ตอนที่ 1 : Oh God, kill me now !!!

-1-
Oh God, kill me now !!!
ฉันคงจะไม่เริ่มต้นเล่าเรื่องชีวิตอันสุดแสนรันทดของฉันด้วยคำขึ้นต้นจำพวก 'กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...' หรืออะไรทำนองนี้หรอกนะ เพราะฉันไม่ใช่เจ้าหญิงในนิยายปรัมปราอะไรพวกนั้น !!!
ฉันชื่อเอลซ่า แพทเทนเนอร์ เป็นชาวอังกฤษโดยกำเนิด ฉันเกิดและโตอยู่ที่นี่ ฉันอายุ 18 ปีและมีพี่ชายหนึ่งคนอายุ 21 ปี ฉันและพี่ชายไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เพราะฉันโตอยู่ที่ลอนดอนส่วนพี่ชายฉันโตอยู่ที่อเมริกา และ เพราะความห่างเหินทั้งในเรื่องระยะทางและประกอบกับการที่พี่ชายของฉันเป็นคนบ้าบอ สติแตก และฉันก็ไม่ค่อยชอบคนแบบนี้ซะด้วย เลยทำให้เราไม่สนิทกันแบบที่พี่น้องปกติทั่วไปควรจะเป็น
แล้วนี่ฉันมาบ่นพล่ามอะไรไร้สาระตั้งหลายบรรทัดกันเนี่ย !!! เอาล่ะ ! เข้าเรื่องกันสักทีนะ
เรื่องราวความซวย ! ซวยซ้ำ !! และซวยซ้อนของฉัน !! เกิดขึ้นในวันศุกร์ในปลายเดือนเมษายน วันนั้นฉันรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ฉันเหนื่อย !! เหนื่อยเหลือเกินกับการที่ต้องคอยวางตัวในฐานะของลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ !!! ฉันต้องเข้าไปอยู่ในกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์และยัยพวกนั้นก็พากันแต่งตั้งให้ฉันเป็นกัปตันทีมซะด้วย !! โอโหหหหห เกิดมาขนาดกระโดดไกลฉันยังกระโดดได้แค่ร้อยกว่าเซนเอง แล้วนี่อะไรอยู่ดีๆจะให้ฉันไปตีลังกากลางอากาศสามตลบแล้วลงมายืนที่พื้นอย่างสวยงามน่ะหรอ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดย่ะ !! .....แต่ ! ฉันก็ต้องยอมจนใจตกลงเป็นกัปตันทีมเชียร์ลีดเดอร์เพราะ 'คำประกาศิต' จากพ่อของฉัน ซึ่งถือว่าเป็นคำประกาศิตที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าพระเจ้าซะอีก ฉันยังจำครั้งแรกที่ฉันกระโดดตีลังกาแล้วหัวโหม่งพื้นจนสลบไปสองชั่วโมงได้อยู่นะ และในวันนี้ก็เป็นวันจบการศึกษาอีกด้วยซึ่งฉันก็ต้องเป็นตัวแทนในการขึ้นไปกล่าวอำลาแก่ ผอ. โรงเรียนและเป็นตัวแทนรับช่อดอกไม้และถ่ายรูป และยิ้ม ยิ้ม ยิ้มมมมมมมมม โอ้ยยยย !!! ฉันว่าวันนี้ฉันยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วนะ พอตกเย็นรถยนต์เจ้ากรรมของฉันก็ดันมายางรั่วกลางทางอีก เลยทำให้ฉันกลับบ้านช้าและโดนพ่อดุ แม่เจ้าโว้ยยยยยย !!!!!! จะมีอะไรซวยกว่านี้อีกมั้ย คำตอบคือมี !!!
ฉันขับรถเข้ามาจอดไว้ที่โรงจอดรถข้างบ้าน ฉันเห็นรถของพ่อจอดไว้ก่อนแล้ว ทำให้ฉันรู้เลยว่าพ่อกลับมาแล้ว และแน่นอนฉันต้องถูกดุเรื่องกลับบ้านช้าแน่ๆ !!
"สวัสดีเอลซ่า...รู้สึกว่าลูกจะกลับบ้านผิดเวลานะ" นั่นไง !! ฉันเดาผิดซะที่ไหน
"คือว่า...รถมันยางรั่วกลางทางน่ะค่ะคุณพ่อ" ฉันตอบท่านด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"งั้นหรอลูก...งั้นขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวกันเถอะ" พ่อพูดเสร็จแล้วก็เดินไปทางห้องครัว ทิ้งให้ฉันยืนอึ้งอยู่คนเดียว เฮ้ย !!! ตั้งแต่ฉันเกิดมาจำความได้นะคุณพ่อไม่เคยฟังเหตุผลของฉันเลย ไม่ ว่าฉันจะถูกหรือจะผิดแต่สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายผิดเสมอจนบางครั้งฉันก็นึก น้อยใจเหมือนกันว่าทำไมพระเจ้าต้องให้พ่อฉันเป็นฝ่ายถูกเสมอด้วย แต่วันนี้...สงสัยพระเจ้าคงจะเห็นใจฉันบ้างแล้วล่ะ โฮ๊ะๆๆๆ
"พิธีจบการศึกษาเป็นไงบ้าง" พ่อถามในขณะที่ฉันกำลังจะเอาสเต็กเข้าปาก
"ก็ดีค่ะ" ฉันตอบเงียบๆ ให้ตายเถอะทำไมฉันถึงรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารมันถึงอึมครึมแปลกๆกันนะ
"งั้นหรอ..." พ่อยกน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะพูดต่อ "ว่าแต่ลูกเลือกได้รึยังว่าจะต่อมหาลัยที่ไหน"
"เอ่อ...หนูยังไม่ได้คิดไว้เลยค่ะ" ฉันพูดพลางก้มหน้าเขี่ยบล๊อคโคลี่ที่อยู่ในจาน บอกตรงๆตอนนี้ฉันแทบจะกลืนอะไรไม่ลงแล้วแม้กระทั่งน้ำลายตัวเอง ปกติน่ะนะพ่อจะไม่ถามหรอกว่าฉันจะทำอะไร จะคิดยังไง ไม่แคร์เลยด้วยซ้ำ แถมไม่เคยทำอาหารให้ฉันกินอีกด้วย !!
"อืม..."พ่อวางมีดหั่นเสต็กไว้ข้างจานและเท้าคางเหมือนกำลังใช้ความคิด
"..........." ฉันบอกแล้วไงว่าบรรยากาศมันอึมครึมจริงๆด้วย ไม่ไหวแล้วววววว เอลซ่าไม่ไหวแล้วววววววว !!!!
"งั้น..." ก่อนที่ฉันจะสติแตก(ในใจ)ไปมากกว่านี้ พ่อก็ได้พูดขึ้นมา งั้นอะไรคะ ?
"ลูกก็ไปต่อมหาลัยที่อเมริกาสิ" พ่อพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ และนั่นก็ทำให้ฉันปรี๊ดแตก !!
"ไม่เอานะคะ !!" ฉันลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ และนั่นทำให้พ่อถึงกับผงะ "หนูบอกคุณพ่อแล้วไงว่าต่อให้ตายหนูก็จะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก" ฉันพูดพลางจ้องเขม็งไปที่พ่อ
"เอลซ่า..ลูกจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ อีกอย่างพ่อก็ตกลงกับพี่อีริคไปแล้วด้วย !!"
"ก็ช่างค่ะ ยังไงหนูก็ไม่ไปเด็ดขาด ที่นั่นมันโหดร้ายเกินไปสำหรับหนู" ฉันตะคอกออกไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
"ลืมไอ้หนุ่มนั่นซะแอลซ่า ลูกต้องลืมมันไปให้ได้เพื่ออนาคตของลูกเอง" พูดจบพ่อก็เดินออกไปจากห้องอาหาร ทิ้งให้ฉันกับสาวใช้สองคนซึ่งตอนนี้ก็ตกอกตกใจไปตามๆกัน อยู่ในห้องอาหารด้วยกัน บ้าไปแล้ว...จะให้ฉันลืม..ฉันคงทำไม่ได้หรอก ถึงฉันจะลืมหน้าเขาไปแล้วแต่ฉันก็ยังจำกลิ่นกายและเสียงทุ้มๆของเขาได้ ให้ตายเถอะ !! ฉันอยากตาย !!!
ก๊อกๆๆ
“คุณหนูเอลซ่าคะ ลงไปทานข้าวเช้าเถอะค่ะ”เสียงของลิลลี่สาวใช้ผู้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนเรียกให้ฉันออกไปทานข้าวเช้าทำให้ฉันหลุดออกมาจากภวังค์ทันที
“จ้าๆ เดี๋ยวตามลงไปนะ” ฉันตะโกนบอกออกไป
“เอ่อคือ...ท่านประธานบอกว่าให้ลงไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“จ้า !! ลงไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ” ฉันพูดพร้อมกับกระแทกเท้าลงกับพื้น
“ไงน้องพี่” ทันทีที่ฉันก้าวเท้าลงจากบันไดขั้นสุดท้าย ฉันก็ได้ยินเสียงของอีริค...หืม อีริคงั้นหรอ
“ว่าไงเบบี๋ เธอพร้อมจะไปอยู่อเมริกากับฉันรึยัง” อีริคพูดพร้อมกับเดินเข้ามาขยี้หัวฉัน ฉันหันไปทางพ่อที่นั่งอยู่ตรงระเบียงซึ่งห่างจากจุดที่ฉันกับอีริคยืนอยู่ไม่มาก ท่านไม่พูดอะไรเอาแต่จิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อย่างนั้น
“พี่มาทำไม” ฉันยืนกอดอกถามเขา
“มารับเธอไปอยู่กับฉันไงล่ะสาวน้อย พร้อมกันรึยัง” อีริคถามพลางขยี้หัวฉันอีกครั้ง
“ถ้าฉันจะบอกว่าฉันยังไม่พร้อมล่ะ พี่จะทำไม?” ฉันถามพลางยักคิ้วแบบกวนๆใส่อีริค
“ฉันคิดว่าเธอต้องพร้อมนะสาวน้อย” อีริคพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปข้างหลังฉันมองตามและเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของฉันจำนวนสามใบกองอยู่ตรงหน้าประตูห้องโถง
“นี่มันวิธีสกปรกชัดๆ!” ฉันตะคอกพร้อมกับผลักอีริคออกไป แต่เพราะขนาดตัวของฉันกับอีริคแตกต่างกันมาก เพราะงั้นเวลาที่ฉันผลักเขาเขาจึงไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“เพื่อดัดนิสัยเธอไงล่ะ !!” อีริคเสียงแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เอา ยังไงฉันก็ไม่ไปเด็ดขาดถึงจะเอาช้างมาฉุดฉันก็ไม่ไป!!” ฉันตะคอกใส่เขาอีกครั้งและตั้งท่าจะเดินขึ้นห้อง แต่เขากลับดึงแขนฉันไว้
“เธอนี่ชักจะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะเอลซ่า”อีริคพูดพร้อมกับอุ้มฉันขึ้นบนบ่าแข็งแรงของเขา
“ปล่อยฉันนะพี่บ้า !!” ฉันพูดพร้อมกับเขามือทุบแผ่นหลังอีริค
“มันเจ็บนะยัยบ้า นี่!ถือกระเป๋ายัยเอลซ่าตามฉันออกไปด้วยนะ” อีริคหันไปสั่งลิลลี่และสาวใช้อีกคนที่ชื่อวิคตอเรีย และก่อนจะออกจากประตูห้องโถง อีริคก็ได้หันไปพูดกับพ่อว่า “ผมไปก่อนนะครับคุณพ่อ ผมสัญญาว่าจะดูแลยัยนี่เป็นอย่างดี” สาบานได้เลยว่าหลังจากนั้นฉันเห็นพ่อยิ้ม! ยิ้มแบบตัวร้ายในละครเลยล่ะ !! ทำไมกันนะ ทำไมพระเจ้าไม่เข้าข้างฉันเลยยยยยยยยย !!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นีออนจะไม่ทน
(?)
ครอบครัวนี้โหดชะมัดเลยเม้าส์จ๋า