ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องราวของผู้ที่ภายหลังได้ชื่อว่ามอนสเตอร์

    ลำดับตอนที่ #7 : รวมกลุ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 58


    ตอนที่ 6 รวมกลุ่ม

    วันที่ 20 เดือน 3 ปี 2113

    หลังจากออกเดินทางมาได้วันกว่าๆ
    ผมก็เจอกลับกลุ่มคนที่คิดว่าจะน่าจะเป็นพวกของผมแล้ว

    พวกเขากำลังเดินเข้าออกสถานที่ที่เหมือนเป็นบ้านร้างแห่งหนึ่ง

    ถึงจะบอกไปว่าใช้เวลาเดินทางตั้งวันกว่าๆก็เถอะน่ะ
    ความจริงมันก็ไม่ได้มีระยะทางไกลขนาดนั้นหรอก

    แต่เป็นเพราะเวลาจะเคลื่อนที่สักครั้งก็ต้องคอยสอดส่องอยู่ตลอด
    เพราะว่าเพื่อเดินอยู่ดีๆก็โดนมอนสเตอร์โจมตีเข้าใส่โดยไม่ทันระวัง

    ถึงอย่างน้อยจะโดนโจมตีเข้าอย่างแรงก็มีโอกาศจะตอบสนองเพื่อลดความเสียหายไปเยอะใช่ไหมล่ะ ?

    เพราะอย่างนั้นกว่าจะเคลื่อนที่ได้สักหนึ่งกีโลนี่ก็ปาไปหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน
    ซึ่งขนาดมองซ้ายมองขวาขนาดนั้นแล้ว ก็ยังไม่พ้นจะต้องสู้กับมอนสเตอร์ซะได้

    เช่นตอนที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านตึกที่กลายเป็นซากเนื่องจากอะไรก็ไม่ทราบอยู่
    ก็มีมอนสเตอร์หล่นลงมาดักหน้าจากที่ไหนก็รู้อีก

    แต่โชคดีที่เลเวลมันไม่ค่อยจะเยอะสักเท่าไหร่ก็เลยต่อยไปสองสามทีก็กลายเป็นก้อนแสงไปแล้ว

    ก็แหมมอนสเตอร์ที่เจอตัวแรกมันเลเวลห้าสิบใช่ไหมล่ะ
    ตอนแรกก็สงสัยอยู่แล้วล่ะว่าเลเวลแบบนั้นมันสูงเกินไปสำหรับเริ่มต้น

    ทำให้พอเวลามาเจอกับตัวอื่นๆที่น่าจะเป็นเลเวลปกติก็รู้สึกเหมือนมันค่อยไม่น่ากลัวเลย
    แล้วก็นับจากตอนนั้นก็ไม่เคยเห็นมอนสเตอร์ตัวไหนเลเวลเกินยี่สิบอีกแล้วด้วยสิ

    สงสัยตอนนั้นจะดวงซวยจริงๆล่ะมั้ง

    หลังจากที่กำลังนึกย้อนไปยังความทรงจำที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์อยู่
    ก็เดินเข้าไปด้านในของบ้านแล้วเดินตรงเข้าไปที่ห้องที่อยู่ข้างในสุด

    แล้วพอเปิดประตูออกก็มีเสียงที่รู้จักดังขึ้นมา

    "อ้าวไง ! มาแล้วหรอ"

    คนที่เหมือนกำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงาน เมื่อเห็นผมก็ตะโกนทักทันที

    เขาก็คือเพื่อนคนสำคัญของผมนั่นเอง

    "เออ มาแล้ว ทำไมนายไม่พาคนไปรับหน่อยเนี่ย "
    "ก็รู้นี่ว่าตั้งแต่ตอนนั้นมีมอนสเตอร์โผล่ออกมาแค่ไหน"

    ผมถามไปอย่างหัวเสียเพราะถ้าเขาส่งคนมาช่วยอาจจะมาถึงนี่ได้รวดเร็วกว่านี้

    "โหย สำหรับนายที่ได้ฉายาว่า[ผู้แข็งแกร่ง]คงไม่จำเป็นต้องส่งใครไปช่วยหรอกมั้ง"
    "เอาจริงคงส่งไปเป็นได้แค่ตัวถ่วงมากกว่า"

    เขาพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วยิ้มให้กับผม

    ลืมบอกไป ผมได้ฉายานั้นมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แล้วล่ะ
    เพราะว่าผมเคยเอาชนะคนมากกว่าสี่สิบคนด้วยตัวคนเดียวได้

    กลับมาที่เพื่อนของผม ผมคิดว่าเขาค่อนข้างแปลก

    เพราะเขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหมือนตั้งแต่พวกเราพึ่งเคยเจอกัน
    ทั้งที่พวกเรายังไม่ค่อยจะรู้จักกันแท้ๆ แต่เขาก็ทำเหมือนเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วอะไรแบบนั้น

    หลังจากที่เขาตอบผมเสร็จ เขาก็ลงมือตรวจสอบต่อ

    "นายกำลังดูอะไรอยู่น่ะ"

    ผมสงสัยก็เลยถามออกไป

    สักพักเขาก็ขยับตัวเป็นนั่งหลังตรงชิดติดเก้าอี้แล้วเอามือสานกันใว้ตรงหน้าผาก

    "เนื้อหาเกี่ยวกับช่วงเวลาในตอนนี้น่ะ"
    "เพราะใอ้เจ้าพระเจ้าบ้านั่นดันทำอะไรตามใจตัวเอง ก็เลยต้องให้คนไปหาข้อมูลพวกนี้มาไง"
    "เพราะการที่มีความรู้เยอะมันเป็นประโยชน์กว่าใช่ไหมล่ะ"

    เขาตอบกลับมาด้วยใบหน้าจริงจัง

    "ทำอะไรสมเป็นนายดีนิ"

    พอผมตอบกลับไป สีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง

    ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะเนื่องจากในสมัยก่อนความจริงแล้วก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็ยังทำอยู่นั่นล่ะ

    เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าปกติแล้วเราจะรวมตัวกันเพื่อไปทะเลาะวิวาทกับกลุ่มอื่นอยู่บ่อยๆ
    ถึงจะบอกว่าเป็นทะเลาะวิวาทก็เถอะแต่มันก็ไม่ได้เหมือนพวกนังเลงที่พอเดินชนนิดหน่อยแล้วก็หาเรื่องหรอกน่ะ

    เพราะว่าผมอยากที่จะรู้ว่าตัวเองนั่นแข็งแกร่งได้แค่ไหนและผมก็คิดว่าคนอื่นๆก็น่าจะมีเหตุผลอื่นต่างๆกันออกไป

    ซึ่งเวลาเราจะต่อสู้กับกลุ่มอื่นสักครั้งหนึ่งนั้นก็ต้องมีการหาวิธีเอาชนะก่อน
    และไอ้เพื่อนคนนี้แหละที่จะเป็นคนหาข้อมูลแล้วก็วางแผนเพื่อให้เอาชนะกลุ่มอื่นได้ง่ายๆ

    ผลคือทำให้กลุ่มของเราไม่เคยแพ้ให้กับกลุ่มไหนเลยสักครั้ง
    แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือต่อให้มีแค่ผมกับเพื่อนคนนั้นก็เอาชนะได้ทั้งกลุ่มนั่นเอง

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตอนที่กำลังย้อนความให้ฟังอยู่นี่เองเพื่อนคนนั้นก็ถามออกมา

    "แล้วนายรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องในตอนนี้ล่ะ"

    เขาถามผมด้วยท่าทางแบบต้องมีเรื่องที่นายยังไม่รู้แน่ๆ

    ผมก็เลยเรียบเรียงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วบอกเขาออกไป

    "ไปนอนล่ะ ฝันดีครับ"

    เพื่อนผมก็ทำเหมือนจิตตกแล้วเดินไปนอนบนเตียง

    "อ่อ ช่วยปิดไฟให้ทีน่ะขี้เกียจลุกไปปิดซะด้วยสิ"

    ไอ้รีแอคชั่นแบบนั้นมันอะไรกันครับ

    แล้วก็ไฟน่ะมันดับอยู่ไม่ใช่หรอครับ

    คุณก็รู้อยู่แล้วเลยจุดเทียนแล้ววางใว้บนโต๊ะไม่ใช่หรอครับ

    แล้วนี่คิดว่าผมเป็นคนไม่รับรู้เรื่องรอบตัวขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน
    ถึงจะเห็นผมเป็นแบบนี้ก็เถอะ สมองผมก็ดีในระดับหนึ่งเลยน่ะ

    แต่ผมก็ไม่ได้พูดมันออกไป

    หลังจากที่สะกิดเบาๆด้วยการเตะขาเตียงหักไปข้างหนึ่ง
    เพื่อนผมก็ล่วงลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง

    "โอย ทำอะไรของนายเนี่ย"

    อ้อเปล่าครับ พอดีเมื่อยขาก็เลยยืดนิดหนึ่ง

    แล้วเตียงก็ดันมาอยู่ด้านหน้าแบบพอดิบพอดี

    ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆน่ะครับ

    "จะเอาใช้ไหมงั้นก็ได้ มาวัดกันดีกว่าใครเลเวลมากกว่าชนะ"

    เสียงของเขาเหมือนคนที่มั่นใจว่าจะชนะน่าดู
    สงสัยคงจะไปลองฆ่ามอนสเตอร์มาเยอะแล้วล่ะมั้ง

    พอเปิดหน้าต่างสเตตัสให้เขาดู
    หลังจากเขาอ่านเสร็จก็ทำหน้าเหมือนพึ่งนึกอะไรออก

    "อ้าว นี่มันเลยเวลานอนแล้วนี่นา"

    พอเขาพูดเสร็จก็เดินกลับไปหาเตียงที่ขาหักแล้วยกแค่ที่นอนออกมาวางกับพื้น
    เสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอน

    "ราตรีสวัส---  แอ้ก !"

    อยู่ดีๆเขาก็ส่งเสียงร้องออกมา

    ตอนแรกก็สงสัยอยู่หรอกน่ะว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
    แต่แล้วก็รู้ตัวว่าเท้าของตัวเองไปชนเข้ากับหลังของเขาเข้าอย่างแรง

    "อ้าว..."

    "ไม่ต้องมาอ้าวเลยเฮ้ย !"
    "ดูก็รู้ว่านายตั้งใจ แถมพูดเสียงเรียบแบบหุ่นยนต์อีกต่างหา----  แอ้ก !"

    หลังจากที่รู้สึกว่าเริ่มรำคาญเท้าของผมก็ดันไปชนเข้ากับเขาอีกหลายๆครั้ง
    ไม่ไหวเลยน่ะเจ้าร่างกายนี่อยู่ดีๆก็ทำตามใจตัวเองซะงั้น

    "จะเลิกเตะได้หรือยังครับคุณเพื่อน"

    รู้สึกเหมือนเขาจะเริ่มเจ็บแล้วก็เลยหยุดเท้าลง

    พอเห็นว่าผมหยุดเตะแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนและปัดฝุ่นออกจากเสื้อ

    "แล้วเอาไง นายจะมากับพวกเราไหม"

    เขาถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง

    "แล้วพวกนายมีแผนจะทำอะไรต่อไปล่ะ"

    ผมถามด้วยท่าทีสงสัยและคำตอบที่ผมได้รับก็ทำให้แปลกใจไปชั่วครู่

    "จุดประสงค์น่ะหรอ"
    "ก็[ครองโลก]ยังไงล่ะ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×