คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ฟิครีบอร์น
“สึนะเขยิบไปทางนั้นหน่อยสิ”เสียงหวานๆที่พูดอยู่บนตัวผมนี่ชื่อ คิโยชิ ฮารุ เขาเป็นผู้ชายครับ เป็นรูมเมทของผมเอง ของเราจะแบ่งออกเป็นชั้น ชั้นล่ะ 7 ห้อง ห้องละ 2 คน และอีกห้องเอาไว้ให้หัวหน้าหอ และกลางชั้นนี้มีที่พักผ่อนหย่อนใจเหมือนบ้านให้อยู่ ตอนนี้ผมนอนอยู่บนโซฟา และมีคิโยชิทาบทับกระชับแบบแนบชิดสนิทใจ ตัวผมใหญ่ขึ้นสมเป็นผู้ชาย แต่คิโยชิเหมือนผู้หญิงมากกว่าอีก
“อ้อนก่อน”ผมบอกไป ดวงตาสีฟ้านั้นค้อนมองผมงอนๆ ก่อนจะลดตัวแนบสนิทกว่าเดิม
“สึนะครับ ช่วยเขยิบไปทางนั้นให้ผมหน่อยน๊า”มือเรียวๆนั้นไล้จากริมฝีปากผมไปถึงลำคอ ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเขยิบตามที่เขาบอก สงสัยเขาจะตกล่ะมั้ง
“น่ารักจะตาย อ้อนบ่อยๆสิ”ผมบอก ถ้าถามว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน...ก็คงตอบไม่ได้หรอกครับ มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่กิ๊ก รู้ว่าชอบกัน แต่ไม่ได้บอกรักบอกขอเป็นแฟน ประมาณนั้น ถ้าถามว่าผมเป็นเกย์หรอ ตอบแน่นอนครับ...ใช่ เพิ่งจะมาเป็นตอนเจอเขานี่แหล่ะ แต่ไม่ใช่ผมคนเดียว ผมมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกสอง
“มุคุโร่ อ่านอะไรน่ะ”เสียงหวานเซกซี่ๆที่ได้ยินคือ วิฟครีม ครับ หนุ่มสวยเซกซี่ ผู้ครองเนื้อที่ในหัวใจ ไอ้เกย์หนุ่มมุคุโร่ไปเรียบร้อย เขาถือคติว่า แรดแต่ไม่มั่ว ยั่วแต่ไม่เอา แต่เขาก็ไม่พ้นมุคุโร่ไปได้ เจอจีบได้สามวันเป็นใจอ่อนยวบเลยทีเดียว เขามีผมสีฟ้า ตาสีฟ้า ผมยังแอบสงสัย เขาย้อมผมมารึเปล่า แต่ดูไม่น่าจะใช่ เพราะมันเสมอกันตั้งแต่โคนจดปลายเลย
“นิตยสารรถยนต์น่ะครับ นานาเสะจังเขาซื้อมา”มุคุโร่พูด นานาเสะในที่นี้ คือหนุ่มญี่ปุ่นแท้ ชื่อเต็มคือ นานาเสะ ริน เขาเป็นคนเงียบๆ สงบเสงี่ยมเจียมตัว พูดน้อย เป็นรูมเมทกับคุณฮิบาริ เดินผ่านห้องนี้เหมือนไม่มีคนอยู่ แต่ก็นะ เขาจะพูดเยอะต่อเมื่อคุยกับคุณฮิบาริเท่านั้นแหล่ะ ตอนนี้ก็นั่งคุยกันเรื่องว่าจะไปเดทกันที่ไหน เห็นเถียงกันมาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย
“หนุ่มๆ อาหารเสร็จแล้วจ้า”เสียงนางฟ้ามาโปรดแล้ว เธอคือ น้ำหนึ่ง สาวน้อยผมทอง ตาสีฟ้าผู้ร่าเริง แม่ครัวประจำหอเลยก็ว่าได้ ถืออาหารกลิ่นหอมออกมาพร้อมกับ ยามาโมโตะที่เดินตามหลังมาด้วยสภาพไม่ต่างกัน สองคนนี้เขาดูๆกันอยู่ เฮ้อ มาที่ไทยสงสัยจะได้แฟนกันทุกคนแหล่ะ ที่น่าเครียดก็พวกผมนี่แหล่ะ ดันไปชอบผู้ชาย และจะหาทายาทต่อยังไงล่ะนั่น
“วันนี้เป็น แกงจืดมะระ กับ ยำสามกรอบ ผัดผักสี่สหาย กับ ปลานึ่งมะนาวสินะคะ”เสียงหวานๆพูด เธอคือ เฟรย่า สาวลูกครึ่ง ผู้คล้ายคลึง วิฟครีม แต่เขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอผู้นี้ ราวกับเจ้าหญิงหนีออกจากบ้านอ่อนต่อโลก มารยาทงาม วาจาสำรวม เป็นรูมเมทกับโกคุเทระ...เฮ้อ ผมรู้สึกเหนื่อยใจแทนขึ้นมาทันทีทันใดเลยนะเนี่ย
“น่ากินจังเลย เนอะพี่ชาย”คุณเธอท่าทางกระตือรือร้นเลือดร้อนนี่ชื่อ ไอดะ อิซุมิ ผู้ชื่นชอบ ยูโด รูมเมทกับคุณพี่ เรียวเฮ ผมแอบเห็นออกไปวิ่งกันแต่เช้าตรู่ทุกวันเลย ทั้งสองคนนี้คบกันแล้ว พัฒนาความสัมพันธ์ได้เร็วกว่าพวกผมอีก สำหรับพวกผมเรารู้กันแล้วว่าใครชอบใครชอบกันไหม แต่ไม่มีใครเอ่ยปากขอเป็นแฟนใครซักที มีแต่สองคนนี้ที่เป็นประเภทพุ่งชนนั่นแหล่ะ เลยบอกรักกันกลางสนามกีฬาระหว่างเขากำลังซ้อมกีฬาสี
“คิโยชิ ลุกไปกินข้าว”ผมบอกเจ้าตัวที่เกลือกกลิ้งไปมาบนตัวผม มันเห็นผมเป็นเบาะรองรึยังไงกัน อยากรู้จริงๆ ดวงตาสีฟ้านั้นละจากหนังสือการ์ตูนในมือวางไว้บนโต๊ะ แล้วเปลี่ยนจากนอนเป็นนั่ง ตัวมันเลยอยู่บริเวณหน้าท้องผม จุกเลยนะครับนั่น
“วันนี้ ผมต้องไปซ้อมดรัมเมเยอร์ อยู่คนเดียวไม่เหงานะ”พูดอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องขย่มมันจุก อย่างที่ได้ยินแหล่ะครับ สามหนุ่ม วิฟครีม คิโยชิ นานาเสะ ผู้มีรูปร่างไม่สมชายเลยถูกเลือกเป็นดรัมเมเยอร์ประจำหอไป ส่วนสามสาวทางด้านนั้น เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของหอ
“ไม่เหงาครับ”ผมพูดออกไปเสียงนอยๆ วันๆไม่ค่อยมีเวลาให้ผมเลย เอาแต่ไปซ้อมดรัมเมเยอร์ๆ ทุกวันนี้ผมได้จูบเขาน้อยลงกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ จะกดก็ไม่กล้ากลัวไปซ้อมดรัมไม่ไหวอีก ผมลุกขึ้นทันที ทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น ก่อนจะสะบัดหน้าจะว่าผม แต่เห็นหน้านอยๆของผมเลยไม่ว่าอะไรมั้งครับ
“ไม่เอาน่า พี่ก็ต้องเข้าใจผมสิ คนที่เลือกผมก็พวกพี่นะ”ถูกแล้วครับที่มันเรียกผมว่าพี่ ผมแก่กว่ามัน สองปี แม้ว่าเราจะอยู่ม.4 ด้วยกัน และคนที่เลือกพวกมันเป็นดรัมเมเยอร์ ก็ไอ้อาจารย์รีบอร์นที่นั่งสบายใจเฉิบอยู่หัวโต๊ะนู่น พวกเขารู้แล้วว่าพวกผมเป็นมาเฟีย จำเป็นต้องบอกเนอะ ไม่งั้นจะลำบากเอา
“ไอ้ห่วยสึนะ เลิกง้องแง้งแล้วมากินข้าวได้แล้ว”นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำก็โยนกระดาษทิชชู่ใส่หัวผมเพื่อเรียกไปกินข้าวแล้ว พูดดีๆก็ได้หรอกเฮ้อ ผมเดินเข้าไปนั่ง คิโยชิก็มานั่งข้างๆก่อนจะตักนู่นตักนี่มากินบ้าง ป้อนผมจะให้ผมหายงอนบ้าง ผมหายงอนตั้งแต่มันอ้อนแล้วครับ แต่เห็นมันทำแบบนี้แล้วน่ารักดี เลยไม่ขัดศรัทธาปล่อยมันทำไป
“เดี๋ยวทำงานทำอะไรเสร็จจะไปดูน่ะครับ”ผมพูดบอกมันแล้วบิดจมูกมันด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนมันจะหัวเราะแล้วเดินออกไปกับอีกสองคน ผมยืนส่งมันที่หน้าลิฟต์ก่อนร่างมันจะค่อยๆถูกลิฟต์กลืนหายไป
“เฮ้อ”ผมทั้งสามคนพร้อมกันถอนหายใจ ทั้งๆที่ไม่รู้จะเหนื่อยอะไร ก่อนสายตาเหลือบไปที่โต๊ะ...พอจะรู้แล้วว่าเหนื่อยอะไร
“รีบอร์น มาไทยทั้งทียังต้องมีงานจากอิตาลีให้ทำอีกหรอ”ผมครวญคราง ก็ดูสิครับ เอกสารที่ให้บอสอย่างผมเซ็นรับทราบ มีเป็นภูเขาเลย ของคุณฮิบาริก็เช่นกัน แต่มุคุโร่เนี่ยสิเป็นคนรับสายแก้งาน หนีไปสลบบนโซฟานู่น
“อย่าบ่นเลย เดี๋ยวพ่อปั๊ดเจื๋อนซะนี่”นั่นไง กูกลัวแล้วโว้ย ไม่ต้องเอาปืนมาขัดโชว์ พับผ่าสิ เอะอะๆก็ขู่จะยิง นี่ไทยนะเฟ้ย เฮ้อ คุณฮิบาริเดินไปตบกะโหลกมุคุโร่ที่เนียนสลบหนึ่งทีให้ไปรับโทรศัพท์ สองคนนี้เขาสนิทกันแล้วครับ เมื่อก่อนทะเลาะกันบ่อย จนกลายเป็นเพื่อนตายกันแล้ว ผมเดินคอตกอย่างปลงๆมาที่โต๊ะของตนเอง ส่วนเจ้าตัวที่มันเอางานให้ผมทำ นู่น นั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นู่น มันโตขึ้นครับ รูปร่างเหมือนเด็ก สิบเอ็ดขวบ แต่ยิ่งโต ยิ่งน่ากลัวขึ้นทุกวันๆ ให้ตายสิ แล้วก็ไม่ยอมไปสอนใครในแฟมิลี่อื่นอีก บอกว่ายังไม่ไว้ใจผมจนกว่าจะถึงวันรับตำแหน่งและเห็นว่าผมโตพอแล้ว แกโตตายล่ะ
ผมดูเอกสารต่างๆอย่างละเอียดๆ เดี๋ยวโดนมันด่าอีก คราวที่แล้วผมเซ็นเอกสารทุกใบอย่างลวกๆจนเผลอไปเซ็นเอกสารดูตัวเข้า โดนเจ้ารีบอร์นมันหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าอยู่เป็นอาทิตย์ แถมยังโดนพ่อสวด และ คิโยชิงอนผมอีก ตอนนั้นผมแทบจะระเบิดฝาห้องทิ้งเลยทีเดียว เครียดจัด ผมกวาดสายตาไปสะดุดที่เอกสารใบสุดท้าย อย่าถามว่าทำไมผมทำเร็ว ทำบ่อยจนมือมันจะเป็นเครื่องจักรแล้วครับ
“เฮ้ ทุกคนมาดูนี่ทีสิ”ผมเรียกพวกเขามา พลางอ่านรายละเอียดภายในไปด้วย รีบอร์นมา ดึงเอกสารจากมือผมไปอ่าน
“ถึง วองโกเล่ที่น่ารัก สวัสดีครับวองโกเล่ คงสงสัยสินะครับว่าทำไมเอกสารงานของคุณถึงมีจดหมายฉบับนี้ติดมาด้วย เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนใจมันซะดีกว่า ได้ข่าวว่าคุณจะไปเปิดสาขาที่ประเทศไทย...ใจกล้าดีนะครับ หนีไปที่ไทยโน่น เหมือนเป็นสัญชาติญาณสัตว์แก่ๆที่ใกล้ตาย ถึงได้สั่งให้ลูกให้หลานหนีไปอย่างนั้น แต่ก็เอาเถอะครับ ไม่ว่าจะยังไง แฟมิลี่ของผม จะเป็นที่หนึ่งให้ดู”รีบอร์นอ่านจบ พวกผมก็ทำท่าเครียดหนักทันที...รุ่นที่ 9 เขารู้ว่ามีคนปองร้ายพวกผมเลยให้หนีมาไทยอย่างนั้นหรอ...เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งเครียด
“ฉันจะไปหา ฮารุ”ผมบอก ไม่ใช่ฮารุสาวผมน้ำตาลนะครับ ฮารุในที่นี้คือคิโยชินั่นแหล่ะ ผมลุกขึ้นคว้าเสื้อยืดมาสวม ทุกทีอยู่ห้องผมไม่สวมเสื้อครับมันร้อน หลังจากนั้นผมก็เดินไปกดลิฟต์
“ผมไปด้วย”มุคุโร่และคุณฮิบาริพูดพร้อมกันแล้วเดินเข้ามาในลิฟต์พร้อมๆกับผม ก่อนประตูลิฟต์จะปิดลง...ลิฟต์เคลื่อนตัวลงช้าๆ ให้รู้สึกหูอื้อเล็กน้อย ทุกคนเงียบมี่ใครส่งเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงของตัวลิฟต์ พอลิฟต์เปิดออก ผมกับพวกเขาก็เดินออกมา เดินไปไม่ไกลมากก็ถึงสนามใหญ่ที่เอาไว้ฝึกซ้อมดรัมเมเยอร์กัน ดูไกลๆแล้วผมก็อดหัวเราะไม่ได้ฮารุเขาโยนไม้ดรัมขึ้น แล้วพอมันจะลงมาก็ดันวิ่งหนี ไม่ยอมรับ แบบนั้นเมื่อไหร่มันจะได้...โดนวิฟครีมสวดใส่ด้วย เขาโยนขึ้นอีกครั้ง แล้วก็มาเห็นผม เขาชะงักไปหน่อยจนลืมอะไรไปซักอย่างนะ ไม้ดรัมมันจะตกใส่หัวแล้ว!
“ฮารุ!”ผมตะโกนแล้ววิ่งเข้าไปบัง
ปั๊ก
“ซี๊ด”ผมอดซี๊ดปากไม่ได้ ไม้มันใช่ว่าจะเบาๆ แถมตกมาแรงขนาดนั้น ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าคิโยชิโดนมันเป็นเป็นยังไง
“พี่บ้ารึเปล่า เอามือมาดูสิ”มันลุกลี้ลุกลนใหญ่เอามือผมไปดู มันแดงเป็นปื้นเลย แต่เดี๋ยวก็หายแหล่ะ
“บ้ารึไง ไม่ยอมรับไม้แบบนั้นหัวแตกขึ้นมาจะทำยังไง”ผมตะคอกใส่มัน น่าโมโหซะจริงๆ ไม่ดูแลตัวเองเลยให้ตายสิ
“อย่างมากก็แค่หัวแตกตาย”มันพูดเหมือนงอนที่ผมตะคอกใส่ ดูมันๆ งอนยังน่ารัก
“ถ้ามึงเป็นอะไรไป กูจะทำยังไง”ผมรวบมันขึ้นมากอด ผมใจหายจริงๆนะตอนไม้มันดิ่งลงมา
“ไม่ต้องยังไง ชีวิตผมไม่ใช่ชีวิตพี่”มันพูดอ้อมแอ้มอยู่ในอกผม
“ชีวิตมึง แต่หัวใจของกูนี่หว่า”ผมพูดมันเงียบกริบ ผมเลยก้มลงมองมัน
“อ้าวเฮ้ย! ฮารุ! เลือดกำเดา!”ผมพูด แอบขำนิดหน่อย หน้ามันแดงมากแล้วเลือดกำเดาไหล โอ้ไม่นะ ฮาร่ากู เปื้อนเลือดซะหมดราคาเชียว
“ม...ไม่มีอะไรพี่...มึงอย่ามาทำหน้าหล่อแถวนี้สิ”มันพูด ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดจมูกมันแรงๆพลางหัวเราะ
“แหม ลามกนะมึง คิดอะไรถึงได้กำเดากระฉูดซะขนาดนั้น”วิฟครีมยืนหัวเราะแล้วล้อมันเล่นๆ
“หุบปากไปเลยไอ้เมียสัปรด”อูย ฮารุกะน้อยกลอยใจผมตอกกลับไป
“อ้าวอย่าพาลด่าผมสิครับ”มุคุโร่พูดด้วย นั่นสิ อย่าพาล แม้ว่าผมจะเห็นด้วยกับมันหน่อยก็เถอะ
“โอ๊ะโอ๋ อย่าชักช้า พวกแกก็ต้องไปซ้อมบาส”เสียงนรกบอกพวกผม ผมหันไปก็เห็นรีบอร์น ข้างหลังมีสามหนุ่มที่หลงเหลือ เดินมาเหมือนจำใจพวกผมก็พอจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงส่ายหัวกันทันที
“ไม่เอา!”ความพร้อมเพรียงในวองโกเล่ที่หาได้ยากกลับมีมาง่ายๆเชียว
“ไม่เอา ก็ไม่สน”ดูมันทำหน้าตากวนตีนอีก กูจะกรี๊ดจริงๆนะ รีบอร์น T_T
Writer version
“โหนบาร์ ห้าร้อยครั้ง เริ่ม”เสียงทุ้มๆของรีบอร์นพูดขณะจิบกาแฟ
“ฮึก หนึ่ง ฮึก สอง”เสียงขานตอบรับกลับมาแผ่วเบาปนสะอื้น เพราะเมื่อครู่ พึ่งจะไปวิ่งรอบโรงเรียนมา
“ทำเสียงสั่นเป็นสาวพรหมจรรย์โดนย่ำยีไปได้ ดังกว่านี้!”เสียงเข้มว่าก่อนจะก้มลงไปมองข้อความในโทรศัพท์ ที่สหายผู้ซึ่งรักกันปานจะเอาสปาต้าไล่ฟัน จึงกดดู
“หนึ่ง...ไปตายซะ...สอง...สำลักกาแฟไปซะ...สาม...โดนพรากพรหมจารย์ไปซะ...สี่...มีลูกทรพีไปซะ...ห้า”ทั้งหกหนุ่มนับไปแล้วกระซิบกร่นด่าไปเรื่อยๆ ซึ่งดูท่ารีบอร์นจะไม่รู้เพราะเล่นโทรศัพท์อยู่
“ห..ห..ห้าร้อย”หยาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามร่างกายกลายเป็นแอ่งน้ำ ส่วนคนรักก็คอยมาซับบ้างแต่ซักพักเริ่มเหนื่อยแล้วนั่งดูเฉยๆ
“อ้าว ครบห้าร้อยแล้วหรอ ฉันไม่ได้ดู เริ่มใหม่สิ”กรี๊ดดดดดดดดดดดด แว่วเสียงคร่ำครวญของเด็กหนุ่ม
“ฉันจะฆ่าแกรีบอร์น ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก ฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก ฉันจะจับแกฉีกเป็นชิ้นๆ ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก”สึนะพึมพำอยู่อย่างไม่อาจหยุด รีบอร์นยิ้มรับรังสีสังหารที่มากระทบตัวอย่างมีความสุข(?)
แหมลูกศิษย์เขานี่มีความสามารถซะจริง รังสีฆ่าฟันแทงยิกๆเชียว
วันงานกีฬาสี
ตึงตึง ตึงตึง ตึงตึงตึง ตะละแลค แต๊คตึงๆๆ
นักเรียนหลายคนแต่งตัวแต่งองค์มาอย่างเต็มยศ เดินขบวนสวนสนามราวกับมดงานออกจากรัง
“โอ๊ยขาฉัน แขนฉัน ผิวฉัน ร้อนจัง หมดแรงแล้ว”คิโยชิบ่นเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แถว ด้วยความสูงอันต่ำเตี้ยที่สุด จึงต้องเป็นไม้หนึ่ง ไม่อย่างนั้มันจะไม่บาลานซ์กันอย่างแรงน่ะสิ
“จะผ่านหน้ากรรมการแล้ว เลิกบ่นซักที เดี๋ยวบอกให้พี่สึนะจัดให้สักหลายๆยกหรอก”วิฟครีมบอกเนื่องจากเริ่มรำคาญอย่างสุดซึ้งจากดวงใจ
“แหมๆ หอ 4 นี่ก็ไม่แพ้ใครเหมือนกันนะครับนั่น ใครจะเชื่อไหม ชายทั้งนั้น หน้าตาน่ารักยิ่งกว่าสาววัยใสสมัยใหม่อีกเน้อ”โฆษกกล่าวอย่างเฮฮาหลังจากผ่านกรรมการมาแล้ว สองหนุ่มผู้อารมณ์เสีย จากมลภาวะทางเสียงและอากาศ ใช้ไม้ดรัมชี้หน้าในทันที
“ป๊า ขาเขาไม่มีแรงแล้ว”วิฟครีมเห็นมุคุโร่ถือน้ำมาก็อ้อนทันที
“โอ๋ เบบี๋ของป๋า เดี๋ยวคืนนี้ป๋านวดให้นะ”มุคุโร่วิ่งเข้าไปหาแฟนหนุ่มทันทีราวกับหมีวิ่งใส่รังผึ้ง
อืม...สรรพนามสินะนั่น สู้ของผมไม่ได้
“ผัว เค้าปวดขาไปหมดแล้วTOT”ร่างเล็กๆของคิโยชิกระโดดใส่สึนะ กระปรงกระโปรงจะเปิดก็ไม่สน
“เมียครับ กระโปรงเปิดหมดแล้ว ยืนดีๆ เดี๋ยวคืนนี้ ผัวผู้ภักดีคนนี้ จะรักษาให้หายทั้งกายใจเลยครับ”สึนะหอมแก้มคิโยชิก่อนจะหยิบกล้องออกมาดู
“นี่ว่าที่ภรรยาผู้น่ารักของผมครับ เป็นดรัมที่น่ารักน่าหยิกซะจริงๆ”สึนะพูด เมื่อหันกล้องเข้าหาตัว คิโยชิรู้ก็รีบใช้มือปิดกล้อง
“ไม่เอาพี่ ไม่ถ่าย อายเค้า ไม่เอา ไม่ถ่าย”คิโยชิพูด แล้วกระโดดลงจากหลังสึนะ ก่อนจะเดินไปนั่งพักในเต้นท์ แต่สึนะต้องถ่ายบรรยากาศงานก่อนจึงไม่ได้กลับไปด้วย
“พี่ผมเมื่อยขาไปหมดแล้ว”เสียงเบาๆของผู้สนทนาสองคนท่ามกลางเสียงโวยวาย เหมือน น้ำหนึ่งหยด ที่ตกลงพื้นท่ามกลางเสียงฝน ควรจะถูกกลืนหายไปเงียบๆ แต่ทุกคนกลับได้ยินชัดเจน
“ก็นวดให้อยู่ไงครับ กลับหอแล้วก็พักเงียบๆซะนะ คนดี”เสียงทุ้มอีกอันพูด ทำเอาชายหนุ่มทุกคนหันไปมองจนคอแทบเคล็ดไม่เว้นแม้แต่รีบอร์น
ความคิดเห็น