ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 ตัวช่วยสุดอลังการ 100%
"อะนีมอย ชั้นมารับเธอไปนรกแล้วนะ"
ไม่รู้ว่าผมไปเอาความใจกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าพูดออกไปแบบน่านนน (รู้สึกเหมือนสังขารจะสั้นก็วันนี้แหละ= =)
"แกร๊ะะะ" ดูมันคำรามดิ ไม่เป็นภาษาคนเลยอ่ะ ใช้ไม่ได้ๆ หัดไปเข้าโรงเรียนหน่อยนะ 55
เอาเถอะ ระหว่าง ความกล้า กับ ความบ้า มันก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก!! มันอยู่ที่เราจะทำอะไรต่างหาก? นั้นแหละสิ่งสำคัญ
พอคิดได้แบบนั้น ผมก็หันไปสั่งกับอาเธอร์
"เพิ่มแสงให้มากกว่านี้ได้มะ?" อาเธอร์พยักหน้า หงิกๆ ก่อนจะร่ายเวท ประจำตระกูลของมัน
ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างยิ่งกว่าแสงสปอตไลท์อีก แม่ง แสบตาาาาาา TTwTT เสี่ยวริกน้อยผู้นี้กำลังจะสังขารสั้นเพราะแสงหรือเนี่ยย?
ไม่ได้ๆ ตายอนาทแบบนั้น มีหวังได้โดยท่านแม่ผู้แสนจะน่ารักน่าชัง(?)ปลุกขึ้นมาจากความตายแล้ว ได้ตายใหม่อีกรอบแน่ๆ เอาเป็นว่าทางที่ดีอย่าตายจะดีกว่า
"เฮ้ยๆ ไอ้แมงกระพรุน ทางนี้เว้ยย" ว่าแล้วก็โบกมือไปมาอย่างสง่างาม เผลอรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่ตัวนี่อาบเลือดจนแดงเดือดไปทั้งตัวแล้วเนี่ย
สิ่งไร้ตัวตนที่เรียกว่า อะนีมอยพุ่งมาผมด้วยความเร็ว 180 กิโลเมตร/วินาที แม่เจ้าโว้ยย!! จะรีบมากูหรืองายยย? คิดถึงชั้นล่ะสิ //ถุ้ยคิดไปได้
ผมรีบตั้งดาบในท่าตั้งรับ สายลมเสียดสีกับดาบของผมอย่างแรง จนหัวจะหลุดจากบ่าแล้วเนี่ย เฮ้ยๆๆ!!เบาๆหน่อยดิเว้ย เส้นผมกูราคาแพงนะน้อง=w="
เกิดประกายไฟฟ้าวาบๆที่ดาบของผมเป็นระยะๆ ผมไม่รอช้ารีบมองเงาบนหินที่ยืนอยู่ มันเปลี่ยนรูปร่าง ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น.....รูปร่างเริ่มน่าเกลียด มีขนด้วย ว๊ากมีหางเป็นปุ่มๆเบยอ่า 555(เดาเอาจากจินตนาการอันน้อยนิด)
"ทุเรศที่สุด ตายซะ!" ผมวาดดาบเป็นรูปไม้กางเขน ท่าไม้ตายแรก ทะลวงแหลก!(เอิ่มอย่าไปคิดมากับชื่อท่าเลย มันคิดไม่ออก 5555+)
สายฟ้าตีวงออกเป็นสายยาวๆ พุ่งไปทำลายเจ้าตัวอะนีมอยอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว!เปรี้ยง!ฟิ้ว!เปรี้ยงๆๆ และอีกนับ 10 ลูก กลายเป็นปาร์ตี้ รื่นเริงขนาดนี้เลยหรือเนี่ยย 555น่าภูมิใจจริงๆ
หลังระเบิดระดับมิสไซน์ของผมจบลงที่ลูกที่ 10
.....ก็เกิดควันขนาดใหญ่ขึ้นที่บริเวณที่อะนีมอยอยู่ เจอสายฟ้าหนักหน่วงขนาดนั้น ถ้ารอดได้นี่ -3- มันก็เป็นพวกสุดยอดมากๆแล้วล่ะนะ ขนาดอุกกาบาตยังแตกเป็นเสี่ยงๆ
"เป็นไรไหม?ริก"อาเธอร์วิ่งมาถาม หลังจากที่มันได้ไปต่อสู้กับ......เอิ่ม เอ็งสู้กับหิมะหรอ เห้ยย!!! อย่าบอกนะว่า มีพวกของมันมาเสริมด้วยน่ะ
"เธอร์ ไอ้เชี่ยตัวนั้น มันคืออะไร?"ผมพูดพลางชี้ไปที่เนินเขาที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มันกลายเป็นหิมะไปแล้วนะเว้ยยยยยย ทั้งสายลม ทั้งหิมะ หลอมรวมกันจนกลายเป็นพายุหิมะไปแล้ว................. เป็นไปได้ไง๊ฟระวะฮะเฟ้ย!! - -""
"คิโอเนน่ะ"
"คิโอเน? ใครฟระ"
"เทพีแห่งหิมะ เธอบอกว่า อยากจะปาหิมะก้อนโตๆเท่าไข่ไดโนเสาร์ใส่นายน่ะ" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตู TwT
"ริก เบนเนอร์"จู่ๆนางก็เรียกชื่อของผมซะงั้น
"คะ ครับ คุณผูหญิง?" ผม ติดอ่างนิดหน่อย
"พ่อแกน่ะ ทำกับฉันแสบมากนะ รู้ไหม?"แล้วจู่ๆนางก็แผ่รังสีอำมหิตมายังผม
"ผมไม่รู้ครับ ผมไม่ได้แหกขี้ตายืนเป็นพยานในสมัยตอนที่พ่อผมยังหนุ่มๆ คุณนี่ใช้อะไรคิดครับ สมัยนั้นผมยังไม่คลอดออกมาดูโลกเล๊ย" ไอ้ปากเวรเอ้ยย พูดหาเรื่องตายอีกแล้วว!
"เออ นั้นก็จริง เพราะฉะนั้น รับผลกรรมของพ่อแกไปแล้วกัน!" เหยยยย! TT^TT พ่อกูไปทำอะไรให้ ก็ไปลงที่พ่อกูสิ ผมไม่เกี่ยวซะหน่อยย
คิโอเนโปรยหยาดหิมะสีขาวบริสุทธิ์ไปทั่วอาณาบริเวณ สถานที่แกรนแคร์ยอนกลายเป็นลานสกีดีๆนี่เอง หล่อนขว้างแท่งกริซที่ทำจากน้ำแข้งอันแหลมคมใส่ผมแบบไม่ยั้ง ..............แค้นมากไปป่าวว?
แต่จะทำไงได้ล่ะ?
"อันที่จริง ชั้นก็ไม่อยากจะสู้กับผู้หญิงหรอกนะ" ผมเรียกโล่ประจำตระกูลของแม่ออกมาบังหิมะ ก่อนที่ผมจะแข็งตาย
"แต่ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง แถมยังมีหน้ามาโบยความผิดของคนอื่น(ก็พ่อตูนั้นแหละ = =)มาใส่คนที่ไม่รู้เรื่อง เห็นทีคงจะต้องเตะก้นเธอสักป๊าบ" แล้วผมก็กระชับดาบในมือให้มั่น ตั้งท่าต่อสู้ตามความถนัดของตัวเอง
"ชั้นจะให้เวลาเธอแค่ 20 วินาทีเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นจะขอรับดวงเวทหิมะของเธอไปแล้วกัน" สกิลแรก อัคคีทะลวงสวรรค์
เล่นมาเป็นน้ำแข็ง สิ่งที่จะทะลายน้ำแข็งได้คือ ไฟ!!
เปลวเพลิงโหมกระหน่ำไปทั่วยอดเขา ผมไม่รอช้าใช้สกิลต่อไป กำแพงอัคคี ........ ยังไงก็ต้องเอาไฟลุยไว้ก่อนเป็นอันดับแรก
หลังผมร่ายสกิลที่ 2 ออกไป ก็เกิดเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวของคิโอเน
"หมดทางหนีแล้วล่ะ ทีนี้ก็บอกมาดีๆซะ ว่าไอ้โรคจิตที่ชื่อ อีเนเธอร์ ได้ที่ไหน?" ตอนนี้ผมกำลังของขึ้น ไม่พูดคงพูดครับแม่งแหละ
"คิดว่าชั้นจะยอมช่วยง่ายๆหรือไง?"คิโอเน พูดพลางแสยยิ้ม "ของกระจอกๆแบบนี้ทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก"
"ชิ"ผมสถบในลำคอ ถ้าใช้กำลังแล้วไม่ยอมปริปากพูด สงสัยคงจะต้องใช้.....
"อาเธอร์ ขอน้ำหวานแดง เครื่องทำน้ำแข็งใส เอาขนมปังกับวุ้นมะพร้าวเยอะๆ ถ้าเป็นไปได้เอาถั่วแดงกับข้าวโพดมาด้วยนะ" ได้ทีก็สั่งมันเลย 5555+ รู้สึกเหมือนมีอำนาจ
"จะเอาไปทำอะไร?"อาเธอร์เอียงคอถาม
ผมดับไฟที่ปลิวว่อนรอบตัวคิโอเน มันยังละลายน้ำแข็งของหล่อนไม่ได้จริงๆนั้นแหละ เพราะมีลม ลมมันพัดเอาความร้อนออกห่างจากน้ำแข็งของเธอไม่ให้ละลาย
สู้กับลมนี่วุ่นวายชะมัด
"ไหนๆก็คุยไม่รู้เรื่อง แถมใช้กำลังเข้าขู่เข็ญก็ยังไม่ยอมปริปากบอก"ผมเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อว่า
"ก็มานั่งทำน้ำแข็งใสกินไป ชมวิวไป ดีก่า หวังว่าเธอจะยอมให้ความร่วมมือนะ คิโอเน"ผมหันมามองหน้าเธอพลางทำหน้าหล่อสุดชีวิตที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
"เรื่องแค่นี้ จิ๊บๆ ถ้าเป็นเรื่องน้ำแข็งล่ะก็ บอกชั้นได้ทุกอย่างแหละ"หล่อนหันมาบอกผมพลางยิ้ม!!
"เหย จริงดิ ขอบใจนะ" มันจะง่ายเกินไปปะวะ? กะอีแค่ขอน้ำแข็งมาทำน้ำแข็งใสกิน ไหงหน้าระรื่น ยิ้มหน้าบานเป็นดอกเห็ดแล้วอ่ะ
"ไหนบอกจะแก้แค้น?"ผมเลยย้อนถามกลับ
"เป็นแค่บททดสอบน่ะ ชั้นไม่ชอบพวกคนหัวสุง ใช้แต่กำลัง อยากได้อะไรก็ได้ โดยไม่มองสิ่งที่คนๆนั้นก็มีอยู่แล้ว"แล้วเธอก็เสกน้ำแข็งก้อนเท่าบ้านมาให้ผม
"พวกนายเป็นกลุ่มคนแรกเลยนะที่มองเห็นตัวตนของชั้น ชั้นเป็นเทพหิมะ คอยมอบความสุขในการทำสโนแมน หรือการทำน้ำแข็ง......."
"พวกนาย ขอชั้นในเรื่องที่ชั้นมี ถึงจะใช้กำลังขู่ตอนแรกแต่ตอนนี้พวกนายก็...."แล้วหล่อนก็เริ่มสะอื้นเล็กน้อย
"พวกนายก็เป็นคนที่มองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของชั้น.....ขอบคุณนะ"คิโอเนยิ้มอย่างเป็นมิตรพลางปาดน้ำตา
"อะ...เอิ่ม" ผมเงิบเลยล่ะครับ ไม่นึกว่า พวกเทพจะมีจิตใจที่ดีงามขนาดนี้ ตอนแรกผมคิดว่าพวกเทพก็เอาแต่เสวยสุข ไม่สนใจมนุษย์ ไม่สนใจผู้วิเศษแบบผม ใช้ชีวิตอย่างหรูหราไปตามฉบับเทพ เอาแต่ใจและอยากได้อะไรต้องได้
............พอมาเห็นแบบนี้แล้วมันกลับกันเลยย เทพไม่ได้ยโส พวกเขาแค่อยากให้ มนุษย์ หรือพวกเรา เห็นคุณค่าที่แท้จริงของพวกเขา ขอในสิ่งที่พวกเขามี ไม่ใช่ขอไฟจากเทพแห่งวารี หรือขอชีวิตจากเทพแห่งความตาย
......มันทำให้ผมคิดได้ว่า?
แล้วพวกเราล่ะ ทำอะไรให้พวกเขาบ้าง? พวกเราเอาแต่ขอแล้วขออีก
...เราเคยมอบอะไรให้กับคนอื่นบ้าง? มอบในสิ่งที่ตัวเองมี? ไม่ใช่ไม่มีเงินแต่ก็ยังดันดนไปหาเงินมาให้เพื่อน เพียงเพราะอยากให้เพื่อนรัก?
แบบนั้นถูกแล้วหรอ?
ผมหันหน้าไปหาอาเธอร์ .........
"อาเธอร์ สักวันหนึ่ง ชั้นจะสามารถ มอบอะไรที่พิเศษให้นายได้บ้างนะ?" จู่ๆผมก็รู้สึกอยากดราม่า
"แกคอยช่วยชั้นทุกอย่างเลย.....คงเป็นกรรมดีของชั้นสินะที่ได้มาเจอนาย"ผมก้มหน้าพูดออกไปอย่างภาคภูมิใจในกรรมดีของตน(เกี่ยวไหม???)
"ริก ชั้นไม่ได้คาดหวังจะได้อะไรจากนายหรอก"อาเธอร์หันมายิ้ม
นี่สินะ!ที่เขาเรียกกันว่า คนดี ช่วยแต่ไม่รับผลตอบแทน
"แต่ถ้านายจะให้ล่ะก็ ขอทุกอย่างที่เป็นนายทั้งหมดเลยแล้วกัน"
ไอ้คำพูดที่ว่านายเป็น คนดี ขอถอนคำพูดด่วนนนน ไอ้สเลดเป็ดดดดดดดด
ไม่รู้ว่าผมไปเอาความใจกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าพูดออกไปแบบน่านนน (รู้สึกเหมือนสังขารจะสั้นก็วันนี้แหละ= =)
"แกร๊ะะะ" ดูมันคำรามดิ ไม่เป็นภาษาคนเลยอ่ะ ใช้ไม่ได้ๆ หัดไปเข้าโรงเรียนหน่อยนะ 55
เอาเถอะ ระหว่าง ความกล้า กับ ความบ้า มันก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก!! มันอยู่ที่เราจะทำอะไรต่างหาก? นั้นแหละสิ่งสำคัญ
พอคิดได้แบบนั้น ผมก็หันไปสั่งกับอาเธอร์
"เพิ่มแสงให้มากกว่านี้ได้มะ?" อาเธอร์พยักหน้า หงิกๆ ก่อนจะร่ายเวท ประจำตระกูลของมัน
ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างยิ่งกว่าแสงสปอตไลท์อีก แม่ง แสบตาาาาาา TTwTT เสี่ยวริกน้อยผู้นี้กำลังจะสังขารสั้นเพราะแสงหรือเนี่ยย?
ไม่ได้ๆ ตายอนาทแบบนั้น มีหวังได้โดยท่านแม่ผู้แสนจะน่ารักน่าชัง(?)ปลุกขึ้นมาจากความตายแล้ว ได้ตายใหม่อีกรอบแน่ๆ เอาเป็นว่าทางที่ดีอย่าตายจะดีกว่า
"เฮ้ยๆ ไอ้แมงกระพรุน ทางนี้เว้ยย" ว่าแล้วก็โบกมือไปมาอย่างสง่างาม เผลอรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่ตัวนี่อาบเลือดจนแดงเดือดไปทั้งตัวแล้วเนี่ย
สิ่งไร้ตัวตนที่เรียกว่า อะนีมอยพุ่งมาผมด้วยความเร็ว 180 กิโลเมตร/วินาที แม่เจ้าโว้ยย!! จะรีบมากูหรืองายยย? คิดถึงชั้นล่ะสิ //ถุ้ยคิดไปได้
ผมรีบตั้งดาบในท่าตั้งรับ สายลมเสียดสีกับดาบของผมอย่างแรง จนหัวจะหลุดจากบ่าแล้วเนี่ย เฮ้ยๆๆ!!เบาๆหน่อยดิเว้ย เส้นผมกูราคาแพงนะน้อง=w="
เกิดประกายไฟฟ้าวาบๆที่ดาบของผมเป็นระยะๆ ผมไม่รอช้ารีบมองเงาบนหินที่ยืนอยู่ มันเปลี่ยนรูปร่าง ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น.....รูปร่างเริ่มน่าเกลียด มีขนด้วย ว๊ากมีหางเป็นปุ่มๆเบยอ่า 555(เดาเอาจากจินตนาการอันน้อยนิด)
"ทุเรศที่สุด ตายซะ!" ผมวาดดาบเป็นรูปไม้กางเขน ท่าไม้ตายแรก ทะลวงแหลก!(เอิ่มอย่าไปคิดมากับชื่อท่าเลย มันคิดไม่ออก 5555+)
สายฟ้าตีวงออกเป็นสายยาวๆ พุ่งไปทำลายเจ้าตัวอะนีมอยอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว!เปรี้ยง!ฟิ้ว!เปรี้ยงๆๆ และอีกนับ 10 ลูก กลายเป็นปาร์ตี้ รื่นเริงขนาดนี้เลยหรือเนี่ยย 555น่าภูมิใจจริงๆ
หลังระเบิดระดับมิสไซน์ของผมจบลงที่ลูกที่ 10
.....ก็เกิดควันขนาดใหญ่ขึ้นที่บริเวณที่อะนีมอยอยู่ เจอสายฟ้าหนักหน่วงขนาดนั้น ถ้ารอดได้นี่ -3- มันก็เป็นพวกสุดยอดมากๆแล้วล่ะนะ ขนาดอุกกาบาตยังแตกเป็นเสี่ยงๆ
"เป็นไรไหม?ริก"อาเธอร์วิ่งมาถาม หลังจากที่มันได้ไปต่อสู้กับ......เอิ่ม เอ็งสู้กับหิมะหรอ เห้ยย!!! อย่าบอกนะว่า มีพวกของมันมาเสริมด้วยน่ะ
"เธอร์ ไอ้เชี่ยตัวนั้น มันคืออะไร?"ผมพูดพลางชี้ไปที่เนินเขาที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มันกลายเป็นหิมะไปแล้วนะเว้ยยยยยย ทั้งสายลม ทั้งหิมะ หลอมรวมกันจนกลายเป็นพายุหิมะไปแล้ว................. เป็นไปได้ไง๊ฟระวะฮะเฟ้ย!! - -""
"คิโอเนน่ะ"
"คิโอเน? ใครฟระ"
"เทพีแห่งหิมะ เธอบอกว่า อยากจะปาหิมะก้อนโตๆเท่าไข่ไดโนเสาร์ใส่นายน่ะ" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตู TwT
"ริก เบนเนอร์"จู่ๆนางก็เรียกชื่อของผมซะงั้น
"คะ ครับ คุณผูหญิง?" ผม ติดอ่างนิดหน่อย
"พ่อแกน่ะ ทำกับฉันแสบมากนะ รู้ไหม?"แล้วจู่ๆนางก็แผ่รังสีอำมหิตมายังผม
"ผมไม่รู้ครับ ผมไม่ได้แหกขี้ตายืนเป็นพยานในสมัยตอนที่พ่อผมยังหนุ่มๆ คุณนี่ใช้อะไรคิดครับ สมัยนั้นผมยังไม่คลอดออกมาดูโลกเล๊ย" ไอ้ปากเวรเอ้ยย พูดหาเรื่องตายอีกแล้วว!
"เออ นั้นก็จริง เพราะฉะนั้น รับผลกรรมของพ่อแกไปแล้วกัน!" เหยยยย! TT^TT พ่อกูไปทำอะไรให้ ก็ไปลงที่พ่อกูสิ ผมไม่เกี่ยวซะหน่อยย
คิโอเนโปรยหยาดหิมะสีขาวบริสุทธิ์ไปทั่วอาณาบริเวณ สถานที่แกรนแคร์ยอนกลายเป็นลานสกีดีๆนี่เอง หล่อนขว้างแท่งกริซที่ทำจากน้ำแข้งอันแหลมคมใส่ผมแบบไม่ยั้ง ..............แค้นมากไปป่าวว?
แต่จะทำไงได้ล่ะ?
"อันที่จริง ชั้นก็ไม่อยากจะสู้กับผู้หญิงหรอกนะ" ผมเรียกโล่ประจำตระกูลของแม่ออกมาบังหิมะ ก่อนที่ผมจะแข็งตาย
"แต่ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง แถมยังมีหน้ามาโบยความผิดของคนอื่น(ก็พ่อตูนั้นแหละ = =)มาใส่คนที่ไม่รู้เรื่อง เห็นทีคงจะต้องเตะก้นเธอสักป๊าบ" แล้วผมก็กระชับดาบในมือให้มั่น ตั้งท่าต่อสู้ตามความถนัดของตัวเอง
"ชั้นจะให้เวลาเธอแค่ 20 วินาทีเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นจะขอรับดวงเวทหิมะของเธอไปแล้วกัน" สกิลแรก อัคคีทะลวงสวรรค์
เล่นมาเป็นน้ำแข็ง สิ่งที่จะทะลายน้ำแข็งได้คือ ไฟ!!
เปลวเพลิงโหมกระหน่ำไปทั่วยอดเขา ผมไม่รอช้าใช้สกิลต่อไป กำแพงอัคคี ........ ยังไงก็ต้องเอาไฟลุยไว้ก่อนเป็นอันดับแรก
หลังผมร่ายสกิลที่ 2 ออกไป ก็เกิดเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวของคิโอเน
"หมดทางหนีแล้วล่ะ ทีนี้ก็บอกมาดีๆซะ ว่าไอ้โรคจิตที่ชื่อ อีเนเธอร์ ได้ที่ไหน?" ตอนนี้ผมกำลังของขึ้น ไม่พูดคงพูดครับแม่งแหละ
"คิดว่าชั้นจะยอมช่วยง่ายๆหรือไง?"คิโอเน พูดพลางแสยยิ้ม "ของกระจอกๆแบบนี้ทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก"
"ชิ"ผมสถบในลำคอ ถ้าใช้กำลังแล้วไม่ยอมปริปากพูด สงสัยคงจะต้องใช้.....
"อาเธอร์ ขอน้ำหวานแดง เครื่องทำน้ำแข็งใส เอาขนมปังกับวุ้นมะพร้าวเยอะๆ ถ้าเป็นไปได้เอาถั่วแดงกับข้าวโพดมาด้วยนะ" ได้ทีก็สั่งมันเลย 5555+ รู้สึกเหมือนมีอำนาจ
"จะเอาไปทำอะไร?"อาเธอร์เอียงคอถาม
ผมดับไฟที่ปลิวว่อนรอบตัวคิโอเน มันยังละลายน้ำแข็งของหล่อนไม่ได้จริงๆนั้นแหละ เพราะมีลม ลมมันพัดเอาความร้อนออกห่างจากน้ำแข็งของเธอไม่ให้ละลาย
สู้กับลมนี่วุ่นวายชะมัด
"ไหนๆก็คุยไม่รู้เรื่อง แถมใช้กำลังเข้าขู่เข็ญก็ยังไม่ยอมปริปากบอก"ผมเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อว่า
"ก็มานั่งทำน้ำแข็งใสกินไป ชมวิวไป ดีก่า หวังว่าเธอจะยอมให้ความร่วมมือนะ คิโอเน"ผมหันมามองหน้าเธอพลางทำหน้าหล่อสุดชีวิตที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
"เรื่องแค่นี้ จิ๊บๆ ถ้าเป็นเรื่องน้ำแข็งล่ะก็ บอกชั้นได้ทุกอย่างแหละ"หล่อนหันมาบอกผมพลางยิ้ม!!
"เหย จริงดิ ขอบใจนะ" มันจะง่ายเกินไปปะวะ? กะอีแค่ขอน้ำแข็งมาทำน้ำแข็งใสกิน ไหงหน้าระรื่น ยิ้มหน้าบานเป็นดอกเห็ดแล้วอ่ะ
"ไหนบอกจะแก้แค้น?"ผมเลยย้อนถามกลับ
"เป็นแค่บททดสอบน่ะ ชั้นไม่ชอบพวกคนหัวสุง ใช้แต่กำลัง อยากได้อะไรก็ได้ โดยไม่มองสิ่งที่คนๆนั้นก็มีอยู่แล้ว"แล้วเธอก็เสกน้ำแข็งก้อนเท่าบ้านมาให้ผม
"พวกนายเป็นกลุ่มคนแรกเลยนะที่มองเห็นตัวตนของชั้น ชั้นเป็นเทพหิมะ คอยมอบความสุขในการทำสโนแมน หรือการทำน้ำแข็ง......."
"พวกนาย ขอชั้นในเรื่องที่ชั้นมี ถึงจะใช้กำลังขู่ตอนแรกแต่ตอนนี้พวกนายก็...."แล้วหล่อนก็เริ่มสะอื้นเล็กน้อย
"พวกนายก็เป็นคนที่มองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของชั้น.....ขอบคุณนะ"คิโอเนยิ้มอย่างเป็นมิตรพลางปาดน้ำตา
"อะ...เอิ่ม" ผมเงิบเลยล่ะครับ ไม่นึกว่า พวกเทพจะมีจิตใจที่ดีงามขนาดนี้ ตอนแรกผมคิดว่าพวกเทพก็เอาแต่เสวยสุข ไม่สนใจมนุษย์ ไม่สนใจผู้วิเศษแบบผม ใช้ชีวิตอย่างหรูหราไปตามฉบับเทพ เอาแต่ใจและอยากได้อะไรต้องได้
............พอมาเห็นแบบนี้แล้วมันกลับกันเลยย เทพไม่ได้ยโส พวกเขาแค่อยากให้ มนุษย์ หรือพวกเรา เห็นคุณค่าที่แท้จริงของพวกเขา ขอในสิ่งที่พวกเขามี ไม่ใช่ขอไฟจากเทพแห่งวารี หรือขอชีวิตจากเทพแห่งความตาย
......มันทำให้ผมคิดได้ว่า?
แล้วพวกเราล่ะ ทำอะไรให้พวกเขาบ้าง? พวกเราเอาแต่ขอแล้วขออีก
...เราเคยมอบอะไรให้กับคนอื่นบ้าง? มอบในสิ่งที่ตัวเองมี? ไม่ใช่ไม่มีเงินแต่ก็ยังดันดนไปหาเงินมาให้เพื่อน เพียงเพราะอยากให้เพื่อนรัก?
แบบนั้นถูกแล้วหรอ?
ผมหันหน้าไปหาอาเธอร์ .........
"อาเธอร์ สักวันหนึ่ง ชั้นจะสามารถ มอบอะไรที่พิเศษให้นายได้บ้างนะ?" จู่ๆผมก็รู้สึกอยากดราม่า
"แกคอยช่วยชั้นทุกอย่างเลย.....คงเป็นกรรมดีของชั้นสินะที่ได้มาเจอนาย"ผมก้มหน้าพูดออกไปอย่างภาคภูมิใจในกรรมดีของตน(เกี่ยวไหม???)
"ริก ชั้นไม่ได้คาดหวังจะได้อะไรจากนายหรอก"อาเธอร์หันมายิ้ม
นี่สินะ!ที่เขาเรียกกันว่า คนดี ช่วยแต่ไม่รับผลตอบแทน
"แต่ถ้านายจะให้ล่ะก็ ขอทุกอย่างที่เป็นนายทั้งหมดเลยแล้วกัน"
ไอ้คำพูดที่ว่านายเป็น คนดี ขอถอนคำพูดด่วนนนน ไอ้สเลดเป็ดดดดดดดด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น