จักรวาลอันกว้างใหญ่
สิ่งที่เป็นจริงนิรันดร์ คือการคงอยู่ของแสงและเงา
ไม่มีแสง..ย่อมไม่มีเงา
ไม่มีเจ้า…ย่อมไม่มีข้า…
แล้วทำไม..ทำไมกัน?
ใยเจ้า..จึงริษยาข้า
ประตูท้องพระโรงเปิดออกพร้อมกับการเข้ามาของบุรุษร่างสูงใหญ่ ชายผ้าคลุมสีแดงพลิ้วไสวตามทุกย่างก้าวเดิม มือแกร่งหมวกเข้าชุดเกราะสีเงินแกะสลักเป็นรูปปีกขนนกเหน็บไว้ข้างเอว ดวงเนตรสีฟ้าคมกริบกวาดมองเหล่าทวยเทพออกมายืนต้อนรับการกลับมาของเขา
“ยินดีต้อนรับกับการกลับมาของท่าน ฝ่าบาท” เหล่าทวยเทพโค้งตัวอย่างสุภาพ ธอร์พยักหน้าเนือยๆ คมตาทรงเสน่ห์สังเกตเห็นถึงเหล่าเทพหญิงสาวในระดับชนชั้นสูงพยายามจะส่งสายตาเป็นประกายให้เขาไม่เว้นว่าง บางคนถึงกับออกปากแนะนำลูกสาวหลานสาวให้เขา และสิ่งที่พวกนั่นได้รับ …คือความเฉยเมยตอบกลับ..และรอยยิ้มอันเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น..
นับตั้งแต่เทพสายฟ้าจอมโอหัง ทระนง เข้ารับตำแหน่งองค์ราชาแห่งแอสการ์ดต่อจาก พ่อของเขาโอดิน นี่ก็ผ่านมา 10 ปีแล้ว กาลเวลาที่มากขึ้น ทำให้หนุ่มผมทองที่มักจะวู่วามใจร้อนไม่ฟังเสียงใคร กลายเป็นพระราชาที่สุขุม สง่างาม ใจเย็นมากขึ้น รวมถึงใช้สมองมากขึ้นพอๆกับพละกำลังที่มี
ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ถึงจะมีสงครามขึ้นบ้าง และมักจะสงบลงเมื่อเขานำทัพไปปราบ ทว่า..มีบางสิ่งที่ธอร์ไม่เคยสมปรารถนา…บางสิ่งที่เขายอมแลกทุกอย่าง แม้กระทั้งชีวิตของตน…
เท้าใหญ่สวมบูธเหล็กย่ำก้าวตามทางเดินอิฐในเขตปราสาทแอสการ์ด ห่างไกลจากเสียงหัวเราะสนุกสนาน รื่นรมย์ของเหล่าทวยเทพในท้องพระโรงกับงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของร่างสูง งานเลี้ยง..ที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายและปลีกตัวออกมายังทางเดินแสนสงบแห่งนี้…
หนทางสิ้นสุดลง..เบื้องหน้าคือ สวนอิเดน..สวนของพระนางฟริกก้า แม่ผู้เลอโฉมและภรรยาของโอดิน ธอร์ขยับยิ้มกับความเงียบสงบร่มเย็น เสียงเหล่าสกุณาขับขานราวกับบทเพลงก้องกังวาน กลิ่นหอมจากมวลหมู่บุปผาบานสะพรังหลากสีสันขับกับใบไม้สีเขียวขจี ตรงกลางสวนอันแสนภิรมย์ปรากฏศาลาหินอ่อนสีขาวมุก มีบุคคลสองคนกำลังนั่งชมทัศนียภาพอันงดงามแห่งนี้อย่างเงียบๆ
ธอร์เร่งฝีเท้าเดินเข้าหา จนหนึ่งในสองคนนั้นรู้สึกตัว “กลับมาแล้วหรือคะ ฝ่าบาท” นางกำนัลลุกขึ้นยืน ย่อตัวเคารพอย่างสุภาพ ชายผมสีทองสว่างพยักหน้าตอบ นัยน์ตาสีดำของนางกำนัลสบตาสีฟ้าของธอร์อย่างเข้าใจก่อนจะโค้งตัวลา แล้วเดินสวนกลับไปในทิศทางที่ราชาแห่งแอสการ์ดเดินมา
สวนอิเดนบัดนี้เหลือเพียงราชาคนสำคัญกับอีกหนึ่งร่างที่นั่งสนิทบนเก้าอี้..
“ข้ากลับมาแล้ว โลกิ” เสียงทุ้มเข้มกล่าว ทว่า..ไม่มีเสียงใดตอบกลับจากร่างบอบบางผมสีดำสนิท เรือนผมสีดำปล่อยยาวประบ่า ด้วยกาลเวลาที่ล่วงเลย ผมสีดำถูกปล่อยจนยาวสลวยถึงกลางหลัง ยิ่งพิศมองยิ่งชวนหลงใหล งดงามยิ่งเหล่าเทพอัปสรแห่งแอสการ์ดเสียอีก ธอร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย และย่อตัวลงนั่งคุกเข่า มือแกร่งใหญ่สุมมือขาวซีดผอมบางไว้…แววตาสีฟ้าสะท้อนใบหน้าเรียบเฉยของผู้เงียบงัน…
…นิ่งสนิทไม่ไหวติ่ง…
“ข้าจะพาเจ้ากลับห้องนะ” ปากหนาขยับยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วช้อนอุ้มอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม ร่างใหญ่หันหลังเดินกลับสู่เส้นทางเดิมที่เขาเดินมา พร้อมกับอาทิตย์อัสดงเคลื่อนคล้อยลงต่ำจวนเจียนลับขอบฟ้า เคียงคู่กับนภาสีแดงฉาน
.
.
.
“ท่านโลกิ อยู่ในสภาพ หลับใหล เป็นอาการอย่างหนึ่งของคนปิดกั้น หลักหนีจากความจริง มักจะเกิดกับผู้ป่วยที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตอย่างรุนแรง”
หมอหลวงที่เก่งที่สุดแห่งแอสการ์ดกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลด เขาแทบช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่อยากจะเชื่อ และไม่ปรารถนาให้สิ่งที่เห็นเป็นความจริง
ทว่า..นั่นคือความจริง ที่โลกิกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
“ท่านหมอ..น้องข้าจะฟื้นหรือไหม?”
เป็นครั้งแรกที่ธอร์เผยความอ่อนแอให้คนอื่นๆเห็น เป็นครั้งแรกที่เขากลัวจับใจ..กลัวกับคำตอบที่ได้รับ…
ได้โปรด..อย่า…
คำตอบที่ได้รับ..ราวกับสายฟ้าฟาดผ่าลงร่าง ความเจ็บแปล๊บแล่นผ่านทั่วทั้งร่างจนเข่าทรุด…
เพราะข้า…ทั้งหมดเกิดจากตัวข้าเอง
.
.
.
ธอร์นั่งกุมขมับนึกถึงอดีตที่ผ่านมา ตาคู่คมเหลือบมองไปยังร่างบนเตียงกว้างสีเขียว ร่างเพรียวบางผมสีดำนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง แม้ดวงเนตรคู่งามสีมรกตจะยังคงลืมตาอยู่..ทว่า..สีสันแห่งชีวิตในแววตางดงามคู่นั่นกลับเหลือเพียงความว่างเปล่า
“โลกิ..เพราะข้า..ถ้าข้าไม่ขืนใจเจ้า…”
ใช่แล้ว..ถ้าไม่ใช่เพราะข้าบังคับข่มขืน
กระทำย่ำยีเจ้า เพียงแค่แรงปรารถนา
ทั้งๆที่ข้ารักเจ้าจากใจจริง..แต่ไฟราคะมันทำลายทุกสิ่ง..
ใบหน้าคมคายหล่อเหลา เงยหน้าขึ้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ค่อยๆปิดเปลือกตาลงสงบสติอารมณ์เอาไว้ เมื่อคงที่จึงค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วหันกลับมายิ้มละมุนให้ผู้หลับใหล
“พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่นะ” เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างโน้มตัวลงจุมพิตลงบนหน้าผากลาดมน ก่อนจะค่อยเลื่อนลงมีที่ริมฝีปากนุ่มสีชมพูระเรื่อ
“โลกิ ข้ารักเจ้า” เอื้อนเอ่ยกระซิบ ราวกับสายลมอ่อน แม้ว่าร่างบนเตียงหาได้ยินเสียงพร่ำบอกรักไม่
อัสดงสีอำพัน..เงาเอ๋ยเจ้าเห็นหรือไม่..
ข้ารักเจ้ากว่าสิ่งอื่นใด..ยิ่งกว่าผืนฟ้ากว้างใหญ่ที่ข้าคงอยู่..
โปรดอย่าน้อยใจ..โปรดอย่าเสียใจ..อย่าคิดว่าใครทอดทิ้งเจ้า
หากแม้นโลกนี้จักทอดทิ้งเจ้า..แสงอย่างข้าจักอยู่เคียงข้างเจ้าตราบนิรันดร์กาล
เพราะมีข้าและมีเจ้า..
เพราะมีเจ้าและมีข้า..
แกร๊ง!!!
ศาตราวุธลอยสู่ผืนฟ้า เงาของค้อนโยเนียร์ทาบทับลงร่างเจ้าของอาวุธ ดวงเนตรสีฟ้าคมจ้องมองอาวุธที่ร่วงหล่นตกอยู่ข้างกายที่เขานอนราบหายใจรัวริน…
“หมดสภาพแล้วรึ นี่หรือบุตรแห่งโอดิน ผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งแอสการ์ด” ชาวเซนเทอรี่ผู้ถือครองคธาสีฟ้าแสยะยิ้มน่าขยะแขยง กระทืบเท้าลงบนแผงอกกว้างสวมเกราะเงินแตกร้าว
“อั่ก!!” มหาเทพผมสีทองสว่างกระอั่กเลือดออกมา มือหนาแข็งแรงบัดนี้อ่อนปวกเปียก จากการสู้รบครั้งยิ่งใหญ่และครั้งสุดท้ายระหว่างชาวแอสการ์ดกับชาวเซนเทอรี่ มหาสงครามคร่านานาชีวิต ทั้งประชาชนของเขาและนักรบเซนเทอรี่ ต่างฝ่ายต่างเพลี่ยงพล่ำ ทว่า..เซนเทอรี่กลับซ้อนแผน แอบกองกำลังส่วนหนึ่งไว้แล้วบุกเข้ามาทำให้พวกเขาแล้วพวกมนุษย์ชาวมิดการ์ดต้องพลาดพลั้งเสียท่า…ในที่สุดโลกที่มอดไหม้ลุกโชนด้วยเพลิงแห่งสงคราม เหลือเพียงผู้นำทัพจอมอหังการแห่งเซนเทอรี่และองค์ราชาแห่งแอสการ์ด
“ข้าจักทำอย่างไรให้เจ้าตายอย่างเจ็บปวดที่สุดดีนะ” ราชาแห่งเซนเทอรี่กล่าวเสียงเย็นเยียบ มือประดับเล็กแหลมสีดำจับคางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเบิกตาโพลงขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ ปากแสยะยิ้มกว้างจนเห็นคมเขี้ยวชวนผวา
“ข้ารู้แล้ว…ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังปราสาทแอสการ์ด”
“เจ้าจะ..ทำอะไร?” ชายผมทองเอ่ยทั้งเสียงแหบพร่า หัวหน้าหองทัพเซนเทอรี่ออกเหยียบอกธอร์ จนมหาเทพสายฟ้าร้อง
ใบหน้าน่ารังเกียจก้มลงมาใกล้หน้าหล่อเหลาชุ่มหยาดเหงื่อและโลหิตบางส่วนที่ออกมาจากแผลฉกรรจ์ ถ้อยคำวาจาด้วยน้ำเสียงแหบเย็นเยียบ
“ข้าจะลากเจ้าไปยังห้องนอนของน้องชายเจ้า..และทำการย่ำยีน้องชายของเจ้าอย่างสนุกสนาน ให้เจ้าได้ชื่นชมก่อนตาย”
ตาสีฟ้าวาวโรจน์จนแดงก่ำด้วยความโทสะ ธอร์ขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน มือที่เคยไร้เรี่ยวแรงพยายามเอื้อมมือไปคว้าด้ามค้อน ในจังหวะที่ราชาเซนเทอรีกำลังแผดเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง
“แก!!!!!”
เปรี๊ยง!!!!
ฉึก!!!!!
ศีรษะผู้นำกองทัพเซนเทอรี่หลุดลอยออกจากบ่า โลหิตสีแดงฉายพุ่งกระจายโดนร่างใหญ่กำยำ เปรอะเปื้อนเกราะสีเงินติดชายผ้าคลุมสีแดงขาดหวิ่นพริ้วไหวตามแรงลม เปลวเพลิงโลกันตร์ร้อนระอุ ประกอบกับควันไฟทำให้ธอร์สำลักหายใจไม่ออก เจ้าตัวทรุดลงล้มไปนอนกับพื้น
ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงบ้าพลังเฮือกสุดท้ายจะหมดลงเสียแล้ว..
“บ้า..จริง..” ร่างใหญ่สบถคำราม แขนขาอ่อนเปลี้ยจนขยับไม่ได้ ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวเหม่อมองท้องนภาสีกำผืนใหญ่..
“โล..กิ..”
จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต..
ข้าก็ยังไม่ได้รับการให้อภัยจากเจ้าสินะ…
ธอร์เค้นยิ้มสมเพชตัวเอง บางที..หน้าที่ราชาแห่งแอสการ์ดต้องจบลงที่ตรงนี้ เขาภูมิใจที่ได้มายืนจุดสูงสุดในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างที่พึ่งปรารถนาอยู่ในกำมือ แต่..ไม่มีอะไรที่โลกนี้จะสมบูรณ์แบบ
เลือกที่สูง..จักต้องขาดเจ้างั้นหรือ..
“หากได้เจอกันอีก..ข้า…”
..อยากเคียงคู่กับเจ้าอย่างแท้จริง..
..โลกิ..
..โลกิ..
..โล..กิ..
ปราสาทแอสการ์ดรกร้างไร้ซึ่งผู้อาศัย มีอีกหนึ่งชีวิตที่ยังหลับนิ่งไม่ไหวติ่งบนเตียงกว้างสีเขียว แต่แล้วสิ่งอัศจรรย์ปรากฏเมื่อมือเรียวเริ่มขยับ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ขนตาแพยาวกระปริบเล็กน้อย
“..ธอร์…” เสียงหวานเอ่ยเอื้อนชื่อของผู้ชิงชังและรักยิ่ง เอ่ยเอื้อนกับความเงียบงัน…
คนรับฟัง..ไม่มีอีกแล้ว…
“ธอร์…” โลกิพร่ำเรียกชื่อ..หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มซีด นัยน์เนตรสีมรกตเบิกกว้าง..ความรู้สึกเย็นโหวง ว่างเปล่าก่อกุมจิตใจ ยิ่งกว่าโลกน้ำแข็งแสนหนาวเหน็บ …
มือเรียวผอมพยายามยกขึ้นหมายจะเอื้อมท้องฟ้า ทั้งที่เบื้องบนเป็นเพียงเพดานห้องหรูหรา..ร่างกายที่เข้าสู่นิทราเป็นเวลานานจนอ่อนแอ ยากจะขยับเขยื้อนแต่ก็ยังฝืนร่างกายจะลงจากเตียง จนเจ้าตัวต้องกลิ้งล้มไปนอนกองกับพื้น
โครม!!
กษัตริย์แห่งแอสการ์ด..จากนี้ไปข้าขอฝากเจ้า…
โลกิ น้องชายของข้า..คนรักของข้า..
“..พี่ข้า..” โลกิกล่าวทั้งเสียงสะอื้น ดวงตาสีเขียวคลอไปด้วยน้ำตาไหลพรูพรั่ง ไม่ว่าจะห้ามเท่าไหร่ก็มิอาจหยุดยั้งได้
โลกิ..ข้าขอโทษ..,
“ข้า..ไม่ต้องการ..แบบนี้..” คนหนุ่มซุกหน้าก้มลงกับพื้น ร่ำไห้จนตาบวม เสียงร่ำไห้ที่หาได้มีใครฟังหรือคอยปลอบโยนอีกแล้ว…
ไม่มีอีกแล้ว..ไม่มี…
เหลือเพียง..ความว่างเปล่า..
.
.
เวลาผ่านไปร้อยปีหลังสงครามครั้งยิ่งใหญ่สิ้นสุดลง ด้วยสติปัญญาและความสามารถของมนุษย์ที่ยังคงเหลืออยู่ โลกจึงฟื้นฟูกลับสู่ความรุ่งเรืองดั่งวันวานอีกครั้ง ท้องถนนเต็มด้วยรถราแน่นขนัด ทางเท้าเต็มไปด้วยผู้คน ตึกสูงเสียดฟ้าติดทีวีขนาดใหญ่ฉายโฆษณาสินค้าบริการโดยพรีเซนเตอร์สาวสวย เคียงคู่กับหนุ่มตัวสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาผมสีทองชวนมองแก่สายตาหญิงสาวที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น
ท่ามกลางผู้คนมากมายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีทองสว่างไว้ยาวประบ่ารวบลวกๆในชุดหนังแขนยาวสีน้ำตาล กางเกงยีนส์
สวมแว่นตาสีดำสนิทปกปิดตัวตนไว้…ยืนมองทีวีจอใหญ่..ซึ่งกำลังฉายโฆษณาที่เขาเป็นคนแสดงอยู่พลางผิวปากอารมณ์ดี “เรานี่ดูดีจริงๆแหะ” กล่าวชมตัวเองจนพอใจ แล้วเดินต่อ แต่แล้ว..ก็เข้าชนกับร่างๆหนึ่งทำให้หนุ่มผมทองถอยเซไปหนึ่งก้าว เช่นเดียวกับคนตรงหน้า
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ร่างสูงใหญ่กล่าว นัยน์ตาสีฟ้ามองคนที่เขาเดินชน เป็นชายหนุ่มตัวสูงโปร่งผมสีดำขลับเรียบแปล้ตัดสั้นคลอเคลียคอระหง เข้ากับผิวขาวซีดผ่องอำพันสวมสูทสีดำสนิท นัยน์ตาสีเขียวกลมโตวาววับดุจอัญมณีสบตาตอบ..
..สวย..เหลือเกิน..
“พูดจาห่างเหินจัง พี่ข้า” ปากสีชมพูชวนจุมพิต แย้มยิ้มหวานล้ำชวนหลงใหล ส่งผลให้แก้มสากขึ้นสีเลือดฝาด
“อะ..เอ๋!!!” คิ้วหนาเลิกสูงประหลาดใจกับคำพูดแปลกประหลาด ทว่า..สิ่งน่าตกใจยิ่งกว่า!!
เมื่อร่างบอบบางพุ่งเข้ามา มอบจูบแสนหวานลงบนริมฝีปากหนานุ่ม เบาบางแต่ล้ำลึกตราตรึงใจ
“ข้ามารับท่านแล้ว กลับบ้านเราเถิด ธอร์”
อดีตกาลท่านมักจะไล่ตามข้าเสมอ
จากนี้ไป..ข้าจะไล่ตามท่านเอง..
พี่ข้า…ที่รักของข้า..
Fin
ป้าาาาาากดดดดดด ฉากขโมยจูบ
นั่นมันอะไรกันน!!! ชอบมากๆๆๆๆ
น่ารักเกินไปแล้วโลกิ!!! //ตายอย่างสงบ
เป็นเพจสนองนีด thorki and HiddlesWorth
ขอบคุณมากๆค่ะ ^/\^#โค้งๆ
https://www.facebook.com/mazestars
ทำไม!! ทำไม!! แม่เจ้า หลงรักอีกแล้วววว สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอดดิ้ง=.,=
><
เขินเนอะ
พี่น้องคู่นี้เค้าฟินจริงๆเนอะ ^^
ชอบคุ่นี้เป็นทุนเดิม เจอแบบนี้เข้าไป น็อคคาที่
อ๊ากกกก เลือด ของเลือดหน่อย แหง๊กๆๆ
อ่านกี่รอบก็ชอบ>////
-///-มาอ่านรอบที่ร้อยสิบ แอร๊ย ยย
มันมีจริงๆเว้ยคนแต่งฟิคดิอเวนเจอร์ !
อ่านก่อนนะคะ มาสครีมไว้ก่อนเฉยๆ 5555555
เลือดหมะ...หมดตัวววววว
น่ารัก ดราม่า มาครบ >////<