คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ..เทพสุนัขจิ้งจอก 100%
ย้อนกลับไปเพียงไม่กี่วินาทีก่อนหน้านั้น
ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างของคนที่เขาตั้งฉายาว่า ค้างคาว นั้นพยายามเอื้อมมือมาหาเขา แต่อินาโฮะกลับคว้าไว้ไม่ทัน อะไรบางอย่างดึงสเลนลงไปในทะเล
เหมือนกับวันนั้น
อินาโฮะโยนเสื้อนอกของนักเรียนออก เผลอให้เห็นแต่เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดที่มีเน็คไทสีแดงเลือดนกผูกอยู่ที่คอ เขากระชากมันออกแล้ว เขาไม่รอช้ากระโดลงน้ำตามลงไป
ต้องเป็นวิญญาณของผีพรายของทะเลสาบแห่งนี้เป็นแน่ อินาโฮะคิดขณะที่กำลังเพ่งมองลงในความห้วงความลึกของน้ำ แต่ว่าทำไมมันถึงเล่นงานสเลน อินาโฮะแปลกใจ ถึงเมืองๆนี้จะเป้นของตระกูลไคซึกะ แต่ก่อนหน้านั้นอินาโฮะเองก็รู้ว่าที่นี้เป็นอะไรมาก่อน
เมืองแห่งภูติ ที่ถูกปกครองโดยเทพสุนัขจิ้งจอก
เพราะเหตุนี้ งานเทศกาลการแต่งงานของจิ้งจอกจึงถือเป็นงานประจำโรงเรียนที่สำคัญที่พวกเขาจะต้องทำทุกปี ก่อนจะถึงฤดูหนาวในช่วงต้นปี
แต่นี่มันเดือนกรกฏาคม แถมยังเป็นหน้าฝนอีกต่างหาก คิดแค่นี้อินาโฮะก็เข้าใจ
ถ้าเป็นหน้าฝน เทพที่คุ้มครองเกี่ยวกับ น้ำ จะมีพลังมากที่สุด แต่เทพไม่เคยทำร้ายมนุษย์มาก่อน เจ้าผีพรายนั้นไม่ใช่เทพ แล้วอินาโฮะควรทำอย่างไรต่อไปดี
อินาโฮะไม่เคยอ้อนวอนขอให้ใครช่วยแบบหนักหนาสาหัสขนาดนี้มาก่อน แต่ขอเถอะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็ได้ คิดก่อนจะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อรับออกซิเจน น้ำทะเลเบื้องหน้าของเขาไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มผมทองสีชานั้นเลย อินาโฮะนึกถึงรูปปั้นเทพสุนัขจิ้งจอก 2 รูป
ช่วยสเลนด้วย!
หลังจากภาวนาเสร็จก็ดำลงไปในน้ำอีกครั้ง กี่นาทีแล้ว
ขืนนานกว่านี้สเลนจะหมดสติ และตายเพราะไม่มีอากาศหายใจแน่ๆ
ยิ่งถูกลากลงไปในความลึกของทะเลนั้น ความกดอากาศยอมมีมาก นั้นหมายความว่าจะตายเร็วยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่การจมน้ำแบบธรรมดาที่ตะคริวกิน นี่มันคิดจะเอาชีวิตของสเลนเลยนี่หว่า
หัวใจของอินาโฮะเต้นรุนแรงจนแทบจะระเบิด ฝ่ามือแวกว่ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดวงตามองหาร่างของสเลนอย่างไม่รู้จักคำว่าพอ นี่สินะที่เรียกว่า ความรู้สึกของการที่กำลังจะสูญเสียคนสำคัญไปพลันเหมือนคำขอของเขาได้รับการอวยพร เขามองเห็นหัวสีชาอยู่ไม่ไกล รีบว่ายไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว
สเลนไม่ได้จมน้ำแต่ก็ไม่มีสติ เหมือนเขาจะลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสียด้วยซ้ำ แบบนี้คนปกติทำกันไม่ได้หรอก เห็นเงาเลือนรางของหน้ากากสุนัขจิ้งจอกลอยผ่านใบหน้าไป เป็นร่างของบุรุษหนุ่มอายุประมาณ 18 ปี ผมสีเงินขาว เสื้อเชิ้ตธรรมดาสีขาวสะอาด อินาโฮะยิ้ม กล่าวขอบคุณเบาๆ
“ขอบคุณครับ” ร่างๆนั้นหยุดนิ่งก่อนจะเลือนหายไป ถ้าเขาจำไม่ผิด นั้นคือ ยูเอะ หนึ่งมนเทพสุนัขจิ้งจอกที่ปกครองเมืองแห่งนี้
อินาโฮะลากร่างของสเลนขึ้นฝั่ง บรรดาเพื่อนๆของเขาวิ่งมาหาอย่างตกใจ เซลัมซังยื่นผ้าขนหนูมาให้อินาโฮะรับมาเช็ดไปตามเนื้อตัวของคนที่กำลังนอนหมดสติ ถ้าไม่รีบปฏิบัติการฟื้นคืนชีพตอนนี้ไม่ทันแน่ นื้วเรียวจับชีพจรข้อมือข้างซ้าย
ไม่เต้น!
ว่าแล้วก็เปิดปากของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการเปิดช่องทางเดินหายใจให้ล่าง เป่าลมเข้าไปเข้าช่องปาก การผายปอดจะป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นและป้องกันการขาดออกซิเจน ใบหูของอินาโฮะอยู่ติดกับริมฝีปากบางชมพูของสเลนเพื่อฟังเสียงลมหายใจ และอินาโฮะต้องสังเกตทรวงอกที่ขยายออกนั้นด้วย เพราะมันแสดงถึงอากาศที่ผ่านเข้าไปได้ดีแล้วต้องรีบถอนปากออก เพื่อรอให้ลมออกจากตัวสเลน
การผายปอดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าฝึกและเรียนรู้มาอย่างดีย่อมช่วยชีวิตคนได้
แล้วสเลนก็คือคนแรกที่อินาโฮะผายปอดให้ ไม่ใช่สิ ความทรงจำในวัยเด็กแล่นเข้าหัวสมองของอินาโฮะอีกครั้ง เขาเคยช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้ คนที่อายุพอๆกับเขา มีกลุ่มผมสีทองชา ใบหน้าขาวนวลชวนหลงใหล เปลือกตาที่ปิดแน่นสนิท อินาโฮะได้มีโอกาสมองเห็นดวงตาคู่นี้
สีน้ำทะเลเฉกเช่นเดียวกันกับคนตรงหน้า
เด็กที่จมน้ำเมื่อครั้งนั้น คือเจ้าค้างคาวเองหรอกหรือเนี่ย เพราะตอนนั้นไม่ทันได้ถามไถ่เกี่ยวกับเด็กคนนั้นจากผู้ปกครองของเขา เจ้าเด็กนั้นก็ย้ายออกไปเรียนเมืองหลวงเสียแล้ว
ถ้าฟื้นขึ้นมา จะจับมาถามให้รู้เรื่องให้ได้
ว่าแล้วก็ประกบริมฝีปากเอาออกซิเจนเข้าไปในร่างแสนบอบเบาเมื่ออยู่ตรงหน้าอินาโฮะอีกครั้ง ประกอบกับการนวดหัวใจ ฝ่ามือกดให้กระดูกตรงหน้าอกลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอันถูกกดไปด้วย แล้วจะทำให้มีการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย เสมือนกับการบีบตัวของหัวใจ
ร่างของเลนชักกระตุกก่อนที่อินาโฮะจะเคลื่อนหน้าออกจากอีกฝ่าย สเลนสะดุ้งตัวขึ้นมา สำลักน้ำทะเลออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจามต่อ อินาโฮะเห็นแบบนั้นก็ยิ้ม สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ทั้งสองคนอย่างไม่วางตา
ตอนที่อินาโฮะผายปอดช่างเป็นช่วงเวลาที่จับตาหาดูได้ยากยิ่ง เซลัมซังเข้ามากอดสเลนไว้ก่อนจะร้องไห้เบาๆ
“ขอบคุณพระเจ้า” เธอกล่าวพร้อมทั้งน้ำตา ไม่สนใจว่าน้ำที่ตัวของสเลนจะทำให้เสื้อผ้าของเธอเปียก อินาโฮะปล่อยให้เซลัมกอดสเลนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาอิงโกะ
“เสื้อคลุมกับเน็คไทผมล่ะ”
“เอามาให้แล้วล่ะ อินาโฮะทีหลังก็ช่วยเรียกพวกเราก่อนจะได้ไหม วิ่งพรวดออกไปแบบนั้นตกใจแทบแย่” อิงโกะโยนเสื้อกับเน็คไทมาให้ อินาโฮะคว้ารับไว้อย่างแม่นยำ
“โทษที” บอกเพื่อนสาวของตนก่อนจะยิ้มบางๆ คาล์มเดินมาตบไหล่
“ทำได้ไม่เลวเลยนี่หว่า ผายปอดนั้นน่ะ” ส่งยิ้มให้เจ้าเพื่อนหน้าตายขอนไม้อย่างเจิดจ้า อินาโฮะเบนหน้าหนี
“ก็แค่เอาที่เรียนมาใช้เฉยๆ”
“แต่ก็เพิ่งเห็นนายทุกข์ร้อน มากเกินเหตุขนาดนี้เป็นครั้งแรกนี่ ขนาดเด็กในโรงเรียนโดนซ้อม นายมีเวลามาคิดแผนให้เลย แต่กับสเลนไม่คิดหน้าคิดหลังเลยนะ” อิงโกะแซวต่อก่อนที่นน่าจะยิ้ม
“นั้นสิคะ” นีน่าเสริมก่อนที่ไรเอตจะทำเสียงดุ
“อย่าไปแซวประธานนักเรียนสิ” ไรเอตบอกก่อนที่เซลัมซังจะเลิกกอดสเลนแล้วหันมาขอบคุณอินาโฮะ
“ให้เจ้าตัวบอกดีกว่ามั้งครับ” อินาโฮะแอบชำเลืองมองไปยังด้านหลังของเซลัมซัง ร่างบางสีขาวนวลกำลังสั่น หยาดน้ำพราวเกาะเต็มลำตัว ผมสีทองชาที่ติดน้ำจนออกเป็นสีเข้มกำลังนั่งขดอย่างเงียบๆ ดวงตาสีน้ำทะเลฉายแววตื่นกลัว
“หมดห่วงแล้วล่ะคะ อินาโฮะซัง ฝากสเลนคุงด้วยนะคะ”เซลัมบอกก่อนจะดึงแขนไรเอตให้เดินไปพร้อมกับเธอ นีน่าก็เดินตามไป เหลือคาล์มกับอิงโกะที่ยืนมองอย่างเงียบๆก่อนจะยิ้ม
“อินาโฮะไม่ไปกอดสเลนล่ะ” อิงโกะถามเรียบๆ
“หือ?”
“ใช่ๆ ฉันคิดว่าผ้าขนหนูบางๆผืนเดียวไม่ช่วยให้ สเลน อุ่นเท่ากับอ้อมแขนของใครบางคนหรอกนะ ว่าไหมอิงโกะ” คาล์มเสริมต่อประโยคก่อนจะแอบอมยิ้ม
“นายพูดถูก คาล์ม ว่าแต่เรารีบไปกันเถอะ กลัวจะเป็น ก ข ค ใครบางคนแถวนี้”
เดี้ยวนี้เพื่อนเขาชอบนินทาชาวบ้านระยะเผาขนแล้วหรือไง ร่างสองร่างวิ่งหายจากอินาโฮะไป เขาล้วงลงไปในเสื้อสูทคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาโทรเรียกให้คนขับรถมารับ ก่อนจะเดินหาไปร่างบางสีขาวแล้วดึงเข้ามากอดไว้
“อินาโฮะ เจ็บ”เอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง สเลนซุกหน้าลงกับอกอุ่นอย่างโหยหาย แรงกอดของอีกฝ่ายแน่นเสียจนสเลนกลัวกระดูกหัก แต่ถ้ากระดูกเขาหักเขาก็อดไปสอบกลางภาคอ่ะดิ
“ขอบคุณที่นายยังไม่ตาย” เอ่ยเสียงเรียบที่สั่นคลอนเล็กน้อย สเลนยิ้ม
“ผมต้องขอบคุณนายมากกว่า เจ้าส้ม” แย้มยิ้มอย่างมีความสุข แต่เรี่ยวแรงแทบจะไม่มีที่จะเอือมไปกอดอีกฝ่ายไว้
สเลนปล่อยให้อินาโฮะกอดตนอย่างเงียบๆและเนินนาน เป็นอย่างที่อิงโกะบอกไว้จริงๆ ถึงร่างของอินาโฮะจะเปียกโชกพอๆกับเขา แต่กลับอุ่นราวกับเตาไฟในบ้าน ไฟที่อบอุ่น อินาโฮะผละออกจากสเลนเล็กน้อย เห็นใบหน้าขาวนวลขึ้นสีแดงระเรื่อของเจ้าค้างคาวก็อดอีกไม่ได้จริงๆ
“ขอผายปอดอีกรอบได้ไหม?” เป็นคำขอที่แปลกประหลาด ใครมันจะอยากไปจมน้ำตายแล้วกลับขึ้นมาให้ผายปอดอีกรอบกัน เจ้าบ้า! สเลนนิ่วหน้าเล็กน้อย อินาโฮะยิ้มแล้วทาบริมฝีปากลงมา
มันไม่ใช่การผายปอด มันคือจูบต่างหาก
โดนเจ้าส้มหลอกอีกแล้วนะค้างคาว
เมื่อคนขับรถของอินาโฮะมารับ สเลนจ้องมองอย่างเงียบๆไม่พูดไม่จา อินาโฮะสงสัยว่าทำไมค้างคาวของเขาถึงได้เงียบผิดปกติไปแบบนั้น
“สเลน..”
“อินาโฮะ!”พลันอีกฝ่ายกลับตวาดชื่อของเขาเสียงดัง อินาโฮะจ้องมองอย่างงงๆ
“มีอะไร?”
“พรายน้ำพวกนั้น..”
“ไม่จำเป็นต้องบอกตอนนี้ ไว้หลังจากเราอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยคุย” ตัดฉากบทสนทนาอย่างรวดเร็ว สเลนทำตาโตเท่าไข่ห่าน
“นายจะมาค้างบ้านผมหรือไง?”
“ใครบอกแบบนั้น ผมจะพานายมานอนบ้านผมต่างหาก”
“ตูไปตกลงกับเอ็งตอนไหนฟระ?” ไม่ถงไม่ถามสุขภาพตูสักคำ สเลนนิ่วหน้า ก้มลงมองโทรศัพทืที่เปียกน้ำที่ตอนนี้ใกล้จะแห้งแล้ว สเลนเป็นคนรอบคอบ(ล่ะมั้ง) ตอนซื้อโทรศัพท์เขาเลือกรุ่นที่กันน้ำได้ อย่างของ sony xperia z ที่สามารถป้องกันน้ำได้ เลยไม่ต้องเป็นห่วงกลัวว่าโทรศัพท์จะพัง สเลนยกหูโทรศัพท์โทรหาใครสักคน
“ยายครับ” เอ่ยเรียกปลายสายจนอินาโฮะนั่งจ้องมอง รถคันหรูแล่นไปตามพื้นถนนอย่างเงียบเชียบ
“เออ คือวันนี้ผมต้องไปนอนค้างบ้านเพื่อนน่ะครับ?”
“อะไรนะครับ ให้กลับบ้านเหรอครับ?” พลันสายตาสีน้ำทะเลจดจ้องไปยังใบหน้าคมของอินาโฮะ อย่าทำดวงตาคมกริบราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกับเขาได้ไหม เจ้าส้ม
คิดในใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไปนอนค้างบ้านแฟนครับ อนุญาตไหมครับ?” ปลายสายของสเลนส่งเสียงดีใจยกใหญ่ ยายเขาเป็นอะไรมากไปหรือเปล่าเนี่ย? นอนบ้านเพื่อนไม่ได้ ต้องนอนบ้านแผน แล้วไอ้เจ้าส้ม มันก้ยังไม่เคยบอกเขาสักคำว่าจะขอคบเป้นแฟน แล้วนี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย? สเลนกุมขมับเบาๆก่อนที่หญิงชราจะเอ่ยพูดอีกครั้ง
“อยู่กับแฟนก็ดูแลเขาดีๆล่ะหลานเอ้ย” อยากจะบอกยายเลยว่า เขาไม่ใช่แฟนผมแต่กลับรู้สึกว่า อินาโฮะ เป็นมากกว่าเพื่อน ความรู้สึกนี้มันอะไร? เป็นพี่ชายเร้อะ? ไม่สิเจ้าหมอนี่เท่าที่ดูประวัติส่วนตัวมาแล้ว เจ้าส้มอายุน้อยกว่าเขา น้องชายเร้อะ? โอ้ย อย่าคิดดีกว่าปวดหัว
“ครับๆ จะพยายามครับ” ตอบไปแบบส่งๆ ได้ยืนเสียงของยายเขาหัวเราะคิกคัก ทำให้คนแก่มีความสุขมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่สเลนมักลืมไปว่า คนอื่นมีความสุขแต่ตัวเองกลับรู้สึกทุกข์อยู่หน่อยๆยังไงไม่รู้
“ค้างคาว” อย่าเพิ่งเปิดประเด็นตอนนี้ได้ไหมเจ้าส้ม
“มะ..มีอะไร”
“ไอ้ที่ว่า แฟนน่ะ หมายถึงใคร?” อย่ามาทำโง่ตอนนี้ ก็ใครกันห๊ะ ที่บอกว่าจะให้เขาไปนอนบ้านน่ะ แล้วถ้าไม่ยอมนอนบ้านมัน เดี๋ยวก็เป็นบ้าเป็นหลัง โทรจิกมายิ่งกว่าไก่จิกอีก
“ก็ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ใครมันบอกว่า ผมต้องไปนอนเฝ้าแฟนล่ะ?”
“ก็ใครล่ะ?” อินาโฮะถามกลับสีหน้าเรียบ นี่เอ็งแกล้งโง่หรือลืมไปแล้วจริงๆวะ?
“ก็เจ้าสารวัตร ไม้เท้า เอ้ย! เคาน์ครูเทโอ้ไง!!” ตอบอีกฝ่ายกลับอย่างหัวเสีย ก็เป็นแผนของแกไม่ใช่หรือไง เจ้าส้ม?
“ไม่ยักรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย” อินาโฮะหันไปลอบยิ้ม เจ้าสารวัตรนั้น.....ทำไมรู้ใจอินาโฮะมากขนาดนี้
“ทีนี้ หลังจากนั้นผมก็เลยต้องโกหกยายว่าไปนอนเฝ้าแฟนไง ถ้าไม่ไปก็โดนเจ้าสารวัตรนั้นเล่นงานอีก เซ็งเป็ดชิบหายเลย”
“แต่นายก็แอบ งอน แล้วก็หนีกลับบ้านไปได้นี่ แถมยังไม่บอกเหตุผลเลยว่าหนีกลับไปทำไม ผมรอคำตอบนายมาจะ 2 เดือนแล้วนะ”
“แล้วทำไมไม่ถามห๊ะ?”
“เออ..นายน้อยครับ ถึงแล้วครับ” เสียงคนขับรถขัดจังหวะอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ไว้อาบน้ำเสร็จผมจะไล่ถามนายให้หมดเปลือกเลย” อินาโฮะสั่งเด็ดขาดก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู” สเลนเองรับคำท้าก่อนจะเปิดประตูลงอีกฝั่งของรถ มีสาวใช้วิ่งออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าใหม่ที่สะอาดยื่นให้สเลนและมีสาวใช้อีกคนวิ่งไปหาอินาโฮะก่อนจะรับเสื้อคลุมและอินาโฮะเดินขึ้นบ้านไปแบบไม่หันกลับมามองหน้าสเลน สเลนทำเสียงไม่พอใจ
“เชิญทางนี้ค่ะ” สาวใช้ที่มาหาสเลนเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล สเลนเดินตามสาวคนนั้นเข้าไปอย่างหัวเสีย
แล้วไหงกลายมาเป็นทะเลาะกันแบบเด็กๆไปได้ล่ะเนี้ย เอาเป็นว่าอบน้ำให้สบายใจก่อนค่อยมาคุยกันทีหลังแล้วกัน
เรือนกายขาวนวลผ่องต้องแสงของหลอดไฟจางๆ ผิวที่เนียนละเอียดเสียยิ่งกว่าผู้หญิงกำลังชโลมชำระล้างร่างกายก่อนจะเผลอทำฝักบัวหลุดมือ เมื่อพบรอยม่วงคลำบริเวณแขนข้างซ้าย ข้างที่ถูกกระชากลงไปในห้วงมหาสมุทร
ทั้งที่เป็นรอยช้ำแต่กลับไม่ค่อยเจ็บปวดมากเท่าไหร่ พลันสงสัยว่าอินาโฮะเห็นรอยประหลาดนี้ไหม? แต่ดูท่าจากที่นั่งคุยกันบนรถท่าจะไม่เห็นก็เสื้อนักเรียนของสเลนปิดบังเอาไว้ สเลนคิดที่จะปิดรอยนี้
เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาเป็นห่วงเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว
หลังอาบน้ำเสร็จก็เลือกเสื้อที่แขนยาว กางเกงขายาวที่สาวใช้นำมาให้เขาเลือก สีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย พลันคิดถึงว่าทำไมพรายน้ำนั้นจ้องจะเล่นงานเขา
แล้วอยากรู้ว่ามันเกี่ยวกับตอนที่สเลนไปช่วยเด็กจมน้ำครั้งนั้นด้วยหรือเปล่า?
น่าจะใช้ แล้วทำไมมันถึงยังมาตามรังคลานเขาอยู่ล่ะ ทั้งที่เรื่องมันจบไปนานมากแล้ว กี่ปีนะ น่าจะ 5 ปี แล้วล่ะ สเลนสงสัยก่อนจะเดินลงไปยังห้องข้างล่างโดยไม่รู้ตัว
ฝีเท้าบางก้าวเดินลงบันไดอย่างระมัดระวัง ในยามเย็นสนธยาเช่นนี้ บ้านอินาโฮะกลับมืดราวกับเป็นเวลา 1 ทุ่ม เสียงคลท่นทะเทซัดให้ได้ยินเบาๆ ทำไมไม่เห้นใครเลยล่ะเนี้ย
เงียบๆจริงๆ
“สเลน ทรอยยาร์ด” เสียงที่ฟังดูห่างเหินแต่กลับอบอุ่นดังแผ่วผ่านในสายลม สเลนจ้องมองความว่างเปล่าเบื้องหน้า
แม้แต่บ้านของอินาโฮะก็มีผีหรอกหรอเนี่ย ถึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่ได้กลัวมากนัก รู้สึกจะเริ่มชินแล้วล่ะ
“ใครครับ?” ถามกลับไปด้วยเสียงที่หนักแน่น แต่กลับได้รับคำตอบเป้นสายลมที่เย็นแว่บหนึ่งก่อนจะจางหายไปในอากาศ
“คิดไปเองมั้ง” บอกกตัวเองเบาๆแล้วพยายามเดินหาห้องครัว ทำไมมันต้องสร้างบ้านให้ใหญ่ด้วยฟระ?
เสียงหอมๆโชยมาจากที่ไม่ไกลนัก สเลนเดินตามกลิ่นนั้นไป คิดว่าคงเจอห้องครัวแล้วล่ะ
“ทะ....ทำอะไรหรอครับ? เอ้ย” นึกว่าจะเป็นสาวใช้ของอินาโฮะกำลังยืนทำอาหาร ไหงกลายเป้นเจ้าส้มกำลังทอดไข่ด้วยสหน้าเรียบเฉยแบบนั้นล่ะ
“ชอบไข่ม้วนหรือเปล่า?” อินาโฮะไม่ได้ตื่นตกใจกับการมาของอีกฝ่าย เอ่ยถามด้วยเสียงเรียบๆ
“ก็ชอบนะ แม่ผมชอบทำให้กินตอนเด็กๆ”
“งั้นก็ดี”พูดเสร็จก็ทำอาหารเสร็จพอดี แล้วก็นำไข่ที่ม้วนในกระทะไปหั่นเป็นก้อนๆ จัดวางเรียงอย่างสวยงาม มีชามสลัดน่ารับประทานอยู่ใกล้ๆ มีไก่ทอดคาราเกะแล้วก็มี ทาโกะยากิด้วย!! มีแต่ของชอบสเลนทั้งนั้นเลย
“นี่นายทำทั้งหมดเลยเหรอ?”
“ก็ของชอบนายนี่”เอ่ยด้วยเสียงเรียบๆแต่สเลนกลับเห็นว่ามุมปากของอินาโฮะยกยิ้ม
“ขอบคุณ”เอ่ยเสียงเบาๆ ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะเล็กๆในห้องครัวนั้น อินาโฮะเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม แย้มยิ้มเมื่อถึงค้างคาวกำลังน้ำตาไหลที่เห็นอาหารที่เขาทำ
“ทานล่ะนะครับ” เอ่ยพร้อมเพรียงกันก่อนจะลงมือกินอย่างรวดเร็ว หลังทานเสร็จสเลนอาสาล้างจานให้ก่อนที่อินาโฮะจะลากเขาขึ้นไปบนห้องนอน
อย่าคิดลึกสิ แค่ห้องนอนเองนะ เจ้าส้มมันไม่ทำอะไรเขาหรอก
คิดใสซื่อไปไหมสเลนน”
“เรื่องที่นายโดนผีพรายเล่นงานน่ะ” แล้วอินาโฮะก็เงียบไปสักพัก “เออจริงสิ นายเคยเกือบจมน้ำตายตอนเด็กๆใช่ไหม?”
“นายรู้ได้ไง”
“ตนเด็กๆผมเคยไปช่วยเด็กคนหนึ่งที่จะจมน้ำ รูปร่างเหมือนนายเลย”
“งั้นก็คงผมเองนั้นแหละ”
“งั้นบอกมาหน่อยว่า นายเกิดคึกบ้าอะไรไปเล่นน้ำในช่วงที่กำลังมีงาน ขับไล่สิ่งชั่วร้ายในวันนั้น”
“งานขับสิ่งชั่วร้ายเหรอ? มีงานแบบนั้นด้วยเหรอ?” สเลนมึนงง ตอนเด็กๆ เวลาที่เมืองนี้มีงานอะไรเขาก็มักจะรู้เสมอ ทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ
“ท่าทางนายจะไม่รู้ ตอนในงานมีคนบอกว่ามีวิญญาณร้ายตนหนึ่งหลุดรอดไปได้ ตามจับกันก็นานอยู่เกือบ 3 วันเลยล่ะมั้ง อันที่จริงเขาเตือนไม่ให้กลับบ้านเย็นกว่า 6 โมง ท่าทาวนายจะไม่รุ้เรื่องเลยนะ”
“วิญญาณที่ว่าเป็นรูปเงาใช่ไหม?” อินาโฮะพยักหน้า จ้องมองสเลนตาไม่กระพริบก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“เป็นนายจริงๆด้วยสินะ”
“เมื่อกี้ว่าไงนะ”
“ป่าว แล้วก็ไอ้เงานั้นมันจะเลือกเหยื่อแล้วพาเหยื่อที่เป็นมนุษย์ไปตายแทนที่มัน ที่จุดที่มันตาย”
“น่ากลัววะ” สเลนเอ่ยตอบ อินาโฮะหันมามองอย่างเงียบๆ
“แล้วก็บังเอิญว่าวันนั้น วันที่นายเกือบจมน้ำตาย มีเด็กในเมืองเรากำลังจะถึงฆาต เจ้าเงานั้นก็เลยมาเอาตัวไปแต่ก็เอาไปไม่ได้”
“เอาไปไม่ได้?”
“ก็มันดันผิดพลาดที่นายเข้าไปช่วยเด็กนั้นยังไงล่ะ นายว่ายไปกระชากเด็กนั้นออกจากเจ้าวิญญาณร้ายนั้น มันก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายมาที่นาย”
“แต่มันนานมากแล้วนะเฮ้ย เจ้าคิดเจ้าแค้นจริง”
“นายไปโกงความตายให้เด็กคนนั้น แล้วอีกอย่าง...” จู่ๆอินาโฮะก็เงียบไปเฉยๆก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด
“อันที่จริง ผมไม่ควรบอกเรื่องนี้นอกจากคนตระกูลไคซึกะ แต่เพราะเห็นว่าเป็นนายนะจะบอกแล้วกัน”
“อะไรล่ะ?นั้น” ยังจะมีเรื่องอะไรชวนให้ปวดหัวอีกฟระ? แค่นี้สมองก็จะรัเบิดแล้วเนี่ย
“ในการก่อตั้งเมืองๆนี้ ในโลกของภูติที่อยู่ซ้อนทับกับโลกของมนุษย์นั้นมีกฎอยู่ข้อหนึ่ง นั้นก็คือ วิญญาณร้ายที่ไม่ใช่เทพสามารถเลือกเจ้าคิดเจ้าแค้นเหยื่อที่ตนต้องการได้เพียงแค่ 1 คนเท่านั้น”
“งั้นก็หมายความว่า เจ้าผีพรายนั้น”
“ใช่ มันเลือกนาย แต่นายกลับออกนอกเมืองไปพอดี แล้วมันก็เลือกคนใหม่ไม่ได้เพราะท่านเทพไม่อนุญาต”
“ท่านเทพงั้นเหรอ เทพสุนัขจิ้งจอกน่ะเหรอ”
“ก็ประมาณนั้น ปกติท่านยูเอะไม่ค่อยสนใจใยดีใครนอกจากตระกูลไคซึกะหรอกนะ เพราะแต่ครอบครัวก็มักจะมีเทพคุ้มครองประจำบ้านกันอยู่แล้ว...แต่สำหรับนายที่ไม่ได้อยู่เมืองนี้นานและไม่ได้อยู่ตระกูลไคซึกะด้วย ทำไมท่านถึงได้สนใจนายกันนะ?” เหมือนกับว่าอินาโฮะเอ่ยถามกับอากาศ สักครู่เขาก็หันมาจ้องหน้าสเลนก่อนจะเอ่ยเบา
“ท่านเทพอยากให้นายมาเป็นครอบครัวเดียวกับเราน่ะ!!”
“วะ..ว่าไงนะ จะให้ผมเป็นลูกบุญธรรมพ่อนายหรือไง?” เอ่ยตวาดลั่นอย่างไม่เข้าใจ จู่ๆก็มีเรื่องบ้าๆเกิดขึ้นตั้งเยอะแยะ ใครมันจะไปเชื่อเรื่องแบบนี้กันเล่า แต่สำหรับสเลนแล้ว เชื่อๆไปเถอะ มันโจ่งอจ้งขนาดนี้แล้ว
“ใครบอกว่าจะให้นายมาเป็นพี่น้องร่วมกับผมกัน” พูดด้วรอยยิ้มที่ทำเอาสเลนเสียงสันหลังวาบ
“แล้วจะทำไง?”
“ก็ให้นายแต่งงานเข้าตระกูลผมไง”
“ไอ้บ้า!!” คำพูดไวเท่าความคิด มือขาวเอื้อมคว้าหมอนข้างตบหน้าอินาโฮะเต็มๆ
“ก็ท่านยูเอะอยากได้นายมาเป็นตระกูลเดียวกับเรานี่ ท่านบอกว่าจะได้ดูแลได้อย่างเต็มที่” อินาโฮะอธิบายเหตุผลก่อนจะเอาหมอนข้างออกจากใบหน้า
“ว่าแต่ทำท่านต้องมาสนใจผมขนาดนั้นด้วยล่ะ”
“นายไปทำอะไรละ กับรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกบนยอดเขาน่ะ”
“ก็แค่ไปไหว้แล้วขอพรให้เมืองนี้สงบสุขก็เท่านั้นเอง”
“อืม..สงสัยท่านจะถูกใจนายล่ะมั้ง”
“ว่าแต่เจ้าส้ม นายคุยกับเทพได้หรอ”สเลนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เป็นเทพประจำตระกุลเป็นเทพคุ้มครองเมือง ว่างๆจะมานั่งคุยกับมนุษย์ก็ไม่เห็นแปลกนี่” อินาโฮะบอกก่อนจะแย้มยิ้ม สเลนยกมือขึ้นจะไปบิดแก้มเจ้าบ้าสม้นันเล่น แต่เขาดันลืมไปว่าได้ปกปิดอะไรไว้ใต้แขนเสื้อข้างซ้ายนั้น
“ค้างคาว”เสียงเย็นเอ่ยถามอย่างเงียบงัน สเลนรู้สึกถึงบรรยากาสที่เปลี่ยนแปลงไปก่อนจะพบว่าอะไรเป็นสาเหตุนั้น
“อ่ะ ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่รอยเฉยๆน่ะ”พอพูดเสร็จ อินาโฮะก็คว้าข้อมือนั้นขึ้นมาพิจารนา ก่อนจะขมวดคิ้ว ขมวดคิ้วนี่กำลังเครียดใช่ไหม?
“อย่าเครียดสิ อินาโฮะก็แค่รอย..”
“มันไม่ใช่รอยธรรมดา นายโดนคำสาปแล้วล่ะ” สีหน้าเริ่มเกร็ง คิ้วของอินาโฮะขมวดกันเป้นปมแล้ว สเลนเห็นแบบนั้นก็อดที่ปลอบอีกฝ่ายไม่ได้
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าส้ม”
“เป็นสิเป็นมากด้วย” เงียบเสียงก่อนจะพูดต่อ สเลนหันไปมองข้างๆอินาโฮะ เห็นร่างจางๆที่สวมใส่หน้ากาสุนัขจิ้งจอก พลันตื่นตะหนกก่อนที่อินาโฮะจะคว้าร่างของสเลนไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะตกเตียง
“ไม่ต้องตกใจ ท่านเป็นเทพไม่ใช่ผี ทีผีล่ะไม่ยักกะเห็นกลัวเลยนะ”
“ก็ผีมันสู้ด้วยได้นี่”สเลนเถียงก่อนจะพบว่ารอยนั้นมันขยายใหญ่ขึ้น สเลนหน้าซีด
“ต้องพาร่างของนายไปชำระล้างที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้มันมืดแล้ว ทำไมนายไม่บอกผมก่อนหน้านั้น”
“ก็เพิ่งเห็นตอนอาบน้ำ”เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนก่อนจะล้มตัวลงนอน “ง่วงแล้ว”
“ไอ้ตายสิ”อินาโฮะบ่นเบาๆ วันนี้ทำไมเขาพูดมากจัง เจ็บคอชิบ ๆม่เคยต้อมาอธิบายอะไรยาวๆเลย เพราะเห็นว่าเป็นสเลนนะ ถึงได้อดทนพูดมามากขนาดนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกสเลน
รอยนี้เป็นคำสาปถ้าไม่ถูกชำระล้าง สเลนก็จะตาย
และอีกอย่าง หันไปมองหน้าเทพยูเอะที่นั่งอยู่ไม่ไกล เสียงกระซิบดังผ่านหูอินาโฮะ
ต้องรีบชำระภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น
“งั้นก็ราตรีสวัสดิ์” อินาโฮะบอกร่างบางที่นอนแล้วเบาๆ เหม่อมองนาฬิกาตีเลข 9 หรือก็ 3 ทุ่มแล้วนั้นเอง อินาโฮะเอื้อมมือไปปิดไฟ ห้องกลับมาสู่ความมืดอันเงียบสงัดอีกครั้ง
“อินาโฮะ”เสียงเรียกในความมืดทำให้เจ้าของชื่อเอ่ยขาน
“มีอะไร”
“จับมือผมหน่อย” เสียงอ้อนๆ บอกก่อนที่อินาโฮะจะวางมือลงบนฝ่ามือนุ่มขาว
“เป็นอะไรไป ว่าแต่เราก็เพิ่งเคยนอนด้วยกัน บนเตียงเดียวกันครั้งแรกนี่นะ” อินาโฮะบอก สเลนแอบยิ้มและขอบคุณความมืดที่ไม่ทำให้เห็นใบหน้าที่แดงจัดของตน สเลนขยับร่างเข้าหาอีกฝ่ายช้าๆก่อนจะซุกหัวเข้ากับร่างโปร่างของอินาโฮะ
อินาโฮะก็แค่ลูบปลอยผมทองนุ่มสีชานั้นเบาๆ นึกอยากให้เวลานี้คงอยู่ไปนานแสนนาน ความรู้สึกที่อบอุ่นและที่เขาโหยหามาตลอด เขยิบตัวให้อีกฝ่ายซุกหัวลงที่อกอย่างแนบชิดก่อนจะก้มลงจุมพิตเบาๆกลางศีรษะ ไม่อยากให้หมอนี้รู้เรื่องคำสาปต่อจากนี้เลยจริงๆ
“ฝันดีค้างคาว” เอ่ยเสียงเบาแทบกลืนไปตามสายลมที่พัดผ่าน สเลนยิ้ม ไม่อยากให้เรื่องที่เพิ่งได้วันนี้เป็นเรื่องจริงเลยสักเรื่อง เขาก็แค่อยากอยู่กับอินาโฮะให้นานมากกว่านี้ แค่นาทีเดียวก็ยังดี
(รู้สึกหมดมุขจิรงๆคะ พอดีเหนื่อยจากงานเยอะมาก แถม ร.ร.ตัวเองดันเปิดช้ากว่าร.ร.อื่อนอีก พอดี ร.ร.ปิดช้าค่ะ ถถถถถ+)
================ อยากบอกว่า NC ลง วันฮาโลวีนนะคะ 555555 + (จะมีใครรอไหมนี่?)============
ต้องขอขอบคุณรูปนี้ อุตส่านั่งคุ้ยหาจนดึกดื่น ได้มาหลายรูปเบย เห๊อะๆ =...=
แล้วก็ เทพสุนัขจิ้งจอกค่ะ อ้างอิงจากเรื่อง akaya akashiya ayakashi no ภายใต้สีแดง แสงไฟ และเหล่าภูติพราย โดยให้ ยูเอะ ชื่อละครตัวจริงจากเรื่องนี้มาเป็นเทพให้กับเมืองนี้จริงๆค่ะ ขออนุญาตนะคะ ^^
ความคิดเห็น