คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : △ Unrevealed Song :: ZL'YJ
When you turn this song on, I may not be beside you
“เฮ้ย ไอ้เตี้ย ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับวะ?” ร่างโปร่งขี่สเก็ตบอร์ดสีเหลืองคู่ใจมาหยุดขวางหน้าร่างเล็กที่เพิ่งก้าวลงจากรถบัสเดินตรงสู่บ้านตัวเอง คนถูกเรียกช้อนสายตาเบื่อหน่ายมองคนอายุน้อยกว่าแต่กลับไม่เคยทำตัวมีมารยาทกับตนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เรื่องของฉัน” คนอายุมากกว่าก้าวเลี่ยงพลางเร่งฝีเท้า คนตัวสูงรีบไถลสเก็ตบอร์ดตามอย่างเคยชิน “แล้วใครว่าไม่ใช่ แต่พอดีว่าฉันอยากรู้เรื่องของนาย” คนตามเอ่ยน้ำเสียงทุ้มเนิบนาบทว่าฟังดูยียวนอยู่ในที ร่างบางเบ้ปากทำปากขมุบขมิบด่าอีกฝ่ายเบาๆแต่ก็ยังไม่ยอมตอบคำถาม
“ย่าห์! ยูยองจ..”
“โอ๊ย!!” คนตัวสูงสะดุ้งปล่อยแขนบางทันทีเมื่อเอื้อมมือไปแตะแล้วอีกฝ่ายร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่ตั้งสติได้มือหนาก็คว้าแขนบางขึ้นมาอีกครั้งแล้วถลกแขนเสื้อขึ้น ตาเรียวเกร็งแน่นจ้องเขม็งไปที่รอยถลอกขนาดใหญ่บริเวณข้อศอก
“ไปทำอะไรมา?” คนอายุน้อยกว่าถามเสียงเรียบโดยที่ดวงตายังคงจ้องอยู่ที่แผลบนแขนบาง
“ไม่ใช่เรื่องของนาย”
“ถามดีๆก็ตอบมา” ตาเรียวตวัดจ้องคนแก่กว่าอย่างเอาเรื่อง
“ช่วยเลิกยุ่งกับฉันซะทีเถอะ”
“จะบอกดีๆหรือจะให้ฉันไปบอกแม่นายเรื่องที่นายเอารถไปชนเสาไฟหน้าบ้านฉัน?” คนตัวเล็กพ่นลมหายใจ กรอกตาขึ้นฟ้า “ซ้อมกีฬาแล้วหกล้ม พอใจรึยัง? ปล่อยได้ละ” แขนเล็กขยับบิดให้หลุดจากการเกาะกุมแต่มือหนายังคงจับไว้แน่น
“เจ็บมากมั้ย?” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดปกติจนอีกฝ่ายต้องเงยหน้ามอง “กินยาผิดรึไง?”
“ตอบ” ร่างโปร่งสั่งเสียงเข้ม คนแก่กว่านิ่งอยู่นานก่อนตอบกระแทกเสียง “........เออ เจ็บ”
“ก็แค่เนี๊ยะ” มือใหญ่ปล่อยแขนบางลงอย่างเบามือ ก้มลงหยิบสเก็ตบอร์ดก่อนคว้าข้อมืออีกข้างของคนตัวเล็กแล้วลากให้เดินตาม
“ย่าห์ จะไปไหนของนายเนี่ย?”
“ทำแผลสิ ถามโง่ๆ”
Couldn’t see the feeling in your eyes while listening to it
“ย่าห์ชเวจุนฮง!! หยุดอยู่นั่นเลยนะ” ขาเรียวก้าวฉับๆมาหยุดตรงหน้าร่างโปร่งที่กำลังขี่สเก็ตบอร์ดออกจากบ้านด้วยสีหน้าเบิกบานเกินจำเป็น
“อะไรไอ้เตี้ย? ทักแต่เช้านี่คิดถึงรึไง?”
“คิดถึงบ้านปู่แกสิ นี่แกกุเรื่องไปเล่าให้แม่ฉันฟังอีกแล้วใช่มั้ยหา?!”
“กุเรื่องอะไรวะ? ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“แกหาว่าเพื่อนใหม่ฉันเป็นอันธพาล ตอนนี้แม่ฉันสั่งให้เลิกคบหมอนั่นแล้ว สะใจนายมากใช่มั้ยห๊ะ?!” คนตัวเล็กสับขาเดินตามพลางตะคอกอย่างเคียดแค้นในขณะที่คนฟังถีบสเก็ตบอร์ดไปข้างหน้าอย่างสบายอารมณ์
“โอ๊ะ จริงหรอ? ดีใจจัง ฉันก็แค่เป็นห่วงว่านายจะกลายเป็นเมียอันธพาลเองนะ ไอ้ดำนั่นหน้าตามันน่ากลัวจะตาย โอ๊ย!” คนอายุน้อยกว่ายกมือขึ้นกุมหัวตัวเองเมื่อถูกคนตัวเล็กโยนมะเหงกใส่เสียงดังปั้ก
“จองแดฮยอนไม่ใช่อันธพาลรู้ไว้ซะด้วย เขาน่าคบกว่านายเป็นล้านเท่า”
“ว่าไงนะ? ย่าห์ ยูยองแจ กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
But there’s one part I badly want you to hear
“ไม่ไปโรงเรียนรึไงตามอยู่ได้ นี่มันห้องสมุดมหาลัยนะ ไม่ใช่สนามเด็กเล่น” นิ้วเรียวไล่ไปตามสันหนังสือบนชั้น พูดโดยที่สายตายังคงมองหาหนังสือที่ต้องการ
“ทำไม? กลัวเด็กอย่างฉันมากวนเวลาเดทของนายกับไอ้ดำนั่นรึไง?” ปล่อยให้คำพูดของอีกฝ่ายลอยผ่านหูอย่างไม่ใส่ใจ ร่างเล็กเขย่งตัวเอื้อมหนังสือที่ต้องการบนชั้นเกือบบนสุด
“ฉันรู้นะว่านายมีนัดกับไอ้หมอนั่นที่นี่น่ะ”
“.........” คนที่กำลังง่วนอยู่กับการค้นหนังสือเพียงแต่กรอกตาหน่ายๆ ไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเด็กตัวสูงไม่รู้จักโตที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“หูหนวกรึไงไอ้เตี้ย” ร่างโปร่งที่ยืนพิงชั้นหนังสืออีกด้านเอามือล้วงกระเป๋าพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ไม่คิดจะช่วยคนที่กำลังเขย่งเอื้อมหนังสือจนปวดขา
“เห็นรึเปล่าว่าทำอะไรอยู่” คนแก่กว่าหันมองอีกฝ่ายอย่างนึกรำคาญ คนถูกถามกระตุกยิ้มก่อนขยับขาเพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวอีกฝ่าย “อยากให้ช่วยก็ขอดีๆสิ”
“ใครต้องการความช่วยเหลือจากนาย? ไม่ใช่ฉันแน่นอน” พูดเสียงเรียบก่อนบิดตัวกลับแต่ถูกแผ่นอกหนาของร่างโปร่งดันเอาไว้ ครั้นจะเงยหน้าขึ้นด่าปลายจมูกของอีกฝ่ายก็อยู่ห่างหน้าผากเพียงไม่กี่เซน
“นายเขย่งอีกสามชาติก็เอื้อมไม่ถึงหรอกไอ้เตี้ย ขอฉันสิ แล้วจะหยิบให้” คนถูกเบียดหลับตาแน่นเพราะลมหายใจร้อนๆของคนตรงหน้า พยายามระงับอารมณ์ขุ่นของตัวเองที่ทำท่าจะคุขึ้นมา
“บอกว่าจะหยิบเอง นายช่วยถอยไปห่างๆเถอะ”
“ฉันบอกให้ขอไง” ร่างโปร่งออกคำสั่งน้ำเสียงเข้ม คนถูกสั่งจำต้องสูดหายใจเข้าก่อนกัดฟันเอ่ยขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก
“...หยิบหนังสือให้หน่อย” ร่างหนายกยิ้มอย่างพอใจก่อนยกมือขึ้นหยิบหนังสือจากบนชั้นส่งให้อีกฝ่ายแล้วก้าวถอยหลังมายืนล้วงกระเป๋าอย่างเดิม ยืนมองคนอายุมากกว่าสำรวจเนื้อหาในหนังสืออยู่ไม่กี่นาทีก็ก้าวมายืนข้างๆชะเง้อมองหน้าหนังสือที่อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าอ่านอย่างมีสมาธิ
“แรงโน้มถ่วงงั้นหรอ?”
“ถามทำไม? นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้รึไง?”
“เปล่า รู้แต่เรื่องที่ไม่เกี่ยว”
“เรื่องอะไรของนาย?”
“การที่คนเราตกหลุมรักใครซักคน...มันไม่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง” พูดพลางเงยหน้ามองข้างบนคล้ายจะพูดกับตัวเองซะมากกว่า
“..........เป็นอะไรมากมั้ยนายน่ะ” คนตัวเล็กหันไปส่ายหน้าเอือมใส่คนข้างๆก่อนเดินหนีไปอีกทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกใจสั่นแปลกๆกับประโยคที่ฟังดูไม่มีสาระของคนอายุน้อยกว่า
That is I’ve fallen for you, but have left it unrevealed for so long
“ตามสบายนะยองแจ”
“ครับคุณน้า” ร่างบางโค้งรับน้อยๆให้กับเจ้าของบ้านหลังถัดจากตนที่ตอนนี้อยู่ในสภาพอิดโรยโศกเศร้า ตาบวมจากการร้องไห้อย่างหนักเนื่องจากลูกชายคนเดียวเพิ่งเสียไปเพราะโรคร้ายที่เจ้าตัวต้องเผชิญมาเป็นเวลาหลายปี
ยองแจไม่เคยรู้เรื่องนี้และเด็กคนนั้นก็ไม่เคยแสดงอาการอะไรออกมาให้เขาเห็นเลยซักครั้ง ....หรืออาจเป็นตัวเขาเองที่ไม่ได้สังเกต
ร่างบางก้าวอย่างเชื่องช้า เดินสำรวจห้องนอนรกๆทว่าไม่ถึงกับสกปรกของเด็กผู้ชายตัวสูงที่เอาแต่ตามเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่เขาย้ายเข้ามาอาศัยอยู่บ้านข้างๆด้วยความรู้สึกแปลกหน้ากับตัวเอง ยองแจไม่เคยเข้ามาในห้องของเด็กคนนี้มาก่อน และก็ไม่เคยรู้สึกว่างโหวงในช่องอกคล้ายขาดออกซิเจนเมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กจอมกวนคนนั้นเหมือนที่กำลังรู้สึกในขณะนี้ด้วยเช่นกัน ยองแจไม่รู้ตัวว่าดวงตาคู่สวยของตนดูหมองเศร้าขนาดไหนเมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอนอันเงียบสงัด ร่างเล็กหายใจชะงักอยู่เสี้ยววินาทีเมื่อสายลมอบอุ่นที่หอบเอากลิ่นอ่อนจางของใบไม้แห้งด้านนอกหน้าต่างพัดเข้ามาปะทะใบหน้า ขาเรียวหยุดลงตรงหน้าตะกร้าทรงกระบอกสูงขนาดใหญ่ถัดจากหัวเตียง สายตาไปสะดุดกับลายมือเขี่ยๆที่เขียนด้วยปากกาเมจิกบนขอบด้านหนึ่งของตะกร้า
‘ของจุนฮง ห้ามแตะต้อง’
ร่างเล็กมองเข้าไปในกล่องทรงกระบอกสูงก็พบเศษกระดาษถูกขยำบรรจุอยู่เต็ม มือเรียวเอื้อมไปจับตะกร้าเทเหล่าก้อนกระดาษลงบนพื้นก่อนย่อตัวลงนั่ง หยิบกระดาษยับๆแต่ละชิ้นขึ้นมาแกะดูสิ่งที่อยู่ภายใน....
‘นี่จะใช้ร่มที่ไอ้แฟนคลับคนนั้นซื้อให้ทุกวันเลยรึไงให้ตายสิ’
‘นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกวะยูยองแจ!’
‘ไอ้ดำนั่นชื่อจองแดฮยอน หึหึ...เสร็จแน่’
‘ทำตัวเองเจ็บอีกจนได้ โง่จริงๆเลยไอ้เตี้ยเอ๊ย’
‘คนงี่เง่าอย่างนายไม่มีทางรู้หรอกว่าฉันชอบนายขนาดไหน ไม่มีทาง...’
‘หวังว่านายคงไม่เห็นตอนฉันเดินออกจากห้องพยาบาลหรอกนะ’
‘อย่าซุ่มซ่ามจะได้มั้ยไอ้เตี้ย! วุ๊!’
‘ไอ้เตี้ยข้างบ้าน....มีคนให้แกล้งแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ’
‘ไอ้เตี้ยร้องไห้! ร้องไห้! ร้องไห้ทำไม? ใครทำอะไรมันวะ? โถ่เว้ย!!!’
‘ฉันว่าฉันคงอยู่รักแกได้อีกไม่นานแล้วว่ะ ฉันควรทำยังไงดี...?’
‘ยิ้มให้ฉันบ้างก็ได้นะ ยูยองแจ’
‘ฉันพยายามเลิกกวนนายแล้วนะ แต่โทษว่ะ ทำไม่ได้ แบร่’
‘ยิ้มแบบนั้นแหละ ยิ้มนะ ยูยองแจ’
ยองแจตื่นแล้ว ตื่นตั้งแต่ก่อนที่แม่จะขึ้นมาเรียกไปทานข้าวเช้าด้วยซ้ำ แต่ร่างเล็กยังไม่ยอมลุกออกจากเตียงแม้ว่าแสงแดดสีส้มอบอุ่นในตอนเช้าเริ่มจะเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้น ตาเรียวจ้องนิ่งไปที่จุดๆหนึ่งบนเพดานสีครีมมาเป็นชั่วโมงๆราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่างจากบนนั้น น้ำตาไหลออกมาและแห้งไปเองไม่รู้กี่รอบตั้งแต่เมื่อวาน ยองแจไม่อยากเชื่อ เขาหวังอยากให้เรื่องที่รับรู้มาเมื่อเย็นวานเป็นเพียงแค่ความฝัน เช่นเดียวกันกับความจริงที่ว่าจุนฮงจากโลกนี้ไปแล้ว จากไปโดยที่คำๆนั้นยังไม่เคยเล็ดลอดออกจากปากเพื่อบอกกล่าวให้เขาได้รับรู้ ไม่ ยองแจไม่เคยรู้ เด็กนั่นไม่เคยแม้แต่จะแสดงท่าทีอะไรที่ทำให้คิดไปในทางนั้น แต่แปลก เรื่องไม่คาดคิดนี้กลับทำให้ยองแจรู้สึกเสียใจอย่างที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะเสียใจได้มากมายขนาดนี้
ผมคิดว่าผมกำลังหายใจไม่ออก
ไม่สิ
ผมยังหายใจได้ แต่ทำไม...
......แทบไม่มีแรงหายใจ
ณ ห้วงหนึ่งของความเจ็บปวด ก่อนที่น้ำตาระลอกใหม่จะถั่งโถมเข้ามา บนใบหน้าหวานปรากฎรอยยิ้มเล็ก ดวงตากลมแดงก่ำรื้นไปด้วยน้ำใสจ้องจรดไปที่จุดหนึ่งบนฝ้าเพดานสีนวลราวกับกำลังยิ้มให้อะไรบางอย่างที่อยู่บนนั้น.......อะไรบางอย่างที่อยู่สูงกว่าเพดานขึ้นไป
‘ยิ้มให้ฉันบ้างก็ได้นะ ยูยองแจ’
ความคิดเห็น