ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic พิภพพญามังกร เมื่ออ๋าวเยี่ยนโตเป็นผู้ใหญ่

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 นิสัยที่แก้ไม่หาย 100%

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 53



        "ก็ไม่เห็นน่ารักตรงไหนเลย ก็แต่งอย่างนี้ทุกวัน"อ๋าวเยี่ยนไม่รู้ตัวเลยว่าที่อ๋าวเสวียนชมก็มี

    เหตุผล 

        "กลับตำหนักดีกว่า"ตำหนักที่อ๋าวเยี่ยนกล่าวคือตำหนักมังกรทอง ที่เรียกยังไงก็น่าจะเป็นของ

    อ๋าวซวิ่นชัดๆ แต่มันกลับเป็นของอ๋าวเยี่ยนเอ๋อร์ผู้งกเงินทองที่สุด คนนี้

        พักเรื่องระหว่างทางจะมีใครหลงเสน่ห์อ๋าวเยี่ยนเพิ่มไปอีกคนไว้ก่อน ตำหนักมังกรทอง

    ตำหนักนี้ตำหนักเดียว สร้างมาจากทองและของวิเศษมามายทั้งพิภพเซียนพิภพมารและพิภพ

    เทพโดยสร้างแทนที่ตำหนักมังกรปัญญา ด้านในตำหนักแกะสลักลวดลายมังกร หงส์ สัตว์

    มหัศจรรย์มากมาย นอกจากนี้อ๋าวเยี่ยนยังนำดอกไม้สีสันฉุดแาดทั้งทีมีพิษและไม่มีพิษมา

    ประดับ(แกล้งคน)ไว้ทั่วตำหนัก จนมีชื่อเล่นว่าตำหนักมังกรอสรพิษ เป็นที่ประทับของฝ่าบาท

    เจ็ดและฝ่าบาทหก นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่อ๋าวเยี่ยนรับไม่ได้ก็คือ เจ้ามังกรทองที่เขาชอบแกล้งจะ

    นอนที่เดียวกับเขา อ้างว่าเหงาอยากได้คนอยู่เป็นเพื่อนแต่ความจริงก็คือตอนนอนแอบกอดเขา

    และเขายังต้านแรงมันไม่ได้ด้วย ฮึ่ม แต่ส่วนใหญ่อ๋าวเยี่่ยนจะไม่ค่อยกลับตำหนักที่วังมังกรเท่า

    ไหร่ถ้าไม่มาเอาของแกล้งคน

       "เป๋าเป่า เด็กไม่ดีแอบอู้งานอีกแล้วนะ"เจี๋ยเซียวผู้อยู่ในโหมดพัฒนาการถอยหลัง ผู้เหมือน

    พ่อนมตัวน้อยๆที่ความจำเสื่อมไม่ยอมกลับมาเป็นเหมือนเดิมพุ่งเข้ามาอุ้ม ทำเอาอ๋าวเยี่ยนเป๋า

    เป่าอายุสิบเก้า รู้สึกหมดแรงไปในพริบตา

       "เจ้า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าอายุสิบเก้าแล้ว ไม่ใช่เป๋าเป่าแล้ว เข้าใจบ้างรึเปล่า ฮะ"อ๋าวเยี่ยน

    ขึงตาใส่อย่างเหี้ยมโหดพลางสลัดออกจากอ้อมกอดที่ทำให้รู้สึกแปลกๆทันที

       แต่พ่อนมตัวน้อยๆก็มีปฏิกิริยาตอบกลับไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนคือเริ่มตาแดงขึ้นมาทันที และ

    สั่นคล้ายๆกับสะอื้น หรือสะกดอะไรไว้ซักอย่างทำเอาอ๋าวเยี่ยนใจอ่อนยวบ

       "แต่ว่า ฮึก เป๋าเป่า ก็คือเป๋าเป่านี่นา ฮึก"พ่อนมตัวน้อยสะอื้นไปตอบโต้ไป

       "เจ้า! ห้ามร้อง นะ ห้ามร้อง "คำๆนี้ของอ๋าวเยี่ยนก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน

    คือ พ่อนมที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ปิดปากร้องไห้ แล้วพูดกับตัวเองว่าอย่าร้องนะ ห้ามร้อง 

    อะไรเทือกนี้ออกมาทำให้อ๋าวเยี่ยนผู้ชอบรังแกรู้สึกว่าตัวเองชั่วช้าหนักแผ่นดินอะไร

    อย่างนี้ออกมาได้แวบหนึ่ง แล้วส่ายหน้าราวกับปฏิเสธความคิดตัวเองอย่างนั้น แล้วก็นึก

    ไปถึงว่าทุกเวลาที่เจ้าตัวปัญญาอ่อนนี่ถูกเขารังแกจะต้องมีคนมาช่วยทุกทีไป 

       "เจ้าเด็กโตแต่ตัวรังแกจิ่นเอ๋อร์อีกแล้วนะ ฮึ่ม"นั่นไงพออ๋าวเยี่ยนนึก วีรสตรีชุ่ยเจวียนก็

    มา ชิชะ เอาล่ะเจ้าพัฒนาการถอยหลังข้าสอนว่าไง พูดไปซิ

       "เค้าไม่ได้รังแกข้านะข้าเพิ่งไปปลอกหัวหอมมา ก็เลย ก็เลยตาแดงเท่านั้นเอง"เจ้าคน

    ไม่ได้เรื่องเอ๊ย จะโกหกทั้งทียังอุตส่าห์ติดอ่างได้ฮึ่ม

       "ถ้าเจ้าทำอย่างนั้นจริงข้ากัดลิ้นตัวเองตายเลยอ่ะ ไอ้เด็กโตแต่ตัวทำไมชอบรังแกชาว

    บ้านนักน้าฮะ"การจู่โจมด้วยคลื่นเสียงครั้งนี้ของชุ่ยเจวียนไปสะกิดต่อมว้ากในตัวของเด็ก

    โตตัวอ๋าวเยี่ยน

       "เจ้า! เจ้าป้าชุ่ยเชวียนบรรลุเป็นเซียนอัคคียังมายุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่ได้ ไม่รู้จักปล่อยวาง

    ซะบ้างเลย"ปากจิ้มลิ้มของเป๋าเป่าอายุสิบเก้าก็กัดอย่างที่ไม่ได้กัดมานาน

       "เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้ามาก ปากดีอย่างนี้ ลองชิมเดชอัคคีจุมพิตหน่อยไม่เป็นอะไรล่ะมั้ง"

    ชุ่ยเจวียนสุดจะทนตวาดกลับไปอย่างรุนแรงพลางเรียกเปลวไฟออกมาที่มืออย่างรวดเร็ว

       "เจ้า! เจ้า! สิที่จะเป็นอะไรบรรดาพี่ๆของข้าต้องเล่นงานเจ้าตายตายแน่ถ้าเจ้าแตะต้อง

    ข้าแค่ปลายเล็บ"อ๋าวเยี่ยนพูดด้วยสีหน้าคนชั่วช้าทำความชั่วสำเร็จ

      "ไอ้ ไอ้ขี้โกง"ชุ่ยเจวียนด่าต่อโดยไม่สังเกตเลยว่าเจี๋ยวเซียวที่ร้องไห้เมื่อกี๊จะร้องไห้

    หนักกว่าเก่า

      "อย่า อย่าด่า เยี่ยนเอ๋อร์นะ  "เจี๋ยเซียวสะอึกสะอื้นห้าม

      "หนอย แม้แต่นายก็เข้าข้างไอ้เด็กโตแต่ตัวนี่เหรอ จิ่นเอ๋อร์ ฮึ่มก็ได้ไม่ด่าก็ไม่ด่า ชิ"พอ

    โดนการห้ามอย่างน่าสงสารของจิ่นเอ๋อร์ ก็ทำให้ชุ่ยเจวียนสะบัดหน้าจากไปในทันที

     "แบร่ ขอบใจมากนะเจี๋ยเจี๋ย ที่ช่วยไล่ยัยนั่นไป อืม ส้าวเหยีย ว่าจะไปเที่ยวที่นครสามภพพอดี 

    เจ้าจะไปด้วยรึเปล่า"อ๋าวเยี่ยนเรียกเจี๋ยเซียวด้วยชื่อที่แท้จริงซึ่งต่างจากคนอื่น มันก็ทำให้เจี๋ยว

    เซียวสงสัยแล้วไปถามเอากับ อ๋าวเสวียน ซึ่งได้คำตอบมาว่าเจี๋ยเซียวเป็นชื่อรอง ส่วนจิ่นเอ๋อร์

    เป็นนามก่อนบรรลุนิติภาวะ ให้ใช้แซ่อ๋าว แต่ก็ได้รับการคัดค้านจากอ๋าวเยี่ยนแต่สุดท้ายเจ้าตัวก็

    ยอม เมื่อเจี๋ยเซียวเอามุกราชันมาให้เป็นของง้อ เรื่องนี้ก็ได้ถูกอ๋าวจวินเจ๋อผู้เห็นลูกเป็นของเล่น

    เอาไปเล่าเป็นการสู่ขอเข้าตระกูลอ๋าวโดยแลกกับมุกราชันที่เป็นสินสอด ซึ่งเรื่องนี้ก็กลายเป็น

    เรื่องขำขันของอ๋าวจวินเจ๋อ และยังเป็นเรื่องตลกตลอดกาลของพิภพพญามังกรอีกด้วย
       
      "ไปสิ ไป แต่อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวนะ"เจี๋ยเซียวที่น้ำตายังไม่แห้งดีก็โผเข้ามากอดอ๋าวเยี่ยน

    แล้วฝังหน้าตัวเองใส่แผ่นหลังของอ๋าวเยี่ยนเหมือนต้องการปลดปล่อยความกลัวกับความเหงา

    ออกไป

     "ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไม่ต้องห่วงน่า "อ๋าวเยี่ยนพอเจอการโจมตีด้วยความน่าสงสารของเจี๋ย

    เซียวเข้าไปก็เผยสีหน้าเคร่งขรึมอ่อนโยนออกมาปลอบประโลมเด็กน้อยทันที 
     
     แต่ทั้งอ๋าวเยี่ยน ชุ่ยเจวียน และครอบครัวมังกรไม่รู้เลยว่าเจี๋ยเซียวได้ความทรงจำกลับมาแล้ว

    แต่จงใจทำเป็นลืมเพราะ ได้เห็นความเป็นห่วงเป็นใยของอ๋าวเยี่ยนที่ดูแลตนตอนสูญเสียความ

    ทรงจำและได้พบกับจิ่นเอ๋อร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในร่าง จิ่นเอ๋อร์ได้บอกว่าเขาสามารถยึดร่างคืนได้แต่

    เขาเอามันคืนให้ราชาปีศาจแล้วบอกว่าห้ามทำเป๋าเป่าเสียใจอย่างเด็ดขาด ขณะนั้นเองที่ทำให้

    ราชาปีศาจเกิดความคิดว่าต้องเป็นโชตะจอมปลอมต่อไป เพราะคิดว่าอ๋าวเยี่ยนเกลียดราชา

    ปีศาจเจี๋ยเซียวแต่รักเด็กบริสุทธิ์ที่ชื่อจิ่นเอ๋อร์ เขาจึงอดทนแสดงเป็นจิ่นเอ๋อร์อย่างสุดแสนจะทุ

    เรศตัวเองแต่เมื่อเห็นว่ามีแต่ความเอ็นดูและใส่ใจจากทุกคนหัวใจดอกโบตั๋นก็ได้รับความอบอุ่น

    อย่างถึงที่สุดจนถึงขั้นคิดที่จะไม่กลับไปเป็นราชาปีศาจอีกต่อไป 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×