คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ข้ามเวลากลับมาในอดีต
โอคุมูระ โนโซมิกำลังรีบก้าวเท้าออกจากบ้านอย่างเร่งรีบ ในมือถือชามมาม่ารสต้มยำทะเล อีกข้างถือตะเกียบ คีบเส้นเข้าปากไปวิ่งไปพลาง ความสามารถส่วนตัวนี้ไม่มีใครเลียนแบบได้...บนเป้มีเนื้อสเต็กที่ยังทานไม่หมด ของเหลือจากเมื่อวานติดมาด้วย
สมัยนี้ถ้าใครมันยังคาบขนมปังไหม้เกรียมไว้ในปากขณะที่รีบไปโรงเรียนช่างเชยสะบัดเลย
แต่ว่า.............
ต้องรีบแล้ว
ขืนไปช้ากว่านี้มีหวังไม่ทันรถเมล์ที่จะไปโรงเรียนได้
ใช่แล้วล่ะ โนโซมิที่กำลังกล่าวถึงผู้นี้ก็คือฉันเอง หลังจากวิ่งตามรถเมล์อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง พอขึ้นมานั่งก็ดันได้กลิ่นแปลกๆอีก
นี่ใครไม่ได้อาบน้ำขึ้นมาบนรถเมล์เนี่ย หรือจะเป้นกลิ่นเนื้อสเต็กของฉัน ไม่น่าใช่หรอกน่า ของอร่อยๆแบบนั้นไม่น่ามีทางเหม็นบูดได้หรอก
พอมาถึงโรงเรียนก็ใกล้จะเริ่มเรียนคาบแรกแล้ว นี่ฉันสายเกินไปหรือเปล่าเนี่ยเฮ้ย!
แถมวันนี้ยังเป็นวันเปิดเทอมวันแรกอีก จะไปสายดูนิดสายหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ชีวิต ม.ปลาย ปี 2 นี่ช่างเป็นอะไรที่วุ่นวายจริงๆ = ="
เอาเหอะ! มาช้าๆจวนใกล้เวลาเรียนน่ะ มันสนุกจะตาย
ได้ลองทำอะไรเร่งรีบแถมยังมีเวลาเป็นตัวตัดสินว่าจะเข้าทันหรือไม่ทัน?
ว่าแล้วก็กระโดดเข้าห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีแปรงลบกระดานพุ่งออกมาหมายจะกระแทกใบหน้าของฉัน
เหอะ มุกเดิมๆน่า
เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ แต่บิดตัวมากเกินไปหน่อย ท่าบิดมันก็เลยเสียสูญ ฉันมองดูก้นสวยๆของฉันกำลังจะกระแทกลงบนพื้นดัง
ตึง!
“โอ้ย”ฉันอุทานขึ้นมาก่อนจะจ้องมองใบหน้าของคนที่มันปาแปรงลบกระดานมาใส่
“สมน้ำหน้า ยัยบ้า”เสียงของไอ้กวนประสาทดังขึ้นก่อนที่ฉันจะกัดฟันกรอด
“ไอ้หน้าปลาจรวดชิมะเอ้ย” ด่าอีกฝ่ายเสร็จก็เป็นช่วงที่ออดดังพอดี ฉันรีบพยุงร่างที่ก้นระบมขึ้นมารวดเร็ว เดินท่าเป็ดเข้าไปยังที่นั่งของตัวเอง
ทำฉันอับอายขายหน้าแต่เช้า อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดอยู่ถึงกลางวันเลย ไอ้รากผักชี ชิมะ!
"นี่ มีใครได้กลิ่นอะไรเหม็นเปรี้ยวไหม?" เสียงของเพื่อนคนหนึ่งในห้องดังขึ้น ก่อนที่สายตาทุกคู่จะจับจ้องมาที่ฉัน
"อะไรจ้องฉันทำไม?"
"เธอเอาเนื้อเน่าอะไรเข้ามาในห้อง"
"พูดเรื่องอะไร ฉันถือถ้วยมาม่าอยู่ แหกตาดูซะมั้ง"
"ก็ใช่นะ ว่าแต่กลิ่นนี้มันอะไรล่ะเนี้ย" พอเพื่อนหันไปสนใจกันเองในห้อง ฉันก็ใช่ช่วงเวลานั้นแอบเปิดเป้ออกก่อนจะพบว่า ฝากล่องของเนื้อสเต็กมันปิดไม่สนิท ตายแล้ว!!
ว่าแล้วฉันก็รีบย่องไปเข้าห้องน้ำ จัดการปิดฝากล่องให้เรียบร้อย ใช้น้ำหอมพรมทั่วกระเป๋า
"ยัยปากเสียพวกนั้นกล้าว่าเนื้อสเต็กของฉันเป็นเนื้อเน่าได้ไง เนี้ยน้ำซอสหมักสูตรใหม่ อร่อยจะตาย" หลังจากที่ฉันคิดว่าตัวเองเหมือนคนบ้าที่พูดกับกระจกเสร็จแล้วก็รีบกินเนื้อเข้าไป (กลัวมีกลิ่น = =) พอทานกลับก็รีบเข้าห้องเรียนอย่างรวดเร็วไม่ให้มีพิรุธ
ได้เวลาเริ่มเรียนคาบแรกเสียที
...............................................................................................................................
“นี่ โนโซมิ โนโซมิ!!” เสียงรำคาญปนเบื่อหน่ายของอาจารย์สาวดังขึ้น เจ้าตัวที่ชื่อ โนโซมิ สะดุ้งออกจากห้วงความคิด ก่อนจะจ้องมองไปที่กระดานดำหน้าตน ใช้หัวสมองคิดอยู่ชั่วแวบหนึ่งก่อนจะตอบ
“คำตอบเท่ากับ 15 ค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงใสที่ทำเอาอาจารย์ถอนหายใจ
“ครูแค่จะบอกให้เธอเปิดหน้าต่างให้หน่อยเท่านั้นเอง” ยิ้มแก้อายบางๆ ทำไมช่วงนี้ฉันมักจะเหม่อถึงอะไรสักอย่างที่ไม่รู้จักด้วยนะ พลันคิดไปได้ไม่นาน เสียงออดหมดเวลาก็ดังขึ้น
ได้เวลาของอาหารกลางวันแล้วล่ะ
ว่าแล้วก็หยิบข้าวกล่องที่คุณแม่ทำมาให้วางบนโต๊ะสี่เหลี่ยม ก่อนจะเรียกเพื่อนสาวที่สนิทของตนอีก 3 คนมานั่งล้อมรอบโต๊ะ
“นี่โนโซมิ วันนี้เธอจะเหม่อมากไปหน่อยหรือเปล่า หรือก้นระบมจนสมองออกจะเพี้ยนๆไปแล้ว?” เสียงเข้มๆของมูรากามิ เรนะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง บุคลิกมาดผู้ใหญ่และสวมใส่แว่นตาทำให้เพื่อนๆในห้องต้องหยุดการกระทำทุกอย่างเวลาเธอจะพูดจะทำอะไร ทำให้ไม่ค่อยมีคนเข้าใกล้มากนักเพราะกลัวดวงตาอันคมกริบของเธอ แต่สำหรับโนโซมิแล้ว มันก็ไม่เห็นจะน่ากลัวเท่าไหร่เลย
“ผีเข้าสิงหรือเปล่า? ถ้าเข้าสิงมาหาฉันได้นะ จะเอายันต์ไล่ผีแปะหน้าผากเธอให้ อ่อ!แล้วถ้าเจ็บตูดก็มียาทาให้นะเอาป่ะ?” ประโยคกวนๆ เสียงกวนๆ คงจะเป็นของใครไม่ได้นอกจาก ยัยนากามูระ ฮารุกะ ทรงผมทวิลเทลน่ารัก ดวงตาหวาน แต่นิสัยกลับตรงกันข้ามกับหน้าตา ชอบเลี้ยงสัตว์แปลกๆแถมยังชอบทำเครื่องรางสาปแช่งคนอื่นไปทั่ว
“คนนะ ยัยเพี้ยนฮารุ ไม่ใช่ผีจีน จะได้เที่ยวเอายันต์ไปไล่แปะหน้าผากชาวบ้านเขาน่ะ” อีกคนที่ไว้ผมสั้นซอยระต้นคอเอ่ยเถียง ฮารุกะกลับ เธอคือ คิโยมิสึ ฮิคาริ เจ้าแม่ตัวอาร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ชอบเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ และถ้าวันไหนว่างเธอก็มาฝึกศิลปะการต่อสู้ให้โนโซมิเสมอ
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงก้นของฉันเลย” ฉันบอกเพื่อนเพื่อให้พวกเขาสบายใจ นั่งทานข้าวกล่องจนอิ่ม ก่อนจะเหม่อมองนอกหน้าต่างห้องเรียนที่คุณครูเพิ่งสั่งให้เธอเปิดออก
สายตากลมโตมองเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ รูปร่างคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกทีมีขนสีขาวต้องแข่งกับแสงอาทิตย์ ลายที่ใบหน้ามีรอยข้างแก้มสีแดงคล้ายคลึงกับหน้ากากของเทพสุนัขจิ้งจอก มันกำลังวิ่งตัดผ่านหน้าของฉันไป
มีสุนัขจิ้งจอกหลุดเข้ามาได้ไงกันนะ? คิดอย่างสงสัยจะยันตัวลุกขึ้น พวงกุญแจรูปสุนัขจิ้งจอกที่ประดับลวดลายไว้อย่างประณีตหล่นลงพื้น ชิ้นส่วนของมันผสมด้วยทองปนเงิน ที่ฉันรู้ก็เพราะเคยเรียนมานิดหน่อย แม้จะดูเก่าๆโทรมๆแต่กลับทำให้มันยิ่งดูมีราคามากขึ้น ความเก่าและมันวาวของมันสะกดสายตาของคนทั้งห้องเอาไว้
“ไปซื้อมาตอนไหนน่ะ?” ยัยฮารุกะที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเอ่ยถามทันทีหลังจากเห็นพวกกุญแจ
“เก็บได้”
“เก็บได้ ที่ไหน? แล้วของใคร?”เรนะถามต่อทันทีอย่างกับนักสอบสวน นี่ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครมานะเว้ย!
“เก็บได้จากท่อน้ำเน่าๆแถวบ้านอ่ะแหละ”
“โสโครกจริ๊ง”เสียงของพวกนินทาในห้องซุบซิบนินทา อะไรกัน? อิจฉาที่ฉันอุตส่าเก็บพวงกุญแจน่ารักได้จากท่อน้ำเน่าๆก็บอกมาเถอะ
พลันชั่วครู่ก็มีลมพัดเข้ามาในห้องอย่างแรงเศษฝุ่นปลิวว่อนทำให้ต้องใช้แขนกำบังเอาไว้ จู่ๆสุนัขจิ้งจอกที่ฉันเห็นนอกหน้าต่าง ก็มาปรากฏตัวบนขอบหน้าต่าง
“เฮ้ย หมาใครวะ?”
“หมาที่ไหน แหกขี้ตาดูดิ มันเป็นสุนัขเทพชัดๆ”
“ดูการ์ตูนมากไปหรือเปล่าเห้ย เนี้ย คือตุ๊กตารูปแบบใหม่ต่างหาก” เออ......ใครกันแน่ดูการ์ตูนมากไป?
เจ้าสุนัขจิ้งจอกไม่สนใจอะไรแต่มันมองมาที่ฉัน อ้าว อยากหาเรื่องก็บอกมาเถอะคะ คุณจิ้งจอก
มันเดินด้วยท่วงท่าสง่าก่อนจะคาบพวงกุญแจที่ฉัน อุต-ส่า เก็บได้จากท่อน้ำเน่าไปต่อหน้าต่อตา!!!!
“เฮ้ย ขโมยนี่หว่าเอาคืนมานะเว้ย” แล้วมันก็กระโดดออกนอกหน้าต่างไป ฉันที่ไม่ทันได้คิดอะไรกำลังจะเหินออกนอกหน้าต่างตามมันไป
“เดี๋ยวเด้ ยัยโน”
“อะไรคนกำลังรีบ!!”
“แกจะโดดตึกตายก็ไม่มีใครเขาห้ามหรอกนะ แต่แกช่วยไปโดดตึกตายตอนพวกฉันกลับบ้านได้ป่ะ?” ฮิคาริแทรกขึ้นมา แล้วฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เราอยู่ชั้น 5 ขาข้างหนึ่งของฉันกำลังเหยียบขอบหน้าต่างอยู่ จ้องมองไปเบื้องล่าง
สูงชิบหายยย
“พอแกโดดตึกตายแล้วเราก็จะปิดโรงเรียนฉลองกันล่ะ”
“แหม รักเพื่อนจริ๊งนะ ยัยฮิคาริ” ฮารุกะแซวก่อนจะร่วมขำ เฮ้ย!นี่พวกแกลืมไปหรือเปล่าว่าเจ้าหมาขนปุยนั้นมันขโมยพวงกุญแจเธอไปน่ะ
ฉันไม่สนใจยัยเพื่อนบ้าๆของฉันก่อนจะวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหนอ่ะ โน” นามย่อๆของฉันมักจะถูกเรียกโดยฮารุกะ เธอจ้องมองฉันอย่างงุนงง
“ไปห้องน้ำมั้ง แหมก็ต้องไปเอาพวงกุญแจคืนอ่ะดิ” พูดด้วยอารมณ์เสียนิดๆ ก่อนจะรีบดิ่งลงไปยังข้างล่างนั้น
“อ้าว เหรอ โชคดี” มีโบกมือบ๊ายบายอีก
ไอ้เพื่อนนิสัยไม่ดี จะมาช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้ นั่นฉันอุตส่าเก็บมันมาได้เลยนะเฟ้ย พวงกุญแจแปลกๆสวยๆแบบนั้นหาที่ไหนได้อีกล่ะ
เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น ทำไมมันถึงได้มาขโมยพวงกุญแจกันละเนี้ย หรือว่าจะเป็นของเจ้าของมัน แววตาของมันเหมือนกับมีแรงดึงดูดให้ฉันต้องตามหามัน เมื่อฉันวิ่งลงมาที่ๆคาดว่าจะเจอมัน มันก็ไร้วี่แววราวกับไม่เคยมีตัวอะไรเดินผ่าน ลองจ้องมองพื้นเผื่อมันทิ้งร่องรอยเอาไว้ เห็นรอยเท้าเล็กๆ ฉันมั่นใจเลยว่าต้องเป็นของเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นแน่ๆ คิดเสร็จแล้วก็ตัดสินใจตามรอยเท้านั้นไป
มันลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในดงป่าไม้ต้องห้ามข้างโรงเรียน ถึงจะถูกกั้นบริเวณว่าห้ามเข้าแต่ฉันก็ไม่สนใจ ความงกของฉันเข้าครอบงำทุกเส้นประสาท
เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับ โอคุมุระ โนโซมิ
ถ้าจับได้นะ จะจับทำหมาเฝ้าบ้านเลยคอยดู..จะล่ามโซ่....แล้วก็ไหนๆ มันก็น่ารัก หน้าแปลกๆ ต้องมีคนมาสนใจมันแน่ๆ เก็บตังค์ค่าลูบหัวสัก 100 เยนเลย.....
คงรวยน่าดู ฮ่าๆ
ฉันตามหามันได้ไม่นาน ก็พบว่ามันกำลังปีนขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง ฉันตัดสินใจปีนตาม
แต่ยิ่งปีนตามขึ้นไปเรื่อยๆ กลับรู้สึกว่ามันช่างสูงเสียนี่กระไร ทำไมมีต้นไม้ที่สูงแข่งกับเปรตมาอยู่ในป่าต้องห้ามนี้ได้ด้วย ไม่เคยเห็นมาก่อน
5 เมตร
7 เมตร
10 เมตร
ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นกระโดดขึ้นบนกิ่งแต่ละกิ่งอย่างชำนาญ ฉันตัดสินใจตามมันต่อไป
เพื่อพวงกุญแจพวงนั้น ฉันยอมพลีชีพได้
ไกลขึ้นไปอีก ไกลขึ้น และไกลขึ้น
จนมันมาอยู่อยู่บนกิ่งที่แข็งแรงมากๆกิ่งหนึ่ง ฉันจ้องมองลงไปข้างล่าง
สูงเป็นบ้าเลยวุ้ย!
มองหาเจ้าสุนัขจิ้งจอกก่อนจะพบว่ามันหายหัวไปเสียแล้ว
อ้าวเฮ้ย! แล้วฉันจะลงยังไงล่ะเนี้ย
แต่ที่น่าตกใจกว่าเดิมคือ เจ้าพวงกุญแจมันไปอยู่บนยอดต้นไม้ ไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหนฟระนั่น? แล้วจะเอายังไงล่ะเนี้ย ว่าแต่ฉันก็คอยๆเขย่งเท้าขึ้นไปเพื่อหยิบมัน
“อ่ะ ได้แล้ว” ขณะที่กำลังดีใจนั่นเอง เสียงดัง
ป๊อก
ก็ดังขึ้น ฉันเพิ่งค้นพบว่ากิ่งไม้ที่ฉันยืนเกาะอยู่หักเสียแล้ว
เฮ้ย น้ำหนักก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นนะเฟ้ย แล้วจะมาหักอะไรตอนนี้ ไว้หักตอนเย็นๆไม่ได้หือไง๊
ร่างของฉันกำลังร่วงลงสู่ความสูงมากกว่า 10 เมตร!!!
“ว้ายยยย!!!” ตะโกนลั่นแข่งกับสายลมที่ปะทะเข้ามาจากเบื้องล่าง พ่อเจ้าแม่เจ้า ช่วยลูกด้วย
ฝ่าเท้าเตะกับอากาศอย่างบ้าคลั่ง ฉันมาตายเอาดื้อๆทั้งที่ยังเรียนไม่จบไม่ได้หรอกนะเว้ย
แถมก้นยังระบบอยู่ด้วย จะมาระบบซ้ำสองจะซวยไปไหนกันห๊ะ ยัยโนโซมิ๊
ฉันหลับตาแน่นจนรู้สึกเจ็บ พร้อมใจกับแรงกระแทกที่จะได้รับ
แต่ทุกอย่างเหมือนถูกหยุดเอาไว้ ไม่สิ พื้นนุ่มๆที่ตัวฉันสัมผัสได้มากกว่า ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาหวังว่าจะเห็นภาพโรงเรียนอยู่เบื้องหน้า แต่กลับไม่ใช่
มันเป็นภาพของท้องฟ้าสีฟ้ากว้างไหลสุดลูกตา ตอนนี้ฉันนอนอยู่ในหลุมขนาดยักษ์ที่อ่อนนุ่มใช้นิ้วเกาะพยุงร่างเพื่อขึ้นไปด้านบน
กลิ่นอ่อนจางของผืนดินแตะกระทบจมูก เมื่อดันตัวขึ้นมาจากหลุมได้แล้ว ก็พบว่าเบื้องหน้าของฉันนั้นเป็นท้องทุ่งหญ้าที่โล่ง เมื่อกี้ฉันอยู่ในป่านะ
ไหงพอตกต้นไม้แล้วมาอยู่กลางทุ่งหญ้าแทนล่ะ
ฉันลุกขึ้นปัดเศษดินออกจากระโปรงนักเรียน ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ไม่มีสัญญาณ ก็น่าจะไม่มีสัญญาณอยู่หรอก มาอยู่ซะบ้านนอกคอกนาเลยนี่หว่า
มองซ้ายมองขวา ทำไงดีล่ะเนี้ย?แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้แปลกๆแฮะ แล้วสายตาก็หันไปเห็นบ้านที่เป็นกระท่อมๆที่มีปล่องไฟปะทุออกมาจากหลังคาบ้าน
บ้านสมัยเก่า ตั้งแต่พระเจ้าเหาเห็บเลยล่ะมั้งเนี่ย แต่เอาเถอะไปขอความช่วยเหลือดีกว่า
ฉันกำพวงกุยแจเอาไว้ในมือแน่น...กลัวมันหายจริงๆนะ แล้วทำไมฉันถึงได้หวงวพวงกุญแจนี้มากนักล่ะเนี้ย?
ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ปานนี้ฉันก็คงต้องไปนั่งสัปหงกเรียนคณิตศาสตร์อยู่แน่ๆตอนนี้
ไม่รู้จะขอบคุณมันหรือด่ามันดี...แต่เอาเถอะ เดี๋ยวก็หาทางกลับบ้านได้เองแหละ
........................................................................................................................................................................
ก๊อก ก๊อก
“ขอโทษนะคะ” ตะโกนเสียงดังก่อนจะเอ่ยต่อ “คือฉันหลงทางน่ะคะ”
เสียงบานประตูเลื่อนเปิดออกอย่างเชื่องช้า ปรากฏใบหน้าของคนหนุ่มอายุมากกว่าฉันสัก 8 ปีได้ล่ะมั้ง
“ท่าน.......”
หลังจากจ้องมองใบหน้าของฉันแล้วเขาก็หยุดชะงัก สีหน้าตื่นตระหนกก่อนจะกระชากฉันเข้าไปข้างในแล้วตระเตรียมของเหมือนจะออกเดินทางซะงั้น
“เออ คือว่าฉัน...”
“ท่านหญิงยังไม่ตายหรอกหรอหรือ?แล้วนั้นท่านเพิ่งขุดตัวเองขึ้นมาจากหลุมหรือ? แล้วท่านแต่งเครื่องแต่งกายอะไรของท่าน? ” ชายคนนั้นพอจ้องมองใบหน้าของฉันก็ถามรัวเป็นชุด แถมยังบอกมาว่า ฉันยังไม่ตาย เพิ่งขุดตัวเองขึ้นมาจากหลุม ไอ้บ้า! ยังไม่ตายเว้ย แกคิดว่ากำลังยืนคุยกับวิญญาณอยู่หรือไง
“เออคือ”ตอนนี้ฉันกำลังงงเป็นไก่ตาแตกแล้วเนี่ย ท่านหญิงบ้าอะไร ว่าแต่แกชื่ออะไรฉันยังไม่รู้เลย
“คือ นายชื่ออะไรนะ?”
“ทำไมใช้สรรพนามแปลกจริง ท่านหญิง ข้าคือ มินาโมโตะ ทาเครุ ยังไงเล่า ท่านคือ โอคุมูระ โนโซมิ มิใช่หรือ? ”
อ้าวดันรู้ชื่อของฉันเฉย
“แล้วทำไมนายดันรู้จักชื่อของฉันได้ล่ะ ฉันไม่เห็นรู้จักคนชื่อ มินาโมโตะ ทาเครุเลยสักคน” เอ่ยบอกอีกฝ่าย เจ้าตัวที่มีผมสีเข้มเหมือนสีของเปลือกไม้ซอยสั้นๆกำลังกุมขมับก่อนจะขยี้หัวตัวเอง
“ท่านต้องโดนจอบกระแทกศีรษะมาแน่ๆ ตอนโดนฝังลงหลุม ท่านจำข้าไม่ได้จริงหรือ? ข้าคือองครักษ์คนสนิทของท่านไง แล้วที่ข้ามาที่นี้ก็เพราะท่านสั่งให้ข้ามาดูแลสวนดอกไม้และสวนผักของท่านหลังจากท่าน...เออ....สิ้นชีพไง” ประโยคหลังๆนั้นรู้สึกว่าเสียงของเขาจะแผ่วเบาลงนิดหน่อยนะ
“ฉันเคยสั่งอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? แล้วเออคือ ฉันเพิ่งเคยมาที่นี้ครั้งแรกนะ”
“ท่านจะต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ ท่านหญิง ก็ท่านมีที่ห้อยอันนั้น...” ทาเครุบอก ก่อนจะชี้มาที่มือข้างหนึ่งของฉันที่กำพวงกุญแจเอาไว้แน่น
"เก็บได้จากท่อน้ำเน่า"ฉันตอบปัดๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ถึงฉันจะชื่อ โอคุมูระ โนโซมิ แต่ฉันไม่รู้จักนาย นายจำคนผิดหรือเปล่า? คนชื่อเหมือนฉันมีตั้งเยอะ”
“ไม่มีทาง ใต้หล้าฟ้านี้มีเพียงท่านหญิงเท่านั้นที่เป็นทายาทของตระกูลโอคุมูระที่เป็นตระกูลนักรบที่ยิ่งใหญ่ แล้วคนที่ชื่อโนโซมิก็มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้น ท่านหญิง” อีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้ พยายามยัดเยียดตำแหน่งบ้าอะไรไม่รู้ใส่ฉันอยู่ได้ ก็บอกว่าไม่รู้จักไง
“นี่ นายน่าจะตะหงิดๆหน่อยนะว่า ฉันพูดแทนตัวเองว่า “ฉัน” ไม่ใช่ “ข้า” ฉันไม่ใช่คนที่นายรู้จักหรอก อันที่จริง ฉันไม่น่าจะใช้คนยุคนี้เสียด้วยซ้ำ”
“งั้นก็เป็น ท่านหญิงผิดคนอย่างงั้นหรือ?”
“เกร็งว่าจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ”ว่าแล้วฉันก็เพิ่งจะนึกอะไรออก
“ขอถามนายหน่อย ตอนนี้ปีอะไรแล้ว?”
“แล้วถ้าท่านบอกว่าไม่ใช่คนยุคนี้แล้วจะรู้จักการบอกปีของพวกข้าหรือไงเอาเถอะ ข้าก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกมาบ้าง เห็นบอกว่า การนับปีแบบ คริสต์ศักราช จะมีใช้ต่อไปอีกนานแสนนานในอนาคต ถ้าข้าเทียบปีที่นี้เป็นปีคริสต์ศักราชท่านคงเข้าใจ”
ฉันพยักหน้า ก่อนจะจ้องมองดวงตาสีเข้มของทาเครุ เจ้าตัวหลับตานั่งคิดก่อนจะหันมาบอกฉัน
“น่าจะเป็นปี คริสต์ศักราช 1480 น่ะขอรับ”
“.......”
“ทำไมท่านทำหน้าแบบนั้น น่ากลัวหยังกับผีกลับมาเกิด”
“อยากตายมากขนาดนั้นก็บอก...ว่าแต่นายไม่ได้โกหกใช่ไหม??”
“เหตุอันใด ข้าถึงต้องโกหกท่านเหนือหัวของตัวเองด้วยเล่า”
“นี่มันย้อนมากี่ปีวะเนี่ย” ฉันกุมหัวของตัวเองก่อนขยี้ไปมา ยิ่งตกวิชาคณิตอยู่ด้วย ช่างหัวมันละกัน!
“ข้าว่าช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ ท่านหญิง ข้าต้องพาท่านไปพบท่านผู้นั้นก่อน การปรากฏตัวของท่านต้องไม่ให้คนภายนอกรู้”
“ทำไมล่ะ?” ฉันถามกลับอย่างสงสัย อะไรวะ? นอกจากจะก้นระบบ ยังต้องมาทำตัวลับๆซ่อนๆในที่ๆไม่รู้จักอีก แล้วหมอนี่จะไว้ใจได้งั้นเหรอ?
ทาเครุหันมาจ้องมองใบหน้าของฉันก่อนจะกระซิบข้างใบหู
“อภัยให้ข้าด้วยเถอะ แต่ข้าไม่ยอมยกท่านให้กับเจ้าปีศาจมังกรนั้นแน่นอน”
อ้าวเฮ้ย แล้วไอ้เจ้าปีศาจมังกรนั้นมันใคร? อธิบายให้กระจ่างก่อนจะลากชาวบ้านไปไหนมาไหนตามใจชอบสิเฮ้ย
.........................................................................................................................................................................
ขอบคุณที่อ่านนะคะ ^^
ความคิดเห็น