ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องราวของผู้ที่ภายหลังได้ชื่อว่ามอนสเตอร์

    ลำดับตอนที่ #6 : ออกเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 58


    ตอนที่ 5 ออกเดินทาง

    วันที่ 18 เดือน 3 ปี 2113

    ผมที่ลองตรวจดูคร่าวๆ แล้วคิดว่าอยู่ในบ้านคนเดียวนั้น
    รู้สึกสงสัยกับเสียงนั้นมาก

    "มีใครอยู่งั้นหรอ"

    ผมพูดกับตัวเองเบาๆ

    ถึงจะไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ก็คิดว่าจะวางหนังสือใว้ที่เดิม
    แล้วค่อยเดินออกจากห้องแล้วลองลงไปดูก่อน

    แต่ตอนที่กำลังที่จะวางหนังสือก็มีหน้าต่างเด้งขึ้นมา

    <นำ[ตำนานที่สาบสูญ]ใส่กระเป๋ามิติหรือไม่>
    ตกลง
    ยกเลิก


    ดูเหมือนว่าถ้าเป็นสิ่งของบางอย่างจะสามารถนำใส่ในกระเป๋ามิติได้เลย
    จะว่าไปก็ลืมเรื่องกระเป๋านี้จนถึงเมื่อกี้เลยนี่หว่า

    หลังจากแปลกใจกับความสามารถในการลืมเรื่องสำคัญของตัวเองเสร็จ
    ก็จัดการกดปุ่มตกลงและหนังสือที่อยู่ในมือก็กลายเป็นแสงหายไปในอากาศ

    อลังการดีจริง

    หลังจากชื่นชมความสวยงามของระบบเสร็จผมก็เดินลงมาด้านล่าง

    พึ่งมารู้ตัวเอาปานนี้ว่าเวลาที่บ้านไม่เปิดไฟแล้วเงียบๆนี่มันรู้สึกไม่ดีแบบแปลกๆ
    แถมบันไดเจ้ากรรมที่ปกติจนถึงเมื่อกี้ก็ส่งเสียงขึ้นมา

    แอ๊ด.... แอ๊ด....

    ผมหยุดขาลงที่ตรงกลางครึ่งระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างของบันได

    จะไปต่อดีไหมเนี่ย

    อ๊ะ นี่ไม่ได้กลัวอะไรหรอกน่ะครับ แค่รู้สึกไม่ค่อยดีเฉยๆ

    พอเริ่มจะทำใจได้ก็เริ่มออกเดินทางต่อ
    แต่ไม่ทันที่จะได้เหยียบบันไดขั้นต่อไป

    ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

    ปกติแบบนี้มันไม่ดีแล้วใช่ไหม มันไม่ดีแล้วแน่ๆอ่ะ
    ถึงจะบอกว่าเป็นขโมยก็เถอะ จังหวะนี้ปล่อยให้มันขโมยของไปก็แล้วกัน

    ถือว่าเป็นการทำบุญล่ะนะ

    ตัวผมจึงพยายามลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็วและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
    พอถึงพื้นก็รีบวิ่งไปที่ทางออกสุดชีวิตเพียงแค่สามวิประตูก็อยู่ตรงหน้าแล้ว

    แต่ความซวยมีอยู่จริงและมีมากมายเกินพอสำหรับผม

    ผมเลยวิ่งไปสะดุดเข้ากับรองเท้าที่ผมถอดทิ้งใว้แล้วล้มลงอย่างแรง

    "โอ้ย..."

    ผมรู้สึกเจ็บกับการที่หัวไปชนตู้เก็บของเล็กน้อยแต่ก็ลุกขึ้นมา
    เพื่อจะเปิดประตูแล้วออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากอยู่ในบ้านนี้แล้ว

    แต่นั่นก็เป็นได้แค่ความหวังชั่วครู่

    เพราะเมื่อหันกลับมาก็เจอกับสิ่งที่น่าจะเป็นมนุษย์มีแผลเน่าเฟะและมีเลือดตามร่างกาย
    อยู่ห่างจากผมไม่เกินห้าเมตรและนั่นทำให้ผมเห็นหน้าตาอันสยดสยองแบบสามมิติกันเลยทีเดียว

    เดี๋ยวก่อนสิไอ้นี่มัน ? ซอมบี้ ? ใช่ไหม ? จริงดิ ?

    ของแบบนี้ผมก็เคยเห็นในหนังกับเกมหลายๆเรื่องอยู่น่ะ
    แต่ว่าถึงผมจะต่อยตีกับคนมาเยอะก็ไม่ได้หมายความว่าเคยต่อยกับซอมบี้น่ะครับ

    และในตอนนี้ผมก็ไม่มีอาวุธอะไรสักอย่างติดตัวเลย
    การชนะมันด้วยมือเปล่าคงเป็นอะไรที่สิ้นคิดที่สุดแน่ๆ

    ผมก็เลยมองไปรอบๆเพื่อเจออาวุธอะไรบ้างสักอย่างพลางมองเจ้าซอมบี้นั่นไปด้วย

    และสิ่งที่ผมพบในบริเวณนี้ก็คือ
    ร่มที่เสียบอยู่ในที่เก็บร่มบริเวณด้านหลังของซอมบี้,รองเท้าที่ผมถอดทิ้งใว้แล้วสะดุดกับมันจนล้มหัวคว่ำ,และสุดท้ายมือของผมเอง

    เอ่อ มันไม่มีอะไรที่น่าจะเรียกว่าอาวุธได้เลยไม่ใช่หรอครับ

    ผมอยากจะร้องไห้แล้วน่ะเนี่ย

    เอายังไงดีล่ะจะถ้าจะใช้มือก็คงไม่ได้
    พอคิดได้อย่างงั้นก็เลยตัดสินใจใช้วิธีสุดท้าย

    ใช้รองเท้านี้ล่ะเป็นอาวุธอย่างน้อยถ้ามันกัดก็ไม่น่าจะเป็นอะไร

    ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะยังไม่แน่ใจเลยว่าถ้าโดนกัดแล้วจะเป็นอะไรหรือเปล่า
    แต่ก็ต้องปลอดภัยใว้ก่อนใช่ไหมล่ะ ให้โดนกัดแล้วต้องตัดแขนทิ้งแบบหนังบางเรื่องนี่ก็ไม่เอาด้วยดีกว่า

    แผนที่คิดใว้ก็คือจะเอารองเท้าเนี่ยทำให้มันเสียหลักแล้วอ้อมกลับไปเอาร่มมาสู้

    อืมอย่างนั้นน่าจะปลอดภัยมากกว่า

    พอตัดสินใจได้ก็เอื้อมมือไปหยิบรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา
    เจ้าซอมบี้ที่เห็นผมเริ่มขยับก็เลยพุ่งตัวเขามาหาผมอย่างรวดเร็ว

    ผมก็ใช้จังหวะนั้นออกแรงหลบนิดหน่อยแต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันรู้สึกว่าเหมือนหลบได้ดีกว่าปกติ
    แต่พอหลบได้ก็อาศัยจังหวะที่เจ้าซอมบี้นั่นยังอยู่ในแรงหน่วงฟาดรองเท้าใส่หัวไปหนึ่งที แต่ปรากฏว่า

    ปึ้ง ! ตุ๊บ...

    หัวของซอมบี้กระเด็นออกจากร่างอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งไปชนประตูก่อนที่จะร่วงลงพื้น

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    อ้าว

    หลังจากนั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนและหน้าจอเด้งขึ้นมา

    "ไอเท็มดรอป"

    ผมที่ยังไม่หายตกใจก็หันสายตามาเพ่งมองที่จอแทนแล้วจึงหายข้องใจ

    [รางวัลจากการฆ่า บอดี้อะไลฟ์: เลเวล 5]
    [ไอเท็มดรอป]
    ก้อนเนื้อเน่า
    [สกิล]
    กินเนื้อสด เลเวล 1

    เลเวลแค่ห้านี่เอง

    ว่าแต่ชื่อนี่มันอะไรครับ

    ใช้ซ้ำกับชาวบ้านชาวช่องแล้วจะตายหรอครับ

    ผมที่เริ่มรู้สึกหน่ายหน่อยๆก็เลยลองเปิดอ่านรายละเอียดของไอเท็มที่ดรอปดู

    [ก้อนเนื้อเน่า]
    รายละเอียด : ก้อนเนื้อเน่าๆ
    ความสามารถ : ถ้าทิ้งใว้อาจจะมีหนอนขึ้น

    ขอบคุณทั้งสำหรับรายละเอียดกับความสามารถที่ทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้นน่ะครับ

    *กดปุ่มทิ้งอย่างไม่ลังเล*

    ต่อมาก็ถึงกับส่วนของสกิล

    "กินเนื้อสดงั้นหรอ ?"

    พอคิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์ก็ได้เลยกดรับไปแล้วก็มีเสียงดังขึ้นเหมือนเดิม

    "กินเนื้อสด เลเวล1 ได้รับ"

    ชักจะรำคาญเสียงบ้านี่แล้วแหะจะปิดมันไปได้ไหมเนี่ย

    และหลังจากที่บ่นไปก็มีหน้าต่างใหม่ขึ้นมาอันหนึ่ง

    [ตั้งค่าเสียง]
    เสียงแจ้งเตือนได้รับไอเท็ม เปิด/ปิด
    เสียงแจ้งเตือนได้รับสกิล เปิด/ปิด
    เสียงเอฟเฟคสกิล เปิด/ปิด
    เสียงเอฟเฟคมอนสเตอร์ เปิด/ปิด
    เสียงผู้เล่นคนอื่น เปิด/ปิด

    เป็นอะไรที่สะดวกเกินไปแล้ว !

    หลังจากตะโกนในใจเสร็จก็เลยลองดูค่าที่ตั้งใว้
    ดูเหมือนว่าตอนแรกจะตั้งเป็นเปิดใว้ทั้งหมดเลยสิน่ะ

    จากนั้นผมก็ตั้งค่าเป็นปิดให้หมดทุกอย่างเลยจะได้ไม่ต้องมีเสียงรบกวรอีก

    พอตั่งค่าเสร็จผมก็ไปสำรวจในบ้านอย่างจริงจังอีกครั้งจะได้ไม่พบมอนสเตอร์แบบเจ้าซอมบี้โดยไม่ได้ตั้งตัวอีก
    หลังจากสำรวจจนทั่วทุกตารางเมตรแล้วก็ไม่พบกับอะไรเลยตัดสินใจกลับไปวางแผนที่ห้องของตัวเอง

    ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรต่อจะให้นอนอย่างเดียวอยู่ในบ้านมันก็ไม่ใช่เรื่องด้วย
    ในตอนที่คิดอะไรไม่ออกอยู่นั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

    "ตื๊ด... ตื๊ด..."

    ผมรีบคว้าโทรศัพท์มาดูทันที

    และพบว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ไม่ค่อยจะมีของผมโทรมา
    ผมเลยกดรับสายทันที

    "อ้าวไง โทรมาทำไมงั้นหรอ"

    ผมเริ่มพูดออกไปก่อน

    "โทรมาทำไมบ้านนายสิ ว่าแต่แกยังอุตส่าห์รอดมาได้อีกน่ะทั้งที่พวกเราก็หายไปเยอะแท้ๆ"

    คนที่พูดกลับมานั่นคือเพื่อนคนสำคัญของผมนั่นเอง
    ซึ่งปกติแล้วเราจะรวมตัวกันเพื่อไปทะเลาะวิวาทกับกลุ่มอื่นอยู่บ่อยๆ

    "ทำไงได้ก็คนมันรอดนี่หว่า"

    "ตอบได้กวนส้นดีน่ะนายเนี่ย"
    "เอาเถอะตอนนี้กำลังรวบรวมคนในกลุ่มนี้ที่ยังเหลืออยู่ ถ้าเป็นไปได้นายก็มาเจอกันที่รวมตัวปกติของกลุ่มน่ะ แค่นี้ล่ะ"

    "เดี๋ยวสิ... เฮ้ !"

    ไม่ทันการณ์สายตัดไปแล้ว

    แต่ก็ดีแล้วล่ะ ไม่มีอะไรทำอยู่พอดี
    ถ้าไปที่นั่นอาจจะได้พบสิ่งที่อยากจะทำก็ได้

    พอคิดได้แบบนั้นก็เลยเริ่มเตรียมของที่จะต้องใช้

    และเนื่องจากของส่วนใหญ่อยู่ในลิ้นชักอันเดียวก็เลยเตรียมง่ายหน่อย
    เริ่มจากเอานิ้วลากเป็นแนวนอนเพื่อเรียกกระเป๋าออกมาแล้วเทของจากในลิ้นชักที่พึ่งดึงออกมาลงไป

    เสร็จล่ะ

    จากนั้นพอรูดซิปกระเป๋าเสร็จมันก็กลายเป็นกลุ่มก้อนแสงลอยหายไปในอากาศ

    เป็นภาพที่เห็นกี่ครั้งก็รู้สึกแปลกตาดีแหะ

    พอเดินมาถึงประตูก็หายใจเข้าลึกๆที่หนึ่งและหันหลังกลับมา

    "ไปก่อนน่ะครับ"

    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองพูดกับใคร หรือไม่นั่นก็อาจจะเป็นการย้ำเตือนตัวเองว่าได้เริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่แล้วก็ได้
    จากนั้นก็เอื้อมมือไปผลักประตูออกด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความดีใจ

    และเมื่อประตูเปิดออกก็มีแสงแดดอันสว่างสดใสสาดมากระทบใบหน้าจนต้องเอามือมาปิดตา

    ก็อยากให้เป็นแบบนั้นอยู่หรอกแต่นี้มันห้าทุ่มแล้วนี่สิ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×