[Fic]Owari no Seraph. [Guren X Yuichiro] พ่อกับลูก(?)]
..เนื้อหาในเรื่องสั้นอันนี้เป็นการสปอยตอนที่ 4 แบบเบาๆนะคะ...แล้วก็ที่เป็นเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เพราะเราไปแอบอ่านนิยายของคนๆหนึ่งที่แต่งคู่นี้มาค่ะ...
ผู้เข้าชมรวม
3,711
ผู้เข้าชมเดือนนี้
20
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
โรงเรียนมัธยม ม.ปลายชิบุยะที่ 2
“เฮียคุยะคุง หน้าไปโดนอะไรมาหรอครับ?” เสียงใสก้องกังวานที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเกินเหตุนิดๆ ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น เพื่อน ของเฮียคุยะ ยูอิจิโร่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไปต่อยกับเสาโทรศัพท์มาน่ะ” ยูหันไปบอกเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าเซ็งเต็มแก่ โยอิจิทวนคำ
“เสาโทรศัพท์?”
“ใช่ เป็นเสาโทรศัพท์ที่กวนโอ้ยสุดๆเลยล่ะ ” ยูตอบด้วยเสียงเซ็งๆ
“แฮะๆ ไปมีเรื่องมาสินะครับ” โยอิจิหัวเราะแห้งๆ
เฮ้อ...ก็ดูจากหนังหน้าแล้ว ตรูคงไปทะเลาะกับเสาหลักกิโลมามั้ง …โด่ว
ยูเลิกสนใจโยอิจิก่อนจะมองป้ายบนประตูที่แปะไว้อย่างประณีต
“MOON DEMON SQUAD MILITARY QUARTERS”
“คุณมาสายนะคะ” เสียงสดใสชวนกวนโอ้ยนิดทักสองหนุ่มที่เดินผ่านเข้าประตูมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“หือ ชิโนอะ เธอมาทำอะไรที่นี่?” ยูทักอีกฝ่ายอย่างงงๆ ชิโนอะยิ้มกวน “แหมๆ ใบหน้านั่นไปมีเรื่องมาอีกแล้วสินะคะ”
“ปล๊าว ปลาวซักหน่อย สาบานเลยนะ”
“หราคะหรา” ชิโนอะตอบ “งั้นก็ดีค่ะ วันนี้เป็นวันแรกของพวกคุณสินะคะ”
“อื้อ ใช่แล้วล่ะ” โยอิจิตอบด้วยเสียงร่าเริง ก่อนจะร่ายยาวอะไรสักอย่างไม่รู้จบ ด้วยความรำคาญเล็กน้อย ยูเองก็ตอบกลับอะไรกลับไปบ้างจนมาสะดุดกับคำพูดของโยอิจิ
“ชักรู้สึกประหม่าแล้วสิ” โยอิจิเอ่ยเสียงแผ่วเบาที่ยูยังพอฟังออกว่ากำลังพูดคำว่าอะไร
“หา ทำไมล่ะ?”ยูหันไปถามคนข้างตัวที่พยายามก้าวฝีเท้าให้เร็วเท่าเขา ไม่เข้าใจหมอนี่จริงๆว่าจะรู้สึกประหม่าไปทำไม? อุส่าจะได้เข้ากองกำลังปราบมารหน่วยเก็กคิแล้วแท้ๆยังมีอะไรต้องกังวลใจอีกหรือไงกันนะ?
“ก็นี่เป็นห้องฝึกสอนสำหรับเข้าหน่วยเก็กคิใช่มั้ยล่ะครับ? งั้นนักเรียนที่อยู่ที่นี้ก็คงจะมีแต่พวกหัวกะทิของโรงเรียนเตรียมทหารกันหมด” แล้วโยอิจิก็ก้มหน้าลงมองพื้นเหมือนอดอาลัยตายยากไปซะอย่างนั้น
“แล้วนักเรียนที่ย้ายมาระหว่างเทอมอย่างผมกับยูคุง จะถูกทุกคนไม่ชอบหน้าหรือเปล่านะ? ”
“นี่นาย”ยูขัดความคิดอันสุดแสนจะหม่นหมองของโยอิจิก่อนจะกระแทกเสียงใส่หน้า “คิดว่าเรามาที่นี่เพื่อหาเพื่อนหรือไง?..”
“เออ..ไม่.”
“ไม่เห็นต้องกังวลเลยนี่” ยูพูดแต่โยอิจิก็ยังไม่ละความพยายาม
“แต่ว่า..”
“พอได้แล้ว...ฉันจะปกป้องนายเอง ไม่ให้ถูกแกล้งแค่นี้ก็พอใช่มั้ย?” ยูตัดสินใจพูดประโยคที่ไม่ค่อยเข้ากับตัวเองออกไปแต่กลับแฝงไปด้วยความจริงใจ
“นี่ยูคุงทำเพื่อผม งั้นเหรอ?”
“แหงอยู่แล้วสิเจ้าบ้า ชั้นจะอัดเจ้าพวกนั้นให้เละเป็นโจ๊กพิเศษใส่ไข่เลย คอยถลนตาดูเหอะ!”
ชิโนอะที่เดินนำหน้าพลางฟังบทสนทนาของทั้งสองหนุ่มไปก็แอบคิดอย่างหน่ายใจว่า
สรุปแล้วเจ้ายูนี่มันคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่วะเนี่ย?
“ขออภัยที่มาขัดจังหวะคะ ดิฉันพาเขามาแล้ว” ชิโนอะเปิดประตูที่น่าจะเป็นประตูห้องเรียนออกก่อนจะก้มหัวอย่างมีมารยาท แต่สำหรับยูแล้ว ไอ้ท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนแปลกๆของชิโนอะมันเหมือนเด็กแสบที่ชอบกวนผู้ใหญ่มากกว่า
“อ่อ ขอบใจมาก”เสียงสุดแสนจะคุ้นเคยที่ยูอิจิโร่ฟังแล้วอยากจะรีบซอยเท้าไปกระโดดถีบหน้าอย่างไว
อิจิโนเสะ กุเร็น
เจ้าคนบ้างี่เง่าที่ช่วยเหลือเขาเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อน
“ฟังนะพวกแกทุกคน ชั้นจะมาเป็นครูประจำชั้นพิเศษของพวกแก เพราะมีเด็กแลกเปลี่ยนมาใหม่สองคน”
“เอ่อ..พันโทค่ะ” ทุกคนในห้องรีบหันมาสนใจเด็กสาวผมม่วงที่ผูกโบใหญ่เวอร์ไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ต่างคน..ต่างกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก…….
เธอคนนี้มันใครฟระ? กล้าขัดคำพูดของท่านพันโทกุเร็นแบบนั้นมีหวัง....
“ครูประจำชั้นนั้น หมายถึงคุณต้องมาโฮมรูมแล้วเข้าห้องเรียนทุกวันนะคะ”
“หุบปาก” เป็นไปตามคาด.. อิจิโนเสะ กุเร็นเอ่ยขัดเด็กสาวอย่างหน้าตายแต่น้ำเสียงกำลังโมโห ก่อนจะพล่ามต่อ
“และนักเรียนใหม่สองคนนี้คือ เฮียคุยะ ยูอิจิโร่กับซาโอโตมิ โยอิจิ สรุปง่ายๆก็ ไอ้บ้าตัวหนึ่งกับไอ้ขี้ขลาดนั้นแหละ ”
“เมื่อกี้แกว่าใครไอ้บ้าฟระ?” ยูอิจิโร่ที่หน้าแดงเถือกเพราะกำลังโมโหที่ ไอ้คนที่ได้ยศพันโทกล้าเรียกเขาว่า “ไอ้บ้า” ออกมาได้อย่างหน้าด้านๆ
“ชั้นก็แค่พูดตามความจริง”
“ความจริงคือ ชั้นมันหล่อเท่ระเบิดขาดใจต่างหากเว้ย” ยูเถียงอย่างสุดกำลัง
“เลิกไร้สาระได้แล้ว เจ้าบ้า เจ้างั่ง ไอ้เวอร์จิ้นเอ้ย!” พันโทกุเร็นตะโกนด่าใส่ ก่อนจะเอาพระบาทาประทับรอยหน้าของยูไปอย่างเต็มพิกัด
“แล้วเวอร์จิ้นมันเกี่ยวอะไรด้วยฟระ?” ยูที่พยายามเอาเท้าของกุเร็นออกพลางโวยวายไปด้วย สรุปแล้ววันนั้นก็เป็นวันที่ไม่ได้ทำมาหากินอะไรเล๊ย มัวแต่มานั่งฟังเจ้าบ้ากับพันโทบ้าคนหนึ่งทะเลาะกันอย่างกับเด็ก(?)
หลังเลิกเรียนวันนั้น
“โหย เพราะเจ้าบ้ากุเร็นแท้ๆ” ยูที่แอบหลบมุมออกมากุมแก้มของตัวเองที่ตอนแรกก็ไปมีเรื่องกับเสาโทรศัพท์มา ไหนจะมามีเรื่องกับเจ้ากุเร็นอีก รอยบาทายังประทับอยู่บนหน้าเล๊ย ดูดิ่ ทำพระเอกของเขาเสียหล่อหมด
“ไง” เสียงทักที่เขาเกลียดเอ่ยดังขึ้นเบื้องหลัง
“เจ้าบ้ากุเร็น”ไวเท่าความคิด ยูที่กำลังคิดอะไรก็พูดออกไปทันที เอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่มีความเคารพเลยสักนิด
“อะไรกานน นี่แกหัดพูดเพราะๆกับผู้มีพระคุณซะบ้างสิ”
“ผู้มีพระคุณกับผีเหอะ ว่าแต่มีธุระอะไร?” ยูที่ยังคงกุมแก้มของตัวเองเอาไว้โดนกระชากมือออกจากแก้มของตน ก่อนที่พันโทอย่างกุเร็นจะเอามือของตนเองทาบลงมาแทน
ทำไมพอเป็นมือของเจ้าบ้ากุเร็น มันถึงได้อบอุ่นแบบนี้นะ...เห้ย!เมื่อกี้เขาคิดอะไรออกมาเนี่ย?
“เจ็บมากมั้ย?”
“ยังมีหน้ามาถาม โดนถีบหน้านี่โคตรฟินเลยมั้ง แม่ม!!”ยูหลบหน้าหล่อคมของกุเร็นก่อนจะทำเสียงงอนเบาๆ
“งั้นเหรอ..หึ”
“หัวเราะอะไร!”ยูที่ยังคงพยายามเอามือของอีกฝ่ายออก ปัดโถ่เว้ย อย่าให้เขาได้อาวุธมารมานะ พ่อจะฟันเจ้ากุเร็นให้แหลกเป็นปลาป่นเล๊ย
“คนที่ช่วยให้แกมีชีวิตรอดน่ะ คือฉัน” จู่ๆกุเร็นก็เอามือที่ทาบลงมาบนแก้มของยูออก แล้วใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่ตัวเอง
“ห๊ะ?” ยูมองตามอย่างรู้สึกประมาท
“คนที่ลากแกออกมาจากพวกแวมไพร์ก็คือฉัน คนที่สอนแกใช้อาวุธคือฉัน....”
เออ รู้แล้ว..ยูบ่นอุบอิบในใจ หมอนี่ต้องการจะสื่ออะไร?
“พูดแบบนี้นายอยากจะให้ฉันทำอะไร?”ยูที่กำลังงงๆกับพฤติกรรมแปลกๆของเจ้าบ้ากุเร็น ก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ แต่กุเร็นกลับมองหน้าอย่างไม่ให้เดาอารมณ์ได้ ยูเลยถามต่อ “จะให้ฉันขอบคุณนายหรือไง---”
“แกน่ะเป็น ของๆชั้น”
อึก!......จู่ๆยูก็รู้สึกจุกขึ้นมา คำพูดเมื่อกี้มันคืออะไรกัน? ยูเงยหน้าขึ้นมาจ้องใบหน้าของพันโทก่อนที่แก้มจะระเรื่อไปด้วยสีแดงอ่อนๆ
“ก็เป็นของๆนายอยู่แล้วนี่” ตอบอีกฝ่ายก่อนจะเบนหน้าหนี ใช่ ถ้าไม่ได้เจ้าบ้ากุเร็น เขาคงมาไม่ถึงขนาดนี้หรอก คงไม่ได้มีความหวังที่จะฆ่าพวกแวมไพร์ที่ฆ่าครอบครัวที่สุดแสนสำคัญของเขา
“เห...แกพูดออกมาแล้วนะ”กุเร็นเปลี่ยนน้ำเสียงจากจริงจังเป็นหยอกล้อก่อนที่ยูจะหน้าแดงไปมากกว่าเดิม
“อะไรเล่า ก็แค่พูดความจริง....”
“จะว่าไป แกยังไม่ทำอะไรตอบแทนบุญคุณอันแสนจะใหญ่หลวงทดแทนระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเลยนะ”
“ไอ้คนขี้งกเอ้ย แล้วจะให้ชั้นทำอะไร? ล้างห้องน้ำไม่เอานะว้อย ฉันบีบขวดน้ำยาทิ้งไปหลายขวดแล้วนะเฟ้ย”
กุเร็นหัวเราะ“แล้วใครใช้ให้นายบีบขวดน้ำยาเล่นกันฟระ ไอ้งั่ง”
“เรื่องของชั้นน่า.....”ยูพูดเสียงเบาก่อนที่กุเร็นจะยิ้ม
“นายยังเวอร์จิ้นอยู่.......”
“ทำไมต้องวกกลับมาเรื่องนี้ด้วยวะเห้ย ขอคำอธิบายแบบด่วนๆ” ยูที่กำลังอารมณ์เสียก็พยายามทำสงครามน้ำลายกับผู้ที่เขาควรเรียกว่า ผู้มีพระคุณอย่างเอาเป็นเอาตาย
“หึ.....”กุเร็นหัวเราะอีกครั้ง ไอ้รอยยิ้มชวนบาดใจสาวนั้น ทำไมเขาต้องหัวใจเต้นแรงเพราะไอ้รอยยิ้มหน้าด้านๆของเจ้าบ้ากุเร็นด้วยนะ ??
“อะไรเล่าจะให้ทำอะไรรีบๆบอกมาสักทีสิฟระ?”
“ก็ไม่มีอะไรมาก....” ยูที่ได้ยินคำตอบก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“แล้วมันคืออะไร?”
“หุบปากแล้วก็หลับตาซะ เจ้าบ้า”กุเร็นออกคำสั่ง เสียงที่เด็ดขาดของพันโททำเอายูอิจิโร่ถึงกับหน้านิ่งแต่ก็ยอมทำตามที่กุเร็นสั่ง
จะยอมเจ้าบ้ากุเร็นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ
“หลับตาทำไมฟระ-----” สิ้นเสียงคำโวยวาย กุเร็นจับปากของเจ้าหนูตรงหน้าของเขาก่อนจะประทับริมฝีปากลงไป จูบที่ไร้การล่วงเกินใดๆ เป็นแค่รอยจูบจืดๆแต่กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ความห่วงใย กุเร็นผละริมฝีปากออกก่อนจะหลบหมัดที่สวนออกมาอย่างรวดเร็ว
“จะ....เจ้าบ้าทำอะ...ไร”
“เห..เวอร์จิ้นจริงๆนะแกเนี่ยแค่จูบก็ไม่รู้จัก”
“คะ..ใครว่าไม่รู้จัก.....” ยูหลบหน้ากุเร็นก่อนจะเอามือมาทูที่ปากขยี้ไปมาหลายรอบ
“อะไรรังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“มีที่ไหนผู้ชายจูบผู้ชายบ้างเล่า....” ยูบ่นพึมพำ
“อะไร แกไม่เคยได้ยินหรือไง พ่อจูบลูกมีเยอะจะตาย”
ยูรีบควับมาหากุเร็นทันที“ใครพ่อฟระ?”
“ชั้นไง อ่อ..ถ้าอยากเรียกชั้นว่าพ่อก็เรียกได้ตามสบายเลยนะ”
“ไปเรียกของแกคนเดียวไป๊!” แล้วยูก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้นทันที
แหม มีลูกชายน่ารักแบบนี้ พ่อที่ไหนจะอดใจไม่อยากจูบลูกบ้าง….
#เดี๊ยวนะ กุเร็น 5555555
ผลงานอื่นๆ ของ Bloody_VI ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Bloody_VI
ความคิดเห็น