คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง
ร่างโปร่งตัวเกร็งจิกผ้าปูสีเทาแน่น ทั้งร่างบิดเร่าๆด้วยความโหดร้ายที่กำลังเผชิญ เสียงกัดฟันเบาๆดังขึ้นสันกรามโก่งนูน เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วหน้าและร่างกาย นัยน์ตาใต้เปลือกตาสั่นระริก
“เฮือก”ร่างสูงเด้งตัวขึ้นมาหอบหายใจบนเตียง ดวงตาสีแดงโลหิตส่องประกายวาวในความมืด เม็ดเหงื่อไหลลงมาตามขมับและแผ่นหลัง มือแกร่งยกขึ้นปาดหน้าผากลวกๆไม่ให้เหงื่อไหลเข้าตา ดวงตาคมปลาบกวาดตามองไปยังเตียงของคนอื่นๆ ก็เห็นทุกคนนอนหลับอยู่..กรนเสียงดังอีกต่างหาก
ร่างเพรียวลงจากเตียงชั้นสองด้วยบันไดเล็กๆที่ปลายเตียง พร้อมกับเสื้อผ้าชุดนักเรียนสูทที่มีในตู้ เข้าไปในห้องน้ำ นาฬิกากลางห้องบ่งบอกเวลาตีสี่กว่าๆ วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี เรียนวิชาการ ด้วยสิ...มาวันแรกก็เจอศึกหนักเลย....
กึกๆ กึกๆ
“ชาร์ค...”เสียงบานหน้าต่างสั่นเบาๆพร้อมเสียงกระซิบเรียกลอยมาตามลม ทำให้เด็กหนุ่มผิวซีดที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคเปิดกระจกออกดู เห็นร่างของชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวเอาไว้ เปิดให้เห็นเพียงกางเกงสูทสีขาวกับรองเท้าหนังมันวาว
“มีอะไร”เสียงเข้มแอบพร่าถามแล้วเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง
“เมื่อวานฉันลืมให้ ก้มลงมา”เสียงทุ้มนุ่มของหนึ่งในเจ็ดอัครทูตสวรรค์บอก พร้อมของบางอย่างในมือ ดวงตาสีแดงกรอกขึ้นฟ้าก่อนจะค่อยๆก้มหัวให้ตามคำบอก มือนุ่มนิ่มไม่สมชายทำบางอย่างยุกยิกกับลำคอเนียน
ชาร์ครู้สึกถึงสัมผัสเย็นเยียบของโลหะมันวาวที่ประทับอยู่ สร้อยสีเงินยาวเส้นเล็กที่บางมากจนเกือบจะมองไม่เห็นคล้องอยู่ที่ลำคอเขา ตัวจี้เป็นหนามกุหลาบสีดำสนิทพันอยู่รอบตัวนางฟ้าสีฟ้าตัวเล็กๆ เป็นรูปแบบสองมิติคิ้วโก่งเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม...ไอ้นี่มันคือ...
“เครื่องรางน่ะ มันจะนำพาความสุขมาให้เธอด้วยอำนาจของหนามกุหลาบป่าและนางฟ้าตัวน้อย”พูดจบร่างนั้นก็ถูกลมพัดปลิวเป็นฝุ่นละอองไปก่อนฝ่ามือนุ่มจะประทับที่ใบหน้าคมเส้นผมสีดำยาวตกลงมาปรกหน้าเล็กน้อยเมื่อมองดูจี้ที่คอ ก่อนจะสอดมันเข้าไปในเสื้อ แล้วตวัดมองนาฬิกาอีกครั้ง แสงสีเขียวนวลตาปรากฏเวลาบอกเลขว่า ตอนนี้ตีห้ากว่าๆแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ ตื่นเช้านะ”เอวาลอนที่ตื่นเป็นคนที่สองกล่าวทักทาย ชายหนุ่มที่นั่งจิบกาแฟอยู่กลางห้องพร้อมเปิดทีวีเสียงเบาๆ
“เออ”เสียงเข้มขาน แล้วกดเปลี่ยนช่อง
“หลับสบายไหม”เสียงทุ้มถามไถ่
เรารักพี่
ฝันดีเหรอ...เหอะ
“เออ”เอวาลอนส่ายหัวกับคำพูดที่ดูน้อยลงทุกๆทีของชาร์คแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาอยู่ในชุดเดียวกับชาร์คเช่นกัน
“อยู่ต่อหน้าอาจารย์จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องพูดเพราะๆกว่านี้ เคยพูดไหม”เอวาลอนถาม
“เคย...เวลาคุยกับพวก ภูตน่ะ”ชาร์คว่าแล้ววางกาแฟที่เหลือเล็กน้อยลงบนโต๊ะ มือเรียวก็คว้ากระดาษหนังสือพิมพ์มาอ่าน
“หรอ....พูดยังไงล่ะ สมมุตินี่คือภูต”เอวาลอนสร้างรูปจำลองของภูตตัวหนึ่งขึ้นมาด้านหน้าทำท่าทางล้อเลียนชาร์คอย่างสนุกอยากจะรู้ว่าคำที่หนุ่มหน้าโหดพูดจะเป็นอย่างไร
“....ถ้าคุณไม่หยุดทำท่าทางแบบนั้น เห็นทีคุณจะต้องเป็นอาหารซาลามานเดอร์นะครับ”จบคำ เอวาลอนกลืนน้ำลายลงคอ...ขนาดพูดเพราะนะเนี่ย...จะเป็นลม
“ต้องเพราะกว่านี้...อืม...สมมุติมีผู้หญิงเดินชนนายจะทำยังไงในตอนที่เขากำลังขอโทษ”เอวาลอนถาม
“...” ดวงตาสีแดงเหล่มองข้างๆเหมือนใช้ความคิด
“ลืมตาไว้ที่บ้านหรอ ถึงได้มองไม่เห็นคนทั้งคนอยู่นี่ ถ้ามีตาแล้วไม่ใช้ก็ควักทิ้งซะไป”เอวาลอนตบหน้าผากดังลั่น ก่อนจะจับหัวไหล่มนทั้งสองข้างประชันหน้าเข้าหาตัวเอง
“นายต้องพูดว่า..ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่ระวัง..ต่างหากล่ะโว้ย....ตัดสินใจแล้ว ต่อจากนี้ฉันจะสอนมารยาทในสังคมให้แกเอง”ดวงตาสีมรกตวาววาม...ไม่ได้รู้เลยว่าตนกำลังคุยกับใคร
“อือ...คุยอะไรกันน่ะ รุ่นพี่ ผมขอคุยด้วยสิ”ซาไมร์ว่าทันทีที่ตื่น ต่างจาก ไซรัสและซาลีที่เดินลิ่วๆเข้าห้องน้ำไปแล้ว..
“ไปอาบน้ำไป เหม็นโว้ย”ไม่ว่าเปล่า มืดบีบจมูกด้วยท่าทางรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดทันที
“ยิ้มสิโว้ยยิ้มน่ะ ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวเขาก็วิ่งป่าราบกันพอดี”เสียงเอวาลอนโวยวายใส่ร่างโปร่งที่ไม่ได้ดั่งใจ
“ทำไปก็ไม่ได้อะไร...จะทำทำไม”ชาร์คว่าแล้วลุกขึ้นไปคว้ากระเป๋าเมื่อนาฬิกาเดินถึงเลขหกไปกว่ายี่สิบนาทีแล้ว
“....ต้องมีแรงจูงใจสินะ....ฉันให้ยิ้มละพันอ่ะ”เอวาลอนบอกแล้วคว้ากระเป๋าเดินตาม
“ในบัญชีฉันมีเหลือเฟือ”ชาร์คนั่งลงสวมรองเท้าพละ
“จะพาไปหาสาวๆสวยๆก็ได้ ฉันรู้จักเยอะนะ”เอวาลอนยังคงเสนอ ทุกคนเดินออกมาหมดหลังจากแน่ใจว่าปิดทุกอย่างหมดแล้ว
“ที่บ้านมีเป็นเบือ เหลือใช้”พูดเป็นกระดาษทิชชู่เชียว
“วันอาทิตย์ฉันจะพาไปคาสิโน”มือเรียวที่กำลังจับลูกบิดประตูชะงักดวงตาสีแดงเหล่มาอย่างลังเล ก่อนจะเปิดประตูออกไป
“ไปเองเป็น”
“.....”
“เหอะ นี่หรอวะเด็กใหม่บ้านพวกแก....ดูสภาพสิ....สถุลซะไม่มี”เสียงหนุ่มผมทองตาสีฟ้าพูดแล้วยืนค้ำอยู่บนโต๊ะทานอาหารที่พวกเขานั่งอยู่คนอื่นๆหันมามองกันมด มีแต่กลุ่มพูดถูกรุกรานนั่นแหล่ะที่ยังนั่งกินข้าวอย่าไม่ทุกร้อนอะไร
“ไว้ผมยาวซะด้วย..ตุ๊ดหรอวะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ดวงตาสีแดงช้อนมองสักครู่ก่อนจะวางช้อนส้อมลง เงยขึ้นมองหน้าผู้รุกรานช้าๆ ก่อนจะเท้าคางมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
“...ขอประทานโทษ ถ้าไว้ผมยาวแล้วเป็นตุ๊ดล่ะก็ ทั้งราฟาเอล ลูซิเฟอร์ อิสรอเอล รากูเอล เบลเฟกอล เบลเซบับ แอสโมดิวท์ ก็ตุ๊ดแดกกันทั้งที่ปรึกษาแล้ว ไม่มีตามองรึไงว่าเขาก็ไว้ผมยาว แล้วรู้จักมารยาทหน่อย คนเขากินข้าวอยู่ อย่าสะเออะเข้ามาสอด เป็นแค่เทวทูตสองปีกอย่ามาเหิมเกริม ถ้ายังอยากอยู่สบายๆก็หันหลังใสก้นงอนๆแกไปตะแล๊ดแต๊ดแต๋หาคู่เกย์ใหม่ที่มันดีกว่าไอ้เด็กนี่ดีกว่าไหม”สิ้นคำของชาร์คทั้งสี่คนตะครุบปากแทบไม่ทัน พลางกลั้นขำอย่างสุดชีวิต
“หนะ..หนอยแก ฉันกับไอ้เด็กนี่ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย อย่ามาเกาะ หยะแหยงโว้ย”มือแกร่งผลักเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตาสีน้ำตาลร่างเล็กลงกับพื้น...ทั้งๆที่เขาเห็นชัดๆว่าก่อนเข้ามามันเป็นคนสั่งให้เด็กนี่เกาะ
“....”ชาร์คลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหน้าเด็กคนนั้น ก่อนจะถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“เจ็บไหม มานี่ม๊ะ”มือเรียวจับมือเด็กหนุ่มร่างเล็กขึ้นแล้วพยุงเอาไว้ ก่อนจะหันไปบอก
“ไม่น่าเชื่อว่า เทวทูตอย่างแกจะมีอยู่บนโลก ทำร้ายได้กระทั่งนิมโตไม่เต็มวัยแบบนี้ ถ้าฉันดูแล้วเขามีแม้แต่แผลถลอก แกตายแน่”ดวงตาสีแดงเลือดกดดันจนเทวทูตองค์นั้นทำท่าทางเลิกลั่ก
“คนบ้านโรสก็กลับไปบ้านโรสสิ มาอยู่ทำไมบ้านสปิริตส”เอวาลอนบอกพลางใช้ตะเกียบง้างดีดเศษกระดูกไปใส่พวกนั้น
“กะ แก...ฉันจะให้พ่อมาเอาเรื่องพวกแกทั้งหมด”พูดจบก็สะบัดตูดหนีไป เด็กหนุ่มร่างเล็กด้านหลังทำท่าจะวิ่งตามแต่ชาร์ครั้งตัวเอาไว้ก่อน แล้วก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับเด็กหนุ่มคนนั้น แล้วจากร่างเด็กหนุ่มก็กลายเป็นร่างของกวางวิ่งไปทางป่าหลังโรงเรียนแทน
“ชาร์คเท่โคตรอ่ะ”ไซรัสว่าแล้วทำท่าจะกระโดดกอดอย่างเนียนๆ ...และก็กอดได้ด้วย
“เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย มือๆไปห่างๆนะเว้ย”ทั้งขาทั้งแขนของชาร์คผลักไสหนุ่มหัวน้ำเงินราวกับรังเกียจสุดชีวิตทันที
“ครูจะให้พวกเธอทำโครงงานกลุ่มกัน ในบ้านของพวกเธอ กำหนดหัวข้อเอาเองตามใจชอบ แต่พวกเธอต้องไปเสนอที่กำแพงฝั่งนู้นให้พี่ๆได้ช่วยกันตัดสิน ยิ่งพวกเธอได้รับการสนใจเท่าไหร่ คะแนนก็ดีเท่านั้น คะแนนดีเท่าไหร่ พวกเธอก็จะสามารถผ่านวิชาฉันได้ง่ายๆไม่ยุ่งยากอะไร ก่อนวันงานโรงเรียนสองวัน ซึ่งจะมีขึ้นในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เอ้า เชิญแยกย้ายกันไปปรึกษาตามสบาย”สิ้นคำครูหนุ่ม... เอ่อ... สาว....ครึ่ง พูดบอก พวกเขาก็หันหน้าเข้าหากัน
“เอาเรื่องอะไรดีวันศุกร์นี้ก็ครึ่งกุมภาแล้วนะ”เอวาลอนบอก
“โครงงานเสนอจะเอาอะไรยังไม่รู้เลย ไม่ยอมกำหนดมาให้ ก็ไปเรื่อยน่ะสิ”ซาไมร์บ่นถึงระยะเวลาที่มีน้อยนิด
“เรื่องพืชเป็นไง พืชทั่วโลก”ไซรัสเสนอ
“แกมีปัญญาไปหามาภายในวันสองวันได้ก็ไปหามา ไหนจะต้องมานั่งคัดแยก และตกแต่งอีกนะเว้ย”ซาไมร์บ่นอีกต่อ
“งั้นเอาเรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับสไตล์ของผู้หญิงเป็นไง”ไซรัสเสนอหน้ายิ้ม
“เอาสไตล์ผู้หญิงไปให้ผู้ชายตัวเป้งๆดูคงเรียกเรตติ้งได้เนอะ”ซาไมร์ประชด
“เรื่องอาหารดีไหมวะ”ซาลีเสนอ
“ทำอาหารไม่เป็นกันซักคนจะดันทุรังทำไปหาซากอ้อยหรอ”เอวาลอนว่า
“....”อีกหน่อได้แต่นิ่ง เพราะไม่อยากเปลืองสมองคิด
“เอาน่าๆ เดี๋ยวก็คิดออกเองแหล่ะ อย่าเครียดเลย”เอวาลอนปลอบน้องๆที่ทำท่าจะตีกันอยู่มะรอมมะร่อ...พ่อจ๋าช่วยหนูด้วย เอวาลอนรำพึง
“หาอะไรที่มันแปลกๆ แหวกแนว ไม่เหมือนใคร แต่เจ๋งสิ จะได้ได้คะแนนทัศนคติด้วย”สุดท้ายชาร์คก็พูดออกมาให้ทุกคนคิดได้ ก่อนจะคุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้...เลยไปเรื่องวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะถึงด้วย
“วาเลนไทน์ปีนี้ ใครจะได้ช๊อกโกแลตมากที่สุดน๊า อยากรู้จังเลย”ไซรัสว่าแล้วยิ้มเล่ห์ๆ
“แต่สาวๆในช่วงนี้น่ากลัวนะครับ เห็นมาด้อมๆมองๆหน้าโรงเรียนตั้งหลายรอบ”ซาลีบอกแล้วตักพุดดิ้งที่แอบซื้อมากิน
“จะว่าไป นายต้องออกไปซื้อผงโกโก้ไม่ใช่หรอซาลี ในวิชาคหกรรมน่ะ”ซาไมร์ว่า
“ใช่ ฉันเกือบลืม เย็นนี้ฝากด้วยนะ ซาลี”ไซรัสบอกพลางยิ้ม
“เอ๋ ไหงต้องเป็นผมตลอดล่ะ”ซาลีบ่น
“ก็นายดันอยากอ่อนแอที่สุดในกลุ่มทำไมล่ะ”ซาไมร์ว่าอย่างไม่หยี่ระ
“อย่าแกล้งซาลีน้อยของฉันสิ”เอวาลอนว่าแล้วหัวเราะ
“ยังไงก็หาเพื่อนให้ผมคนหนึ่งสิโธ่ ผมก็กลัวเป็นนะ”ซาลีว่าพลางทำแก้มป่องๆ...น่ารักซะนี่กระไร
“นี่ไง ชาร์คไปสิ”เอวาลอนว่าแล้วตบบ่าซีดนั้นเบาๆ
“อ่ะ..เอ่อ...ผมไปคนเดียวก็ได้ครับ”ซาลีว่าพลางถดตัวชิดทอร์กนี่
“เดี๋ยวฉันไปด้วย...จะไปซื้อกิ๊บกับหนังยาง ปล่อยแบบนี้มันค่อนข้างร้อน”ชาร์คว่าพลางหมุนรูบิคที่มีคนทำตกไว้เล่นอย่างสนุกมือ
“ไม่ตัดไปเลยล่ะ”ซาไมร์ถาม เอวาลอนพยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่ล่ะ...มีคนเขาชอบน่ะ เลยไม่อยากตัด”ดวงตาสีแดงไหววูบชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“สาวที่ไหนจ๊า”เอวาลอนประแซะไหล่เด็กหนุ่ม จากที่คุยกันมา ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าหาเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้
“ไม่ใช่สาวที่ไหนซักหน่อย”ชาร์คปัดๆออกอย่างนึกรำคาญ
“งั้นก็บอกหน่อยสิว่าใคร อยากรู้เหมือนกันนะ”ไซรัสว่า...คงมีแค่สองคนนี้ในตอนนี้ที่กล้าพูดกับชาร์คได้อย่างสนิทใจ
“....น้องชาย กับน้องสาว”เสียงเข้มตอบไปเบาๆเสียงดูโหวงๆเล็กน้อยด้วย
“โว้ว มีน้องด้วย มีรูปไหม อยากเห็น พี่มันหน้าตาโหดโคตรแบบนี้น้องๆมันจะหน้าตาแบบไหนกัน”เอวาลอนว่าพลางกระดี้กระด้า ชาร์คมองอย่างขัดใจก่อนจะหยิบล๊อกเก็ตที่คอออกมาเปิด ภาพของคนสามคนลอยโต้งๆอยู่บนอากาศ ด้านซ้ายมือเป็นเด็กหนุ่มผมสีทองดวงตาสีแดงสูงขาวนวล หน้าตาคุ้นๆ ด้านขวาเป็นหนุ่มผมสีดำทรงเสย ใส่แว่นตาและมีดวงตาสีแดงตรงกลางเป็นเด็กสาวผมสีทองตาสีเขียว
“ทำไมสีผมสีตาออกมาแปลกๆงี้ล่ะ”ซาไมร์ถาม
“คนนี้ฉัน ฉันได้เชื้อพ่อมาเต็มๆ พ่อผมดำตาแดง ฉันก็ผมดำตาแดง นี่ลาร์ค น้องชายฉัน ได้ตาแดงมาจาดพ่อ ผมทองจากแม่ นี่เกรย์น้องสาวฉัน ได้แม่มาหมด”ชาร์คอธิบายด้วยเสียงที่อบอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“แล้วอยู่ที่ไหนหรอครับ จะมาเข้าเรียนที่จิงเกิลไหม เขาคงดีใจที่มีพี่ที่รักเขาอย่างคุณ ตอนนี้เขามีความสุขไหมครับ”ซาลีถามอย่างกระตือรือร้น รอยอมยิ้มบางๆที่มุมปากตกลงทันที ล๊อกเก็ตถูกปิด
“ตายแล้ว ทั้งคู่เลย”มือแกร่งสอดสร้อยเข้าไปในเสื้อเหมือนเดิม
“....”
“...ผะ...ผมขอโทษครับ ..ผ...ผมไม่รู้”ซาลีว่าเสียงสั่นๆ
“ช่างมันเถอะ....คนที่ฆ่าพวกเขาก็ฉันเอง”เสียงเข้มบอก ทั้งสี่หันขวับมามองทันทีอย่างไม่เข้าใจ แต่ไม่ทันได้ถามอะไรเสียงกริ่งบอกหมดเวลาก็ดังขึ้น ทุกคนจึงแยกย้ายกัน เพราะได้เวลากลับบ้านแล้ว
“รีบๆเดินสิ ทำไมเดินช้าจริง”เสียงเข้มว่าอย่างไม่พอใจที่เด็กหนุ่มผมส้มกำลังวิ่งตามมาด้วยขาสั้นๆนั่น ดันช้าซะจริง
“ขอโทษครับ”เสียงสั่นๆว่า ดวงตาสีแดงกรอกขึ้นฟ้าอย่างหน่ายๆ
พวกเขาเดินออกนอกโรงเรียนมาแล้ว ต้องเดินลงเนินเขาไปประมาณเกือบกิโลหนึ่ง จะถึงทางรถผ่าน จากนั้นค่อยอาศัยใครซักคนนั่งรถเข้าเมือง เขาคิดไว้แบบนั้น แต่ดวงตาสีแดงก็ไปสบกับไบท์สีดำคันที่เขาคุ้นตา...คันที่ขับมาส่งเขา
“เฮ้ย พวกแกน่ะ”เสียงเข้มตะโกนเรียกพลางลากซาลีมาด้วย
“ใครมาเรียกกูว- ลูกพี่ จะไปไหนครับ บอกมาได้เลยเดี๋ยวผมไปส่ง”ลูกน้องสี่ห้าคนหันมาทำความเคารพเขาทันที ทำให้หางคิ้วจะกระตุกแปลกๆ...กูไปเป็นลูกพี่มึงตอนไหนครับ ขอถามที
“ขึ้นไป ไอ้หัวส้ม ประหยัดเวลา”ชาร์คผลักซาลีให้นั่งตรงกลางแล้วเขานั่งประกบ
“เข้าไปในเมือง...ให้ว่อง...แต่ถ้ามึงยกล้อหรือเบรกเหมือนตอนนั้น กูกระทืบมึงแน่”คนขับพยักหน้ารัวๆทันที ก่อนจะสตาร์ทรถออกไปอย่างนุ่มๆ ส่วนชาร์คก็กำเสื้อคนตัวเล็กกว่าตัวเองสองสามฝ่ามือที่นั่งหน้าไว้แน่น...ก็มันกลัวตกนี่หว่าภูมิประเทศที่เป็นต้นไม้ใบหญ้าเริ่มกลายเป็นป่าบางตาผสมกับคอนกรีตไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เข้ามาในตัวเมือง
“นี่เบอร์ผมครับ ถ้ารุ่นพี่อยากให้อะไรก็ใช้ได้เลยนะครับ”คนขับรถบอกแล้วยื่นกระดาษที่มีตัวเลขสิบหลักมาให้
“ฉันไม่มีโทรศัพท์”เสียงเข้มบอกแล้วเดินลิ่วๆไปกับซาลี พร้อมกระดาษในมือ
“ต้องไปซื้อโกโก้ที่ไหน”ชาร์คถามซาลีที่เดินก้าวให้ทันอยู่ด้านหลัง
“ระ ร้านหน้านู้นครับ”ซาลีว่าเสียงสั่นๆและหอบ จนชาร์คต้องถอนหายใจ แล้วชะลอการเดินมาข้างๆเด็กหนุ่ม
“มานี่”มือแกร่งจับมือเด็กหนุ่มข้างๆตัวเอาไว้...คนเยอะแบบนี้เดี๋ยวปลิวหาย
“อะ เอ๋ ไม่ต้องจับก็ได้นี่ครับ”ชาร์คปรายตามองก่อนถอนหายใจ...ถึงอย่างนั้นก็ไม่ปล่อยมือ...ปล่อยก็หายไปจริงๆน่ะสิ
“ใช้โกโก้อันนี้ต่างหากล่ะ ซื้อช๊อกโกแลตไปเผื่อด้วย ท๊อปปิ้งด้วยก็ดี”ชาร์คบ่นๆ แล้วแนะนำซาลีเกี่ยวกับเรื่องขนมอีกเยอะแยะ จนหนุ่มผมส้ม มองอย่างทึ่งๆ
“เอ่อ...คุณ ชาร์ค รู้เรื่องพวกนี้ดีจังนะครับ”ซาลีว่า พลางมองใบหน้าคมที่พูดเรื่องอาหารการกินอย่างจริงจัง
“อือ งานอดิเรกน่ะ”ชาร์คว่าต่อแล้วเพ่งเลือกน้ำตาลหลายๆยี่ห้ออย่างตั้งใจ
“งั้นคุณชาร์คก็ทำอาหารเป็นหรอครับ”ซาลีถาม
“เป็น แล้วก็อย่าเติมคุณนำหน้า ฉันไม่ค่อยชอบ”ชาร์คบอก
“งะ งั้น..ท่านชาร์ค”ซาลีว่าอย่างกลัว
“ชาร์คสิโว้ย ชาร์คเฉยๆ”ชาร์คตวาดกลับทันที
“ชะ...ชะ...ชาร์ค”ซาลีว่า
“เออ...ส่วนนี่ซื้อไปด้วยเก็บในตู้ จะทำให้กินตอนเช้า...นายอยากกินอะไรไหม...ซาลี”ชาร์คถาม ในมือถืออุปกรณ์ทำแพนเค้กไว้
“อะเอ๋..ของที่อยากกินหรอครับ....ลาซานย่าครับ”ซาลีบอกถึงอาหารที่อยากลองกิน
“ลาซานย่าสินะ...อืม...ใช้เวลาพอควร เดี๋ยวทำให้ไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์ล่ะกัน ไปซื้อของไว้ก่อน...ออริกาโน่ กับเนื้อวัวไม่ติดมัน แผ่นลาซานย่า”ชาร์คพึมพำรายการอาหารแล้วจับใส่รถเข็น จนแทบจะล้มไม้ล้นมือ
“ชาร์คครับมันเยอะไปหน่อยไหมครับ เราถือกลับไม่ไหวหรอก”ซาลีว่าเมื่อของมันเริ่มจะล้นรถเข็น
“....นั่นสินะ.....เดี๋ยวให้เขาจัดส่งกลับให้ล่ะกัน พอแล้วล่ะ”ชาร์คว่าแล้วเข็นรถไปจ่ายเงิน ก่อนจะออกมา
“จะว่าไป ชาร์คบอกว่า ไม่มีโทรศัพท์สินะครับ เดี๋ยวผมพาไปซื้อดีกว่า”พูดจบซาลีก็ลากชาร์คไปร้านโทรศัพท์ทันที แล้วเลือกให้เสร็จสรรพ
“ทีอย่างนี้ล่ะกล้าขึ้นมาเชียวนะ”ชาร์คพูดประชดเล็กน้อย ด้วยความช่างสังเกตซาลีเลยมองเห็นว่าบนใบหน้าเข้มๆนั้น...แอบทำแก้มป่องเล็กๆเหมือนเด็กก็เป็นแหะ
“มันสำคัญนะครับ”ซาลีว่าแล้วยื่นถุงใส่โทรศัพท์ให้ชาร์คทำปากยู่แล้วคว้าถุงมาถือ
“ต่อไปไปซื้อกิ๊ฟกับหนังยาง”ร่างเพรียวเดินดูไปเรื่อยๆ
“จะบ้ารึไง ซาลี ฉันใส่ไอ้นี่ไปมีหวัง แต๋วแตกพอดีไม่เอ๊า”
“เหมาะนะครับ เชื่อผมซี่ เอาอันนี้แล้วก็อันนี้ อันนี้ด้วย อันโน้นก็น่ารัก เอาหมดเลยครับ” ชาร์คเริ่มคิดว่าพอกล้าแล้วซาลีดู...น่ากลัวขึ้นเยอะเลยทีเดียว
“นายนี่น่ากลัวชะมัดเลยขอบอก”ชาร์คว่าแล้วนั่งพักที่ครึ่งทางก่อนถึงโรงเรียน
“พูดไปครับ ชาร์ค”ซาลีว่าแล้วนั่งลงข้างๆ
“คิกๆ อ้อ จะว่าไปเรื่องที่ว่า...คุณฆ่าน้องตัวเองหมายความว่ายังไงหรอครับ”ซาลีเอ่ยถาม ชาร์คชะงักปากที่กำลังกินน้ำในกระป๋องแล้วนิ่งไป
“ฉันจะบอกนาย...แค่คนเดียว...เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ ห้ามบอกใคร และถ้านายรู้แล้ว ต่อจากนี้ จะต้องเรียกฉันด้วยชื่อนี้....”ชาร์คว่าแล้วชูนิ้วก้อยขึ้น
“...อือ จะไม่บอกใครทั้งนั้น”ซาลีเกี่ยวก้อยด้วยแล้วนิ้วโป้งทั้งคู่ก็นำมาชนกัน ก่อนชาร์คจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชาลีได้รับรู้
ทางบ้านพัก
“เฮ้อ ทำไมสองคนนั้นยังไม่กลับมาอีกน๊า....แล้วไอ้กองนี่มันอะไรเนี่ย”ไซรัสว่าพลางมองไปยังกองของอภิมหาของสดที่กองอยู่ในห้องนั่งเล่น
“เขาเอามาส่งน่ะ สงสัยชาร์คจะซื้อม- อ่ะ มาพอดีเลย”ซไมร์ว่าแล้วเปิดประตู ก่อนร่างของซาลีจะโถมเข้ามาน้ำตานองหน้า
“ฮึก แงงงงงง เขา ฮึก น่าสงสารมากเลยง่าแงงงงง”ซาลีร้องให้เสียงดังเรียกให้หลายๆคนเดินเข้ามาดู
“ซาลี แปลว่าความเข้มแข็งของท้องทะเลนะ ร้องให้แบบนี้ไงยังไง ทำให้มันเข้ากับชื่อหน่อยสินิสัยน่ะ”ชาร์คเดินเข้ามาโยกหัวเบาๆแล้วเดินไปจัดของสดใส่ตู้
“ก็มัน....”ดวงตาสีแดงกรอกไปมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วหยิบเนื้อออกมาจากถุงแยกเอาไว้เตรียมนำใส่ตู้เย็น..ที่สภาพดูโกโรโกโสชอบกล ชาร์คเปิดออกแล้วรู้สึกทึ่งทันที ตามชั้นต่างๆมีกล่องอาหารสำเร็จรูปวางระเกะระกะรกตู้ไปหมด กล่องข้าวผัดกินแล้วครึ่งหนึ่งยังเปิดอ้าคาไว้ในตู้เย็น ด้านข้างมีน้ำเปล่าสองสามกระบอกกับน้ำผลไม้..ที่ดุท่าจะหมดอายุไปนานแล้ว
“.....นี่อยู่กันได้ยังไงเนี่ย”ชาร์คพึมพำแล้วหยิบน้ำผลไม้ออกมาดู ก่อนจะโยนลงถังขยะอย่างแม่นยำ...ตามด้วยของมากมายที่ดูไม่น่าพิสมัยใส่ท้องทั้งหลายทั้งแหล่ที่แผ่ขอความเมตตาในห้องเย็น
“...เฮ้ มานี่ที”ชาร์คตะโกนดเรียกคนที่เหลือ เพื่อให้มาช่วย จะใช้เวทย์ก็กระไรอยู่เพราะเวทย์ของเขาค่อนข้างอันตราย และยังแช่แข็งเนื้อไว้ในอุณหภูมิติดลบไม่ได้ด้วย
“อา...ซาลี ธาตุหิมะใช่ไหม แช่แข็งเนื้อสัตว์ไว้หน่อยส่วนที่เหลือ มาช่วยฉันยกตู้เย็น อยู่ไปได้ไงตู้เย็นเขรอะแบบนี้ ถ้ามีหนูซักตัวตายอยู่ฉันไม่สงสัยเลยจะบอกให้”ชาร์คบ่น ก่อนทุกคนจะช่วยกัน ซาลีแช่แข็งเนื้อไว้ตามที่บอกอย่างมุ่งมั่น...เพื่อลาซานย่า...อะเริ่ม...
“ซาลีขอน้ำหน่อย”ชาร์คว่า ภาพนี้คงตลกหน้าดูที่เห็นผู้ชายตัวเป้งๆสีคนมานั่งช่วยกันขัดตู้เย็นขนาดยักษ์ และมีผู้ชายตัวเล็กๆช่วยอยู่ข้างๆ
“ขัดให้มันสะอาดๆหน่อยเซ่ ไซรัส แกขัดหรือแปรงฟันวะ”ซาไมร์บ่นเมื่อไซรัสขัดดูไม่ค่อยออกแรง
“ฉันพยายามอยู่”ไซรัสว่าแล้วเพ่งราวกับจะหาอณูเชื้อโรคในนั้น
“ดีนะที่เป็นตู้เย็นเวทย์ไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่งั้นมีหวัง วาได้ถอดอะไหล่มาล้างทุกชิ้นแน่”ซาลีว่าขันๆเมื่อเห็นเอวาลอนทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมอย่างตั้งใจ
“ซาลี ล้างพวกนี้ที ไซรัสกับซาไมร์ ช่วยกันทำให้แห้ง วา ถ้าจะส่องขนาดนั้นก็ช่วยทำให้ทั่วถึงด้วย”ชาร์คว่า เพราะเอวาลอนขัดทุกซอกทุกมุมก็จริง..มันก็ขัดอยู่ที่เป็นซอกเป็นมุมนั่นแหล่ะ
“เขยิบหน่อย..เอ้า โอเค”
“เฮ้อ”ทุกคนพร้อมใจกันถอนหายใจทันทีเมื่อวางตู้เย็นที่เงาวิ้งเข้าที่เป็นอันเรียบร้อย
“ไปพักไป ทีเหลือฉันจัดการเอง”ชาร์คว่าแล้วเริ่มใส่แผ่นรองเย็นและชั้นต่างๆในตู้เย็น
“ไม่เอา ช่วยแล้วก็ต้องช่วยถึงที่สุด”ซาไมร์ว่าอย่างหมายมาด โดยมีซาลียืนเอากำปั้นทุบอกด้วยความมั่นใจอยู่ข้างๆ
“...งั้นก็หยิบเนื้อวัวไม่ติดมันมาให้ที”ชาร์คว่าพลางหันไปยุกยิกกับตู้เย็นต่อ
“...เอ่อ...อันไหนอ่ะ”ซาไมร์ถาม
“อยู่ข้างๆผักกาดขาวไง”
“...ไหนผักกาดขาวล่ะ”
“ก็อยู่ใกล้ๆแผ่นลาซานญ่าไง”
“แล้วไหนมันแผ่นลาซานญ่าล่ะ”
“.....”ชาร์คถอนหายใจก่อนจะหันมาแล้วพูด
“อยากช่วยใช่ไหม”ทั้งสี่พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
“เห็นเก้าอี้นั้นไหม”ชาร์คชี้ไปยังเก้าอี้ห้าตัวที่มุมกำแพง ทั้งสี่พยักหน้า
“ไปนั่งแล้วอย่าเกะกะ”ชาร์คตวาด ก่อนจะจัดการกับของสดเอง โดยที่ทั้งสี่มองตามอย่างสงบเสงี่ยม
ภาพที่พวกเขาเห็นคือเด็กหนุ่มร่างเพรียวที่กำลังจัดการกับข้าวของในตู้เย็นอย่างกระฉับกระเฉงเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน ทั้งล้างผัก หั่นหมูจัดเก็บอื่นๆก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ...อ่า....ใครได้เป็นสามีชีวิตนี้คงสบายชัวร์ๆ
“อยากกินอะไรล่ะคืนนี้”ชาร์คถาม
“ฉันอยากกินมัสมั่นของประเทศไทย”ไซรัสยกมือขึ้นพูดอย่างรวดเร็ว
“ฉันด้วย”
“ผมอยากกินน้ำพริกปลาทู อยากรู้มันเผ็ดแค่ไหน”ซาลียกมือ
“ฉันอยากกินสลัดผัก”เอวาลอนยกมือพูดเช่นกัน เมื่อได้คำตอบ ชาร์คกํหมุนตัวไปหยิบของจากในตู้เย็นออกมาทำทันที
“ชิ”เสียงเข้มสบถเมื่อผมยาวๆของตนบัดนี้มันได้กลายเป็นอะไรที่เกะกะมากๆไปแล้ว
“...ก้มลงมาสิชาร์ดี้”ซาลีว่า สรรพนามนั้นเปลี่ยนไปตามคำสั่งของชาร์ค ร่างสูงกว่าก้มลงตามคำบอกหนังยางผ้ามัดรวบเรือนผมสีนิลสวยเอาไว้จะได้ไม่เกะกะ
“ขอบใจ”ชาร์คบอกแล้วหันกลับไปทำอาหารต่อ
“อื้ม อร่อยโว้ย เชฟชัดๆเลยชาร์ค”ซาไมร์ว่าแล้วจ้วงมัสมั่นกินไม่หยุด
“เหมาะเป็นภรรยาที่น่ารักของฉันเลย”ไซรัสว่าพลางยิ้ม ทำเอาหลายคนแทบสำลัก
“ก็รู้ว่าเกย์หรอกนะ แต่ถึงขั้นทำภรรยา นายนี่น่ากลัวขึ้นทุกวันแล้วนะไซนัส”เอวาลอนว่าในปากยังคาผักกาดไว้
“ไซรัสโว้ย ไม่ใช่ไซนัส”ไซรัสแย้งขึ้นเมื่อชื่อถูกเรียกผิด
“พรุ่งนี้ ผมจะตื่นเช้าๆมาทำผมให้ชาร์ดี้นะ”ความปรารถนาอันน่ากลัว(สำหรับชาร์ค)ของซาลีเห็นทีคงเป็นเรื่องผมที่ยาวสลวยถึงบั้นท้ายนี่ล่ะ
“.....”ชาร์คไม่พูดอะไรแต่กวนนมในแก้วไปมาอย่างเหม่อๆ
“หืม....เฮ้ ชาร์ค ฮัลโหล ยู้วฮูว”เอวาลอนที่สังเกตเห็นก็โบกมือโบกไม่พร้อมทำเสียงประหลาดๆเรียกร้องให้ชาร์คออกจากอาการเหม่อ แต่ร่างเพรียวไม่มีทีท่าจะหยุด...แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้พวกเขาตะลึง ดวงตาสีแดงที่เหม่อมมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นยังคงนิ่ง แต่มีรอยแต่งแต้มแย้มยิ้มที่มุมปากของหนุ่มผิวซีด ทำให้ได้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้หน้าโหดอย่างที่คิ้ว คิ้วเข้มโก่งเรียวเหรือดวงตาสีแดงคมกริบ นั้นหาได้ดูน่ากลัว แต่กลับดู เย้ายวนในแบบสายตาของหญิงสาว จมูกโด่งเล็กน้อยได้รูปรับกับริมฝีปากสีโอรสอ่อนๆหยักได้รูป แพนขนตูที่งอนยาวกว่าผู้ชายควรจะเป็นนั้นดูเซกซี่ยามปรือลงระแก้ม ยิ้มเมื่อแต่งแต้มรอยยิ้มบางๆ...ราวกับว่าคนตรงหน้าคือสิ่งมีชีวิตจากชั้นฟ้าไม่ใช่ชั้นดิน
ปึก
ไก่ในมือของซาไมร์ตกลงกระทบจานจากการอึ้งมองใบหน้านั้นเกือบจะเคลิ้ม เรียกสติทุกคนให้กลับมา รวมถึงชาร์คด้วย
“...พรุ่งนี้วาเลนไทน์”ชาร์คพูดขึ้นด้วยใบหน้าเหมือนเดิม “ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้ามีใครมาที่บ้าน อย่ารับเด็ดขาด...ไม่ว่าใคร”คำที่แสนคลางแคลงนั้นทำให้พวกเขาสงสัยไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร...ให้ทำไงหน้าโหดๆนั่นกลับดูสวยขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา...มันมองแล้วเขินวุ้ย
ร่างโปร่งนอนนิ่งอยู่บนเตียงสีเทา เส้นผมสีนิลสยายไปทั่วหมอน ใบหน้าสีซีดอยู่แล้วกลับซีดหนักกว่าเก่า เหงื่อกาฬผุดพรายไปทั้งหน้าลามถึงแขนขาและลำตัว ชุดนอนตัวบางชุ่มเหงื่อจนแนบสนิทกับร่างกายให้เห็นทรวดทรงที่ค่อนข้างบางแต่สมส่วนอย่างชายชาตรีได้ชัด
ดูแลน้องๆให้ดีนะ แม่จะไปธุระกับพ่อ
มือแกร่งเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนปรายเท้าจิกลงอย่างไม่รู้ตัว
อยู่คนเดียวนะ ได้ใช่ไหม
ฟันเรียงตัวสวยนั้นกัดกันแน่นสันกรามโก่งนูนตามแรงที่ถูกกระทบจากอารมณ์ที่ส่งผลถึงร่างกาย
ฉับพลัน จี้ในคอก็เปล่งแสงจางๆนวลตาขึ้น ร่างกายที่เกร็งของเด็กหนุ่มค่อยๆผ่อนคลายลง ใบหน้าที่เคร่งเครียดก็ค่อยๆผ่อนลงช้าๆเช่นกัน ในที่สุด ลมหายใจของเขาก็เป็นปกติ แล้วนิทราไปอย่างสบายใจ
.........................................
จบไปกับบทที่สอง..แม้ไม่มีคนอ่านนนนนนนน ตอนหน้ามาวันวาเลนไทน์เน่อ
ความคิดเห็น