ห้องโถงที่มืดสลัวสว่างขึ้นด้วยแสงจากปลายนิ้วของเทพซูส มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพเจ้ากรีกทุกองค์ เมื่อห้องไร้ซึ่งความมืด ทุกอย่างเด่นชัด เสียงฮือฮาก็พลันกระพือพัดไปทั่ว
ฉันถอยหลังด้วยความตกใจ ถอยไปชนเค้กจนมันร่วง ฉันเซจะล้ม วินาทีนั้นเองที่มีสายหมอกสีดำทมิฬลอยออกมาจากหัวคฑารูปหัวกะโหลกของเทพฮาเดส อีกเพียงนิดมันก็จะแตะตัวฉัน ทว่าท่านพ่อก็ดึงฉันไปกอดได้เสียก่อน
ท่านพ่อส่งฉันต่อให้ท่านแม่ ฉันกอดท่านแม่แน่นด้วยความหวั่นกลัว
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง บราวนี่” เทพฮาเดสมองฉันพร้อมรอยยิ้มเลศนัย
เขาพูดว่า อีกครั้ง หมายความเรื่องที่ฉันพบกับเขาเมื่อห้าปีก่อน ไม่ใช่แค่ความฝัน!
เทพฮาเดสตวัดสายตาไปมองท่านพ่อกับท่านแม่ “ไม่เจอกันเสียนาน เฮอร์คิวลีส เอแคลร์ งานรื่นรมย์เช่นนี้ ไยพวกเจ้าจึงไม่เชิญข้า”
“แล้วทำไมข้าต้องเชิญท่านด้วย” ท่านพ่อตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตร
เทพฮาเดสหัวเราะในลำคอ “เจ้าคงลืมไปแล้วว่าที่เจ้าทำภารกิจสำเร็จได้ เป็นเพราะใคร”
ท่านแม่ไกล่เกลี่ย “งานวันเกิดของบราวนี่เป็นเพียงงานเล็ก ๆ เราจึงไม่อยากรบกวนท่าน แต่หากท่านประสงค์จะมา ก็ถือเป็นเกียรติสำหรับบราวนี่”
ฉันสั่นหน้ารัว อยากจะบอกท่านแม่เหลือเกินว่าฉันไม่ถือเป็นเกียรติ!
“จริงอยู่ที่งานนี้จัดได้อย่างต่ำต้อยนัก” เทพฮาเดสกวาดสายตาไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะหยุดที่ฉัน “แต่เมื่อเป็นงานของคนสำคัญ ข้าย่อมต้องมา”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องอีกระลอก ต่างซุบซิบกันว่าเทพฮาเดสหมายความว่าอย่างไร
“ฮาเดส เจ้าขึ้นมาบนโลกด้วยเหตุใด” เทพซูสเอ่ยถามเสียงกังวาน ทำให้ทุกคนกลับมาอยู่ในความสงบ
“ข้าขึ้นมารับราชินีของข้า” เทพฮาเดสตอบเสียงชัด
ทุกคนหันไปมองเพอร์เซโฟนีทันที นางตัวสั่น กอดเทพีดีมีเทอร์ผู้เป็นแม่
เท่าที่ฉันรู้มา เทพฮาเดสเคยบังคับขืนใจเพอร์เซโฟนีให้ไปเป็นราชินีที่นรกหลายปี จนกระทั่งภารกิจสุดท้ายของท่านพ่อเมื่อสิบห้าปีก่อน ท่านพ่อช่วยปลดปล่อยเพอร์เซโฟนีให้เป็นอิสระ
เทพีดีมีเทอร์ค้านเสียงดัง “เพอร์เซโฟนีหาใช่ราชินีของท่านอีก ท่านปล่อยนางตั้งแต่สิบห้าปีก่อน”
“ข้าเองก็ไม่ปรารถนาจะรับของเก่า” เทพฮาเดสพูดอย่างเหยียดหยัน
เทพซูสขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้าไม่ได้หมายถึงเพอร์เซโฟนี แล้วเจ้าหมายถึงใคร”
เทพฮาเดสแยกยิ้มจนเห็นเขี้ยวยาวที่แสนน่ากลัว “เจ้าหญิงบราวนี่”
ทุกสายตาหันมาจ้องฉัน เสียงจอแจดังไปทั่ว ฉันกอดท่านแม่แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่ายหน้ารัว
ท่านแม่กอดฉันแน่นเช่นกัน ท่านพ่อขยับมายืนบัง
“นี่ท่านอยู่ในนรกจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง บราวนี่ไม่ใช่ราชินีของท่าน ท่านอาจขืนใจใครต่อใครได้ แต่อย่าหวังจะมาแตะลูกข้า!” ท่านพ่อประกาศเสียงกร้าว
“เมื่อข้าปรารถนาสิ่งใด ต่อให้ต้องใช้วิธีขืนใจ ข้าก็หาสนใจไม่” เทพฮาเดสเหยียดยิ้ม “แต่เผอิญว่ามีคนเต็มใจยกบราวนี่ให้เป็นราชินีของข้า”
“พูดบ้าอะไรของท่าน” เสียงของท่านพ่อเต็มไปด้วยความพิศวง
เทพซูสเอ่ยถามเช่นกัน “ฮาเดส เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าคิดว่าเอแคลร์คงตอบคำถามนี้ได้ เพราะนางเป็นผู้ให้สัตย์สาบานว่าจะยกบราวนี่ให้เป็นราชินีของข้า”
ฉันอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น มือที่กอดท่านแม่คลายลงอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่จริง! ข้าไม่เคยทำอะไรเช่นนั้น ข้าเคยเจอท่านเพียงหนเดียวเมื่อตอนทำภารกิจสุดท้ายของเฮอร์คิวลีส!” ท่านแม่ปฏิเสธเสียงดัง
ท่านพ่อพยักหน้าสมทบ “เออ เอแคลร์พูดถูก ท่านอย่ามามั่ว”
“หึ! แล้วในครั้งนั้น เจ้าให้สัตย์ใดไว้กับข้าเล่า”
ทั้งห้องเงียบกริบ มองท่านแม่อย่างรอคำตอบ ท่านแม่นิ่งงัน สีหน้าไม่ส่อแววว่าจะเข้าใจความหมายของเทพเจ้าแห่งนรก
เทพฮาเดสหัวเราะในลำคอ ก่อนจะตวัดคฑาสองง่ามในมือไปกลางอากาศเป็นรูปครึ่งวงกลม หมอกสีดำขนาดใหญ่ลอยออกจากหัวคฑา ปรากฏเป็นภาพเคลื่อนไหว
“หากเจ้าลืมเรื่องราวระหว่างเราเมื่อสิบห้าปีก่อน ข้ายินดีจะรื้อฟื้นให้เจ้า เอแคลร์” เทพฮาเดสพูดอย่างมีเลศนัย แหงนมองหมอกที่ลอยอยู่กลางห้อง ทุกคนจ้องภาพเคลื่อนไหวนั้นอย่างนิ่งเงียบ
ในหมอกนั้นคือปราสาทสีดำบนพื้นที่กว้างใหญ่ ที่ระเบียงปราสาทมีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งยืนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
นี่หรือท่านแม่เมื่อสิบห้าปีก่อน มิน่าใครต่อใครถึงได้พูดว่าฉันเหมือนท่าน
ในภาพเคลื่อนไหวนั้น เทพฮาเดสปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของท่านแม่ เขาดูเหมือนกับตัวจริงที่ปรากฏในตอนนี้ ราวกับใบหน้าของเขาได้ถูกสลักเอาไว้ให้เป็นเช่นนี้ตลอดกาล
เทพฮาเดสเดินเข้าไปใกล้ท่านแม่ ทั้งสองพูดคุยกันบางอย่าง จากนั้นเทพฮาเดสก็โน้มไปจูบท่านแม่!
เสียงฮือฮาดังไปทั่วห้องโถงอีกครั้ง ฉันมองท่านแม่อย่างตกใจ