้อมนั้นด้วย
นี่แหละชายในฝันที่ผู้หญิงฝันถึง ไม่มีใครที่จะเทียบเทียมกับเขาได้อีกแล้ว กับผู้ชายที่มีนามว่า
“เวทาญาณ
เดชัยมนต์”
................
บนหน้าของชั้นเรียน
เข็มยาวกับเข็มสั้นชี้ตรงไปยังเลขสิบสอง เป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์
ผมไม่ได้บอกว่าผมเป็นจำพวกหนอนหนังสือนะครับ
จริงๆถ้าเรื่องเล่นกีฬาผมก็ทำได้เหมือนกัน และเล่นได้ดีเสียด้วย
ดีเกินไปเสียจนบรรดาชมรมต่างๆคอยจะแห่กันมาขอร้องผมให้มาเป็นสมาชิกผีช่วยลงแข่งเมื่อถึงคราวแข่งใหญ่
แต่มันก็เพียงเท่านั้น รู้สึกพวกเขาหลายๆคนจะยกย่องเทิดทูลผมจนเกินไปเสียด้วยซ้ำพอจัดหนังสือเสร็จ
ผมก็เตรียมตัวที่จะเดินออกจากห้อง ผมก็ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายอยู่ข้างนอกห้อง
ซึ่งเสียงเหล่านี้ผมก็ได้ยินอยู่แทบจะทุกวี่ทุกวัน ทันทีที่ผมเดินออกไปนอกห้องผมก็เห็นเหล่าผู้หญิงกำลังจ้องมองมาทางผม
ผมจึงผงกหัวพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย เท่านั้นแหละ พวกหล่อนก็กรี๊ดกร๊าดกันเป็นการใหญ่
“ว้ายๆ เค้ายิ้มให้ฉันด้วยล่ะเธอ!”
“อะไรจะขนาดนั้น” ผมคิดอยู่ในใจ
“อะไรจะขนาดนั้น?” เสียงหนึ่งแว่วมาตามสายลม
ผมจึงหันมองกลับไป
“เน่! เวทอย่ารีบหนีกลับไปนะ มาพูดเรื่องรายงานกลุ่มกันก่อน!”
เสียงผู้หญิงแบบห้าวๆนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือเสียงของ ไพ ยัยทอมบอยประจำมหาวิทยาลัย
“นี่ๆ ไพ
อย่าพูดอย่างนั้นกับคุณเวทเขาสิ” เสียงใสเสียงหนึ่งดังออกมา
นั่นเป็นเสียงของแต เพื่อนสนิทของไพ ผู้ซึ่งร่วมการทำรายงานอีกคนของผมนั่นเอง
“เรื่องรายงานนี่จะเริ่มทำวันนี้เลยเหรอ?” ผมถามออกไปอย่างสงสัย เพราะปรกติไม่ค่อยเห็นใครเริ่มทำรายงานในวันที่สั่งวันแรกกันเสียสักคน
ส่วนใหญ่จะเป็นคืนสุดท้ายก่อนส่งงานเสียมากกว่า
“ใช่ๆ อย่างที่เวทพูดนั่นแหละ
รีบร้อนไปทำไม?” เกือบลืมไปเลยยังมีนุกกับฟ้าผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับผมอยู่ด้วย
ประโยคนี้นุกเป็นผู้พูด
“ใช่ ทำคืนเดียวก็เสร็จ” ส่วนประโยคนี้ฟ้าเป็นผู้เสริม
ผมชำเลืองไปทางไพ
หล่อนจ้องเขม็งไปทางสองหนุ่มนั่น เล่นเอาพวกเขาสองคนหงอยไปตามๆกัน
หลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็จัดหน้าที่กันจนเสร็จ
นุกกับฟ้ารับหน้าที่เป็นคนพิมพ์รายงาน แต่เป็นผู้เรียบเรียงข้อมูลและตรวจทาน
ส่วนผมกับแต่ ทำหน้าที่หาข้อมูล
เอ่อ....
ทำไมคนที่ทำหน้าที่หาข้อมูลต้องเป็นผมกับไพด้วยล่ะเนี่ย?
จริงๆผมไม่ค่อยถูกชะตากับไพเท่าไหร่เลย ผมถอนหายใจเล็กน้อย
ก่อนโบกมือลากับคนอื่นๆเพื่อแยกย้ายกันไปทำงาน
“แย่จัง แตดันไม่ว่างวันนี้ซะได้”
ไพบ่นพึมพำออกมาขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลยังห้องสมุดกลาง
“แล้วอย่างนั้นทำไมไม่เลือกไปหาข้อมูลวันอื่นล่ะ?
พรุ่งนี้ก็ได้?”
“ก็ฉันไม่อยากดองงานเน่!”
ไพตวาดกลับออกมาด้วยท่าทางฉุนเฉียว
“ไม่อยากดองงานขนาดไม่ไปกินข้าวกลางวันเลยเหรอ?”
“นั่นเฉพาะกับนายเท่านั้นแหละน่า” ไพยิ้มเยาะออกมา “เพราะฉันไม่อยากจะถูกจะตกเป็นเป้าสายตาเพราะไปกินข้าวกลางวันสักเท่าไหร่หรอกน่า”
ไพพูดเช่นนั้นเล่นเอาผมสะอึกไปเลยทีเดียว
“เอ้า เวท! จะไปไหนน่ะ
วันนี้ไม่กินข้าวกลางวันกับเราหรือไง?” เสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
นั่นไม่ใช่ใครอื่น ปักษ์ หรือ “ปฐรักษ์ ราชญทักษ์”
หนุ่มแว่นท่าทางกวนๆเล็กน้อยผู้นี้เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมมาตั้งแต่เด็กๆ
แม้กระทั่งบัดนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่
ตอนนี้ผมกับปักษ์พักด้วยกันในหอพักของทางมหาวิทยาลัย
“ขอโทษที วันนี้ฉันติดธุระ
คงไปกับนายไม่ได้หรอก”
“ว้าแย่จัง!” ปักษ์บ่นอย่างเสียดาย “ว่าแต่
เพิ่งจะเห็นนายออกเดทกับผู้หญิงอื่นเป็นครั้งแรกก็ครั้งนี้นี่แหละ
แถมยังเป็นไพด้วยอีก ไม่น่าเชื่อ”
“จะบ้าหรือไง!”
ทั้งผมและไพตะโกนออกไปพร้อมๆกัน เจ้าปักษ์นี่ไม่ใช่ดูกวนแค่ท่าทางเท่านั้น
แต่นิสัยจริงๆของมันยังชอบกวนประสาทชาวบ้านอีก แต่นี่อาจจะเป็นข้อด้อยอย่างเดียวของมันก็ได้มั้ง?
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นไปก่อนล่ะ!” หลังจากกวนประสาทพวกเราแล้ว
ปักษ์ก็รีบผละออกไปในทันที ผมล่ะเหนื่อยในกับหมอนี่เอาเสียจริงๆ
หลังจากผ่านการกวนประสาทของปักษ์ได้ไม่นานนักพวกเราก็เดินทางมาถึงยังห้องสมุด
แต่ก่อนที่จะได้เดินเข้าไป พวกเราก็ถูกทักโดยสาวน้อยกลุ่มหนึ่ง
“เอ๋?
ทำไมพี่ไพมาเดินอยู่กับพี่เวทล่ะคะ?” ผมได้ยินแล้วก็สงสัย
การที่ผมมาเดินคู่กับไพมันแปลกขนาดนั้นเชียวหรือ?
“พวกเรามาหาข้อมูลทำงานนะจ๊ะ
จริงๆพี่เองก็ไม่อยากเดินควงกับหมอนี่สักเท่าไหร่หรอก”
คำตอบนี้เล่นเอาผมคิ้วขมวดเลยทีเดียว
ไพกับสาวๆกลุ่มนั้นคุยกันต่ออีกเล็กน้อย
เหล่าสาวๆกลุ่มนั้นแสดงท่าทางที่ชื่นชมไพอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ดูเหมือนพวกหล่อนจะเป็นแฟนคลับของไพ จะว่าไปจริงๆแล้ว
ไพเองก็ดังอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้ไม่เบาเลยทีเดียว
ดังขนาดมีแฟนคลับเป็นของตนเองโดยเฉพาะเลยทีเดียว เพราะหน้าตาของหล่อน
รวมทั้งสติปัญญา ก็สมควรแล้วล่ะที่จะมีคนชื่นชอบหล่อนอยู่ไม่น้อย
แต่... ที่ชื่นชมน่ะ ผู้หญิงทั้งนั้น!
ผู้ชายแทบจะไม่มีใครชื่นชอบหล่อนเลยแม้แต่คนเดียว!
เพราะท่าทีที่แข็งกร้าวของหล่อนที่มีต่อเพศตรงข้าม
แต่ในขณะเดียวกันสำหรับเพศเดียวกันแล้ว หล่อนกลับอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
แฟนคลับที่ว่าจึงมีแต่ผู้หญิงล้วนๆ เพราะเหตุนี้ผมจึงสงสัยว่าไพนี่เป็นพวกเลสเบี้ยนหรือเปล่า?
“ถามจริงๆเถอะนายเป็นเกย์หรือเปล่า?”
คำถามที่ยิงมาโดยที่ผมแทบไม่ได้ทันตั้งตัวนี้เล่นเอาผมสะดุ้งจนแทบจะหงายหลัง
“คิดไงถึงถามอย่างนั้นเล่า?”
“ก็...
เห็นนายทำท่าหวาดๆเวลาคุยกลับผู้หญิงนี่?”
“จะบ้าหรือไง
เราเป็นชายแท้ๆเลยนะ จะเป็นเกย์ได้ยังไง?”
“แต่ ทั้งๆที่นายหน้าตาดีขนาดนี้
แต่ทำไมยังไม่มีแฟนล่ะ? แถมปรกติก็เห็นนายเดินอยู่กับเจ้าปักษ์มันตลอดเลยนี่นา?”
“ก็เจ้าปักษ์มันเป็นเพื่อนสนิทเราแถมยังเป็นรูมเมทด้วยนี่นา
และเราไม่ได้เจ้าชู้เหมือนเจ้าชาญมันด้วย
จะให้ไปควงกับใครไม่เลือกหน้าได้ยังไงเล่า?”
“แต่ก็ยังน่าสงสัยอยู่ดีล่ะน่า”
“แล้วทีเธอล่ะ?” ผมหยุดหายใจชั่วครู่
ก่อนเริ่มถามสวนกลับไปบ้าง “มาว่าคนอื่นเขาเป็นเกย์
แล้วเธอเป็นเลสใช่หรือเปล่าล่ะ?”
“อ๊ะ? ฉันดูเป็นอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็เวลาคุยกับผู้ชายทีไรเห็นเหมือนจะไปกัดกับเขาทุกทีเลยนี่
แต่เวลาคุยกับผู้หญิงนี่คนละอย่างเลย”
“อย่างนั้นเหรอ?” ไพเอียงคอเล็กน้อย “สงสัยเป็นเพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีกับผู้ชายมาก่อนล่ะมั้ง?”
ผมนึกว่าเรื่องจะจบแล้ว
แต่ไพก็ยิงคำถามต่อมาอีก
“เรื่องปักษ์น่ะฉันรู้อยู่แล้วล่ะน่า
แต่ท่าทางนายเวลาคุยกับผู้หญิงก็ยังแปลกๆอยู่ดีนั่นแหละ”
“หาข้อมูลก่อนเถอะน่า
แล้วเรื่องอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง เราไปหาทางนั้นก็แล้วกัน” ผมรีบตัดบทหนีทันที
ที่ว่าผมทำท่าหวาดๆผู้หญิงมันเป็นเรื่องจริง แต่มันเป็นเหตุผลของมันอยู่ เป็นเหตุผลที่บอกใครไม่ได้
แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นเกย์แน่นอน
“งั้นก็บอกเหตุผลมาดีๆสิ
เดินหนีอย่างนี้ฉันไม่ชอบนะ!” ผมเดินหลบเข้าไปในซอกชั้นหนังสือแล้ว
แต่ไม่วายที่ไพจะมาตามราวีกับผม
แรงของไพมากอย่างไม่น่าเชื่อกระชากผมทีเดียวเล่นเอาผมเสียศูนย์เลยทีเดียว
แต่เสียศูนย์อย่างเดียวไม่พอ มันทำเอาผมทรงตัวไม่อยู่ล้มถลาไปทางไพ
จุ๊บ! ผมกับไพต่างตะลึง
ปากต่อปากประสานกันโดยอุบัติเหตุ ก่อนที่เราทั้งสองจะล้มลงไปโครมใหญ่
................
ดูเหมือนว่าจากอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้หนังสือส่วนใหญ่ของชั้นหนังสือข้างเคียงจะหล่นลงมาทับด้วย
ไพดันตัวออกมาจากกองหนังสือพร้อมกับคว้าคอเสื้อของผู้ที่คาดว่าจะก่ออุบัติเหตุครั้งนี้พร้อมกับตวาดใส่
“ทำอะไรของแกน่ะ... เอ๊ะ?” หมัดที่ง้างออกมาหยุดกึก
เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหน้าไม่ใช่คนที่หล่อนหมายมั่นจะตะบันหน้าเสียแล้ว
แต่มันกลับกลายเป็นสาวน้อยนางหนึ่ง!
................
ความคิดเห็น