ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shark Prince of Demon World(ทดลอง)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.พ. 57


     บทที่ 2

     

     

    ร่างโปร่งตัวเกร็งจิกผ้าปูสีเทาแน่น ทั้งร่างบิดเร่าๆด้วยความโหดร้ายที่กำลังเผชิญ เสียงกัดฟันเบาๆดังขึ้นสันกรามโก่งนูน เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วหน้าและร่างกาย นัยน์ตาใต้เปลือกตาสั่นระริก

    “เฮือก”ร่างสูงเด้งตัวขึ้นมาหอบหายใจบนเตียง ดวงตาสีแดงโลหิตส่องประกายวาวในความมืด เม็ดเหงื่อไหลลงมาตามขมับและแผ่นหลัง มือแกร่งยกขึ้นปาดหน้าผากลวกๆไม่ให้เหงื่อไหลเข้าตา ดวงตาคมปลาบกวาดตามองไปยังเตียงของคนอื่นๆ ก็เห็นทุกคนนอนหลับอยู่..กรนเสียงดังอีกต่างหาก

    ร่างเพรียวลงจากเตียงชั้นสองด้วยบันไดเล็กๆที่ปลายเตียง พร้อมกับเสื้อผ้าชุดนักเรียนสูทที่มีในตู้ เข้าไปในห้องน้ำ นาฬิกากลางห้องบ่งบอกเวลาตีสี่กว่าๆ วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี เรียนวิชาการ ด้วยสิ...มาวันแรกก็เจอศึกหนักเลย....

     

     

     

     

    กึกๆ กึกๆ

    “ชาร์ค...”เสียงบานหน้าต่างสั่นเบาๆพร้อมเสียงกระซิบเรียกลอยมาตามลม ทำให้เด็กหนุ่มผิวซีดที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคเปิดกระจกออกดู เห็นร่างของชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวเอาไว้ เปิดให้เห็นเพียงกางเกงสูทสีขาวกับรองเท้าหนังมันวาว

    “มีอะไร”เสียงเข้มแอบพร่าถามแล้วเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง

    “เมื่อวานฉันลืมให้ ก้มลงมา”เสียงทุ้มนุ่มของหนึ่งในเจ็ดอัครทูตสวรรค์บอก พร้อมของบางอย่างในมือ ดวงตาสีแดงกรอกขึ้นฟ้าก่อนจะค่อยๆก้มหัวให้ตามคำบอก มือนุ่มนิ่มไม่สมชายทำบางอย่างยุกยิกกับลำคอเนียน

    ชาร์ครู้สึกถึงสัมผัสเย็นเยียบของโลหะมันวาวที่ประทับอยู่ สร้อยสีเงินยาวเส้นเล็กที่บางมากจนเกือบจะมองไม่เห็นคล้องอยู่ที่ลำคอเขา ตัวจี้เป็นหนามกุหลาบสีดำสนิทพันอยู่รอบตัวนางฟ้าสีฟ้าตัวเล็กๆ เป็นรูปแบบสองมิติคิ้วโก่งเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม...ไอ้นี่มันคือ...

    “เครื่องรางน่ะ มันจะนำพาความสุขมาให้เธอด้วยอำนาจของหนามกุหลาบป่าและนางฟ้าตัวน้อย”พูดจบร่างนั้นก็ถูกลมพัดปลิวเป็นฝุ่นละอองไปก่อนฝ่ามือนุ่มจะประทับที่ใบหน้าคมเส้นผมสีดำยาวตกลงมาปรกหน้าเล็กน้อยเมื่อมองดูจี้ที่คอ ก่อนจะสอดมันเข้าไปในเสื้อ แล้วตวัดมองนาฬิกาอีกครั้ง แสงสีเขียวนวลตาปรากฏเวลาบอกเลขว่า ตอนนี้ตีห้ากว่าๆแล้ว

     

     

    “อรุณสวัสดิ์ ตื่นเช้านะ”เอวาลอนที่ตื่นเป็นคนที่สองกล่าวทักทาย ชายหนุ่มที่นั่งจิบกาแฟอยู่กลางห้องพร้อมเปิดทีวีเสียงเบาๆ

    “เออ”เสียงเข้มขาน แล้วกดเปลี่ยนช่อง

    “หลับสบายไหม”เสียงทุ้มถามไถ่

    เรารักพี่

    ฝันดีเหรอ...เหอะ

    “เออ”เอวาลอนส่ายหัวกับคำพูดที่ดูน้อยลงทุกๆทีของชาร์คแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาอยู่ในชุดเดียวกับชาร์คเช่นกัน

    “อยู่ต่อหน้าอาจารย์จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องพูดเพราะๆกว่านี้ เคยพูดไหม”เอวาลอนถาม

    “เคย...เวลาคุยกับพวก ภูตน่ะ”ชาร์คว่าแล้ววางกาแฟที่เหลือเล็กน้อยลงบนโต๊ะ มือเรียวก็คว้ากระดาษหนังสือพิมพ์มาอ่าน

    “หรอ....พูดยังไงล่ะ สมมุตินี่คือภูต”เอวาลอนสร้างรูปจำลองของภูตตัวหนึ่งขึ้นมาด้านหน้าทำท่าทางล้อเลียนชาร์คอย่างสนุกอยากจะรู้ว่าคำที่หนุ่มหน้าโหดพูดจะเป็นอย่างไร

    “....ถ้าคุณไม่หยุดทำท่าทางแบบนั้น เห็นทีคุณจะต้องเป็นอาหารซาลามานเดอร์นะครับ”จบคำ เอวาลอนกลืนน้ำลายลงคอ...ขนาดพูดเพราะนะเนี่ย...จะเป็นลม

    “ต้องเพราะกว่านี้...อืม...สมมุติมีผู้หญิงเดินชนนายจะทำยังไงในตอนที่เขากำลังขอโทษ”เอวาลอนถาม

    “...” ดวงตาสีแดงเหล่มองข้างๆเหมือนใช้ความคิด

    “ลืมตาไว้ที่บ้านหรอ ถึงได้มองไม่เห็นคนทั้งคนอยู่นี่ ถ้ามีตาแล้วไม่ใช้ก็ควักทิ้งซะไป”เอวาลอนตบหน้าผากดังลั่น ก่อนจะจับหัวไหล่มนทั้งสองข้างประชันหน้าเข้าหาตัวเอง

    “นายต้องพูดว่า..ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่ระวัง..ต่างหากล่ะโว้ย....ตัดสินใจแล้ว ต่อจากนี้ฉันจะสอนมารยาทในสังคมให้แกเอง”ดวงตาสีมรกตวาววาม...ไม่ได้รู้เลยว่าตนกำลังคุยกับใคร

    “อือ...คุยอะไรกันน่ะ รุ่นพี่ ผมขอคุยด้วยสิ”ซาไมร์ว่าทันทีที่ตื่น ต่างจาก ไซรัสและซาลีที่เดินลิ่วๆเข้าห้องน้ำไปแล้ว..

    “ไปอาบน้ำไป เหม็นโว้ย”ไม่ว่าเปล่า มืดบีบจมูกด้วยท่าทางรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดทันที

     

     

     

    “ยิ้มสิโว้ยยิ้มน่ะ ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวเขาก็วิ่งป่าราบกันพอดี”เสียงเอวาลอนโวยวายใส่ร่างโปร่งที่ไม่ได้ดั่งใจ

    “ทำไปก็ไม่ได้อะไร...จะทำทำไม”ชาร์คว่าแล้วลุกขึ้นไปคว้ากระเป๋าเมื่อนาฬิกาเดินถึงเลขหกไปกว่ายี่สิบนาทีแล้ว

    “....ต้องมีแรงจูงใจสินะ....ฉันให้ยิ้มละพันอ่ะ”เอวาลอนบอกแล้วคว้ากระเป๋าเดินตาม

    “ในบัญชีฉันมีเหลือเฟือ”ชาร์คนั่งลงสวมรองเท้าพละ

    “จะพาไปหาสาวๆสวยๆก็ได้ ฉันรู้จักเยอะนะ”เอวาลอนยังคงเสนอ ทุกคนเดินออกมาหมดหลังจากแน่ใจว่าปิดทุกอย่างหมดแล้ว

    “ที่บ้านมีเป็นเบือ เหลือใช้”พูดเป็นกระดาษทิชชู่เชียว

    “วันอาทิตย์ฉันจะพาไปคาสิโน”มือเรียวที่กำลังจับลูกบิดประตูชะงักดวงตาสีแดงเหล่มาอย่างลังเล ก่อนจะเปิดประตูออกไป

    “ไปเองเป็น”

    “.....”

     

     

     

     

    “เหอะ นี่หรอวะเด็กใหม่บ้านพวกแก....ดูสภาพสิ....สถุลซะไม่มี”เสียงหนุ่มผมทองตาสีฟ้าพูดแล้วยืนค้ำอยู่บนโต๊ะทานอาหารที่พวกเขานั่งอยู่คนอื่นๆหันมามองกันมด มีแต่กลุ่มพูดถูกรุกรานนั่นแหล่ะที่ยังนั่งกินข้าวอย่าไม่ทุกร้อนอะไร

    “ไว้ผมยาวซะด้วย..ตุ๊ดหรอวะ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ดวงตาสีแดงช้อนมองสักครู่ก่อนจะวางช้อนส้อมลง เงยขึ้นมองหน้าผู้รุกรานช้าๆ ก่อนจะเท้าคางมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “...ขอประทานโทษ ถ้าไว้ผมยาวแล้วเป็นตุ๊ดล่ะก็ ทั้งราฟาเอล ลูซิเฟอร์ อิสรอเอล รากูเอล เบลเฟกอล เบลเซบับ แอสโมดิวท์ ก็ตุ๊ดแดกกันทั้งที่ปรึกษาแล้ว ไม่มีตามองรึไงว่าเขาก็ไว้ผมยาว แล้วรู้จักมารยาทหน่อย คนเขากินข้าวอยู่ อย่าสะเออะเข้ามาสอด เป็นแค่เทวทูตสองปีกอย่ามาเหิมเกริม ถ้ายังอยากอยู่สบายๆก็หันหลังใสก้นงอนๆแกไปตะแล๊ดแต๊ดแต๋หาคู่เกย์ใหม่ที่มันดีกว่าไอ้เด็กนี่ดีกว่าไหม”สิ้นคำของชาร์คทั้งสี่คนตะครุบปากแทบไม่ทัน พลางกลั้นขำอย่างสุดชีวิต

    “หนะ..หนอยแก ฉันกับไอ้เด็กนี่ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย อย่ามาเกาะ หยะแหยงโว้ย”มือแกร่งผลักเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตาสีน้ำตาลร่างเล็กลงกับพื้น...ทั้งๆที่เขาเห็นชัดๆว่าก่อนเข้ามามันเป็นคนสั่งให้เด็กนี่เกาะ

    “....”ชาร์คลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหน้าเด็กคนนั้น ก่อนจะถามด้วยเสียงอ่อนโยน

    “เจ็บไหม มานี่ม๊ะ”มือเรียวจับมือเด็กหนุ่มร่างเล็กขึ้นแล้วพยุงเอาไว้ ก่อนจะหันไปบอก

    “ไม่น่าเชื่อว่า เทวทูตอย่างแกจะมีอยู่บนโลก ทำร้ายได้กระทั่งนิมโตไม่เต็มวัยแบบนี้ ถ้าฉันดูแล้วเขามีแม้แต่แผลถลอก แกตายแน่”ดวงตาสีแดงเลือดกดดันจนเทวทูตองค์นั้นทำท่าทางเลิกลั่ก

    “คนบ้านโรสก็กลับไปบ้านโรสสิ มาอยู่ทำไมบ้านสปิริตส”เอวาลอนบอกพลางใช้ตะเกียบง้างดีดเศษกระดูกไปใส่พวกนั้น

    “กะ แก...ฉันจะให้พ่อมาเอาเรื่องพวกแกทั้งหมด”พูดจบก็สะบัดตูดหนีไป เด็กหนุ่มร่างเล็กด้านหลังทำท่าจะวิ่งตามแต่ชาร์ครั้งตัวเอาไว้ก่อน แล้วก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับเด็กหนุ่มคนนั้น แล้วจากร่างเด็กหนุ่มก็กลายเป็นร่างของกวางวิ่งไปทางป่าหลังโรงเรียนแทน

    “ชาร์คเท่โคตรอ่ะ”ไซรัสว่าแล้วทำท่าจะกระโดดกอดอย่างเนียนๆ ...และก็กอดได้ด้วย

    “เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย มือๆไปห่างๆนะเว้ย”ทั้งขาทั้งแขนของชาร์คผลักไสหนุ่มหัวน้ำเงินราวกับรังเกียจสุดชีวิตทันที

     

     

     

    “ครูจะให้พวกเธอทำโครงงานกลุ่มกัน ในบ้านของพวกเธอ กำหนดหัวข้อเอาเองตามใจชอบ แต่พวกเธอต้องไปเสนอที่กำแพงฝั่งนู้นให้พี่ๆได้ช่วยกันตัดสิน ยิ่งพวกเธอได้รับการสนใจเท่าไหร่ คะแนนก็ดีเท่านั้น คะแนนดีเท่าไหร่ พวกเธอก็จะสามารถผ่านวิชาฉันได้ง่ายๆไม่ยุ่งยากอะไร ก่อนวันงานโรงเรียนสองวัน ซึ่งจะมีขึ้นในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เอ้า เชิญแยกย้ายกันไปปรึกษาตามสบาย”สิ้นคำครูหนุ่ม... เอ่อ... สาว....ครึ่ง พูดบอก พวกเขาก็หันหน้าเข้าหากัน

    “เอาเรื่องอะไรดีวันศุกร์นี้ก็ครึ่งกุมภาแล้วนะ”เอวาลอนบอก

    “โครงงานเสนอจะเอาอะไรยังไม่รู้เลย ไม่ยอมกำหนดมาให้ ก็ไปเรื่อยน่ะสิ”ซาไมร์บ่นถึงระยะเวลาที่มีน้อยนิด

    “เรื่องพืชเป็นไง พืชทั่วโลก”ไซรัสเสนอ

    “แกมีปัญญาไปหามาภายในวันสองวันได้ก็ไปหามา ไหนจะต้องมานั่งคัดแยก และตกแต่งอีกนะเว้ย”ซาไมร์บ่นอีกต่อ

    “งั้นเอาเรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับสไตล์ของผู้หญิงเป็นไง”ไซรัสเสนอหน้ายิ้ม

    “เอาสไตล์ผู้หญิงไปให้ผู้ชายตัวเป้งๆดูคงเรียกเรตติ้งได้เนอะ”ซาไมร์ประชด

    “เรื่องอาหารดีไหมวะ”ซาลีเสนอ

    “ทำอาหารไม่เป็นกันซักคนจะดันทุรังทำไปหาซากอ้อยหรอ”เอวาลอนว่า

    “....”อีกหน่อได้แต่นิ่ง เพราะไม่อยากเปลืองสมองคิด

    “เอาน่าๆ เดี๋ยวก็คิดออกเองแหล่ะ อย่าเครียดเลย”เอวาลอนปลอบน้องๆที่ทำท่าจะตีกันอยู่มะรอมมะร่อ...พ่อจ๋าช่วยหนูด้วย เอวาลอนรำพึง

    “หาอะไรที่มันแปลกๆ แหวกแนว ไม่เหมือนใคร แต่เจ๋งสิ จะได้ได้คะแนนทัศนคติด้วย”สุดท้ายชาร์คก็พูดออกมาให้ทุกคนคิดได้ ก่อนจะคุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้...เลยไปเรื่องวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะถึงด้วย

    “วาเลนไทน์ปีนี้ ใครจะได้ช๊อกโกแลตมากที่สุดน๊า อยากรู้จังเลย”ไซรัสว่าแล้วยิ้มเล่ห์ๆ

    “แต่สาวๆในช่วงนี้น่ากลัวนะครับ เห็นมาด้อมๆมองๆหน้าโรงเรียนตั้งหลายรอบ”ซาลีบอกแล้วตักพุดดิ้งที่แอบซื้อมากิน

    “จะว่าไป นายต้องออกไปซื้อผงโกโก้ไม่ใช่หรอซาลี ในวิชาคหกรรมน่ะ”ซาไมร์ว่า

    “ใช่ ฉันเกือบลืม เย็นนี้ฝากด้วยนะ ซาลี”ไซรัสบอกพลางยิ้ม

    “เอ๋ ไหงต้องเป็นผมตลอดล่ะ”ซาลีบ่น

    “ก็นายดันอยากอ่อนแอที่สุดในกลุ่มทำไมล่ะ”ซาไมร์ว่าอย่างไม่หยี่ระ

    “อย่าแกล้งซาลีน้อยของฉันสิ”เอวาลอนว่าแล้วหัวเราะ

    “ยังไงก็หาเพื่อนให้ผมคนหนึ่งสิโธ่ ผมก็กลัวเป็นนะ”ซาลีว่าพลางทำแก้มป่องๆ...น่ารักซะนี่กระไร

    “นี่ไง ชาร์คไปสิ”เอวาลอนว่าแล้วตบบ่าซีดนั้นเบาๆ

    “อ่ะ..เอ่อ...ผมไปคนเดียวก็ได้ครับ”ซาลีว่าพลางถดตัวชิดทอร์กนี่

    “เดี๋ยวฉันไปด้วย...จะไปซื้อกิ๊บกับหนังยาง ปล่อยแบบนี้มันค่อนข้างร้อน”ชาร์คว่าพลางหมุนรูบิคที่มีคนทำตกไว้เล่นอย่างสนุกมือ

    “ไม่ตัดไปเลยล่ะ”ซาไมร์ถาม เอวาลอนพยักหน้าเห็นด้วย

    “ไม่ล่ะ...มีคนเขาชอบน่ะ เลยไม่อยากตัด”ดวงตาสีแดงไหววูบชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

    “สาวที่ไหนจ๊า”เอวาลอนประแซะไหล่เด็กหนุ่ม จากที่คุยกันมา ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าหาเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้

    “ไม่ใช่สาวที่ไหนซักหน่อย”ชาร์คปัดๆออกอย่างนึกรำคาญ

    “งั้นก็บอกหน่อยสิว่าใคร อยากรู้เหมือนกันนะ”ไซรัสว่า...คงมีแค่สองคนนี้ในตอนนี้ที่กล้าพูดกับชาร์คได้อย่างสนิทใจ

    “....น้องชาย กับน้องสาว”เสียงเข้มตอบไปเบาๆเสียงดูโหวงๆเล็กน้อยด้วย

    “โว้ว มีน้องด้วย มีรูปไหม อยากเห็น พี่มันหน้าตาโหดโคตรแบบนี้น้องๆมันจะหน้าตาแบบไหนกัน”เอวาลอนว่าพลางกระดี้กระด้า ชาร์คมองอย่างขัดใจก่อนจะหยิบล๊อกเก็ตที่คอออกมาเปิด ภาพของคนสามคนลอยโต้งๆอยู่บนอากาศ ด้านซ้ายมือเป็นเด็กหนุ่มผมสีทองดวงตาสีแดงสูงขาวนวล หน้าตาคุ้นๆ ด้านขวาเป็นหนุ่มผมสีดำทรงเสย ใส่แว่นตาและมีดวงตาสีแดงตรงกลางเป็นเด็กสาวผมสีทองตาสีเขียว

    “ทำไมสีผมสีตาออกมาแปลกๆงี้ล่ะ”ซาไมร์ถาม

    “คนนี้ฉัน ฉันได้เชื้อพ่อมาเต็มๆ พ่อผมดำตาแดง ฉันก็ผมดำตาแดง นี่ลาร์ค น้องชายฉัน ได้ตาแดงมาจาดพ่อ ผมทองจากแม่ นี่เกรย์น้องสาวฉัน ได้แม่มาหมด”ชาร์คอธิบายด้วยเสียงที่อบอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    “แล้วอยู่ที่ไหนหรอครับ  จะมาเข้าเรียนที่จิงเกิลไหม เขาคงดีใจที่มีพี่ที่รักเขาอย่างคุณ ตอนนี้เขามีความสุขไหมครับ”ซาลีถามอย่างกระตือรือร้น รอยอมยิ้มบางๆที่มุมปากตกลงทันที ล๊อกเก็ตถูกปิด

    “ตายแล้ว ทั้งคู่เลย”มือแกร่งสอดสร้อยเข้าไปในเสื้อเหมือนเดิม

    “....”

    “...ผะ...ผมขอโทษครับ ..ผ...ผมไม่รู้”ซาลีว่าเสียงสั่นๆ

    “ช่างมันเถอะ....คนที่ฆ่าพวกเขาก็ฉันเอง”เสียงเข้มบอก ทั้งสี่หันขวับมามองทันทีอย่างไม่เข้าใจ แต่ไม่ทันได้ถามอะไรเสียงกริ่งบอกหมดเวลาก็ดังขึ้น ทุกคนจึงแยกย้ายกัน เพราะได้เวลากลับบ้านแล้ว

     

     

     

    “รีบๆเดินสิ ทำไมเดินช้าจริง”เสียงเข้มว่าอย่างไม่พอใจที่เด็กหนุ่มผมส้มกำลังวิ่งตามมาด้วยขาสั้นๆนั่น ดันช้าซะจริง

    “ขอโทษครับ”เสียงสั่นๆว่า ดวงตาสีแดงกรอกขึ้นฟ้าอย่างหน่ายๆ

    พวกเขาเดินออกนอกโรงเรียนมาแล้ว ต้องเดินลงเนินเขาไปประมาณเกือบกิโลหนึ่ง จะถึงทางรถผ่าน จากนั้นค่อยอาศัยใครซักคนนั่งรถเข้าเมือง เขาคิดไว้แบบนั้น แต่ดวงตาสีแดงก็ไปสบกับไบท์สีดำคันที่เขาคุ้นตา...คันที่ขับมาส่งเขา

    “เฮ้ย พวกแกน่ะ”เสียงเข้มตะโกนเรียกพลางลากซาลีมาด้วย

    “ใครมาเรียกกูว- ลูกพี่ จะไปไหนครับ บอกมาได้เลยเดี๋ยวผมไปส่ง”ลูกน้องสี่ห้าคนหันมาทำความเคารพเขาทันที ทำให้หางคิ้วจะกระตุกแปลกๆ...กูไปเป็นลูกพี่มึงตอนไหนครับ ขอถามที

    “ขึ้นไป ไอ้หัวส้ม ประหยัดเวลา”ชาร์คผลักซาลีให้นั่งตรงกลางแล้วเขานั่งประกบ

    “เข้าไปในเมือง...ให้ว่อง...แต่ถ้ามึงยกล้อหรือเบรกเหมือนตอนนั้น กูกระทืบมึงแน่”คนขับพยักหน้ารัวๆทันที ก่อนจะสตาร์ทรถออกไปอย่างนุ่มๆ ส่วนชาร์คก็กำเสื้อคนตัวเล็กกว่าตัวเองสองสามฝ่ามือที่นั่งหน้าไว้แน่น...ก็มันกลัวตกนี่หว่าภูมิประเทศที่เป็นต้นไม้ใบหญ้าเริ่มกลายเป็นป่าบางตาผสมกับคอนกรีตไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เข้ามาในตัวเมือง

     

     

    “นี่เบอร์ผมครับ ถ้ารุ่นพี่อยากให้อะไรก็ใช้ได้เลยนะครับ”คนขับรถบอกแล้วยื่นกระดาษที่มีตัวเลขสิบหลักมาให้

    “ฉันไม่มีโทรศัพท์”เสียงเข้มบอกแล้วเดินลิ่วๆไปกับซาลี พร้อมกระดาษในมือ

    “ต้องไปซื้อโกโก้ที่ไหน”ชาร์คถามซาลีที่เดินก้าวให้ทันอยู่ด้านหลัง

    “ระ ร้านหน้านู้นครับ”ซาลีว่าเสียงสั่นๆและหอบ จนชาร์คต้องถอนหายใจ แล้วชะลอการเดินมาข้างๆเด็กหนุ่ม

    “มานี่”มือแกร่งจับมือเด็กหนุ่มข้างๆตัวเอาไว้...คนเยอะแบบนี้เดี๋ยวปลิวหาย

    “อะ เอ๋ ไม่ต้องจับก็ได้นี่ครับ”ชาร์คปรายตามองก่อนถอนหายใจ...ถึงอย่างนั้นก็ไม่ปล่อยมือ...ปล่อยก็หายไปจริงๆน่ะสิ

     

     

     

    “ใช้โกโก้อันนี้ต่างหากล่ะ ซื้อช๊อกโกแลตไปเผื่อด้วย ท๊อปปิ้งด้วยก็ดี”ชาร์คบ่นๆ แล้วแนะนำซาลีเกี่ยวกับเรื่องขนมอีกเยอะแยะ จนหนุ่มผมส้ม มองอย่างทึ่งๆ

    “เอ่อ...คุณ ชาร์ค รู้เรื่องพวกนี้ดีจังนะครับ”ซาลีว่า พลางมองใบหน้าคมที่พูดเรื่องอาหารการกินอย่างจริงจัง

    “อือ งานอดิเรกน่ะ”ชาร์คว่าต่อแล้วเพ่งเลือกน้ำตาลหลายๆยี่ห้ออย่างตั้งใจ

    “งั้นคุณชาร์คก็ทำอาหารเป็นหรอครับ”ซาลีถาม

    “เป็น แล้วก็อย่าเติมคุณนำหน้า ฉันไม่ค่อยชอบ”ชาร์คบอก

    “งะ งั้น..ท่านชาร์ค”ซาลีว่าอย่างกลัว

    “ชาร์คสิโว้ย ชาร์คเฉยๆ”ชาร์คตวาดกลับทันที

    “ชะ...ชะ...ชาร์ค”ซาลีว่า

    “เออ...ส่วนนี่ซื้อไปด้วยเก็บในตู้ จะทำให้กินตอนเช้า...นายอยากกินอะไรไหม...ซาลี”ชาร์คถาม ในมือถืออุปกรณ์ทำแพนเค้กไว้

    “อะเอ๋..ของที่อยากกินหรอครับ....ลาซานย่าครับ”ซาลีบอกถึงอาหารที่อยากลองกิน

    “ลาซานย่าสินะ...อืม...ใช้เวลาพอควร เดี๋ยวทำให้ไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์ล่ะกัน ไปซื้อของไว้ก่อน...ออริกาโน่ กับเนื้อวัวไม่ติดมัน แผ่นลาซานย่า”ชาร์คพึมพำรายการอาหารแล้วจับใส่รถเข็น จนแทบจะล้มไม้ล้นมือ

     

     

    “ชาร์คครับมันเยอะไปหน่อยไหมครับ เราถือกลับไม่ไหวหรอก”ซาลีว่าเมื่อของมันเริ่มจะล้นรถเข็น

    “....นั่นสินะ.....เดี๋ยวให้เขาจัดส่งกลับให้ล่ะกัน พอแล้วล่ะ”ชาร์คว่าแล้วเข็นรถไปจ่ายเงิน ก่อนจะออกมา

    “จะว่าไป ชาร์คบอกว่า ไม่มีโทรศัพท์สินะครับ เดี๋ยวผมพาไปซื้อดีกว่า”พูดจบซาลีก็ลากชาร์คไปร้านโทรศัพท์ทันที แล้วเลือกให้เสร็จสรรพ

    “ทีอย่างนี้ล่ะกล้าขึ้นมาเชียวนะ”ชาร์คพูดประชดเล็กน้อย ด้วยความช่างสังเกตซาลีเลยมองเห็นว่าบนใบหน้าเข้มๆนั้น...แอบทำแก้มป่องเล็กๆเหมือนเด็กก็เป็นแหะ

    “มันสำคัญนะครับ”ซาลีว่าแล้วยื่นถุงใส่โทรศัพท์ให้ชาร์คทำปากยู่แล้วคว้าถุงมาถือ

    “ต่อไปไปซื้อกิ๊ฟกับหนังยาง”ร่างเพรียวเดินดูไปเรื่อยๆ

     

     

    “จะบ้ารึไง ซาลี ฉันใส่ไอ้นี่ไปมีหวัง แต๋วแตกพอดีไม่เอ๊า”

    “เหมาะนะครับ เชื่อผมซี่ เอาอันนี้แล้วก็อันนี้ อันนี้ด้วย อันโน้นก็น่ารัก เอาหมดเลยครับ” ชาร์คเริ่มคิดว่าพอกล้าแล้วซาลีดู...น่ากลัวขึ้นเยอะเลยทีเดียว

     

     

     

     

    “นายนี่น่ากลัวชะมัดเลยขอบอก”ชาร์คว่าแล้วนั่งพักที่ครึ่งทางก่อนถึงโรงเรียน

    “พูดไปครับ ชาร์ค”ซาลีว่าแล้วนั่งลงข้างๆ

    “คิกๆ อ้อ จะว่าไปเรื่องที่ว่า...คุณฆ่าน้องตัวเองหมายความว่ายังไงหรอครับ”ซาลีเอ่ยถาม ชาร์คชะงักปากที่กำลังกินน้ำในกระป๋องแล้วนิ่งไป

    “ฉันจะบอกนาย...แค่คนเดียว...เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ ห้ามบอกใคร และถ้านายรู้แล้ว ต่อจากนี้ จะต้องเรียกฉันด้วยชื่อนี้....”ชาร์คว่าแล้วชูนิ้วก้อยขึ้น

    “...อือ จะไม่บอกใครทั้งนั้น”ซาลีเกี่ยวก้อยด้วยแล้วนิ้วโป้งทั้งคู่ก็นำมาชนกัน ก่อนชาร์คจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชาลีได้รับรู้

     

     

     

    ทางบ้านพัก

    “เฮ้อ ทำไมสองคนนั้นยังไม่กลับมาอีกน๊า....แล้วไอ้กองนี่มันอะไรเนี่ย”ไซรัสว่าพลางมองไปยังกองของอภิมหาของสดที่กองอยู่ในห้องนั่งเล่น

    “เขาเอามาส่งน่ะ สงสัยชาร์คจะซื้อม- อ่ะ มาพอดีเลย”ซไมร์ว่าแล้วเปิดประตู ก่อนร่างของซาลีจะโถมเข้ามาน้ำตานองหน้า

    “ฮึก แงงงงงง เขา ฮึก น่าสงสารมากเลยง่าแงงงงง”ซาลีร้องให้เสียงดังเรียกให้หลายๆคนเดินเข้ามาดู

    “ซาลี แปลว่าความเข้มแข็งของท้องทะเลนะ ร้องให้แบบนี้ไงยังไง ทำให้มันเข้ากับชื่อหน่อยสินิสัยน่ะ”ชาร์คเดินเข้ามาโยกหัวเบาๆแล้วเดินไปจัดของสดใส่ตู้

    “ก็มัน....”ดวงตาสีแดงกรอกไปมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วหยิบเนื้อออกมาจากถุงแยกเอาไว้เตรียมนำใส่ตู้เย็น..ที่สภาพดูโกโรโกโสชอบกล ชาร์คเปิดออกแล้วรู้สึกทึ่งทันที ตามชั้นต่างๆมีกล่องอาหารสำเร็จรูปวางระเกะระกะรกตู้ไปหมด กล่องข้าวผัดกินแล้วครึ่งหนึ่งยังเปิดอ้าคาไว้ในตู้เย็น ด้านข้างมีน้ำเปล่าสองสามกระบอกกับน้ำผลไม้..ที่ดุท่าจะหมดอายุไปนานแล้ว

    “.....นี่อยู่กันได้ยังไงเนี่ย”ชาร์คพึมพำแล้วหยิบน้ำผลไม้ออกมาดู ก่อนจะโยนลงถังขยะอย่างแม่นยำ...ตามด้วยของมากมายที่ดูไม่น่าพิสมัยใส่ท้องทั้งหลายทั้งแหล่ที่แผ่ขอความเมตตาในห้องเย็น

    “...เฮ้ มานี่ที”ชาร์คตะโกนดเรียกคนที่เหลือ เพื่อให้มาช่วย จะใช้เวทย์ก็กระไรอยู่เพราะเวทย์ของเขาค่อนข้างอันตราย และยังแช่แข็งเนื้อไว้ในอุณหภูมิติดลบไม่ได้ด้วย

    “อา...ซาลี ธาตุหิมะใช่ไหม แช่แข็งเนื้อสัตว์ไว้หน่อยส่วนที่เหลือ มาช่วยฉันยกตู้เย็น อยู่ไปได้ไงตู้เย็นเขรอะแบบนี้ ถ้ามีหนูซักตัวตายอยู่ฉันไม่สงสัยเลยจะบอกให้”ชาร์คบ่น ก่อนทุกคนจะช่วยกัน ซาลีแช่แข็งเนื้อไว้ตามที่บอกอย่างมุ่งมั่น...เพื่อลาซานย่า...อะเริ่ม...

     

     

    “ซาลีขอน้ำหน่อย”ชาร์คว่า ภาพนี้คงตลกหน้าดูที่เห็นผู้ชายตัวเป้งๆสีคนมานั่งช่วยกันขัดตู้เย็นขนาดยักษ์ และมีผู้ชายตัวเล็กๆช่วยอยู่ข้างๆ

    “ขัดให้มันสะอาดๆหน่อยเซ่ ไซรัส แกขัดหรือแปรงฟันวะ”ซาไมร์บ่นเมื่อไซรัสขัดดูไม่ค่อยออกแรง

    “ฉันพยายามอยู่”ไซรัสว่าแล้วเพ่งราวกับจะหาอณูเชื้อโรคในนั้น

    “ดีนะที่เป็นตู้เย็นเวทย์ไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่งั้นมีหวัง วาได้ถอดอะไหล่มาล้างทุกชิ้นแน่”ซาลีว่าขันๆเมื่อเห็นเอวาลอนทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมอย่างตั้งใจ

    “ซาลี ล้างพวกนี้ที ไซรัสกับซาไมร์ ช่วยกันทำให้แห้ง วา ถ้าจะส่องขนาดนั้นก็ช่วยทำให้ทั่วถึงด้วย”ชาร์คว่า เพราะเอวาลอนขัดทุกซอกทุกมุมก็จริง..มันก็ขัดอยู่ที่เป็นซอกเป็นมุมนั่นแหล่ะ

     

     

     

    “เขยิบหน่อย..เอ้า โอเค”

    “เฮ้อ”ทุกคนพร้อมใจกันถอนหายใจทันทีเมื่อวางตู้เย็นที่เงาวิ้งเข้าที่เป็นอันเรียบร้อย

    “ไปพักไป ทีเหลือฉันจัดการเอง”ชาร์คว่าแล้วเริ่มใส่แผ่นรองเย็นและชั้นต่างๆในตู้เย็น

    “ไม่เอา ช่วยแล้วก็ต้องช่วยถึงที่สุด”ซาไมร์ว่าอย่างหมายมาด โดยมีซาลียืนเอากำปั้นทุบอกด้วยความมั่นใจอยู่ข้างๆ

    “...งั้นก็หยิบเนื้อวัวไม่ติดมันมาให้ที”ชาร์คว่าพลางหันไปยุกยิกกับตู้เย็นต่อ

    “...เอ่อ...อันไหนอ่ะ”ซาไมร์ถาม

    “อยู่ข้างๆผักกาดขาวไง”

    “...ไหนผักกาดขาวล่ะ”

    “ก็อยู่ใกล้ๆแผ่นลาซานญ่าไง”

    “แล้วไหนมันแผ่นลาซานญ่าล่ะ”

    “.....”ชาร์คถอนหายใจก่อนจะหันมาแล้วพูด

    “อยากช่วยใช่ไหม”ทั้งสี่พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง

    “เห็นเก้าอี้นั้นไหม”ชาร์คชี้ไปยังเก้าอี้ห้าตัวที่มุมกำแพง ทั้งสี่พยักหน้า

    “ไปนั่งแล้วอย่าเกะกะ”ชาร์คตวาด ก่อนจะจัดการกับของสดเอง โดยที่ทั้งสี่มองตามอย่างสงบเสงี่ยม

    ภาพที่พวกเขาเห็นคือเด็กหนุ่มร่างเพรียวที่กำลังจัดการกับข้าวของในตู้เย็นอย่างกระฉับกระเฉงเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน ทั้งล้างผัก หั่นหมูจัดเก็บอื่นๆก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ...อ่า....ใครได้เป็นสามีชีวิตนี้คงสบายชัวร์ๆ

    “อยากกินอะไรล่ะคืนนี้”ชาร์คถาม

    “ฉันอยากกินมัสมั่นของประเทศไทย”ไซรัสยกมือขึ้นพูดอย่างรวดเร็ว

    “ฉันด้วย”

    “ผมอยากกินน้ำพริกปลาทู อยากรู้มันเผ็ดแค่ไหน”ซาลียกมือ

    “ฉันอยากกินสลัดผัก”เอวาลอนยกมือพูดเช่นกัน เมื่อได้คำตอบ ชาร์คกํหมุนตัวไปหยิบของจากในตู้เย็นออกมาทำทันที

    “ชิ”เสียงเข้มสบถเมื่อผมยาวๆของตนบัดนี้มันได้กลายเป็นอะไรที่เกะกะมากๆไปแล้ว

    “...ก้มลงมาสิชาร์ดี้”ซาลีว่า สรรพนามนั้นเปลี่ยนไปตามคำสั่งของชาร์ค ร่างสูงกว่าก้มลงตามคำบอกหนังยางผ้ามัดรวบเรือนผมสีนิลสวยเอาไว้จะได้ไม่เกะกะ

    “ขอบใจ”ชาร์คบอกแล้วหันกลับไปทำอาหารต่อ

     

     

     

    “อื้ม อร่อยโว้ย เชฟชัดๆเลยชาร์ค”ซาไมร์ว่าแล้วจ้วงมัสมั่นกินไม่หยุด

    “เหมาะเป็นภรรยาที่น่ารักของฉันเลย”ไซรัสว่าพลางยิ้ม ทำเอาหลายคนแทบสำลัก

    “ก็รู้ว่าเกย์หรอกนะ แต่ถึงขั้นทำภรรยา นายนี่น่ากลัวขึ้นทุกวันแล้วนะไซนัส”เอวาลอนว่าในปากยังคาผักกาดไว้

    “ไซรัสโว้ย ไม่ใช่ไซนัส”ไซรัสแย้งขึ้นเมื่อชื่อถูกเรียกผิด

    “พรุ่งนี้ ผมจะตื่นเช้าๆมาทำผมให้ชาร์ดี้นะ”ความปรารถนาอันน่ากลัว(สำหรับชาร์ค)ของซาลีเห็นทีคงเป็นเรื่องผมที่ยาวสลวยถึงบั้นท้ายนี่ล่ะ

    “.....”ชาร์คไม่พูดอะไรแต่กวนนมในแก้วไปมาอย่างเหม่อๆ

    “หืม....เฮ้ ชาร์ค ฮัลโหล ยู้วฮูว”เอวาลอนที่สังเกตเห็นก็โบกมือโบกไม่พร้อมทำเสียงประหลาดๆเรียกร้องให้ชาร์คออกจากอาการเหม่อ แต่ร่างเพรียวไม่มีทีท่าจะหยุด...แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้พวกเขาตะลึง ดวงตาสีแดงที่เหม่อมมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นยังคงนิ่ง แต่มีรอยแต่งแต้มแย้มยิ้มที่มุมปากของหนุ่มผิวซีด ทำให้ได้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้หน้าโหดอย่างที่คิ้ว คิ้วเข้มโก่งเรียวเหรือดวงตาสีแดงคมกริบ นั้นหาได้ดูน่ากลัว แต่กลับดู เย้ายวนในแบบสายตาของหญิงสาว จมูกโด่งเล็กน้อยได้รูปรับกับริมฝีปากสีโอรสอ่อนๆหยักได้รูป แพนขนตูที่งอนยาวกว่าผู้ชายควรจะเป็นนั้นดูเซกซี่ยามปรือลงระแก้ม ยิ้มเมื่อแต่งแต้มรอยยิ้มบางๆ...ราวกับว่าคนตรงหน้าคือสิ่งมีชีวิตจากชั้นฟ้าไม่ใช่ชั้นดิน

    ปึก

    ไก่ในมือของซาไมร์ตกลงกระทบจานจากการอึ้งมองใบหน้านั้นเกือบจะเคลิ้ม เรียกสติทุกคนให้กลับมา รวมถึงชาร์คด้วย

    “...พรุ่งนี้วาเลนไทน์”ชาร์คพูดขึ้นด้วยใบหน้าเหมือนเดิม “ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้ามีใครมาที่บ้าน อย่ารับเด็ดขาด...ไม่ว่าใคร”คำที่แสนคลางแคลงนั้นทำให้พวกเขาสงสัยไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร...ให้ทำไงหน้าโหดๆนั่นกลับดูสวยขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา...มันมองแล้วเขินวุ้ย

     

     

     

     

    ร่างโปร่งนอนนิ่งอยู่บนเตียงสีเทา เส้นผมสีนิลสยายไปทั่วหมอน ใบหน้าสีซีดอยู่แล้วกลับซีดหนักกว่าเก่า เหงื่อกาฬผุดพรายไปทั้งหน้าลามถึงแขนขาและลำตัว ชุดนอนตัวบางชุ่มเหงื่อจนแนบสนิทกับร่างกายให้เห็นทรวดทรงที่ค่อนข้างบางแต่สมส่วนอย่างชายชาตรีได้ชัด

    ดูแลน้องๆให้ดีนะ แม่จะไปธุระกับพ่อ

    มือแกร่งเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนปรายเท้าจิกลงอย่างไม่รู้ตัว

    อยู่คนเดียวนะ ได้ใช่ไหม

    ฟันเรียงตัวสวยนั้นกัดกันแน่นสันกรามโก่งนูนตามแรงที่ถูกกระทบจากอารมณ์ที่ส่งผลถึงร่างกาย

    ฉับพลัน จี้ในคอก็เปล่งแสงจางๆนวลตาขึ้น ร่างกายที่เกร็งของเด็กหนุ่มค่อยๆผ่อนคลายลง ใบหน้าที่เคร่งเครียดก็ค่อยๆผ่อนลงช้าๆเช่นกัน ในที่สุด ลมหายใจของเขาก็เป็นปกติ แล้วนิทราไปอย่างสบายใจ

    .........................................
    จบไปกับบทที่สอง..แม้ไม่มีคนอ่านนนนนนนน ตอนหน้ามาวันวาเลนไทน์เน่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×