ตอนที่ 9 : ปลอกคอ 2 : ตอน 1
ปลอกคอ 2 : ตอน 1
โลกไร้ซึ่งความเท่าเทียม นั่นเป็นเพียงอุดมคติอันสวยหรูในความฝันอันแสนเพ้อเจ้อ แต่ความจริงอันเที่ยงแท้คือ ‘ปลาใหญ่กินปลาเล็ก’ นี่ตั้งหากคือเรื่องจริง ช่างเป็นวัฏจักรอันป่าเถื่อนของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ พบเห็นได้มากมายบนโลกใบนี้ ทว่า..มนุษย์ก็ไม่ต่างนัก การตั้งตนเป็นสัตว์ประเสริฐนั่นคือก้าวแรกของการเหยียดชนชั้นของสิ่งมีชีวิต หนำซ้ำยังเหยียดต่อในสังคมมนุษย์ด้วยกันเอง
ข้อความข้างต้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการกังขา ว่าโลกที่เป็นอยู่ยังหาได้ใกล้เคียงอุดมคติวาดฝัน
แท้จริงคือการคงอยู่ไว้ซึ่ง พิระมิด
พีระมิดของมนุษย์ดำรงอยู่เหมือนเดิมไม่แปรผันไป ตั้งบนรากฐานทาง DNA ที่ถือกำหนดชะตาชีวิตนับจากนี้ไปเป็น 3 สายพันธุ์ด้วยกันลำดับจากอ่อนแอทางกายภาพไปถึงแกร่งสุด คือ โอเมก้า เบต้า และอัลฟ่า..
‘อัลฟ่า’ คือสูงสุด
แต่ยังมีที่สุดของที่สุด เหนือกว่าเหล่าผู้นำตามสายพันธุ์และยิ่งใหญ่ในพลังอำนาจแม้แต่อัลฟ่าด้วยกันยังต้องยอมสยบ เรื่องราวของเขาผู้นั้นถูกเล่าขานมาในฐานะการเป็นที่สุดของอัลฟ่า ที่สุดของมนุษย์
ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ไม่ว่าใครต่างอยากได้
สิเน่หาอันรัญจวนด้วยกลิ่นหอมทรงพลังแม้แต่เบต้าก็มิอาจทานทน
ในนามของอัลฟ่าผู้เป็นที่สุด…
“คุณแม่คะ” เสียงใสกังวานเรียกนามชายหนุ่มผิวขาวจัดบนโซฟา เสียง..ของเด็กผู้หญิงตัวน้อยวัยเพียง 5 ขวบนอนหนุนตักกอดซุกหน้าท้องสูดดมกลิ่นหอมหวานชวนเคลิ้ม กลิ่นกายของอันแสนหอมหวาน กลิ่นที่ชอบดอมดมเป็นที่สุดจนเผลอซุกท้องบ่อยทั้งตาพริ้ม ก่อนลืมตากลมโตใสแจ๋วสบตามารดาเจ้าของกลิ่นหวานละมุนผู้เป็น ‘โอเมก้า’
“คุณแม่กลัวไหมคะ คิงอัลฟ่า” เด็กสาวตัวน้อยถาม
“ไม่รู้สิ..”
“คุณแม่เคยเจอไหม หวานน้อยอยากรู้ว่ามีจริงไหม เพื่อนๆที่โรงเรียนเล่ากัน”
“แม่เชื่อว่าทุกสิ่งย่อมมีจุดสูงสุด ก็น่าจะมี” คนเป็นแม่ตอบโดยไม่สบตาลูก คำถามถึงตำนานน่าสะพรึงที่คนไม่อยากเอ่ยถึง มือขาวลูบผมสีดำเข้มดั่งอีกายาวสลวยต่างจากเขาและด้วยสีผมที่เข้มจัดจึงยิ่งตัดผิวขาวผ่องดั่งหิมะของลูกสาวให้ขาวจัดยิ่งขึ้นไป ดวงหน้ากลมแป้นหลุบตามองลูกสาวเพียงคนเดียว ที่ถอดแบบเขาทั้งหน้าตากับสีผิวมา..
ควรจะถอดแบบมาให้หมด..ทว่า..
“คุณแม่หอมจัง กลิ่นเหมือนชูครีมช็อกโกแลตเลย”
ก็หาได้เป็นเช่นนั้น..เด็กคนนี้เป็น ‘อัลฟ่า’
ส่วนผสมที่ไม่ต้องการเริ่มปรากฏให้เห็น
“คุณแม่ว่าคิงใจร้ายเหมือนที่เพื่อนหวานน้อยเล่าไหมคะ” ถามถึงตัวตนของราชาเล่าขานไว้น่าผวายิ่งกว่าซาตานในนรก โหดเหี้ยมจนถึงกับพูดกับว่าความตายก่อนเจอปราณีกว่านัก เด็กน้อยเอียงคอมองชายผิวขาวจัดดั่งหิมะในแดนยุโรปนั่งเม้มปากแน่นเป็นแนวเส้น เอาแต่หันหน้าหนี จนเธอชะโงกหน้าดักจ้องหน้าแม่ แต่แล้ว..ความสนใจของลูกสาวเปลี่ยนไปทันทีที่ประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าย่างกรายเข้ามาใกล้
“คุณพ่อกลับมาแล้ว!!”
หวานน้อยเลิกนอนหนุนตัก เด้งตัวลงจากโซฟาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เข้าหาอ้อมกอดของบุรุษร่างสูงผิวสองสีสวมโค้ทสีดำสนิททับสูทสีเดียว ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเส้นผมสีดำขลับดั่งอีกาและเป็นเจ้าของ DNA อัลฟ่าคลี่ยิ้มให้ลูกสาวตัวน้อยพลางประคองใบหน้ากลมแก้มยุ้ยยิ้มยิงฟันตาหยีเห็นลักยิ้ม กลิ่นของอัลฟ่าจำนวนมากคละคลุ้งเข้ามาปะปนไปหมดในคฤหาสน์หลังใหญ่ กลิ่น..อันน่าแขยงโดยเฉพาะกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาสุดและไม่อยากให้เข้ามาแตะต้องลูกสาวด้วย
กลิ่นควันจางแมกไม้ผสมใบชาและกุหลาบดามัสก์
“เตเป็นแผลเหรอ?”
“นิดหน่อยครับคุณหนูหวานน้อย พอดีว่า ผมหกล้มนิดหน่อย” เตยิ้มตอบพร้อมเก็บมือขวาเลอะเลือดไปซ่อนไว้ด้านหลัง
“บอส ผมพาเตไปทำแผลก่อนนะครับ” นิวส่งซิกทางสายตาให้ตำแหน่งมือซ้าย คนเป็นนายพยักหน้าเงียบๆโดยที่สายตาทอดมองลูกสาวอย่างอ่อนโยน ไม่คิดสนใจชายในสูทดำอีก 2 คนที่เดินออกไปจากบ้าน หวานน้อยมองตามนิวและเตโค้งลาพ่อเธอแล้วเดินออกไปจากคฤหาสน์ ทิ้งรอยเลือดหยดดวงเป็นทางจากมือขวาของเตบนพื้นหินอ่อน ก่อนเบนความสนใจกลับมาหาคนที่ถือโอกาสอุ้มขึ้นด้วยแขนเพียงข้างเดียว
“ไปเรียนวันนี้สนุกไหมคะ”
“สนุกค่ะ วันนี้เพื่อนเล่าเรื่องตำนานคิงอัลฟ่าให้หวานน้อยฟังด้วยนะ!!”
พลัน..หลังลูกได้เปิดเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่พบเจอในโรงเรียน ตาคู่คมละสายตาจากลูกสาวไปยังมารดาที่นั่งเงียบบนโซฟา โอเมก้าหนุ่มทำเพียงเบือนหน้าหนีไปมองวิวนอกหน้าต่างแทน..มองรั้วบ้านสีดำเช่นนั้นเสมอมา
“เล่าให้พ่อฟังด้วยได้ไหมคะ” คนเป็นพ่อกลับมามองลูกทั้งรอยยิ้มละมุน
“ได้ค่ะ หวานน้อยเล่าให้คุณแม่ฟังแล้ว ถ้าไม่เล่าให้คุณพ่อฟัง เดี๋ยวคุณพ่อน้อยใจ”
สองพ่อลูกย้ายมานั่งบนโซฟาในห้องรับแขก นั่งข้างโอเมก้าเพียงหนึ่งที่ทำตัวนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร ไม่คิดแม้แต่จะชายตามองเสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวที่กำลังเล่าเรื่องเล่าน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับอัลฟ่าผู้ได้รับการสรรเสริญให้เป็นราชาจนจบ
มันคือ ‘เรื่องจริง’ ที่อยู่ข้างกายเด็กน้อยในตอนนี้
“แล้วหวานน้อยกลัวไหมคะ” หลังฟังเรื่องเล่าจบ อัลฟ่าหนุ่มในชุดดำถามกลับถึงความรู้สึกของลูกสาวที่อายุเพียง 5 ขวบแต่กลับต้องมารับรู้เรื่องเล่าที่ค่อนข้างน่ากลัวเกินกว่าเด็กวัยนี้จะรับรู้ หวานน้อยกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะส่ายหัวช้าๆซึ่งทำเอาคนเป็นแม่ที่เห็นผ่านเงาสะท้อนบนกระจกหน้าต่างอดไม่ได้ที่จะต้องเหลียวมองทั้งแววตาตะลึง
“หวานน้อยไม่เคยเจออ่ะค่ะ แต่หวานน้อยว่า ถ้าไม่น่ากลัวก็เป็นคิงไม่ได้สิคะ” เด็กสาวตอบทั้งรอยยิ้มใสซื่อ
“นั่นสินะ..หวานน้อยลองถามแม่รึยังคะ”
“หวานน้อยถามคุณแม่แล้ว คุณแม่บอกว่าไม่รู้” ตาคู่คมละสายตาจากลูกสาวไปสบตากลมโตของภรรยาผู้เป็นโอเมก้า โอเมก้าที่ยังหน้าตื่นอยู่กับการได้ฟังคำตอบจากปากลูก ก่อนกลับมาสบตากลมโตใสแจ๋วของเด็กหญิงผมสีเข้มดั่งอีกาเหมือนเขาแต่ดันมีผิวขาวและหน้าตาส่อเค้าไปทางแม่พร้อมรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หวานน้อยกระโดดขึ้นมานั่งตักบิดากอดรอบคอหนาสีเข้มพร้อมส่งสายตาระยิบระยับซึ่งอ่านออกได้ทันทีว่ามีเรื่องจะขอแน่นอน
“พรุ่งนี้ที่พวกเราจะไปเที่ยวสวนสัตว์กัน หวานน้อยขอพาคุณแม่ไปด้วยได้ไหมคะ”
“หวานน้อยไปกับพ่อได้ แต่แม่ไปไม่ได้”
คำอ้อนวอนขอถูกปัดทิ้งไป ทำเอาเด็กน้อยพองแก้มป่อง ไม่พอใจ เท้าสะเอวจ้องหน้าบิดา
“อีกแล้วเหรอ? ทำไมคะ ทำไมคุณแม่ไปเที่ยวกับหวานน้อยกับคุณพ่อไม่ได้ทุกทีเลย!”
“เพราะแม่ต้อง เฝ้า บ้าน” และคำตอบพร้อมเน้นเสียงย้ำชัดเจนในท้ายประโยค ทำเอาโอเมก้าหนุ่มกัดฟันแน่นพลางเกาคอขาวอันประดับไว้ซึ่งรอยแผลเป็นคมฟันไม่มีวันจางหายไปมา
..ปลอกคอ..
พันธนาการไม่อาจหลุดพ้น เป็นได้ดั่งนกน้อยในกรง อิสรภาพมีเพียงกระพือปีกบินไปมาในกรง ถึงแม้ว่ากรงนั้นจะสร้างจากทองคำประดับเพชรนิลจินดาเลอค่าเพียงใด สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ ‘กรง’ หาใช่ ‘บ้าน’ ที่จะสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ ปลอกคอที่อัลฟ่าผู้นี้มอบให้ ดำเนินเรื่องราวมาอย่างยาวนานจนให้กำเนิดโซ่คล้องใจเป็นอัลฟ่าเพศหญิงตัวน้อยแสนสดใส
บานปลาย ไร้สิทธิ์ที่จะแก้ไข
“ให้คนอื่นเฝ้าไม่ได้เหรอคะ หวานน้อยอยากไปเที่ยว3คนพ่อแม่ลูกเหมือนเพื่อน” หวานน้อยอ้อนขออีกครั้ง
“พ่อว่า หวานน้อยถามคุณแม่ดีกว่านะ”
“คุณสิงโต..ผมเตรียมน้ำให้แล้ว ไปอาบเถอะครับ” นามของบุรุษถูกเรียกขานจากปากโอเมก้าที่เอาแต่เงียบมานาน เสียงทุ้มค่อนหวานแทรกขัดบทสนทนาพ่อลูกทั้งเสียงสั่น สีหน้าหวาดหวั่นระคนลำบากใจ พร้อมสายตาแกมขอร้องส่งมอบให้อัลฟ่าผิวสองสี สิงโตยอมเงียบลงแล้วหอมหัวของลูกสาวในอ้อมแขน ก่อนขอตัวไปอาบน้ำ..โดยมีภรรยาเดินตามไปติด
“คุณหนูหวานน้อย มาเล่นกับป้าชื่นก่อนนะคะ”
แม่บ้านผิวดำเข้ามากวักมือพร้อมถือตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลใส่เอี๊ยมยีนส์มาให้ หวานน้อยพยักหน้าละสายตาจากบิดามารดาวิ่งไปรับตุ๊กตาหมีมากอดพร้อมจับมือสีเข้มคล้ำอูมใหญ่ออกไปนั่งเล่นในสวนหลังบ้านอันแสนกว้างขวางและงดงามไปด้วยดอกกุหลาบดามัสก์หอมอบอวล
อบอวลชัดในห้องน้ำหรูขนาดใหญ่..
.
.
.
ทุกอย่างจบลงแบบเดิมทุกครั้ง คริสนอนตะแคงหันหลังให้สามีที่ไม่เคยคิดรักตอบบนเตียงในห้องนอนเดิมๆที่กักขังเขาไว้แต่แรกและยังเป็นสถานที่กักขังเข้าอยู่ นับตั้งแต่ถูกขังในห้องนอน 3 ปีเต็มบวกกับอีก 5 ปีต่อมาที่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้แค่ในรั้วบ้านเท่านั้น รวมทั้งสิ้น 8 ปีแล้วที่เขาจมจ่อมอยู่ในสถานที่มีชีวิตอยู่ด้วยกายหยาบเท่านั้น กลิ่นควันบุหรี่คละคลุ้งเกือบทุกคืนหลังมีเซ็กส์ เป็นอีกสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้จนชาชินไป แต่ใช่ว่าไม่เลิกรังเกียจเฉกเช่นเดียวกับกลิ่นกายของอัลฟ่าผู้เป็นบอสแห่งลีโอนิกแฟมิลี่
8 ปีอันไร้ที่พึ่ง..
พ่อแม่ตาย ญาติก็ไม่ดีฉวยมรดกที่ควรได้ไปขายทิ้ง
แฟนเก่า..สุดท้ายก็เป็นคนที่เลวจอมลวงโลก
“อยากรู้เรื่องของก็อตไหม”
“พอ!!!!!!!!!!!!”
คริสหันกลับมาตวาดอย่างเกรี้ยวกราดใส่คนนอนเอกเขนกสูบบุหรี่บนเตียงข้างกาย สิงโตตวัดตามองตอบ..จ้องนิ่งด้วยแววตาดุดัน ไม่ไหวติ่ง น่ากลัวเกินกว่าจะพรรณนาออกไปเสียจนโอเมก้าในการปกครองเป็นฝ่ายแพ้จำยอมก้มหน้าหลบตาเสียเอง ใจร่วงหล่นไปถึงตาตุ่ม ขาสั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ หวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่เหนือความคาดหมายออกมา
8 ปีที่พออ่านอารมณ์สิงโตออก..
เถียงไปเวลานี้ มีแต่ซวยกับซวย
“ดี..ไม่อยากรู้ก็จะไม่เล่า” สิงโตกระชากคริสเข้ามาจูบ ปล่อยควันบุหรี่เข้าปากอิ่ม กลิ่นควันเหม็นคลุ้งไปทั่วโพรงปากขึ้นไปถึงจมูก ขมคอจนแทบอยากสำรอกออกมา ทั้งจิกทั้งทุบอกผลักไสก็หาได้ผล อีกฝ่ายมีพละกำลังมากกว่า แข็งแรงกว่า และกลิ่นกายที่เร้าการตอบสนองจากการโดนกัด ยิ่งรังแต่จะพ่ายแพ้ทุกหนทาง แม้ว่าจะพยายามขืนกายฝืนสัมผัสที่เริ่มลูบไล้เล้าโลมตามกายขาวเนียนอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
ก๊อก ก๊อก..
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงเรียกหาของหวานน้อยเป็นดั่งพรจากฟ้ามาช่วยคริสเอาไว้ สิงโตหยุดมือและถอนจูบออก เดินลงจากเตียงไปเปิดประตูให้ลูกสาว ไม่คิดสนใจภรรยาที่นั่งสำลักควันบุหรี่ ไอโคลกทั้งตัวโยนเสียจนน้ำตาเล็ด หวานน้อยเดินเข้ามาในห้องพร้อมนิทานเล่มโปรดของเธอ แต่ไม่วายเอียงคอสงสัยกับอาการของแม่
“คุณแม่เป็นอะไรไปคะ?”
“สำลักน้ำลาย” สิงโตตอบแทนคนที่พูดไม่ได้เพราะมัวแต่ไออยู่ ก่อนจะอุ้มลูกสาวมาวางบนเตียงให้นอนระหว่างกลางเขากับคริส ชายผิวขาวเริ่มมีอาการดีขึ้นสบตากลมโตแป๋วกับหนังสือนิทานในมือน้อยๆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสาวใช้ที่โชคดีได้เข้าไปอยู่ในวังกับเจ้าชายด้วยรองเท้าแก้วสุดวิเศษ
“เล่าสิ ลูกอยากฟังนิทาน” ทำอะไรไม่ได้นอกจากปั้นยิ้มให้ลูกสาว..รับหนังสือนิทานและเปิดเล่าให้ฟังตามคำสั่งของสามีเอาแต่นั่งเอนกายพิงหัวเตียงพร้อมขยี้ดับก้นบุหรี่ลงกับถาดเขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ แล้วหันมาวิสาสะพาดแขนอ้อมหลังภรรยาและลูกที่กำลังทำกิจกรรมร่วมกันอย่างการเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
เสียงหัวเราะของหวานน้อย รอยยิ้มของคริส
คือ ‘เรื่องจริง’ เช่นกัน
กาลครั้งหนึ่งในหน้าแรก ดำเนินไปตามเวลาที่พัดผ่านในทุกครั้งที่คริสเล่าผ่านตัวอักษรบนกระดาษในหนังสือจนไปถึงหน้าสุดท้ายกับคำว่า ‘จบบริบูรณ์’ จบลงด้วยรูปวาดสีน้ำของสาวใช้นามซินเดอเรลล่าในชุดเจ้าสาวสีขาวสวยที่สุดนั่งรถฟักทองหรูของจริง หาใช่มนต์วิเศษจากนางฟ้า เข้าสู่พิธีวิวาห์กับเจ้าชายรูปงามที่ดั้งด้นตามหารักแท้ของเขาในงานเลี้ยงเต้นรำจนได้พบเจอเธอผู้เป็นที่รัก มือปิดหนังสือนิทานลงก่อนหันมามองลูกสาวที่ตาปรือใกล้หลับเข้ามาทุกที
“คุณพ่อ” จู่ๆ หวานน้อยกลับเรียกหาบิดา สิงโตเลิกคิ้วยิ้มรับยามสบตาเด็กน้อยผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข
“คุณพ่อรักคุณแม่ไหมคะ?” คำถาม..ในใจของเด็กแสนไร้เดียงสา
“รักสิ” และคำตอบโดยไม่มีซึ่งความโลเลในดวงตาคู่คมที่เลื่อนมาจ้องมองคนเป็นแม่ของเด็ก คริสรีบเฉหลบตาทันที
ไม่อยากรับรู้…
“แล้ว..คุณแม่ล่ะคะ?” เด็กน้อยผินหน้ามามองมารดาทั้งที่ง่วงสุดแสนเกินจะลืมตา คริสลูบหัวลูกสาวอย่างทะนุถนอม ขยับยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่ายพร้อมโน้มหน้าลงจูบบนหน้าผากลาดมนเบาๆ
“ดึกแล้ว นอนนะคับ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปเรียน ฝันดีนะคับ” คำถามไร้คำตอบ ลูกสาวของพวกเขาก็ง่วงเกินไป จนหลับหลังแม่สั่งให้นอนไปไม่กี่ชั่วยาม รอยยิ้มกับสีหน้าผ่อนคลายสลายหายไปเมื่อลูกสาวไม่รับรู้อะไรแล้ว คริสกลับมาหน้านิ่งเฉยเหมือนทุกครั้งที่อยู่ในบ้านหลังนี้ยามที่ไม่มีลูกสาวอยู่ด้วยบริเวณนั้น เขาช้อนอุ้มหวานน้อยหมายลงจากเตียงพาออกไปส่งที่ห้องนอนแม้ว่าจะฝืนความเจ็บระบมช่วงล่างก็ตามแต่
แอ๊ด..
“อย่าลืมกลับมานอนห้อง”
“..ผมรู้”
“ดี ฉันเบื่อมุขหนีไม่ยอมนอนห้องเดียวกัน อย่าให้ต้องตามไปเอาถึงที่ทุกครั้ง”
คริสกัดฟันกรอดคับแค้นใจ หน้าร้อนผ่าวกระดากอายนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่พยายามหาเรื่องหนีไม่นอนร่วมห้องกับสิงโต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากการ ‘หนี’ ช่างน่าอับอายจนทำใจยากให้มองจุดต่างๆในบ้านด้วยสายตาปกติ โดยเฉพาะห้องนอนลูกสาวที่เกิดอะไรต่ออะไรหลายครั้งเพียงเพราะอยากหนีไปนอนกับลูกแทน
แย่ที่สุดคือการมองหน้าลูกสาวยามหลับ ทั้งที่อีกฝ่ายย่ำยีเขา..ข้างๆลูก..
ปิดกระแทกประตูห้องนอนใส่ระบายอารมณ์ ก่อนกระชับอุ้มลูกสาวในอ้อมแขนเดินดุ่ยๆเข้าไปส่งในห้องนอนขนาดใหญ่หรูรายล้อมไปด้วยตุ๊กตามากมายเต็มชั้นและของเล่นราคาแพงอีกเพียบที่สิงโตขยันซื้อมาให้ลูกสาวตามต้องการ เพียงแค่ขอสิงโตก็ไปหามาให้โดยไม่สนว่าของชิ้นนั้นจะราคาแพงแค่ไหนก็ตาม
“งือออ อยากกินชูครีมช็อกโกแลต..” ลูกสาวละเมอถึงของกินหลังคริสห่มผ้าให้ ใบหน้าหลับพริ้มแก้มป่องที่เรียกรอยยิ้มบนดวงหน้ากลมแป้นของคนเป็นแม่ได้ทุกครั้ง รอยยิ้มที่ไม่ต้องปั้นเสริมเติมแต่ง..รอยยิ้มที่มาจากใจอันแท้จริง
“แม่รักหวานน้อยนะ” หัวใจทั้งดวงยังเต้นอยู่ เพื่อสิ่งเดียวที่รักมากเกินกว่าจะทิ้งชีวิตตัวเองไป
ชีวิตนี้อยู่เพื่อ ‘ลูก’ เท่านั้น
TBC
+++++++++++++++++++++++++
ใครรอหวานน้อย หวานน้อยมาแล้วค่ะ พอดีมาช้า เราไปเที่ยวเหนือมาเด้อ พึ่งกลับมา
เหมือนเดิม สครีมได้ทางทวิตที่แทคเดิม #ฟิคปลอกคอ #bloodhana ค่ะ
ไปก่อนนะคะ บายจ้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่สิงรักคริสมากๆๆแหละ
รอวันที่คริสรักสิงโตนะ❤❤🦁🐢
ไม่ว่าคุณบอสจะอ่อนโยนเพียงใด คนไม่รักก็คือไม่รักน่ะแหละ แต่การแสดงออกที่ไม่อ่อนโยน มันก็ยิ่งทำให้เลวร้ายมากขึ้นอยู่ดี คุณบอสก็คงอยากมีความสุขเหมือนครอบครัวอื่น ๆ แต่การเป็นคิง ก็เป็นข้อจำกัดที่ทำให้ต้องเป็นอย่างทุกวันนี้
ต้องถามคุณโอเมก้าเพียงหนึ่งเดียวในบ้าน 3 ปีกับการถูกข่มขืน กับอีก 5 ปีกับการถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง จะให้ใจอ่อนด้วยก็คงยาก แต่จากความอ่อนโยนที่คุณบอสมีให้ลูก ไม่ได้ทำให้ความแข็งของใจ ลดลงบ้างเลยหรือไร
รวมแล้ว 8 ปีที่น้องต้องทนอ่ะ มีลูกก็ส่วนลูก พ่อส่วนพ่อ คนละคน
บอสบอกรักให้มันถึงคนที่รักสิ อ่านแล้วเจ็บปวดแทนทั้งคนสามคน
คนนึงรัก.. แต่บอกไปอีกฝ่ายก็ไม่รับรู้
อีกคนรัก.. แต่ไม่อยากยอมรับ
ส่วนอีกคน อยากเห็นคนสองคนรักกัน
เศร้าอ่าาา
สิงอ่ะก็ตามนั้น ส่วนคริสต้องดูกันไป
บอสนี่ก็โหด ไม่อ่อนโยนเลย ใครจะไปรักตอบง่ายๆล่ะ