ตอนที่ 6 : Under red 6
Under red 6
"เขียนรายงานเรื่องการปกครองระบบฟาสซิสต์มาส่งคาบหน้า แล้วเราจะมาคุยกันต่อในประเด็นนี้ วันนี้เลิกคลาสได้"
อ.มหาลัยสั่งงานนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์เสร็จไว้ทิ้งท้ายก่อนแยกย้ายกันไป คริสรวบสมุด ปากกาลงในกระเป๋าเป้ ก้มหน้าก้มตาไม่คุยกับใครเหมือนทุกวัน ไม่คิดเสาะหาเพื่อนในสังคมใหม่ นานวันเข้าคนเริ่มทักทายน้อยลงเมินเฉยไปในที่สุด นั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวเขาต้องการ ร่างสูงผิวขาวลุกจากเก้าอี้ สะพายเป้พาดบ่าเดินออกไปจากห้องเรียนเป็นคนสุดท้ายตรงไปยังหอสมุดของคณะเพื่อหาข้อมูลทำรายงานให้เสร็จๆไป
แกร่กๆ
รายงานเขียนลงกระดาษเสร็จสิ้นแล้ว อ้างอิงแหล่งข้อมูลเป็นที่เรียบร้อย คริสขนหนังสือทั้งหมดเก็บคืนชั้นก่อนหามุมดีๆซุกตัวเงียบๆในระหว่างรอเรียนคาบต่อไปช่วงบ่ายสาม
"คริส กินข้าวกัน" หญิงสาวชื่อเพ็ญที่ไม่ใช่เพ็ญเพื่อนสนิทเป็นคนเดียวในคณะคอยตามตอแยคริสไม่เลิก ขนาดหลบมาอยู่ห้องสมุดยังไม่วายตามหาจนเจอ เธอชะโงกหัวมาทักทายเขาด้วยใบหน้าออกคมไปทางสาวใต้ผิวสีแทน ยกยิ้มหวานสดใส ร่าเริง สมวัยรุ่นวัยเรียนในสภาพบ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้ให้แก่คนหนุ่มสันโดษ
"..ผมติดนิยาย ยังไม่ค่อยหิว"
คริสทำเนียนหยิบหนังสือนิยายในชั้นวางแถวนั้นขึ้นมาชูให้เพ็ญเห็นเพื่อที่จะไล่เธอกลายๆ
"อ่านคู่กรรมด้วยเหรอ? ขาดตลาดมากเลยนะ" เพ็ญยังชวนคุยไม่เลิก คริสหลุบตามองนิยายในมือ บอกตามตรง ไม่เคยอ่านเลยด้วยซ้ำ
"ก็นิดนึง.."
"น่าสงสารโกโบรินะ แต่ก็เข้าใจอังศุมาลินเหมือนกัน"
"อืม" ขานรับไปทีทั้งที่ไม่รู้เนื้อใน ทำทีเป็นเปิดอ่านอยู่นานจนกระทั่งในที่สุดเพ็ญยอมถอยจากไป น่าจะรู้ตัวว่ารบกวนคริสอยู่
"ถ้าความเกลียดของคุณมาจากที่ผมเป็นคนญี่ปุ่น คุณเป็นคนไทย เราก็เลยต้องเป็นศัตรูกัน คุณก็ควรจะรู้ว่า...ทั้งตัวคุณเอง...ทั้งตัวผมเอง 'เรา' เลือกไม่ได้"
ประโยคพูดหนึ่งของพระเอกผ่านตาไวๆในนิยายเล่มหนาหน้าปกรูปทหารญี่ปุ่น คริสได้แต่ส่ายหัวแล้วยัดคืนชั้นวาง นั่งจ่อมพื้นพิงชั้นวางหนังสือในมุมมืดไร้คนและจมกับความฝันใต้ฟ้าสีครามกับเมฆลอยเอื่อยตามสายลมจางพัดผ่านตามกาลเวลา..
.
.
.
ปึง!
เวลาเดิม ที่เดิม ห้ามสาย ตามความต้องการพันเอกสิงโต ปราชญา เมื่อคริสปิดประตู รถหลวงสำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่โดยเฉพาะทหารขับเคลื่อนออกไปจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทหารชั้นผู้น้อยระดับจ่าขับรถไปอย่างเชี่ยวชาญเส้นทาง ตามองเพียงทางเบื้องหน้า คอแข็งตึงพยายามที่จะไม่เผลอเรอเหลือบตามองเงาสะท้อนบนกระจกรถที่เบาะหลัง
ไม่ขายน้อง ไม่ฟ้องนาย
"เหี้ย! อ..อ้ะ!!!"
กุกกักๆ
"อ...ออกไป..ออกไปไอ้สารเลว!!"
เอี๊ยด!!เอี๊ยด!!เอี๊ยด!!!!
รถสั่นสะเทือนอยู่ตลอด โยกไหวจนคนเดินริมถนนจับสังเกต แต่ใครเล่าจะกล้าแหยมในเมื่อรถหรูคันดังกล่าวเป็นของทหาร ขนาดหางตาเห็นเครื่องแบบเดินผ่านไวๆก็พาลก้มหน้ากลัวหัวหดไปหมด
"....." นัยน์ตาคู่คมดำสนิทฉายแววผ่อนคลายมาพร้อมผ่อนลมหายใจโล่งเต็มปอดสวนทางกับเด็กหนุ่มนักศึกษาตัวขาวไล่ติดกระดุมเสื้อทั้งมือสั่น หายใจติดขัดไม่ทั่วท้อง
"จิ๊! อย่าจับ!" ขัดขืนก็เท่านั้น สิงโต ปราชญา นายทหารยศพันเอกเหมือนคนโง่ไร้สมอง ฟังไม่จับความ บอกห้ามก็ยังจะทำ วาดแขนโอบไหล่กระชับดึงคริสเข้ามาใกล้
..อีตัว..
คิดแล้วคดแค้นใจในชะตากรรมตัวเอง อยู่แบบไร้ศักดิ์ศรี การศึกษาดีไม่ได้ช่วยให้คริสดูดี เพียงแค่คิดว่าร่างกายของเขาปนเปื้อนสัมผัสหยาบโลนอันไม่เต็มใจแปะปรายทุกซอกมุม คลื่นไส้..ขัดถูเท่าไหร่ก็ไม่ออกไป
อีตัวของพวกสูบเลือดประชาชนน่าแขยง
คนขับเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางผิดจากเดิมทำให้คนดิ้นพล่านชะงักนิ่งไปด้วยความฉงน
"จะไปไหน?"
"พาหุรัด ฉันจะพานายไปตัดสูท เดือนหน้ามีงานวันเกิดท่านนายพลณรงค์ ฉันจะให้นายไปด้วย"
'สังคมของทหาร' เมื่อตกเป็นคนของทหารก็ต้องมีเอี่ยวในนั้น ต่อให้คริสไม่อยากร่วมเกลือกกลั้วแค่ไหน
ไม่มีทางเลือก
ไม่มี..
พวกเขาเข้ามาในร้านตัดเสื้อย่านขายผ้าชื่อดัง คริสถูกบังคับดันหลังให้มาห้องลองเสื้อ หยิบสูทตัวแล้วตัวเล่าสวมใส่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับออกงานเฉิดฉายในสังคมทหารที่สูบเลือดเนื้อประชาชน กัดกร่อนสิทธิเสรีภาพทางการเมืองจนทำให้พวกเขาเหล่านักศึกษาแกนนำทั้ง 14 ต้องออกมาเรียกร้อง
หรูหรา ดูดี ชุดสวยหล่อ
ขณะที่รากหญ้าเสื้อปุปะ
ครืด!!!
ม่านห้องลองเสื้อเปิดออกพร้อมกับร่างสูงผิวขาวเชื้อสายจีนในชุดสูทสีน้ำตาลตัดประณีตด้วยผ้าอย่างดีนุ่มสัมผัสไม่บาดผิว เดินออกมาจากห้อง แอบหงุดหงิดกับเสื้อติดแขนฟิตจนอึดอัด
"แม่ง..." กำลังจะบ่น พลันต้องชะงักปาก
เจ้าของร้านสาวสวยยิ้มคุยกับนายทหารยศพันเอกไม่หยุดปาก ไม่คิดสนใจคนที่เข้าไปลองเสื้อ ยิ่งพันเอกสิงโตยิ้มมุมปากตอบ เธอยิ่งออกอาการขวยเขิน
ได้ทหาร ได้ตำรวจ เชิดหน้าชูตา
ค่านิยมสาวๆ
เสียงหัวเราะคิกคักสนุกสนานเป็นระยะ กระทั่งคริสเดินเข้าไปใกล้ ทั้ง 2 คนจึงหยุดสนทนากัน
ไม่เข้าใจ..ทั้งที่ขย่มต้นไม้จนใบร่วงระนาวยังมีคนเชื่อในทหาร ?
ติดอาวุธ อ้างชาติ เพื่อประโยชน์
"เป็นไง" ผู้พันสิงโตถาม
"ติดแขน" คริสตอบ
"ถ้าอย่างนั้นจะแก้ช่วงแขนให้นะคะ" เจ้าของร้านเข้าไปถอดสูทนอกให้ ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมดอกไม้อ่อนๆ คริสยืนเกร็งตัวลีบ กางแขนให้เธอจัดการได้ถนัดขึ้น
หมับ..
"ไม่เป็นไรคุณสุดา ผมถอดให้น้องเอง"
"ค...ค่ะ" สุดา หญิงสาวเจ้าของร้านเสื้อถอยออกไปเมื่อครั้นสบตานายทหารยศสูง
"กางแขนดีๆ" เสียงทุ้มเย็นชาสั่งพร้อมดันแขนที่แน่นไปด้วยไขมันช่วงต้นแขนก่อนสอดมือผ่านไหล่ดึงสูทนอกออก
ใกล้..ลมหายใจรดต้นคอเหมือนทุกคืน
"นายเป็นคนช่วงบนใหญ่ ไหล่ใหญ่" ช่วงนี้พันเอกสิงโตพูดมากขึ้นจนคริสฉงน แถมริอาจวิจารณ์รูปร่างเขาอีก
"ผู้ชายก็แบบนี้ไหมวะ กูไม่ใช่ผู้หญิงนะ"
"เห็นอยู่" สิงโตยืนกรานคำบอกของคริส เมื่อถอดสูทสำเร็จ เขาจับพลิกหมุนตัวคริสให้หันหน้ามาสบตาตรงๆในห้องลองเสื้อ จะแตะกระดุมต่อ คริสรีบตีมือสีเข้มหยาบกร้านแรง
เพี้ยะ!!
"แกะเองได้!" คนหน้าตี๋ขึ้นเสียงดุ ทหารหนุ่มยอมลดมือลงปล่อยให้คริสไล่แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในออกไปแขวนคืนเผยท่อนบนขาวมีกล้ามพอประปรายส่วนใหญ่มีเนื้อหนังไขมันและรอยจ้ำแดงสดใหม่เสมอ
เคยคิดด้วยกันมันก็ปกติ วันนี้เริ่มไม่แน่ใจ สายตาของนายทหาร..แดง..มันเลื่อมนัก
"อย่าหื่นได้ไหม ไม่ใช่ในบ้าน" ระแวงจนทนไม่ไหว ไม่ชอบกับการโดนจ้องนานๆจนต้องด่าอีกรอบ แทนที่จะสำนึกและเลิกมอง พันเอกสิงโตถามกลับมาหน้าตาเฉย
"แปลว่าอยู่บ้านเท่าไหร่ก็ได้ พูดจาน่ารักเป็นนี่"
"ไม่เว้ย!"
ช่วยด้วยยยยยย คริสกรีดร้องในใจ ทำตาเขียวปั๊ดใส่คนที่ยิ้มออกมา..ครั้งที่ 3
จะอย่างไรก็ตาม คริสควรรีบถอดแล้วรีบใส่ชุดนักศึกษาคืน รู้สึกห่วงสวัสดิภาพตัวเองเหลือเกินตอนนี้ ยังดีที่อีกฝ่ายยังไม่บ้าเล่นพิเรนทร์กลางร้าน ยังดี..ในวันนี้ แต่วันหน้าก็ไม่อาจรู้ได้
ทหาร ณ ยุคสมัย ริดรอนประชาชนเหมือนปัจจัย 4
ออกจากร้านเสื้อผ้าแต่ไม่ขึ้นรถ จูงลากคริสไปเดินต่อ คริสอยากจะเว้นช่องไฟ หากเป็นไปได้ อยากอยู่คนละโลกกับพันเอกสิงโตเสียด้วยซ้ำ ทว่าเป็นการกระทำอันยากนัก
มือกร้านพอกับสันดานกระด้างคว้าจับมือขาวป้อมแน่น..ตามแรงขืนตัว แรงทหารมากจนผู้ชายด้วยกันยังต้องศิโรราบ ไม่อาจกระดูกมือหักเสียก่อน ทนเจ็บไม่ไหว ตกภาวะจำยอมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หัวใจยังสู้ ไม่คิดยอม
ตึก..
ร่างสูงผิวสีเข้มมองไปยังร้านเพชรขายแหวนราคางาม คริสรีบอาศัยทีเผลอสะบัดมือหลุด เดินนำลิ่ว มือสีเข้มไวกว่าชิงคว้าต้นแขนขาวไว้
"หยุดเพ้อฝัน ซื้อมากูก็ไม่ใส่" ตัดบทให้รู้เรื่อง มือที่จับค่อยๆปล่อย ผู้พันสิงโตเงียบเหมือนปกติ หน้านิ่งเหมือนเดิม ถัดจากร้านแหวนที่เกือบหวิดเข้าไปเป็นร้านขายเครื่องดนตรีสากล
คริสมอง..เปียโนตัวเล็ก พาลนึกถึงวันที่ได้ออกจากห้องนอนหลังโดนกระทำย่ำยีเป็นอาทิตย์
.
.
.
ร่างขาวช้ำไปทั้งร่างบิดลูกกลอนทั้งตัวสั่นเทา ขาขาวเปลือยเปล่าเลอะเปื้อนคราบน้ำกามจากคนใจทรามยอมปลดโซ่ปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ คริสรีบคว้าโอกาสวิ่งสุดแรงที่มองเห็นแล้วก็แค่เดินโซเซ
แอ๊ด...
เปิดประตูห้องนอน..
"....." มองข้าวของที่เลื่อนไปไว้ข้างๆประตูร่างกายพังยับ ใจยับกว่าเมื่อพบว่า..พ่อขังเขาจากข้างนอกด้วยเปียโนมือสองที่พ่อซื้อให้ในวันเกิด การ์ดอวยพรคริสแปะไว้ตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ เก็บเป็นความทรงจำสวยงามตามด้วยคำอวยพรแสนอุ่นใจ
'ป๊าให้ ป๊ารักลูกนะคริส สุขสันต์วันเกิด'
สู่อาวุธคมกว่ามีด ทิ่มแทง
.
.
.
ความทรงจำดีๆ เครื่องดนตรีล้ำค่ากลายเป็นสิ่งกักขังให้เจอเรื่องแย่ นึกแล้วน้ำตาไหลจำต้องรีบเช็ดแล้วเดินหนีไปให้ไกลร้านโดยมีทหารหนุ่มเดินตามไม่ห่าง
หมดธุระของวันนี้ รถจอดส่งที่หน้าบ้าน ก้าวลงจากรถพ้นประตูรั้วไม่กี่ก้าว
"เป็นอะไร?" พันเอกสิงโตถาม เด็กหนุ่มตาแดงสีหน้าหม่นหมอง เดินตัวลอยนั่งในห้องรับแขก
"เปล่า.."
ทหารหนุ่มยืนจ้องมองอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ แต่ฝืนทำเฉย กลั้นเอาไว้ใต้เกราะนิ่งเย็น
"คริส..นายควรรักพ่อมากๆ"
ปัง!!!!!!!
ไม่ฟังและลุกหนีเข้าห้องนอน ปิดประตูกระแทกเสียงดังลั่นมาถึงชั้นล่าง แว่วเสียงสะอื้นดังระงมตามมาติดๆ ที่มีเพียงทหารยศพันเอกนั่งฟังอยู่บนหัวกระไดชั้นล่าง
TBC
++++++++++++++
ขอเพิ่ม ขอเติม ขอหน่อยนาจา
#ฟิคผู้พัน
ไปก่อนนะ บายจ้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ยังไงซะถ้ามีทางไหนที่รู้ว่าจะทำให้ลูกรอด
ปลอดภัยพ่อแม่ก็ย่อมเลือกทางนั้น
ต่างคนต่างมีเหตุผล
แทั้งนี้ทั้งนั้นพี่สิงก็ควรอ่อนโยนกับน้องบ้าง
ชีวิตโกโบริกับพี่สิงจะเหมือนกันมั่ย