ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shark Prince of Demon World(ทดลอง)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 57


     บทนำ

     สเลเยอร์ คือชื่อเรียกขานกลุ่มบุคคลที่ออกตามล่าหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อ กำจัด จับกุม คุมขัง หรืออะไรอื่นๆก็แล้วแต่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ชุมชน หรือตนเอง เช่น เดธสเลเยอร์ คือ นักล่าความตาย จะไปตามสถานที่เก่าแก่ที่มีตำนานเกี่ยวกับความตายต่างๆ เพื่อล่ามา หรืออีกนัยก็ไม่ต่างจากนักโบราณคดี โกสต์สเลเยอร์ คือ นักล่าวิญญาณ เรียกง่ายๆก็หมอผีหรือยมทูต โดยส่วนใหญ่ที่จะเลือกอาชีพนี้ เพราะง่ายต่อการหาเงิน และยังมีอีกมากมายแตกแขนงออกไปอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นชุมชนของชาว สเลเยอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่านักล่า เมืองของพวกเขาถูกสร้างขึ้นในซอกหลืบเล็กๆของโลกที่เกิดจากการปริแตกของแผ่นดินซึ่งเป็นผลกระทบมาจากมหาสงครามเทวทูตเมื่อราวๆหลายปีก่อน เป็นชุมชนขนาดกลาง มีทั้ง โรงเรียน โรงแรม ร้านค้า เปี่ยมด้วยการศึกษาอันเป็นรากฐานของนักล่ามืออาชีพ

    โรงเรียน จิงเกิล อันเป็นแหล่งรวมของนักล่าเด็กหนุ่มมากมายจากทั่วทุกมุมโลก เป็นโรงเรียนชายล้วนอันดับหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ที่เมือง ชาโดว์อันเป็นศูนย์กลางหลักของเหล่านักล่า ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 29 หรือก็คือปัจจุบันนี้ ได้มีการเปิดรับนักเรียนปีหนึ่งชุดใหม่เข้ามาหลังจากเพิ่งมีการจบการศึกษาของปีที่หกไปเมื่อสี่เดือนที่ผ่านมา จะมีการคัดเลือกนักเรียนใหม่ทุกๆวันที่ 1 มกราคมของทุกปี และทุกคนจะจบหนึ่งหลักสูตรการเรียนรู้ระดับชั้นปีในวันที่ 31 สิงหาคม ไม่มีการเลื่อนลดผ่อนหย่อนย่นเวลาใดๆทั้งสิ้น และไม่มีการปิดเทอมหน้าร้อนหน้าหนาวเพื่อขั้นเวลาภาคเรียน แต่ชั้นปีหนึ่งจะเรียนทั้งหมดแค่ ภาคเรียนเดียวเท่านั้น

    “หลบไปซะไอ้กร๊วก ถ้าไม่อยากเป็นซากอยู่ข้างท่อ ก็รีบไสตูดเน่าๆของพวกแกไปให้พ้นสายตาฉัน!!”เสียงเข้มตวาดกร้าว เหล่าอันธพาลรีบลากสังขารตัวเองกุลีกุจอหนีไปไม่คิดชีวิต ดวงตาสีแดงฉานประหนึ่งซาตานจากขุมนรกนั้น ตวัดกร้าวจ้องตามอย่างมาดร้าย จนเห็นเงาดำๆนั้นลับตาไป จึงเบนสายตากลับมามองยังเด็กสาวที่กำลังพิงกำแพงด้วยสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี ใบหน้ายังคงความหวาดหวั่นเอาไว้

    “เอ่อ..ข..ขะขอบ”

    “ยัยเบื้อกนี่จะนั่งอ่อยอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมห๊ะ รีบๆไสหัวไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อปั๊ดจับทุ่ม”ขาแกร่งเขี่ยเด็กสาวออกไปห่างๆตัวราวกับเป็นเศษขยะชิ้นโตแล้วหันหลังเดินไปอีกทาง ขาเรียวแต่กลับดูแกร่งนั้นก้าวยาวๆอย่างมั่นคงเส้นผมสีดำยาวนั้นปล่อยยาวไม่ใส่ใจ แต่กลับเพิ่มความดิบเถื่อนมากขึ้นทวีคูณ

    “อ๊ะ....ซาบะ ซาบะ*”เสียงเข้มพึมพำก่อนจะเปลี่ยนทิศเดินไปอีกทางหนึ่งที่เป็นทางเข้าตลาด

    “...ซาบะ?”เด็กสาวทวนคำงงๆ

     

     

    สวัสดีครับ ผม ชาร์ค(shark)ไอ้หนุ่มหน้าเถื่อนเมื่อกี้นั่นแหล่ะครับ ผมเป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียนจิงเกิล ความจริงโรงเรียนมันเปิดมาได้ราวๆสองถึงสามอาทิตย์แล้วครับ แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมยังไม่สามารถลากสังขารตัวเองมาได้ เลยมาทีหลังคนอื่นเขา โดยอธิการบดีทั้งสิบสี่เรียกตัวพบเป็นการส่วนตัวด้วย

    “ป้า เอาซาบะให้ผมแพ๊คหนึ่ง”ผมพูดกับป้าร้านขายอาหารสด สงสัยตาผมจะขวางโลกไปนิด ป้าแกเลยสะดุ้งลนๆแล้วรีบหยิบซาบะมาให้ผม

    “กี่บาท”ผมถามแล้วล่วงกระเป๋าตังค์ออกมาค้นๆ

    “สะ...สิบสองเดเนลีจ๊ะ”ป้าแกพูด ผมก็หญิงแบงค์แดงให้ป้าแกไป

    “ไม่ต้องทอน”ที่นี่ใช้เงินเป็นเดเนลี แบงค์แดงคือแบงค์ยี่สิบเดเนลี แบ่งม่วง ห้าสิบเดเนลี แบงค์เขียว ร้อยเดเนลี แบงค์เหลือง พันเดเนลี แบงค์เทา หมื่นเดเนลี และเหรียญละหนึ่งเดเนลี กับเหรียญ เดนเน่ สีทองราคาน้อยลงมาหน่อย

    ผมเดินออกมาจากร้านโดยมีซาบะสองตัวในถุงพลาสติกสีขาวที่ถืออยู่ วันนี้ผมว่าจะทำซาบะย่างกิน...อืม...เอาอะไรอีกดีไหมน๊า ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวต้องเก็บเงินไว้ทำโรลเค้กวานิลา....อย่ามองผมแบบนั้นสิ ถึงผมจะหน้าเถื่อนนิสัยถ่อย ถ้อยคำสถุล แต่ผมก็มีงานอดิเรกกับเขาไม่ได้รึไงโธ่ ผมมองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่กลางเมือง ฟอร่าทาวน์ บ่งบอกเวลา 12:48:41 โรงเรียนนัดไปบ่ายโมง ยังไม่ถึงบ่ายโมงเลย เดินไปเรื่อยๆล่ะกัน...อ่ะเดี๋ยวนะ...12:48:43...อ๋า....มีเวลาแค่สิบนาทีกว่าๆเองนี่หว่า!!!!!

    ผมสลัดคร๊าบพ่อบ่านพ่อเรือนเมื่อครู่ทิ้งจนหมด วิ่งไปยังทางโรงเรียนด้วยความรวดเร็วเยี่ยงจรวดบิน ทุกจังหวะก้าวย่างของเท้าทั้งสองข้างก้าวด้วยระยะยาวๆเพื่อเพิ่มสปีด ห่างเป็นกิโล จะทันไหมฟระเนี่ย!!!

    “หลบไปโว้ย”ผมเห็นกลุ่มอันธพาลกลุ่มเดิมที่ผมกระทืบไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกำลังยืนระเกะระกะกันอยู่คล้ายไม่มีอะไรทำ แต่มันขวางทางผม เลยเสิร์ฟทวินคิก(ลูกแตะขาคู่)ไปให้พวกมันซะหนึ่งดอกใหญ่ๆกลางหน้าผาก มีประโยชน์เหมือนกันนี่หว่าเพราะมีแท่นกระโดดผมเลยเกาะกำแพงกั้นชานเมืองกับป่าได้พอดิบพอดีถ้าไปทางนี้ก็ทุ่นระยะเวลาขึ้นเยอะ

    “เวรเอ้ย จะมาจับขากูทำซากอ้อยอะไรไอ้ตูดหมึก หลบไปเว้ย!!”ก็หนึ่งในพวกอันธพาลพวกนั้นมันล๊อกขาผมเอาไว้แน่นแบบลืมหูลืมตา

    “ถ้ารีบใช้ไบท์ผมก็ได้ครับ!!!”ผมชะงัก หันกลับไปมองมันแล้วมองไปยังไบท์สีดำที่ตกแงด้วยสีทาบ้านสีแดงเหมือนเอาเลือดสาด ก่อนจะกลับมามองหน้ามันอีกครั้ง...ไอ้ประกายระยับนั่นมันอะไรวะ

    “เอากุญแจมา”ผมพูดแล้วกระโดดลงจากกำแพง มันโยนกุญแจให้ผม ผมรับแล้วควบทันที ก่อนจะชะงัก...กูขับไบท์เป็นซะที่ไหน...ผมเหล่ไปมองยังกลุ่มเด็กอันธพาลที่อยู่ดีๆก็ทำตัวคล้ายๆเด็กอนุบาลไปซะงั้น...กูจะบอกดีไหมวะ...เสียภาพพจน์แหงแซะ

    “มึงมาขับดิ เดี๋ยวขากลับไม่มีคนเอารถกลับ”ผมพูดออกไปอาเหตุผลมาอ้างจะได้ดูเนียนๆ

    “ลูกพี่เอาไปเลยก็ได้ครับ!”มันตอบกลับมา ทำเอาเส้นเลือดบนหัวผมปูดขึ้น

    “บอกให้มาขับก็ขับดิวะไอ้ซากอ้อย!! อย่าให้ต้องพูดซ้ำเดี๋ยวกุจะหักคอมึงไปจิ้มน้ำพริก!!!!”ผมตวาดใส่ มันรีบกุลีกุจอมาขั[ทันที...เอ๊ะ...แล้วซ้อนไม่มีที่จับแบบนี้กูก็ตกดิ....จับเอวแมร่งนี่แหล่ะ

    “อ๊ะ....ละ...ลูกพี่มากอดผมแบบนี้ผมขับไม่ถนัดนะครับ”อยากถามกูเป็นลูกพี่มึงตอนไหนไม่ทราบ

    “ขับๆไปเหอะน่า หนาว!!!!”ผมบอก มันเลยรีบสตาร์ทเครื่องแล้วบึ่งออกไปทันทีผมหันไปมองนาฬิกา

    12:56:14

    “ชักช้าโว้ย ให้เร็วกว่านี้เด้ ให้ถึงภายในสองนาทีเลยนะไอ้ทากเน่า!!!!!!!!1”ผมรีบตวาดใส่มันทันที มันก็บิดไบท์จนสุด ผมที่กลัวตกก็กระชับอ้อมกอดมันแน่นขึ้น...อะไรน่ากลัวกว่ากันวะเนี่ยระหว่างตกรถกับกูโดนสวด ไม่รู้แมร่งแล้ว

    “ถะ...ถึงแล้วพี่”มันเบรกซะผมหน้าคว่ำ

    “เบรกหาบิดามึงหรอแรงขนาดนี้ห๊ะ จอดนิ่มๆเป็นไหมไอ้ฟาย!!!”ผมกระโดดลงแล้วด่ามันทันที มันเหลือบผมแล้วหันหนี หน้าแดงๆแล้วเหล่หันกลับมามอง....มึงเป็นอะไรของมึงไม่ทราบ ท่าทางแบบนั้นมันมีเสียวดากนะเว้ย

    อ่ะ...ไม่ใช่เวลากังวลเรื่องนั้นนี่!!

    “เวลาพ่องมึงเลื่อนเร็วขนาดนี้ทำซากไรวะ!”ผมสบถด่าเวลาก่อนจะก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว...วิ่งนั่นแหล่ะไปช้าแล้วถูกตัดสิทธิ์เข้าสอบ กลับบ้านไปคงโดนตาแก่สวดครบบทชินบันชรแหง หยองวุ้ย

    จากโรงเรียนจะมองไม่เห็นนาฬิกาประจำเมืองที่ตั้งอยู่ไกลออกไป ถึงแม้จะใหญ่แต่ถูกแมกไม้บดบังเอาแบบนี้ก็ไม่ไหว สิ่งที่จะบอกชะตาผมได้ตอนนี้มีอย่างเดียว คือสิ้นเสียงกริ่งโรงเรียนน่ะสิ! ผมรีบก้าวจ้ำพรวดๆทันที ห้องอธิการบดีอยู่ชั้นสี่ บันไดเป็นบันไดเวียนที่ชอบแกล้งคนเปลี่ยนทิศทาง ตอนนี้อยู่ที่โชคแล้ว ว่ามันจะเกิดอารมณ์อยากแกล้งผมหรือทำหน้าที่ที่ดีต่อไป

    ปึง

    ผมเปิดเข้ามาในหอคอยบันไดเวียนแล้ว เป็นบันไดหมุนไปถึงประตูหนึ่งในชั้นสี่ที่อยู่สูงลิบขึ้นไป ผมลองค่อยๆเหยียบขึ้นบันไดเพราะไม่รู้จะมีกับดักอะไรวางไว้รึเปล่า สนิฟชอบแกล้งวางกับดักไว้ที่บันไดไว้แกล้งคน...ไม่เข้าใจเลยพวกภูตชอบแกล้งคนหมดเลยรึไง สองสามขั้นก็โอเคแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรมาก

    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    แย่แล้ว!!! กริ่งจะดังอยู่ราวๆสิบถึงสิบสองวิ เอาวะ วิ่งโว้ย!!!!!!

    ครืน!

    ว่าแล้วว่าต้องมี บันไดที่สภาพดีๆนั้นเริ่มกลายเป็นซากปรักหักพัง ผุเป็นรูทั่วไปหมด ด้วยความเร็วส่วนตัวของผม ตอนนี้อีกไม่กี่ขั้นก็จะถึงประตู...อีกไม่กี่วิกริ่งก็จะดับ

    ครืน

    “อ๊ากกกกกกก”ก้าวพราดนิดเดียวบันไดก็ล่วงลงไปหมด เอาวะ!!!ผมทำองศาให้เหมาะแล้วใช้แรงขาถีบตัวจากอิฐที่เป็นเศษบันไดก้อนใหญ่พุ่งเข้าประตูทันที

    ปึง โครม!!!!!

    เข้ามาได้แล้วโว้ย ผมเงี่ยหูฟังเสียงกริ่งที่ค่อยๆดับลงอย่างโล่งอก...รอดไปที...ไม่ทันที่จะหายใจได้ทั่วท้องผมก็ต้องตัวเกร็งอีกครั้งด้วยสายตาจากอธิการบดีทั้งสิบส....อ่ะ....ทั้งสิบสองคน หน้าตาแต่ละคนยังหนุ่มๆกันอยู่เลยไม่น่าเชื่อว่าจะดำรงตำแหน่งมาได้ แต่คนแก่ แค่กๆ ผู้อาวุโสก็อย่างนี้แหล่ะคนใช้คาถาซักบทคงความหนุ่มสาวเอาไว้

    “มาเฉียดฉิวเลยนะชาคุจัง”เสียงทุ้มๆบอกผม ผมจำได้ดี มีคนเดียวที่เรียกผมแบบนี้...ท่านอาลูซ

    “โทษบันไดกับสนิฟเล่นพิเรณดิ เกือบตกลงไปเป็นอาหารซาลามานเดอร์”ผมตอบกลับไปทันที ไอ้คนที่สนับสนุนสนิฟกับภูตบันไดเล่นอะไรแบบนี้ก็ตาแก่เนี่ยแหล่ะ

    “เมื่อกี้ เธอ ซ้อนท้ายไบท์ผู้ชายเข้าโรงเรียนมาหมายความว่ายังไงฮะ!!!”ผมสะดุ้งเฮือก ตาแก่ไมค์กี้นี่ก็อะไรไม่รู้ ผมลืมบอกไปสินะครับ ร่างกายของผมอยู่ในเกณฑ์ของ “สิ่งมีชีวิตผิดปกติ” ไม่ใช่ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เป็นได้ทั้งสองอย่างตามมโนสตินึก...แต่ผมชอบอยู่ในร่างชายมากกว่า ทำอะไรง่ายดายกว่าตั้งเยอะ แล้วตาแก่ไมค์กี้นี่ดันหวงผมในฐานะหลานสาว เป็นตาแก่ที่งี่เง่าจริงๆ

    “พูดมากปากเหม็นนะตาแก่ ตอนแรกกะจะให้มาเป็นสิบๆคน”ผมพูดประชดออกไป น่ารำคาญตายชัก

    “กรี๊ดดดด ราฟดูดิดูๆๆๆๆ ชาดี้ไปติดนิสัยแบบนี้มาจากใครกันเนี่ย!!”นี่คือชื่อที่คนอื่นเรียกผมครับ ชาดี้ เออ....มันแปลว่าไรว๊า

    “ทำใจเถอะไมค์กี้ แต่ดีอยู่อย่าง ถ้ามีนิสัยแบบนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่า แอสโมดิวส์ จะมาซิวไปกก”อะเริ่ม....อัครเทวทูตสวรรค์พูดแบบนั้นมันจะดีเรอะ!!! ใช่แล้วครับสำหรับคนที่สงสัย อธิการบดีโรงเรียนจิงเกิลคือ สิบสี่ที่ปรึกษา เจ็ดจากสุดขุมนรก บาปทั้งหลาย เจ็ดจากสุดเมืองเทวโลก อัครทูตสวรรค์ แต่นี่มาแค่ห้า ขาดซาตานกับกาเบรียลไป ซึ่งผมไม่ค่อยแปลกใจ...คงไปสวีทกันที่ไหนซักที่ ผมก็ยังอยากจะถามนะว่าเขาไปรักกันยังไง แต่เกิดมาสิบหกปี ยังไม่กล้าถามซักทีเลยขอบอก

    “ผมมารายงานตัวแล้วนะ เข้าเรียนได้ใช่ไหม”ผมถามออกไป อยากพักเต็มแก่ มาถึงตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ ยังไม่ได้นอนซักงีบเลย

    “เดี๋ยวๆๆๆ ต้องตอบคำถามก่อน”ตาแก่ไมค์กี้หรือองค์มิคาเอลรีบกลับไปนั่งที่ให้เรียบร้อย

    “ไม่ต้องมั้ง ไมค์กี้ ถ้าเป็น ชาดี้ตอนนี้คงตอบว่า ปล่อยมันไปโดยไม่ทำอะไร อย่างนี้รึเปล่า”องค์อิสรอเอลบอก

    “นั่นสิ ดูสภาพคงจะใช่”องค์เรมิเอลเสริม

    “เอาน่าๆ ไมค์กี้เขาอุตส่าห์คิดมาทั้งปี”เสียงจากอีกฝั่งพูดขึ้นเบลเซบับกำลังจ้วงเลย์อยู่

    “เบลเซ พูดเกินไปแค่ประมาณ สิบเอ็ดเดือนกว่าๆเอง”เบลเฟกอลพูดแล้วถไลหัวไปกับโต๊ะ

    “เบลเซ เบลเฟ เสียมารยาท นั่งดีๆนะ”เสียงหวานๆของลิเวียธานดังขึ้นเอ็ด บาปทั้งสองที่เด็กที่สุด จนต้องรีบนั่งตรงๆทันที

    “ไม่แน่นะ คำตอบของชาดี้อาจจะเกินคาดก็ได้”รากูเอลบอก

    “นั่นสิน๊า”แอสโมดิวส์พูดแล้วหัวเราะเบาๆ

    “คำถามคือ...”มิคาเอลพูด ผมยืนเอามือล้วงกระเป๋าพร้อมเอียงคอเล็กน้อย รังสีกดดันแผ่ออกมาเป็นวงกว้าง แต่ผมชินแล้วล่ะ

    “ถ้าเธอมีน้องอยู่สองคนที่เธอรักมาทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้ชาย พลัดตกลงไปในเหว เธอเลือกช่วยมาได้คนเดียว และหน้าผานั้นสามารถยืนได้แค่สองคน เธอจะทำยังไง”สิ้นเสียงนั้นมีแต่ความเงียบ จนผมต้องถามออกไป

    “แค่นี้หรอ”พวกเขาพยักหน้า ผมหัวเราะ หึ ในลำคอออกมาเบาๆ

    “คำถามบ้าๆ คิดได้ไง”ผมถามออกไปอย่างสงสัยจริงๆ

    “ตอบ...”น้ำเสียงกดต่ำกดดันผม....ผมว่าพวกเขาต้องพนันอะไรกันไว้แน่เลย

    “ผมจะฉุดน้องสาวขึ้น....”ผมพูดแค่นั้นก่อน ทุกคนเงียบอึ้งๆเหมือนคาดไม่ถึงในสิ่งที่ผมพูด เพราะมันธรรมดามากกกก

    “อ้อ...หรอ....”มิคาเอลเปิดแฟ้มเอกสารของผมขึ้นมาแล้วทำท่าจะเซ็น

    “....แล้วกระโดดตามน้องชายลงไป”พูดจบผมก็ยิ้ม

    “บ๊ะ เห็นไหมข้าบอกแล้วชาดี้ต้องมีอะไรเซอร์ไพร์!!!!!”องค์รากูเอลตบโต๊ะแล้วแท็คมือกับแอสโมดิวส์....เออ ตูรู้ว่าพวกเอ็งแก่แต่ตัวหัวสมองเท่าปอหนึ่ง...ซึ้งในรสพระธรรมละ

    ผมมองพวกเขาชุลมุนกันเงียบๆ สิบสี่ผู้ยิ่งใหญ่ในโลก กำลังเล่นกันเหมือนเด็กก็นะ พวกเขาก็มีหัวใจมีความรู้สึกเหมือนกันล่ะ ผมจะฉุดน้องสาวขึ้น....แล้วกระโดดตามน้องชายลงไป....ถ้ามัน...สลับกันล่ะ

    น้องชายฉุดผมขึ้น แล้วเขากับน้องสาวก็กระโดดลงเหวไป

    .

    .

    .

    ไลท์....

    “เฮ้ๆๆๆๆ ชาดี้ของข้าเหม่อซะแล้ว”อิสรอเอลบอกผมให้รู้สึกตัว ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมไม่เติมท่าน หรือ องค์ ซึ่งเป็นสรรพนามอันเคารพผู้สูงส่งให้พวกเขา....มันไม่จำเป็นเลยซักนิด....ดูอย่างไมค์กี้กับราฟ ที่เถียงกันว่าใครจะออกค่าเลี้ยงข้าวคนชนะตอนนี้....ก็มันไม่น่าเคารพซักนิด

    “ผมกลับล่ะ ไปนอนหอรวมใช่ไหม วันนี้ผมพักนะยังไม่ได้นอนเลย”ผมพูดบอกองค์เรมิเอลที่นั่งเงียบๆราวกับรูปปั้นถูกลืมอยู่ด้านหลัง จนเราเดินออกจากห้องมาด้วยกัน

    “อืม เดี๋ยวอาบอกพวกเขาให้ ไปนอนเลยนะ....ชาร์ค มานี่ก่อนสิ”ไม่ทันที่ผมจะลงบันไดไป อาก็คว้าผมเอาไว้ จนปลิวเข้าอ้อมกอดเขาทันที...กูตัวเบาขนาดนั้นเลยหรอครับ!!!!

    “เรื่องชื่อของเราและแผลเป็นนี่ อย่าบอกใครนะรู้ไหม”อาเขาพูดเบาๆราวกลัวใครได้ยิน

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แผลเป็นน่าเกลียดแบบนี้ให้ตายก็ไม่ให้ใครเห็นหรอก แล้วชื่อห่วยแตกที่พวกลุงๆป้าๆตั้งสิบสี่คนช่วยกันตั้งจนออกมาเละๆแบบนั้นใครจะอยากเอาไปป่าวประกาศ ไม่รู้ใช้สมองหรือหัวแม่ตีนคิด ไม่งั้นก็มีมันสมองเท่าไข่ปลา”ผมบ่น เรมิเอลเขาหัวเราะ

    “ชาร์ค...ลืมเรื่องไลท์ได้แล้วใช่ไหม”สิ้นคำถามผมสะดุ้งสุดตัว...ผมต้องลืม...น้องชายตัวเองหลังจากคืนนั้น...คืนที่เขาทิ้งผมไป

    “เออ ไอ้น้องแบบนั้นจะจำไว้ให้รกสมองทำซากปลาทูเน่าเรอะ ถามทำไม”ผมถามกลับ

    “....ช่างเถอะ”ตาลุงนี่ใช้ตาสีซีดๆนั้นจ้องผมเขม็งครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาให้ผลักหลังผมเบาๆเดินต่อไป

    “ออกจากประตูไปอาคารสีดำซ้ายมือ รหัส 44 เตียงคู่ชั้นบน ของเรา”ลุงเรมิเอลบอก ผมเดินลงบนไดไปเรื่อยๆ....สนิฟหายไปไหนไม่รู้หมด...อย่าบอกนะว่า....

    โครม!!!!!!!!!!!


    กูว่าแล้ว!!!!!!!!!! ที่หายไปไหนหมดก็แค่พวกสนิฟคงใช้เวทค่อนข้างเยอะมากแล้วจึงไม่อยากใช้อีก รวมตัวกันขวางทางเท้าผมนี่ไงครับ

         “ถ้ายังเล่นอีกผมจะจับพกคุณโยนลงบ่อซาลามานเดอร์นะครับ”ผมพูดกับภูตจิ๋วตัวเท่าฝ่ามือกลุ่มหนึ่ง จนเจ้าตัวเล็กๆเหล่านั้นสะดุ้งหนีหายไปในทันที คงเพราะดวงตาสีแดงฉานที่เหมือนกับตาแก่แหงๆ หลายๆคนคงจะพอเดาออกแล้วใช่ไหมครับว่าผมเป็นใคร แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ผมจะบอกให้เอาบุญก็ได้ เพราะหัวสมองสวะๆของพวกยายแก่พวกคุณคงยังไม่ถึงขั้นเท่าไหร่(มองอย่างเหยียดหยาม) ผม...

     

     

    ชาร์ค อเดลารอส

    ว่าที่องค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่ง ทายาทอสูรคุมคุกที่เลวร้ายที่สุด

    โอรสองค์โตของมหาบาปแห่งโทสะ

    ว่าที่

    ซาตานลำดับที่สอง

    ........................................................................................................................................
    จบไปแล้วครับกับบทนำ..เป็นไงบ้างเอ่ย แนะนำบลัดหน่อยน๊า
    เจอคำผิดแล้วทักด้วยเน่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×