ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Aldnoah.Zero...ชีวิตประจำวันของ 2 หนุ่ม [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #8 : ..การปรับความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 57



           ความมืด คือสิ่งเดียวที่โอบล้อมเรือนร่างของสเลนเอาไว้ เขาไม่แน่ใจว่าความมืดในตอนนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร จำได้ว่าวิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล พยายามปาดน้ำตาที่อาบแก้มออกเพื่อไม่ให้ใครสงสัยในหยาดน้ำตานั้น รู้ตัวอีกที รอบด้านก็มืดไปหมดแล้ว มืดเสียจนสเลนคิดว่าเขาไม่มีดวงตา

    มีเพียงสายลมอ่อนๆที่พัดผ่านร่างของเขาไป ทำให้รู้สึกว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมกลับรู้สึกเจ็บบริเวณหน้าผากจังน้า ร่างกายนอนแน่นิ่งสนิทบนพื้นแข็งๆ มีเสียงฝ้าคู่นี้กำลังเดินเข้าก้าวเขามาเรื่อยๆ แม้จะเป็นฝีเท้าที่แผ่วเบาแต่เขาก็รู้สึกได้

    สเลนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องเหนือธรรมชาติที่โรงพยาบาล นั้นเป็นตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาเหยียบเมืองนี้เป็นครั้งแรก แล้วครั้งแรกนั้นมันเมื่อไหร่กันนะ?

    หวนรำลึกถึงอดีตที่ยาวนานและแสนไกล เขาเคยมาบ้านเกิดคุณแม่ตอนไหนนะ นั้นสิ จำไม่ได้หรอก แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาจำได้

    เขาเริ่มเห็นอะไรแปลกๆตั้งแต่วันนั้น ตอนแรกๆก็แค่เป็นเสียงหรือกลิ่นที่เบาบางมาแตะจมูกเท่านั้น หลังจากที่เขากลับไปอยู่ที่เมืองหลวง ความสามารถเหล่านี้ก็พลันหายไปตามการเคลื่อนย้ายที่อยู่ด้วยเช่นกัน

    น่าแปลกแต่ก็ไม่สงสัย

    แต่การเจอเรื่องเหนือธรรมชาติไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวมากเสียจนร้องไห้ออกมา

    คงจะมีแต่เรื่องของเขาคนนั้นแหละที่มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด

    เจอกันก็ไม่กี่วัน กลับรู้สึกผูกพันมานานราวกับว่าเขาเป็นใครสักคนที่เขารู้จัก แถมรู้จักมานานแล้วด้วย

    เสียงฝีเท้านั้นใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ สเลนนอนนิ่ง เสียงประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นถูกเลื่อนออกช้าๆ

    “อ้าวหลานรักเอ้ย อยากจูบพื้นก็ไม่บอก” เสียงคุณยายที่ยังแข็งแรงและสุขภาพดีเอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

    สเลนสะดุ้งตัวขึ้น จ้องมองใบหน้าคลับคล้ายของคุณแม่นั้นก่อนจะโพล่งออกไป

    “ใช่ที่ไหนกันละครับ คุณยาย!!

    “ฮ่าๆ” มีเพียงเสียงหัวเราะเบาๆของคนชราที่ยังทำให้สเลนรู้สึกดีขึ้น แต่หัวเราะไปได้ไม่นานคุณยายก็เอื้อมมือหนังย่นๆมือนนั้นมาลูบแก้มขอสเลนเบาๆ

    “ร้องไห้มาล่ะสิ” เสียงที่เอ่ยเอื้อนออกมานั้นช่างอบอุ่น สเลนทนต่อไปไม่ไหวปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงลงออกมาอีกครั้ง

    “ไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอกนะหลานเอ้ย ร้องออกมาเลย ให้ยายรู้ว่าหลานกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่”

    “ขอโทษครับ ผมก็แค่..”

    “พูดมาเถอะ คนที่ร้องไห้ไม่ได้แปลเขาคนอ่อนแอสักหน่อย นี่ยายนะ มีอะไรก้ต้องปรึกษาหารือคนในครอบครัวสิ!” คุณยายแย้มยิ้ม สเลนเมื่อเห็นแบบนั้นก็คิด

    จริงสินะ เมื่อใดที่เรารู้สึกไม่ดี ก็มีคนในครอบครัวนี่แหละที่คอยปลอบโยนเรา เขาลืมไปได้ยังไงนะ ในโลกนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวสักหน่อย สเลนยิ้ม

    “งั้นคุณยายครับ สมมตินะครับสมมติ มีผู้ชายคนหนึ่งเห็นคนที่ชอบกำลังอยู่คนอื่น แล้วเขาคนนั้นก็กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่กับคนอื่น คุณยายจะคิดว่าไงครับ”

    “ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ก็อย่างตอนที่คุณตามาจีบยายนะ ตอนนั้นยายก็มีคนมาจีบเต็มไปหมด แต่คุณตาก็ไม่ยอมแพ้ เขาพยายามทำทุกวิถีทางให้ยายชอบเขาให้ได้น่ะ”

    “แล้วนานไหมครับกว่าคุณยายจะตกลงรักจากคุณตาน่ะครับ?”

    คุณยายชูนิ้วขึ้นมาทั้ง 10 นิ้ว ก่อนจะหัวเราะร่า

    “คุณตาตามจีบยายมาตั้ง 10 ปีเชียวนะ ทั้งที่ตอนนั้นยายก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่ตาก็ยังตามตื้อไม่เลิก ทีแรกก็รำคาญ แต่พอไปๆมาๆยายก็พบว่าคุณตากำลังปกป้องยายอยู่น่ะ”

    “ทำไมเหรอครับ?” สเลนตื่นเต้นการได้ยินเรื่องราวสมัยเด็กๆของคนที่แก่วัยแล้วมันก็น่าสนุกนะ

    “เจ้าคนที่ยายคบด้วยมันค้ายาน่ะ มันเป็นคนไม่ดีแต่ยายไม่รู้ เคยได้ยินไหมละ ความรักทำให้คนตาบอดน่ะ”

    “ก็เคยได้ยินสำนวนชวนปวดหัวนี่บ่อยๆเหมือนกันครับ”

    “ก็นั้นแหละ ทำให้ยายรู้ว่า คนบางคนยอมทำทุกวิถีทางเพื่อคนที่เขารัก โดยไม่หวังผลตอบแทน ตอนนั้นยายเศร้าเสียใจมากที่รู้ว่าแฟนยายนั้นเป็นคนไม่ดี แต่ตาก็เข้ามาปลอบโยนยายนะ แถมยังไม่บอกให้มาเป็นแฟนกับตาด้วย”

    “ครับ”

    “สุดท้ายยายก็ต้องเป็นฝ่ายกลับไปจีบตาเฉยเลย ตลกไหมล่ะ? แล้วเรื่องก็จบลงเท่านี้ล่ะนะ”

    “เรื่องนี้มีข้อคิดด้วยสินะครับ” คุณยายเอื้อมมือมาลูบหัวของสเลน ขยี้หัวสีทองประกายนั้นอย่างเอ็นดู

    “มีสิมีแน่นอน ถ้าอย่างเรื่องที่หลานสมมติน่ะ ยายคิดว่าหลานคิดมากไปหรือเปล่า ร้องไห้เชียว!!

    “อะไรกันครับ ก็แค่เรื่องสมมติเฉยๆนะครับ”สเลนเบี่ยงหน้าหนีไม่ยอมรับความจริง

    “ฮ่าๆงั้นยายจะแนะนำอะไรให้นะ จริงอยู่ที่ว่า ฟังร้อยครั้งไม่เท่าหนึ่งตาเห็น และหนึ่งตาเห็นไม่เท่าการเข้าไปพูดคุยปรับความเข้าใจ หากหลานเพียงแค่เห็นเฉยๆ รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่หลานคิด มนุษย์เรานั้นมีความซับซ้อนภายในร่างกายและจะซับซ้อนยกกำลังสองเมื่อต้องอ่านความคิดของอีกฝ่าย ทำไมไม่ลองเข้าไปคุยกับเขาเลยล่ะ” คุณยายยิ้ม

    “แล้วอีกอย่าง...เออ ยายจะถามอะไรนะลืมแล้ว”

    “อ้าวคุณยาย!!” สเลนยิ้มอีกครั้ง บางทีการมาขอคำแนะนำจากคนในครอบครัวก็ทำให้ได้รู้ในเรื่องที่เขาไม่เคยรู้และลึกๆในใจตอนนี้เหมือนกับคุณยายรู้ว่าเขากำลังเจอกับอะไร คำพูดก่อนหน้านี้ คุณยายกำลังให้กำลังใจเขา

    “หยุดพูดคุยหน้าบ้านแล้วเข้าบ้านกันเถอะ นี่ๆยายมีขนมที่หลานชอบเต็มไปหมดเลย พอดีคนที่ตลาดเอามาให้ยายน่ะ”

    “เอามาให้แบบนั้นมันหมดอายุตอนไหนล่ะครับนั้น?”

    “เห..นั้นสิ สเลนเอ้ย ตาดีๆอ่านให้ยายหน่อย”

    “คุณยายครับ.....มันจะหมดอายุวันพรุ่งนี้แล้วครับ!!!

    วันนั้นสเลนไม่ได้ไปโรงเรียนและไม่ได้กลับไปนอนโรงพยาบาล เขาซุกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหน เปิดวีดิโอเกม แล้วเล่นตลอดของวันนั้น เขาเหม่อมองโทรศัพท์ ปิดเครื่องดีกว่าวันรุ่งขึ้น สเลนก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกตามเคย เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นั้นทำให้เสียงโทรศัพท์ของเขาดังต่อเนื่อง

    มือเรียวคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู สายที่ไม่ได้รับ 100 กว่าสาย

    ใครที่ไหนมันว่างจัดขนาดนี้กันนะ?

    ไม่ปรากฏชื่อ แสดงว่าเขาไม่ได้เม้มชื่อนี้ไว้ใครกันโทรมาหาเขา

    อินาโฮะงั้นเหรอ?

    เขาควรจะโทรกลับดีไหม?

    ยืนลังเลอยู่นานสองนาน แต่แล้วก็มีสายหนึ่งโทรมาหาเขา

    เซลัมซัง

    ถ้ารับก็ตงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

    “สวัสดีครับ”ทักปลายสายด้วยเสียงสุภาพ พพยายามไม่นึกถึงเรื่องที่โรงพยาบาล ถ้าหวนนึกทีไรน้ำตาจะค่อยๆไหลออกมาทุกที

    “สเลนคุงเป็นอะไรไหม ฉันหาคุณที่โรงพยาบาลไม่เจอ แถมเมื่อวานเพื่อนในห้องก็บอกว่าคุณไม่มาโรงเรียน วันนี้ก็ไม่มา ไม่สบายหรือเปล่าคะ?” อีกสายรัวคำถามใส่จนเขารู้สึกมึน เซลัมซังเป็นห่วงเขา

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมสบายดี แค่ไม่อยากไปโรงเรียนเฉยๆครับ”

    “อินาโฮะซังเป็นห่วงคุณมากเลยนะคะ หลังจากที่ฉันกลับจากไปเยี่ยมเขา นางพยาบาลก็บอกว่าเขาไม่ยิ้มเลย เอาแต่โทรหาใครสักคนอยู่จนดึกดื่นเลยน่ะคะ”

    “เซลัมซังไม่ได้นอนเฝ้าเขาหรอครับ?” เอ่ยถามอย่างนึกประหลาดใจ ก็นึกว่า...

    “เปล่าหรอกคะ ฉันต้องไปนอกเมืองกับคุณพ่อคะ” ก็หมายความว่า...

    “อินาโฮะอยู่คนเดียวหรอครับ?”

    “เห..เห็นอินาโฮะซังบอกว่า สเลนคุงไปนอนเฝ้าเขานี่คะ”เมื่อคำตอบชัดเจนขนาดนี้ สเลนก็นึกอยากตบกระบาลหัวตัวเอง เขานึกถึงคำพูดของคุณยายเมื่อวาน

    “ทำไมไม่ลองเข้าไปคุยกับเขาล่ะ?” นึกแบบนั้นสเลนก็คว้าเสื้อกันหนาวขึ้นมาคลุมร่าง หยิบกระเป๋าตัง ก่อนจะพูดกับปลายสายในโทรศัพท์

    “ขอบคุณมากครับ เซลัมซัง” วางสายก่อนจะวิ่งลงไปที่ห้องครัว

    “คุณยายผมขอตะกร้าผลไม้อันนี้นะครับ”เห็นคุณยายจัดตะกร้าก็ขอเลย

    “เออ..ว่าจะทำไปเยี่ยมแฟนแกนี่แหละ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานแต่ดันลืม” คุณยายบอก สเลนหน้าแดงเล็กน้อย

    “วันหลังก็พามาให้ยายรู้จักหน่อยนะ” คุณยายบอกกลับอีกครั้งก่อนจะยกตะกร้าใส่มือสเลน ดวงตาสีน้ำทะเลที่คล้ายสเลนจ้องมองหลานของตนก่อนจะแย้มยิ้ม

    “อ้าว อาหารกลางวัน ป้อนแฟนแกด้วยนะ” จัดตะกร้าผลไม้ให้ไม่พอ จัดอาหารกลางวันให้อีก สเลนแย้มยิ้มก่อนจะกล่าว

    “ขอบคุณนะครับคุณยาย”

    “เออ ว่าแต่แฟนแกนี่สวยมากไหม?” คุณยายถามกลับ สเลนหลบหน้าอย่างขวยเขิล

    “อะ...เออ.......จะว่าไงดีล่ะครับ..ก็.... เขาหล่อมากเลยครับ” ปล่อยให้คุณยายยืนงงและทำหน้าเหวอๆ สเลนยิ้มก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมกับตะกร้าผลไม้เต็มไปด้วยออร่าของความรักของเขาที่ถูกเติมแต่งให้มันดูน่ารับประทานมากขึ้น



     

        วันนี้ก็เป็นอีกวันที่อินาโฮะเหม่อมองนอกหน้าต่าง สายลมยามเช้าพัดพาเสียงอายทะเลเข้ามาแตะจมูกของอินาโฮะ เขาปิดแอร์ เพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นของแอร์สักเท่าไหร่

    เจ้าค้างคาวนั้น

    ฝ่ามือเรียวกำโทรศัพท์แน่นเสียจนรู้สึกเจ็บ แต่ไม่เท่ากับความเจ็บที่เกาะกุมหัวใจอยู่ภายในตอนนี้

    เจ้านั้น ทำไมกันนะ ทำไมถึงได้หนีหายเขาไปโดยไม่บอกกล่าวอะไร

    โทรไปเป็น 100 กว่าสายแล้วนะ ทั้งๆที่อุตส่าแฮกเข้าระบบของโรงเรียนเพื่อเอาเบอร์ของหมอนั่น อยากจะลากสังขารไปตามหาแทบตาย แต่หมอกลับบอกให้นอนนิ่งๆลงบนเตียวอย่างเงียบๆ

    ถ้ารีบออกจากโรงพยาบาล แผลยังไม่สมานตัวดี ขืนไปทำอะไรที่เกินขีดกำจัดได้มานอนน่าเบื่อแสนเซ็งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้านี่อีกเป็นแน่

    คิดได้แบบนั้นก็ลากร่างของตัวเองเข้ามาให้ห้องน้ำ มือเรียวบิดก๊อกหรูหราอย่างเบามือ ล้างหน้าเสียหน่อยก็คงดี

    หมอบอกเขาว่าอีก 2 วันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่เขายังออกไม่ได้

    ก็เพราะมีใครบางคนสั่งให้อยู่ ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ออกน่ะสิ

    อินาโฮะแปลกใจกับตัวเอง เขาเป็นถึงประธานนักเรียน แม้แต่คำสั่งของผู้อำนวยการ เขาก็ทำตามบ้างไม่ทำตามบ้าง แล้วแต่อารมณ์และความเหมาะสมของงานนั้นๆ

    แต่การมารอ คนสั่ง ให้อนุญาตเขาให้กลับบ้านมันจะแปลกเกินไปไหม?

    ก็อีแค่ ออกจากโรงพยาบาล

    ทำไมเขาต้องรออีกฝ่ายมาบอกให้ออกด้วยนะ

    เพราะอะไรกัน อยากเจอหน้างั้นเหรอ บอกตามตรงเลยอินาโฮะกำลังจะสมองระเบิดตายเพราะไม่ได้เจออีกฝ่ายนั้นแหละ แม้สีหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่ภายในใจกลับกำลังร้อนรุ่ม

    ถ้าเจอหน้าเมื่อไหร่จะลงโทษเสียให้เข็ด

    คิดแบบนั้นก่อนจะถอดเสื้อผ้าและลงแช่ตัวลงในอ่างอาบน้ำในห้องพักนั้น

     

    สเลนกำลังปั่นจักรยานสุดชีวิต การได้โต้กับสายลมเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่รู้เหมือนว่าไปหลงรักการปั่นจักรยานมาจากที่ไหน คงเป็นเพราะเขาชอบดูการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬามากเกินไปก็เลยชอบ แต่เอาจริงๆแล้ว สเลนไม่ชอบเล่นบาสเกตบอลเลย

    ระหว่างทางก็ฮึมเพลงไปตามทาง การปั่นจักรยานลงจากเขาที่เป็นบ้านเกิดของคุณแม่ของเขาทำให้รู้สึกอารมณ์ดี แล้วยิ่งอารมณ์ดีมากกว่าเดิมเมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

    เจ้าส้มนั้น มันจะนึกทำโทษอะไรเขาหรอเปล่านะ?

    ทั้งที่เป็นการลงโทษแต่สเลนกลับไม่นึกโกรธอีกฝ่าย ปกติเขาต้องโวยวายเรียกร้องหาความยุติธรรมไม่ใช่หรือไง

    แปลกเกินไปแล้ว

    คิดแบบนั้นก็เลี้ยวไปตามแผนที่ที่อยู่ในสมอง ตะกร้าผลไม้และอาหารกลางวันแกว่งไปตามแรงปั่น มองเห็นโรงพยาบาลรูปตัว X อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

    จอดจักรยานไว้ที่จอดรถ ก่อนจะวิ่งไปที่ลิฟต์ นิ้วขาวนวลสวยกดไปที่ชั้น 10 เสียงหัวใจเต้นรัวยามเมื่อจะได้พบเจอหน้ากันอีกครั้ง ฝ่ามือกำตะกร้าไว้แน่น จะพูดอะไรกับอีกฝ่ายดี

    เสียง ติ๊ง ทำให้รู้ว่ามาถึงที่หมายแล้ว สเลนก้าวเท้าออกไปอย่างไม่ค่อยทรงตัวดี เดินอย่างเชื่องช้าราวกับเต่าเพิ่งหัดเดิน มุ่งหน้าไปที่ประตูห้อง 310

    ว่าจะเคาะก่อนแต่ก็เผลอบิดลูกบิดประตูไปเสียแล้ว

    ไม่ได้ล๊อก คิดแบบนั้นก็เปิดเข้าไปอย่างเงียบๆ

    บนเตียงไม่มีคนนอนอยู่ สายลมจากหน้าต่างผ่านใบหน้าของสเลน อยู่ในห้องน้ำงั้นเหรอ?

    ว่าจะเคาะประตูแต่ก็เผลอบิดลูกบิดอีกตามเคย ทำไมชอบทำอะไรเผลอๆแบบนี้ตลอดเลยนะ

    พลันใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่เห็นร่างเงาสลัวๆของอีกฝ่ายหลังม่านสีขาวขุ่นที่ปิดกั้นไม่ให้น้ำกระเด็นออกมา สเลนเอ่ยทัก

    “เจ้าส้ม!!” เอ่ยด้วยเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนที่สุด มือที่สระผมอยู่นั้นพลันหยุดชะงัก

    “ค้างคาว”เสียงนั้นแลดูดีใจปนห่วง สเลนเผลอยิ้ม

    “เออ คือเอาผลไม้มาฝาก”บอกอีกฝ่ายก่อนเข้าไปใกล้ม่านนั้น “อาบน้ำได้แล้วหรือไงไม่กลัวแผลเน่าหรอ?”

    อีกฝั่งที่ถูกม่านกั้นเอาไว้กลับเงียบเกรียบ ก่อนที่จะมีมือที่สเลนไม่หันได้มองคว้าเขาเข้าไปนอนแช่อยู่ในอ่างนั้น

    “ทำบ้าอะไรเนี่ย?”โวยวายอีกฝ่ายห่อนจะตกใจกับอ้อมกอดที่กอดเขาแน่นจนรู้สึกเจ็บกระดูกซี่โครง

    “คิดถึงจะตายอยู่แล้ว”เสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบเอ่ยเอื้อนข้างใบหู ใบหน้าหวานของสเลนขึ้นสี

    “ขอโทษ”

    “ขอโทษแล้วหายหรือเปล่า?” ไอ้เจ้าส้มนี่ คนเขาอุตส่ามาขอโทษยังจะเรื่องมากอีก คิดแล้วว่าจะหันไปด่าแต่ก็โดนความอบอุ่นที่โหยหายทาบลงมาบนริมฝีปากนวลเสียแล้ว

    หยดน้ำที่เกาะบนหน้าของอินาโฮะไหลลงมาโดนใบหน้าของสเลน แต่มันกลันอุ่นราวกับไม่ใช่น้ำที่มาจากอ่างที่อาบ

    น้ำตาอย่างงั้นเหรอ?

    อินาโฮะร้องไห้งั้นเหรอ หลังจากถอดถอนริมฝีปากออกอินาโฮะก็กอดสเลนแน่น

    “เป็นห่วง” สเลนเอื้อมมือไปกอดอีกฝ่ายกลับแน่น เหม่อมองร่างของอินาโอะที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ มีเพียงผ้าผืนสีขาวที่ปิดกั้นส่วนสำคัญเอาไว้

    “เป็นห่วงตัวเองเหอะ”ว่าอีกฝ่ายกลับก่อนจะจุมพิตไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย  “ขอโทษที่หายหน้าไป”

    “งั้นขออะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษได้ไหม?” ไม่ต้องให้ตอบ สเลนพยักหน้าอินาโฮะอื้อมมือไปที่เสื้อสเลนออก

    “งั้นมาถูหลังให้หน่อยแล้วกัน”

     

    เช้าวันต่อมา อินาโฮะก็ยังนอนอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงอย่างมีความสุข แต่คงไม่ค่อยมีวคามสุขเท่าไหร่เมื่อมีผ้าพันแผลบริเวณหน้าผาก ในขณะที่อีกคนกำลังสวมเฮดโฟนฟังเพลงนอนอยู่บนโซฟาข้างๆ แสงแดดอ่อนๆยามเช้าทำให้สเลนขยี้ตา ก่อนจะค่อยๆพาร่างของตนเดินไปปิดม่านนั้นอย่างแผ่วเบากลัวว่าคนที่นอนอยู่จะสะดุ้งตื่น

    แม้แต่ในยามหลับก็ยังน่ารัก

    คิดได้แบบนั้นก็เผลอเอามือไปลูบแก้มนั้น เจ้าคนที่นอนอยู่กลับไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ เมื่อวานท่าจะเสียแรงไปเยอะ

    ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก อย่าคิดลึกสิ!

     พอสเลนถอดเสื้อออกก็แค่ถูหลังให้อีกฝ่ายจริงๆนั้นแหละ แต่พอดีสบู่ที่มืออินาโฮะมันหลุดมือและเทราดลงบนพื้น เจ้าตัวเผลอลุกขึ้นแล้วเดินออกจากอ่าง ลื่นสบู่นั้นล้มลงหัวกระแทกอ่างล้างหน้าเฉยๆ วุ่นให้สเลนต้องทำแผลให้ก่อนจะจุมพิตปลอบอีกฝ่ายเหมือนเจ้าตัวเป็นเด็กอายุ 3 ขวบ

    แม้จะดูรำคาญไปบ้างแต่ก็ยังน่ารัก

    แย้มยิ้มก่อนจะเดินไปดูอาหารกลางวันที่ยายทำมาให้ ดีนะที่มันไม่ใช่อาหารบูดง่ายและเขาก็เอามันแช่ตู้เย็นก่อนจะนอนด้วยเลยยังไม่บูด

    แต่ในช่วงเช้าที่อากาศดีแบบนี้ ต้องทานน้ำเปล่าสัก 1 แก้วก่อนแล้วค่อยทานอาหารเช้า ว่าแล้วก็รินน้ำสีใสลงในแก้วคริสตัลสวยหรู ปลอกผลไม้ ส้ม ที่ตัวเองไม่ค่อยชอบลงในจาน ก่อนกินมื้อหลักก็ทานรองท้องไปก่อนแล้วกัน

    หลังจากเตรียมการเสร็จก่อนค่อยๆเดินไปปลุกอีกฝ่าย แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเสียที ว่าแล้วก็นึกถึงกระละมังที่เคยใช้เช็ดตัว เดินไปรองน้ำใส่กระละมัง ลวงน้ำแข้งจากช่องแช่แข้งใส่ลงไปในกระละมัง

    หึหึ เจอน้ำเย็นๆแบบนี้ไม่ตื่นให้มันรู้ไป

    เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ยที่กำลังนอนแน่นนิ่งอย่างสงบ เสียงหายใจที่เร็วถี่ตามปกติทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ตื่นจากห้วงนิทรา ใช้ฝ่ามือขาวนวลกุมน้ำขึ้นมาจากกระละมังก่อนจะหยดลงไปบนเปลือกตานั้น

    หมับ!

    มือแกร่งคว้าหมัมาที่ข้อมือขาวอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกโพลงก่อนจะแอบยิ้ม

    “จะแกล้งอะไรผมครับ? ค้างคาว” ถามอย่างรู้ทันแต่กลับไม่ยอมปล่อยข้อมือของอีกฝ่าย

    “ป๊าว”เสียงสูงขึ้นเป็นเชิงผิดปกติ อินาโฮะหัวเราะเบาๆ

    “จะแกล้งผมวิธีนี้หรอครับ มันยังเร็วไปร้อยปี”

    “ใครบอกว่าจะแกล้งกัน โด่ว แค่จะปลุกเฉยๆ”

    “วันหลังท่าจะปลุก เอาแบบนี้นะ” เอ่ยเอาแต่ใจตัวเองก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายและมอบจุมพิตยามเช้าที่แสนอ่อนโยนให้อย่างนุ่มนวล

    “เอาแบบนี้สักสิบครั้งผมถึงจะตื่น”

    “ใครมันจะไปทำได้ล่ะครับ.....ไอ้ส้มบ้า” ด่าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแดงระเรื่อก่อนจะคว้ากระละมังแล้วสาดใส่อินาโฮะไปอย่างจัง

    “เย็นชิบหาย”เอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ ทรงผมเปียกโชกไปด้วยหยาดน้ำก่อนที่น้ำแข้งก้อนเล็กจะหยดลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก

    “นายนี่เขิลได้น่ากลัวจริงๆ”

    “ใครเขิลกันครับ ฝันอยู่หรือไง?”เบี่ยงหน้าหนีแบบไม่ยอมรับความจริง อินาโฮะยิ้ม สเลนเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ เขาเลือกคนไม่ผิดเลย

    “ถ้าตื่นแล้วก็เสด็งมาเสวยอาหารรองท้องสักที”

    “ป้อนให้หน่อยสิ”

    “มือก็มี หยิบกินเองสิ”เถียงอีกฝ่ายกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นน้ำดื่มและจานผลไม้ไปให้

    “มือมันชาเพราะโดนใครบางคนสาดน้ำเย็นใส่”

    “เรื่องมากจริงๆ” ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายเรื่องมากแต่ก็ยอมนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบส้มยื่นให้ที่ปาก อินาโฮะอ้าปากงับส้มชิ้นนั้นก่อนจะใช่มือจับข้อมือข้างซ้ายของสเลนเข้ามาใกล้ปาก ก่อนจะกัดไปที่โคนของนิ้วนางข้างซ้ายจนเกิดรอยแดงๆเป็นรูปวงกลมรอบนิ้ว

    “ทำบ้าอะไรอีกครับ? มันเจ็บนะ” บอกก่อนจะชักมือกลับ อินาโฮะเห็นผลงานตัวเองแบบนั้นก็แอบยิ้ม

    “ก็เป็นแหวนจองตัวนายไว้ ทำแหวนแบบนี้นายถอดไม่ออกหรอก”

    พอรู้ความหมายของการโดนกัดนิ้วเมื่อกี้ก็เผลอตกเก้าอี้ มองนิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะใช่นิ้วถูๆ เพื่อลบรอยแดงๆจากการถูกกัดออก

    “จะออกได้ไง จนกว่ารอยนั้นจะหายนั้นแหละ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมจะกัดนิ้วข้างนั้นทุกวันเลย” เอ่ยอย่างผู้มีชัยชนะแล้วก็ยิ้ม สเลนลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้ามาหาอีกฝ่ายแล้วจัดการยัดส้มเข้าปากตัวเองแล้วดึงอินาโฮะเข้ามาใกล้ริมฝีปากก่อนจะส่งชิ้นส้มชิ้นนั้นเข้าปากของอินาโฮะ

    แต่มีหรือที่ อินาโฮะจะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปต่อหน้า อีกฝ่ายเป็นคนรุกเข้าหาเขาเองแบบนี้

    หายากนะเนี่ย!!!

    ว่าแล้วก็กระชากอีกฝ่ายให้ลงมานอนบนเตียงด้วยกันก่อนจะสลับกันส่งรสจูบที่แสนเร้าร้อนไปมาตลอดช่วงเช้า

     

     



    ขออภัยทุกท่านนะคะที่มาต่อช้า พอดีมีงานยุ่งๆของกีฬาสีที่โรงเรียนค่ะ

    55555 ขอขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ดีใจจังเลยที่มีคนมาคอมเม้นและติดตาม ขอขอบพระคุณจริงๆค่ะ 

    ^^

     

     

     

     

     

     

     

      SQWEEZ SQWEEZ THEME
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×