ตอนที่ 17 : あたしはずっとここにいるから。。。 (เพราะฉันจะอยู่ตรงนี้ตลอด...) [UPDATE 50%]
17
あたしはずっとここにいるから。。。
(เพราะฉันจะอยู่ตรงนี้ตลอด...)
บ่ายวันเสาร์...
“แล้วก็นะ...ไอ้โคเฮมันก็เลยบอกรักยูเมะจังในงานดอกไม้ไฟ โรแมนติกเป็นบ้า มีการแบบว่าไปแย่งคืนมาจากพระรองด้วยนะ ยังกะมังงะแน่ะ >////<”
“แล้วทำไมนายถึงรู้ละเอียดยังกับแอบดูอยู่ข้างๆ ยังงี้ล่ะ”
“ก็พวกฉันแอบดูอยู่ข้างๆ จริงๆ น่ะสิ >O< กับพวกฮานะจังอ่ะ อุฮิ”
“พนันได้ว่านายต้องเล่าให้ชาวบ้านฟังไปทั่วเลยใช่มั้ย =_=”
“แหงสิ เรื่องแบบน้ีต้องขยาย เป็นเรื่องเดียวที่ฉันเหนือกว่าไอ้โคเฮมัน” ฮายาโตะพูดใส่อินเนอร์แบบสุดๆ เหมือนเก็บกดมานานตั้งแต่ได้เป็นเพื่อนกับโคเฮซังมา -O-;; จากนั้นจึงทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนพื้นหญ้าอย่างแรงเหมือนอยากจะแทรกกายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพื้นดินยังไงยังงั้น “ฮ้าาาา~ สบายจัง สวนคะไซรินไคนี่ดีจริงๆ~ เริ่ดกว่าเด็นเอ็นโจฟุของเธออีกเห็นมะ”
“แล้วยังไง จะให้ฉันย้ายบ้านมาอยู่นี่มั้ย”
“เอาสิ ย้ายมาเลย หอพักฉันก็ยังมีห้องว่างเหลืออยู่นะ >O<”
“เป็นนายหน้าค้าบ้านเหรอ” ฉันเอานิ้วจิ้มเอวฮายาโตะก่อนจะโดนแก้แค้นจนต้องกระเถิบหนีไปสองคืบ “แต่จะว่าไปแถวนี้ก็ดีจริงๆ นั่นแหละ...วิวดี ไม่เอะอะอึกทึก แถมยังอยู่ใกล้ดิสนีย์แลนด์อีกต่างหาก”
“อ้อ ใช่ ถ้าเป็นตอนกลางคืนล่ะก็ นั่งดูอิลลูมิเนชั่นหรือพลุของดิสนีย์ได้เลยนาขอบอก ฉันก็ชอบแวะมานั่งดูบ่อยๆ”
“มาคนเดียวเหรอ น่าเศร้าจังนะนาย”
“ฉันเกลียดเธอ =_=^” ฮายาโตะทำเสียงโกรธเคืองใส่ฉันที่จงใจพูดให้ฟังดูตลกทั้งที่จริงๆ แล้วรู้ดีว่าเขาน่าจะมานั่งดูวิวสวยๆ ในที่แบบนี้กับใคร...
ถึงจะเป็นอดีตไปแล้วก็เถอะนะ
“แล้วชิงช้าสวรรค์ทางโน้นล่ะ?”
“หือ? อ๋อ! นั่นน่ะสุดยอดไปเลยนะขอบอก เห็นทั้งวิวดิสนีย์ แล้วถ้าวันไหนอากาศดีฟ้าโปร่งจริงๆ ล่ะก็ มองเห็นไปถึงฟูจิซังเลยนา!”
“หา เว่อร์น่า”
“นี่จริงจัง”
“โห...เห็นไปได้ไกลขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็นะ เพราะฟูจิซังใหญ่มากเลยน่ะสิ จะไปทางไหนก็มองเห็นทั้งนั้นแหละ”
“ดีจังนะ คงจะสวยน่าดูเลย”
“อยากขึ้นเหรอไงยัยเด็กน้อย”
“ใครบอกว่าอยากขึ้นล่ะ -3- แล้วฉันก็ไม่ใช่เด็กแล้วด้วย”
“เห...” ฮายาโตะทำเสียงสูงอย่างโคตรน่าหมั่นไส้ จากนั้นจึงเหล่มองฉันด้วยหางตาพลางหยักยิ้มเผล่ที่มุมปาก “ก็เคยมีเด็กแถวนี้ตะแง้วๆ ขอให้คนอื่นเค้าพาไปยูเอสเจอยู่นี่นะ”
“ใครกัน ฉันไม่รู้จัก”
“โฮ่ นี่โตขึ้นจนเลยวัยไปสวนสนุกแล้วงั้นเหรอ”
“ใครจะเหมือนนายล่ะ ทำตัวติงต๊องเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลาแบบเนี้ย”
“พึ่งพาได้ขนาดนี้ยังจะพาว่าทำตัวเป็นเด็กอีก”
“ก็เด็กจริงๆ ไม่ใช่รึไง...”
“ปากดีจริงๆ นะยัยคุณหนูนี่...” คนที่นอนอยู่บ่นงึมงำในลำคอ จากนั้นแขนยาวๆ ก็ยื่นมาจนกระทั่งมือใหญ่ๆ ของเขาวางลงเหนือศีรษะฉันแทบจะมิดทั้งหัว
“ทำอะไรของนายเนี่ย หยุดเลยนะ มึนหัว =[]=^ ทำไมชอบยุ่งกับหัวฉันอยู่เรื่อย”
“ทำโทษไง”
“ผมยุ่งหมดแล้วเนี่ยเห็นมั้ย คนเค้าอุตส่าห์เซ็ตมาสวยๆ =[]=^^^”
“เดี๋ยวฉันเซ็ตให้ใหม่ก็ได้ ไม่มีอะไรที่ฮายาโตะซามะทำไม่เป็นอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องเลย มีแต่จะทำให้ยุ่งกว่าเดิมมากกว่า -3-” ฉันคอยปัดมือฮายาโตะออกจากหัวแต่ก็ทำได้แค่ปัดไปเรื่อยๆ เพราะเขาก็ยังมาระรานผมฉันอยู่ดี ชอบอะไรนักหนาเนี่ย หรือคิดว่าฉันเป็นหมา =[]=
“ฮ่าๆๆ ผมฟูๆ ก็น่ารักดีออก”
“งั้นนายมาฟูด้วยกันมั้ยล่ะ นี่แน่ะๆๆๆ”
“เฮ้ย! อย่าสิ นี่ฉันต้องไปทำงานต่อนะ เสียทรงหมด!” ทันทีที่ถูกฉันเล่นงานกลับ นายเหยี่ยวก็กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งปัดป้องในทันใด นั่นไง ทีตัวเองก็ยังไม่ยอมให้คนอื่นเค้าเล่นเลย -3-
“เสียทรงเดี๋ยวฉันจัดให้ใหม่เอง แลกกัน เอามั้ยล่ะ -3-”
“เธอเซ็ตทรงฮายาโตะซามะไม่เป็นหรอก”
“เดี๋ยวติดปีกให้สองข้างเลย =_=”
“แล้วฉันจะออกมาเป็นตัวอะไร =_=”
ทั้งฉันและฮายาโตะไม่มีใครยอมใคร ยังคงทำลายทรงผมของอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย... เอาว่าคนนอกมองมาคงนึกว่าสองคนนี้เป็นบ้าแน่ๆ
และสุดท้ายเมื่อผมที่เซ็ตไว้ของฮายาโตะได้ถูกฉีกออกจนกลายเป็นปีกสองข้าง...เขาก็ตัดสินใจหยุดฉันไว้ก่อนที่จะได้หางและจะงอยปากมาอีก
“พอเลย! ยัยเด็กบ้า =[]=^^”
ด้วยการคว้ามือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ด้วยสองมือพร้อมทั้งกระชากมันเอาไว้ และทำให้ใบหน้าของเราขยับเข้ามาใกล้กันอย่างเลี่ยงไม่ได้...
นัยน์ตาสีน้ำตาลที่กำลังกะพริบรัวเร็วดูราวกับกำลังอึ้งอยู่ไม่น้อยทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนทำเอง... และเพราะฮายาโตะนิ่งอึ้งไปแบบนั้น มันจึงทำให้หัวใจฉันพาลเต้นรัวขึ้นมาโดยไร้สาเหตุซะอย่างนั้น
ไม่สิ...สาเหตุน่ะมีแน่... แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอันไหนระหว่างกลิ่นน้ำหอมสุดเซ็กซี่ที่เขาใส่เวลาจะไปทำงาน... หรือริมฝีปากสีชมพูที่ดูอ่อนนุ่มเหมือนขนมหวานนั่น...
“...ผมนายตลกชะมัด”
เพื่อปกปิดหัวใจที่เต้นถี่รัวเหมือนกลองงานกีฬาสี...ฉันจึงพูดออกไปอย่างนั้น และในที่สุดฮายาโตะที่นิ่งไปด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างก็กลับมาโวยวายต่อ...
“ให้ตายสิ นี่ฉันต้องไปทำงานต่อด้วยนะ =[]=^ ไม่มีเวลากลับไปเซ็ตผมที่บ้านนะเฟ้ย จะให้ไปที่ร้านด้วยทรงแบบนี้ก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะจัดให้ใหม่ อย่าโวยวายได้มะหนวกหู” ฉันแยกเขี้ยวใส่ฮายาโตะก่อนจะดึงมือหนีจากมือใหญ่ๆ ของเขาอย่างเนียนๆ ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ว่าชีพจรฉันเต้นเร็วขึ้นจนผิดปกติ “อีกอย่างนายก็ทำผมฉันยุ่งด้วยเหมือนกันย่ะ แถมยังเริ่มก่อนอีกต่างหาก -_-+”
“ก็เดี๋ยวเธอก็กลับบ้านแล้วนี่ -3-”
“ยังไม่กลับย่ะ ฉันเองก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน” ฉันเถียงก่อนจะย่นจมููกใส่ “ต่อให้กลับบ้านจริง ยังไงฉันก็ยังต้องเดินเป็นกิโลนะยะ -_-+++”
“มีจักรยานก็เอาไปสิ”
“ขี่เป็นที่ไหนกันเล่า!?”
“เมื่อกี้บอกจะสอนให้ก็ไม่เอา มัวแต่กลัวซ้ำรอยเดิมอยู่นั่น วันไหนจะขี่เป็น”
“ไหนนายบอกจะขี่ให้ฉันซ้อนท้ายไง โกหกเหรอ”
“ไม่ได้โกหก... ขามาเธอก็ซ้อนท้ายฉันมาไม่ใช่หรือไงยัยเบ๊อะ” ฮายาโตะดีดจมูกฉันก่อนจะเลื่อนมือเรียวยาวมาจับเส้นผมฉันอย่างเบามือ... แต่แค่สัมผัสเพียงแผ่วเบานั้นก็ทำให้มือฉันที่กำลังจัดผมเขา (ที่กลายร่างเป็นปีกเหยี่ยวไปชั่วคราว) ให้กลับเข้าที่เดิมถึงกับหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่งได้แล้ว...
“ก็นั่นแหละ...ถึงจะขี่เป็นก็ไม่ขี่กลับไปหรอก”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็ถ้าเอาจักรยานกลับไปตอนเลิกงานนายก็ต้องเดินกลับเองน่ะสิ”
“เอ๊ะ?”
“ขนาดมีจักรยานยังถึงบ้านซะเกือบสว่างแทบทุกวัน อาหารที่ฉันทำไว้ให้ก็เย็นชืดหมดอร่อยพอดี -3-”
“...เดินกลับกับปั่นจักรยานกลับมันก็ไม่ได้ถึงไวถึงช้ากว่ากันขนาดนั้นสักหน่อย ห่างกันไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละ”
“นายบอกเองไม่ใช่รึไงว่ายิ่งกินช้าไปกี่นาทีความอร่อยก็ลดลงไปเท่านั้นน่ะ”
“ครับๆ ผมจะซิ่งจักรยานกลับบ้านอย่างด่วนเลยครับ” ฮายาโตะ (ทำทีเป็น) ยกธงขาวยอมแพ้ จากนั้นมือเขาก็จับผมมาทัดหูฉันอย่างเบามือ...
ทำไมถึงได้มือเบาขนาดนี้นะ...ค่อยๆ จับทีละช่ออย่างทะนุถนอม ทำยังกับฉันเป็นอาหารที่ต้องค่อยๆ บรรจงหั่นทีละน้อยยังไงยังงั้นแหละ...
“เอาล่ะ! ได้เวลาไปทำงานพอดี” ฮายาโตะพูดหลังจากจัดผมให้ฉันอย่างละเมียดละไมจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนจะลุกขึ้นยืน “ส่วนผมของฉัน...”
“หล่อแล้วน่า ฉันจัดเหมือนเดิมเป๊ะ”
“ไว้ใจได้มั้ยเนี่ย -_-”
“ได้สิ ไม่เชื่อก็ส่องกระจกดู”
ฮายาโตะหัวเราะออกมาเมื่อถูกฉันท้า จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือมาช่วยพยุงฉันให้ลุกตามด้วย
“ถ้าไม่รีบไปได้สายกันทั้งคู่แน่”
“นั่นสินะ...”
วันน้ีเป็นวันเสาร์...ที่เราทั้งคู่ต่างก็ต้องไปทำไบท์ เพียงแต่วันน้ีทำกันคนละที่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันของ 'อีกงานหนึ่ง' ของเขา...
เพราะงั้นฮายาโตะถึงได้ใส่สูทสไตล์จัดจ้านเต็มยศมานั่งเล่นที่สวนอย่างนี้...และที่มากลิ้งอยู่ที่สวนก็เพราะหมอนั่นบอกว่าอยากจะมารีแลกซ์ก่อนไปทำงานที่สวนแห่งความภาคภูมิใจของคนแถวนี้นั่นเอง
ก็นะ...หมอนี่ชอบการเดินเล่นในสวนมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่
“วันนี้เธอไม่ต้องทำกับข้าวไว้ก็ได้นะ เพราะกว่าเธอจะเลิกก็ค่ำแล้ว ก็ทำอะไรง่ายๆ กินเองคนเดียวก็พอ”
“แล้วนายจะกินอะไรล่ะ ฉันทำของง่ายๆ ไว้ให้ก็ได้นะ”
“ถ้าบอกว่าไม่ต้องลำบากยังไงซะเธอก็จะเถียงเอาจนได้อยู่ดีใช่มะ”
“ใช่”
ฮายาโตะถอนหายใจเสียงดังเกินจริง ก่อนจะยื่นมือมาวางแปะบนหัวฉันก่อนจะยิ้มจนตาหยี “งั้นก็ขอบคุณล่วงหน้านะครับ >_<”
หมู่นี้มันได้กลายเป็นกิจวัตรของพวกเราที่ทำจนชินไปซะแล้ว และผลจากการฝึกฝนทุกวันเช้าและเย็น...แม้แต่คุณหนูที่ชีวิตน้ีไม่เคยทำอาหารกินเองมาก่อนอย่างฉันก็ยังกลายพันธ์ไปเป็นแม่บ้านโอซาก้าซะได้...
ทั้งหมดก็เพราะมีคนที่อยากจะปกป้องอยู่ตรงนี้...
“ตั้งใจทำงานนะ!”
“รับทราบ! เธอก็ด้วยนะ!”
10.22PM
[นิชิคะไซ...นิชิคะไซ...]
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อในที่สุดก็พาร่างกายที่แสนเหนื่อยล้าจากงานอันแสนหนักหน่วงในครัวของอิซากายะกลับมาถึงสถานีบ้านเรียบร้อยแล้ว...ในหัวก็คิดถึงอาหาร แทบอยากจะแวะซื้อข้าวกล่องจากลอว์สันมากินให้จบๆ ไม่ต้องลำบาก แต่พอนึกถึงใบหน้าและคำด่าของฮายาโตะแล้ว...
ไม่สิ...พอนึกถึงสีหน้าดีใจของฮายาโตะตอนกลับบ้านมาเจอกับข้าวของโปรดรออยู่แล้วก็มีแรงทำกับข้าวขึ้นมาเลย...
อืม...ช่วงนี้เนื้อลดราคาแล้วใช่มั้ยนะ จะหมดหรือยังนะ...
#วิญญาณแม่บ้านโอซาก้าเข้าสิง
ฉันแวะซุปเปอร์แถวบ้านที่มากับฮายาโตะประจำจนแทบจะรู้จักมักจี่กับพนักงานแคชเชียร์แล้ว จากนั้นจึงหยิบเอาวัตถุดิบที่ต้องใช้ใส่ตะกร้าอย่างไว (ไม่อยากจะโม้ว่าบางเมนูฉันก็ไม่ต้องดูสูตรก็ทำได้แล้วนะ :P)
หมอนั่นชอบซดน้ำซุปด้วย บางทีก็ตักซุปมิโสะเพิ่มตั้งหลายถ้วย เพราะงั้นซื้อมิโสะไปด้วยดีกว่า ไหนๆ ก็ใกล้จะหมดแล้ว~
แต่วันนี้ไข่ไม่ลดราคาแฮะ ถ้าซื้อราคาเต็มไปหมอนั่นจะมาเอะอะทีหลังมั้ยเนี่ย -3-
การซื้อของในซุปเปอร์ที่เคยเป็นเรื่องธรรมดาไม่พิเศษอะไร ทุกวันนี้มันกลับสนุกและน่าตื่นเต้นมากเหมือนเป็นมิชชั่นอะไรสักอย่างของชีวิตไปซะแล้ว ก็ตลกดีเหมือนกันแฮะ
“สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับค่ะ >O< มีพอยท์การ์ดมั้ยคะ”
“มีค่ะ” ฉันยื่นการ์ดสะสมแต้มให้พร้อมกับชูถุงช้อปปิ้งแบ็กในมือขึ้นมา “ไม่เอาถุงพลาสติกด้วยนะคะ”
“รับทราบค่ะ เพิ่มพอยท์ ECO ให้นะคะ >_<”
ช้อปปิ้งแบ็กนี่ก็เป็นกฏของฮายาโตะเลยนะ หมอนั่นย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเอาช้อปปิ้งแบ็กไปด้วยทุกครั้ง เนื่องจาก 1. เพื่อลดการใช้พลาสติก และ2. จะได้พอยท์ ECO เพิ่มอีกสองแต้ม และแต่ละแต้มใช้แทนเงินได้หน่ึงเยน
ไม่รู้ว่าข้อไหนสำคัญกว่ากันอ่ะนะ ไปคิดกันเอาเองแล้วกันเนอะ :P
“วันนี้มาคนเดียวเหรอคะคุณลูกค้า” ขณะที่กำลังสแกนบาร์โค้ดของที่ฉันซื้อ คุณแคชเชียร์สาวที่เห็นหน้ากันประจำก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใส “แฟนไม่มาด้วยเหรอคะ ^^”
หัวใจฉันแทบจะม้วนและบิดเป็นเกลียว เมื่อจู่ๆ ก็ถูกจู่โจมกะทันหันแบบนั้น...
'แฟน' งั้นเหรอ...ในสายตาคนอื่นเห็นเราเป็นแบบนั้นเหรอ
ก็แน่่ละ อยู่ด้วยกัน ไปนั่นมานี่ด้วยกันตัวแทบจะติดกัน...ก็ไม่แปลกหรอกเนอะที่คนจะมองแบบนั้น... เนอะ >////<
ฉันที่หุบยิ้มไม่ได้ทำได้แค่หัวเราะแก้เขินก่อนจะตอบไปว่า... “วันนี้เค้าทำงานเลิกดึกน่ะค่ะ...”
(ไหนๆ เขาก็เข้าใจแบบนั้นแล้ว จะไปแก้ไขความเข้าใจของคนแปลกหน้าก็เสียเวลาเปล่าๆ ใช่มั้ยล่ะ -3- ฉันไม่ผิดนะ)
“งั้นเหรอคะ แต่ก็จะรอกินข้าวพร้อมกันใช่มั้ยคะเนี่ย กิวด้งเหรอคะ >O<”
“ใช่ค่ะ >/////<”
“ต้องอร่อยแน่ๆ ค่ะ >O< ทั้งหมดสองพันสามร้อยห้าสิบเยนค่า~”
ฉันจ่ายเงินอย่างมีความสุขกว่าทุกที ตัวแทบจะลอยขึ้นฟ้าทั้งที่หน้ารู้สึกร้อนๆ ยังไงบอกไม่ถูก >////< เอาล่ะ! วันนี้จะตั้งใจทำกิวด้งให้สุดฝีมือเลย~
เมื่อกลับไปถึงห้องฉันก็จัดการเปิดไฟ แล้วก็เอาวัตถุดิบออกมาเตรียม...และตอนที่กำลังจะตักข้าวขึ้นมาหุงนั้นเอง...
กริ๊งงง~
เอ๊ะ เสียงโทรศัพท์เหรอ O_O?
จริงสิ...ที่ห้องมีโทรศัพท์บ้านติดอยู่ด้วยนี่นา เคยเห็นแต่ไม่เคยได้ยินเสียงมันก็เลยลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่
ฉันมองไปยังทิศที่โทรศัพท์ตั้งอยู่ก่อนจะเดินไปจ้องมันด้วยความชั่งใจว่าควรจะรับดีหรือไม่รับดี...และมันก็ดังต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้ายสายก็ตัดไป...
ติ๊ดด!
ไม่สิ...มันตัดเข้าฝากข้อความนี่นา และถ้ามันฝากข้อความล่ะก็...
[สวัสดีค่ะ ขอโทษที่โทรมารบกวนตอนดึกนะคะ...ฉันทาเอะเองค่ะ...]
ข้อความจากอีกฝ่ายที่ดังขึ้นมาขณะที่เขากำลังจะฝากข้อความเอาไว้ทำให้ฉันอึ้งไป และทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะฟังข้อความของฮายาโตะ ฉันกลับได้ยินมันทั้งหมดทุกคำพูด
ทุกคำที่ทำให้หัวใจฉันเหมือนดิ่งลงจากที่สูง...
...
...
...
[สวัสดีคร้าบ~ ผมนากามุระ ฮายาโตะครับ! ขณะนี้ยังมารับสายไม่ได้ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ครับ กรุณาฝากข้อความไว้หลังเสียงสัญญาณ...]
ฉันสบถเสียงเบาเมื่อได้ยินข้อความเดิมซ้ำอีกครั้งก่อนจะกดตัดสายแล้วลองโทรใหม่อีกรอบเพื่อจะได้ยินข้อความเดิมอีก...นั่นแปลว่าเขาคงจะกำลังทำงานอยู่สินะ ในที่แบบนั้นบางทีก็ไม่มีสัญญาณซะด้วยสิ
แต่...แต่ข้อความนั่น...ฉันต้องบอกฮายาโตะให้เร็วที่สุด ยังไงก็ต้องบอกเขาเดี๋ยวนี้ เพราะงั้น...
เมื่อคิดจนหัวแทบแตกสุดท้ายก็รู้ว่ายังมีอีกทางหนึ่งที่เร็วกว่าฝากข้อความไว้แล้วรอให้เขามาได้ยินเอง นั่นก็คือ...การไปบอกเขาด้วยตัวเองนี่แหละ
ฉันหันมองนาฬิกาแขวนบนผนังพลางคำนวณเวลาเดินทางในใจ จากนั้นจึงหยิบแจ็กเก็ตยีนส์กับกระเป๋าตังค์มาถือแล้วกระโดดสวมรองเท้าด้วยสปีดไวแสง ก่อนจะวิ่งออกจากห้องตรงไปที่สถานีรถไฟแบบไม่คิดชีวิต จนแม้แต่แมวจรจัดแถวนั้นก็ยังกระโดดหนีด้วยความตกใจ
เมื่อไปถึงสถานีฉันก็กระโจนต่อไปที่ชานชาลาก่อนจะกระโดดขึ้นทันรถไฟขบวนสุดท้ายพอดี... เหล่าคนบนรถไฟเหลือบมองฉันที่พุ่งเข้ามายืนหอบที่ริมประตูด้วยสายตาเฉยชา แต่ไม่่ใช่เรื่องสำคัญ...สำคัญคือฉันต้องไปให้ถึงคาบุกิโจให้เร็วที่สุด...
ข้อความที่ได้ฟังจาก 'ทาเอะซัง' ทางโทรศัพท์ยังคงเล่นวนไปวนมาอยู่ในหัว และนั่นก็ทำให้รถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วปกติดูช้ายังกับเต่าคลานเลยทีเดียว
ให้ตายเถอะ...รอก่อนนะฮายาโตะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ!
[[ To Be Continued 50% ]]
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม
เกิดอะไรขึ้น!?!
โทรศัพท์สายนั้นมีอะไรกันนะะะะะ
ใครอยากอ่านต่อสกรีมมาเลยยยยยยยยย >O<
ขอโทษที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาอัพ TT_TT พอดียุ่งวุ่นวายมากเลยน่ะค่ะ
แต่เค้ามาแก้ตัวแล้วนะ อิอิ
บอกเลยว่าครึ่งหลังจะได้รู้กันแล้วว่าความลับของฮายาย่าคืออะไร
ใครอยากรู้ว่ามาเลย!! >O<
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สอยรูปเล่มมาแล้วววว แต่ของยังไม่ถึงเลยย รออย่างใจจดใจจ่อมากข่าาาา แล้วก้อซื้อชุดboy for rent มาด้วย อยากอ่านใจจะขาดแล้วค่าาาาา ตื่นเต้นนนนๆๆๆๆ