คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter VI : Cast away (ปล่อยเกาะ)
ขณะที่พวกเขาทั้งสี่คนกำลังยืนชมทิวทัศน์อยู่ที่บริเวณดาดฟ้าเรือนั้น
ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเขาเข้ามาทัก เขามีผมสีเงินทั้งหัวสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายได้อย่างลงตัว
“หวัดดี ฉันชื่อกรีซ แล้วพวกคุณล่ะชื่ออะไร” เด็กหนุ่มคนนั้นพูดพลางไปยืนข้างๆโรส
เควินมองกรีซอย่างพินิจพิจารณาก่อนที่จะพูดว่า
“ฉันเควิน นี่โรส แม็กซ์ แล้วก็ซีกกี้” เขาชี้นิ้วไล่ไปตามชื่อของแต่ละคน
“อืม พวกนายจะเดินทางไปที่ไหนกันเหรอ” กรีซถาม
ทุกคนมองหน้ากัน
เพราะเซเนสไม่เคยบอกพวกเขาเลยว่าจะต้องลงที่เมืองใด
แต่ก่อนที่เควินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา กรีซก็ได้พูดว่า “ฉันจะลงที่เมืองคีล่ะ กะว่าจะไปเที่ยวที่นั่นซะหน่อย
ยิ่งตอนนี้ก็ใกล้ๆถึงเทศกาลของเมืองนั้นแล้วด้วย กะว่าจะอยู่จนกว่างานจบอ่ะนะ”
“อืม คี งั้นก็ที่เดียวกับพวกเราน่ะสิ” แม็กซ์พูดขึ้นมาบ้าง
“งั้นเหรอ”
ซีกกี้พูดพลางมองหน้าแม็กซ์อย่างสงสัย
แต่ทุกคนก็แกล้งเออออตามที่แม็กซ์พูด เพราะกลัวว่าจะเผยพิรุธอะไรออกไป
“แล้วเธอเป็นใครเหรอ ดูจากการแต่งตัวกับท่าทางของเธอ
ดูเหมือนกับเป็นพวกชนชั้นสูงเลยนะ” โรสถามอย่างสนอกสนใจ
“อ้อ เรื่องนั้น ฉันเป็นแค่ลูกของขุนนางบางคนน่ะ” กรีซหัวเราะเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง
“งั้นก็ใหญ่เหมือนกันน่ะสิ นายน่ะ” ซีกกี้ว่า
“ใหญ่งั้นเหรอ ? ไม่หรอกมั้ง
ว่าแต่พวกนายล่ะจะไปที่เมืองคีทำไม”
“เอ่อ.... ก็จะไปงานเดียวกับนายน่ะแหละ” แม็กซ์ตอบไปทันทีที่ถูกถามกลับ
โดยไม่ได้ผ่านการไตรตรองไว้ก่อน
“ใช่
มีคนบอกว่าน่าสนใจดีน่ะ ก็เลยอยากจะไปดูบ้าง” โรสรีบพูดเสริมเข้าไปทันที
“อา
งั้นเดี๋ยวพวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันทั้งห้าคนเลยได้มั้ยล่ะ”
กรีซพูดอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเขากำลังจะเปิดห่อของขวัญชิ้นใหญ่อย่างใดอย่างนั้น
ทุกคนมองหน้ากันและกันอีกครั้ง
แล้วโรสจึงพูดว่า “ความจริงพวกเรามีกันหกคนน่ะ”
“จริงเหรอ งั้นก็ยิ่งสนุกน่ะสิ”
“ก็ดีเหมือนกัน พวกเราไปเที่ยวกับกรีซหน่อยก็ดีนะ”
ซีกกี้พูดแต่ก็ต้องเงียบๆลงไปเมื่อเห็นสายตาของเควินที่กำลังบ่งบอกว่า “แล้วสัญญาที่ให้ไว้กับเซเนสล่ะ ลืมแล้วเหรอไง”
“เถอะน่า พี่เควิน แค่ไม่กี่วันเอง ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เจอของที่เราอยากได้ที่เมืองนั้นกันด้วยไง” แม็กซ์รีบช่วยพูดในทันที
“จริงด้วยนะคะ พี่เควิน โรสเองก็อยากไปเหมือนกัน
ใช่ว่าพวกเราจะได้มาที่นี่กันทุกวันอย่างนั้นแหละ”
โรสพูด
เควินมองคนทั้งสามคนด้วยสายตาแปลกๆ
หนึ่งเสียงต่อสามเสียงเควินแพ้โดยหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง “ไม่รู้ด้วยแล้วนะ” เขาพูด
“แล้วอีกสองคนที่พูดถึงไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ” กรีซถามอย่างอารมณ์ดีเพราะเขามีเพื่อนเที่ยวกลุ่มใหม่แล้ว
“อ้อ นอนอุตุอยู่ในห้องแน่ะ” โรสพูด
“งั้นเหรอ พวกนายพักอยู่ที่ชั้นไหนน่ะ
เผื่อว่างๆจะได้แวะไปหาบ้าง”
“อยู่ที่ชั้น วีไอพี จำไม่ได้เหมือนกันว่าชั้นไหนแต่ว่ามันก็ลงไปลึกเหมือนกันล่ะ” แม็กซ์พูดด้วยท่าทางภูมิใจนิดๆ
“อา งั้นก็โชคดีแล้วล่ะ เพราะฉันก็อยู่ที่ชั้นนั้นเหมือนกัน” กรีซว่า
“จริงอ่ะ เยี่ยมไปเลย” ซีกกี้พูดอย่างดีใจ
“แล้วนี่นายมาคนเดียวงั้นเหรอ”
แม็กซ์ถาม
“ก็คงงั้นมั้ง ถ้านายไม่นับพวกองครักษ์บอดี้การ์ดจำนวนเป็นโหลที่มากับฉันด้วยล่ะนะ”
กรีซหันไปพูดกับแม็กซ์ด้วยท่าทางที่บ่งบอกถึงความเบื่อที่มีต่อองครักษ์เหล่านั้น
เพราะพวกเขายืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรจากตัวกรีซ “ทั้งๆที่บอกเสด็จแม่แล้วแท้ๆว่า
อยากจะมาคนเดียว”
“เสด็จแม่งั้นเหรอ พูดศัพท์สูงจังนะสำหรับลูกขุนนางอย่างนาย” เควินเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
เพราะในตอนนี้เขายังไม่เชื่อใจกรีซอย่างเต็มที่เหมือนอีกสามคนที่เหลือ
“ก็เป็นคำพูดติดปากน่ะ เสด็จแม่บอกให้เรียกอย่างนั้นน่ะ” กรีซรีบแก้ตัวในทันที
“เอาเถอะน่า พี่เควิน บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมากไป” โรสกระซิบที่ข้างหูของเควินเบาๆ
ตอนนั้นเองที่ซีกกี้เริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลังเรือไกลออกไปไม่มากนัก
ภาพที่เขาเห็นนั้นยังไม่ค่อยชัดเจนเพราะยังไม่อยู่ในระยะสายตาที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน
“นั่นอะไรน่ะ” เขาพูด
แล้วทุกคนก็หันไปมองตามที่เขาบอก
“ตัวอะไรดำๆมีปีก
นกงั้นเหรอ” แม็กซ์พยายามอธิบายสิ่งที่เขาเห็น
“ใครว่าล่ะ นั่นมัน.......”
กรีซพูดเสียงสั่นด้วยความตกใจกลัว
“นั่นมันอะไร”
เควินรีบถามกรีซในทันที
“ปีศาจนี่นา มันมาทำอะไรที่นี่”
กรีซพยายามที่จะพูดให้จบประโยคอย่างยากลำบาก
“ปีศาจ!!” แม็กซ์ ซีกกี้ เควิน
โรส ตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าซักวันสิ่งนี้ก็ต้องมาถึง
แต่ไม่ได้นึกว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้
เมื่อพวกเขาจ้องไปยังสิ่งที่กรีซบอกว่าเป็นปีศาจอีกครั้ง
พวกเขาจึงสังเกตเห็นว่า
มันเป็นปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายกับซาตานที่มีเขาสองเขาอยู่ที่ด้านข้างของหัว ตัวของมันดำขลิบ
พร้อมกับหางแหลมที่มีลักษณะคล้ายลูกธนู ดวงตาของมันมีสีแดงสด และที่สำคัญมันมีปีกกว้างมากกว่านกตัวไหนๆในโลก
มันกำลังบินตามเรือมังกรลำนี้
โรสเห็นดังนั้นก็ต้องพูดด้วยความตกใจว่า
“ไม่น่าน่ะ
เราไม่น่าต้องเจอปีศาจเร็วขนาดนี้นี่นา”
“ทำไงได้ล่ะ มันมาอยู่ตรงนี้แล้ว เพื่อที่จะหาเรางั้นเหรอ” แม็กซ์ว่า
“เอาไงดีล่ะทีนี้”
ซีกกี้ถามความเห็นจากเพื่อนๆ เขากำลังตกใจอย่างมาก
เควินเห็นทุกคนกำลังเสียขวัญอย่างมากเขาจึงรีบรวบรวมสติทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วจึงพูดว่า
“โรสเธอรีบไปตามดรูว์กับไดอาน่าขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ
ซีกกี้นายติดต่อเด็ทเทอร์เพื่อให้เขาไปเตือนคนอื่นซะ
ส่วนแม็กซ์นายต้องอยู่กับพี่ที่นี่ก่อน คอยดูท่าทีของมัน”
เขาสั่งแต่ละคนอย่างรวดเร็วและเมื่อเขาเห็นกรีซที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่นั้นเขาก็พูดกับกรีซว่า
“ส่วนนาย กรีซ รีบไปหาบอดี้การ์ดของนาย
แล้วบอกเรื่องปีศาจนี่”
ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่ง
แล้วจึงแยกย้ายกันไปคนละทาง เหลือแต่แม็กซ์กับเควินเท่านั้นที่ยืนดูสถานการณ์อยู่
“ไปที่ท้ายเรือกันเถอะพี่เควิน”
แม็กซ์เริ่มออกความเห็นบ้าง
“ดี งั้นรีบไปกันเลย”
เควินรีบวิ่งไปที่ท้ายเรือพร้อมๆกับแม็กซ์
คนทั้งสองรีบวิ่งตรงไปยังท้ายเรือ ระหว่างทางก็สวนกับคนบางกลุ่มที่กำลังนั่งเล่นพักผ่อนกันอยู่โดยที่ไม่ได้รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยแม้แต่น้อยเลย
แม็กซ์จึงตะโกนบอกเตือนให้พวกเขากลับเข้าไปในตัวเรือ ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกใจและรีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นในทันที
“มันคิดจะทำอะไรของมันนะ” เควินพูดเมื่อวิ่งมาถึงที่ด้านท้ายของเรือ
“รับรองได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” แม็กซ์ว่า
เควินกับแม็กซ์ยืนแอบอยู่ที่ด้านหลังของตู้ใบใหญ่ซึ่งถูกตั้งไว้ข้างๆเสากระโดงเรือ
“แล้วพี่คิดจะทำอะไรล่ะ”
“สังเกตการณ์ หลังจากนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ค่อยว่ากันอีกที” เควินโผล่หน้าออกไปดูปีศาจตัวนั้นอย่างระมัดระวัง
แล้วทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการกระตุกของเรือ แม็กซ์เองก็เช่นกัน
“เรือกำลังเร่งความเร็วขึ้น ซีกกี้ทำหน้าที่ของเขาสำเร็จแล้ว” แม็กซ์พูด
“หวังว่างั้นนะ”
เควินพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ตอนนี้ใจของเขาจดจ่อกับเจ้าปีศาจนั้นมากกว่า
เรือมังกรกำลังเคลื่อนที่ออกห่างจากปีศาจอย่างรวดเร็ว
และสิ่งนี้ทำให้มันแปลกใจมาก มันจึงรีบบินไล่ตามด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น
ทันใดนั้นที่ด้านหลังของทั้งสองก็มีกลุ่มคนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นมา
เป็นเด็ทเทอร์กับซีกกี้และเหล่าลูกเรืออีกจำนวนหนึ่งนั่นเอง
“ไหนล่ะปีศาจที่พวกคุณว่า”
เด็ทเทอร์ผู้ซึ่งวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบรีบถามกับเควินในทันที
“นั่นไง แล้วกัปตันเรือล่ะไม่มาดูสถานการณ์หน่อยเลยเหรอ” เควินถามกับเด็ทเทอร์
“กัปตันเขาบอกให้ผมมาคุมสถานการณ์แทนน่ะ อาจจะเกิดอะไรที่รุนแรงมากก็เป็นได้”
“แล้วคุณจะสู้ยังไงล่ะ” ซีกกี้ถาม
“ปืนไงล่ะ พวกเราถูกฝึกฝนเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว” เด็ทเทอร์พูดในขณะที่หยิบปืนที่มีรูปร่างยาวแต่มีรูปทรงที่ค่อนข้างแปลกกว่าของโลกจริงอยู่มาก
“พวกคุณรีบตามคนอื่นๆกลับเข้าไปในตัวเรือเถอะ
ที่นี่เดี๋ยวพวกเราจะจัดการเอง”
แม็กซ์ ซีกกี้ และเควิน สบตากัน
พวกเขาได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว
“พวกผมจะอยู่ช่วยคุณด้วย เด็ทเทอร์” แม็กซ์เป็นคนเอ่ยขึ้นมา
“ผมขอบคุณในความมีน้ำใจของพวกคุณนะ
แต่ว่าคุณทำอะไรไม่ได้นักหรอกกับปีศาจตัวนี้”
เด็ทเทอร์หันกลับมาพูดกับพวกเขา
“ผมแน่ใจว่าผมทำได้แน่”
ซีกกี้พูดอย่างมั่นใจ
เด็ทเทอร์เงียบไปซักพัก
เขากำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “งั้นก็ขอบคุณสำหรับน้ำใจของพวกคุณ”
ทันใดนั้นเองเจ้าปีศาจตัวนั้นก็ได้บินเข้ามาใกล้มากขึ้น
เด็ทเทอร์จึงเดินออกไปที่ท้ายเรือเพื่อเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวคนเดียวก่อน
“แกมาทำอะไรที่นี่” เด็ทเทอร์เป็นฝ่ายเริ่มถาม
“คึ คึ คึ ถามได้
แกคิดว่าฉันมาทำอะไรล่ะ ก็มาฆ่าพวกแกไง”
มันตอบด้วยโทนเสียงที่สูงและดังจนแสบแก้วหู
“ทำไมต้องพวกเรา”
เด็ทเทอร์ตะโกนถามอีกครั้ง
“นายแห่งข้า ได้ข่าวว่ามีของสำคัญติดขึ้นเรือนี้มาด้วยน่ะสิ
และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีในการกำจัดมัน”
“ไปซะ ก่อนที่แกจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้” เด็ทเทอร์พยายามพูดเสียงดังขู่มัน
“นายท่านบอกว่า ข้าจะทำยังไงก็ได้ขอแค่ให้ฆ่าเจ้านั่นให้สำเร็จ
ท่านไม่ได้บอกว่า ห้ามฆ่าคนอื่นๆ”
เจ้าปีศาจตัวนั้นหัวเราะอย่างชอบใจ
เปรี้ยง !! กระสุนลูกแรกลั่นออกมาจากปืนของเด็ทเทอร์
เขายิงมันขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย
“ฮ่าๆๆ คิดว่าข้าจะกลัวงั้นเหรอไง
ไอ้ลูกกระสุนเม็ดเล็กๆของพวกแกน่ะมันไม่ระคายเคืองกับผิวของข้าหรอก”
เปรี้ยง!!
ลูกกระสุนอีกนัดถูกยิงไปยังเจ้าปีศาจตัวนั้น
แต่ทว่ามันไม่สามารถที่จะเจาะทะลวงผิวหนังของมันได้เลยแม้แต่น้อย
“อะไรกัน”
เด็ทเทอร์เริ่มที่จะกังวล
“ข้าบอกแล้ว เจ้าพวกโง่เง่า ปืนน่ะทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” เจ้าปีศาจหัวเราะลั่นดังยิ่งกว่าเดิม
กระสุนจากลูกเรือคนอื่นๆ
เริ่มพุ่งออกจากปากกระบอกไปยังปีศาจตัวนั้น
พวกเขาระดมยิงกันโดยไม่ขาดระยะเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นก็ตามเจ้าปีศาจก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับการโจมตีเหล่านั้น
“พี่เควิน เอาไงดีจะออกไปลุยกับมันเลยมั้ย” แม็กซ์ถามอย่างร้อนใจ
“เดี๋ยวก่อน พลังของนายสามารถระเบิดมันจากตรงนี้ได้มั้ยล่ะ” เควินถามกลับ
“คิดว่าไม่นะ มันไกลเกินไป ผมเล็งไม่ถูก”
“งั้นพี่กับซีกกี้จะคอยคุ้มกันนายให้เข้าไปใกล้พอที่จะใช้ได้ละกัน”
“โอเค” แม็กซ์ตอบรับ
แล้วทันใดนั้นเองเสียงห่ากระสุนก็เริ่มเงียบลงแล้ว
ลูกเรือเหล่านั้นใช้กระสุนไปจนหมดแล้ว
แต่ปีศาจตัวนั้นมันยังคงบินอยู่อย่างสบายใจไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ทีนี้ตาข้าบ้างล่ะ จะได้รู้ถึงความน่ากลัวของข้า ลาซารัส
ปีศาจแห่งมิติ ซะบ้าง” มันพูดอย่างอวดเบ่ง
พลางใช้มือแหวกออกมาข้างหน้า ในระหว่างที่มันแหวกนั้นก็มีช่องว่างสีดำมืดปรากฏขึ้นมา
ช่องว่างนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดใหญ่พอๆกับท้ายเรือเลยทีเดียว
“แกคิดจะทำอะไรน่ะ”
ลูกเรือคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความรู้สึกตกตะลึง
“ข้าก็แค่เรียกเด็กๆที่น่ารักของข้า มาจัดการกับพวกแกไงล่ะ” ปีศาจลาซารัสพูดอย่างตื่นเต้น
และเมื่อมันพูดจบก็มีสัตว์ประหลาดจำนวนมากเหลือคณานับวิ่งออกมาจากหลุมดำนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ทันทีที่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้นำเท้าของมันเหยียบลงบนพื้นเรือ
การละเลงเลือดครั้งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้น เหล่าลูกเรือพยายามที่จะต่อสู้อย่างสุดชีวิต
แต่ก็ไม่สามารถที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดจำนวนมากมายขนาดนั้นได้ พวกลูกเรือเริ่มถูกไล่ฆ่าอย่างโหดร้าย
และลาซารัส หัวเราะอย่างชอบใจกับภาพที่เห็น
“ตายซะ ไอ้เดียรัจฉาน”แม็กซ์ระเบิดสัตว์ประหลาดสองตัวที่กำลังจะขย้ำคอของเด็ทเทอร์ไปได้อย่างหวุดหวิด
“ขอบใจมาก”
เด็ทเทอร์แปลกใจกับสิ่งที่แม็กซ์พึ่งจะทำลงไป แต่เขาก็ไม่มีเวลาถามอะไรมาก
เพราะทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน สัตว์ประหลาดตัวต่อไปก็กระโจนเข้ามาหาเสียแล้ว
“เสาไม้” เควินตะโกนขึ้นแล้วเสาไม้ที่หักอยู่ก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียว
เขาขว้างมันไปหาพวกสัตว์ประหลาดอย่างแรง
เสานั้นปักทะลุร่างของพวกมันถึงสามตัวในครั้งเดียว
ที่อีกฟากหนึ่งซีกกี้กับร่างจิตของเขาก็ร่วมกันต่อสู้กับสัตว์ประหลาดด้วยมือเปล่าแต่เปี่ยมไปด้วยพลังของเขา
เขาขว้างสัตว์ประหลาดจำนวนมากออกไปจากเรือ
แต่ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถจัดการกับปีศาจจำนวนมากได้หมด
มีหลายต่อหลายตัวที่หลุดรอดผ่านพวกเขาเข้าไปยังตัวเรือ
ภาพที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหมือนสงครามขนาดเล็กระหว่างมนุษย์และสัตว์ประหลาด และลูกเรือที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็พยายามที่จะสู้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“พวกแกเป็นใครกันน่ะ” ลาซารัสถามด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่พวกเด็กๆเพิ่งทำ
“เรื่องอะไรจะบอกแกล่ะ ไอ้ตูดหมึก”
ซีกกี้ตอบแล้วจึงบังคับร่างจิตให้ขว้างร่างของสัตว์ประหลาดไปยังลาซารัสแต่มันก็สามารถบินหลบได้อย่างสบาย
“ข้าถามดีๆแล้วนะ” ลาซารัสย้ำ
“แล้วทำไมล่ะ ไม่งั้นจะร้องไห้หาแม่เหรอไง” ซีกกี้พยายามยั่วโมโหมัน
และทันใดนั้นดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหลายสิบตัว
ต่างก็มุ่งความสนใจมายังซีกกี้คนเดียว พวกมันพุ่งกระโจนเข้ามาอย่างดุร้าย
พลางส่งเสียงคำรามที่แสดงถึงความหิวโหย
ซีกกี้หน้าซีดในทันที เพราะเขารู้ดีว่าด้วยพลังของเขาในตอนนี้ไม่สามารถที่จะฝ่าวงล้อมสัตว์ประหลาดเหล่านี้ออกไปได้อย่างแน่นอน เขาอาจต้องตายด้วยคมเขี้ยวของสัตว์เดียรัจฉาน
“ซีก”
แม็กซ์ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าซีกกี้กำลังตกอยู่ในอันตราย
แต่พวกเขาก็อยู่ห่างกันเกินไปเกินกว่าที่แม็กซ์จะช่วยอะไรได้ เควินเองก็เช่นกัน
ซีกกี้พยายามบังคับร่างจิตให้ซัดสัตว์ประหลาดออกไปให้มากที่สุด
แต่ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นจะไม่มีวันหมดเลย พวกมันพากันกรูเข้ามาเรื่อยๆ
จนซีกกี้เริ่มที่จะหมดแรงในการควบคุมร่างจิตของเขาแล้ว
สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง
กำลังจะกัดตรงซอกคอของซีกกี้ แต่มันก็หยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างนั้นพร้อมกับปากที่อ้ากว้างพอที่จะงับหัวของซีกกี้ได้เลยทีเดียว
ซีกกี้หันไปมองภาพดังกล่าวแล้วในหัวของเขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง
“ดรูว์”
ซีกกี้ตะโกนออกมาอย่างดีใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตนี้ เป็นเธอนั่นเองที่เพิ่งช่วยชีวิตเขาเอาไว้
“พวกนายนี่พอไม่มีเราแล้วรู้สึกว่าจะพึ่งไม่ค่อยได้เลยนะ” เป็นเสียงของไดอาน่าที่พูดขึ้นมา แต่พวกแม็กซ์ก็ไม่เห็นว่าไดอาน่านั้นอยู่ที่ไหน
แล้วฝูงสัตว์ประหลาดจำนวนมากก็กระเด็นออกไปนอกเรือด้วยพลังของไดอาน่าเผยให้เห็นร่างของเด็กสาวสามคนที่กำลังยืนอยู่บริเวณสระน้ำ
ทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือมองไปเป็นสายตาเดียวกัน
แม้แต่ลาซารัสเองก็เหมือนกัน
มันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีจอมเวทย์อยู่บนเรือมากขนาดนี้
“พวกแก เป็นใครกัน” ลาซารัสถามอีกครั้ง
คราวนี้มันรู้สึกเกรงกลัวเด็กทั้งหกมากขึ้นกว่าเดิม
“อ๋อ แน่นอน ก็เป็นคนที่จะส่งแกกลับนรกไปยังไงล่ะ” ไดอาน่าพูดแล้วจึงฟาดมือออกมากลางอากาศ
และลาซารัสก็กระเด็นถอยออกไปอย่างแรง
พลังของเธอมีผลกับมันยิ่งกว่ากระสุนปืนเสียอีกและหนำซ้ำมันไม่สามารถที่จะหลบได้ด้วย
“เยี่ยม” แม็กซ์ชมไดอาน่าด้วยใจจริง
ขณะที่ลาซารัสกำลังพยายามที่จะทรงตัวกลับอย่างเดิมนั้น
เควินก็ไม่รอโอกาสอื่นอีก เขารีบคว้างเสาไม้ไปในทันที
และถึงมันจะไม่เสียบที่ตัวลาซารัสแต่มันก็กระแทกเข้าอย่างแรงจนมันต้องตกลงมาบนดาดฟ้าเรือ
“พวกแก”
ลาซารัสพูดอย่างอาฆาตแค้นพลางใช้มือยันพื้นขึ้นมาอย่างยากลำบาก “ข้าจะทำให้พวกแกได้ลิ้มรสถึงความทรมานที่แท้จริง”
“แกต่างหากล่ะ ที่จะต้องลำบากแน่ตอนนี้” ซีกกี้พูดข่มมันเอาไว้แล้วจึงหยิบปืนขึ้นมากระบอกหนึ่ง
เล็งไปยังลาซารัสด้วยความไม่ไว้วางใจว่ามันอาจทำอะไรอีกก็เป็นได้
และเป็นอย่างที่คิด ลาซารัสกำลังทำอะไรบางอย่าง
มันใช้นิ้วมือของมันวาดเป็นรูปทรงแปลกๆลงบนพื้นเรือ
แต่แม็กซ์สังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของมันได้ก่อนคนอื่น
เขาจึงระเบิดพื้นไม้ขึ้นในทันที “คิดจะทำอะไรของแกน่ะ
ไอ้ปีศาจ” เขาตะโกน
แล้วทันใดนั้นเองเรือทั้งลำก็หลุดเข้ามาในสถานที่ที่ดำมืดสนิท
ไม่ทันมีใครได้ตั้งตัว ทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือกำลังตื่นตระหนก
ที่แห่งนี้เป็นเหมือนช่องว่างขนาดใหญ่ และที่สำคัญมันไม่มีทางออกเสียด้วย
“เฮ้ย แกน่ะทำอะ...”
แม็กซ์กำลังจะหันไปตวาดใส่ลาซารัส แต่เขาก็ไม่พบมันอยู่ที่ตำแหน่งเดิมอีกต่อไปแล้ว
มันหายไปจากเรือแล้ว
“มันหายไปไหนน่ะ” โรสถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้แท้ๆ”
“ช่างมันไปก่อนเถอะเรื่องนั้นน่ะ”
ไดอาน่าพูดเสียงสั่นๆ ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง “มีใครสังเกตบ้างว่า มังกรทั้งสี่ตัวน่ะมันหายไปไหนหมด” ทุกคนรีบเงยหน้ามองตามที่ไดอาน่าพูดทันที
ซีกกี้เห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวสิ แล้วถ้างั้นเรือลำนี้มันลอยอยู่ได้ไงล่ะ”
แต่ละคนก็นิ่งเงียบ ไม่มีใครตอบอะไร
จนเมื่อทุกคนเห็นแสงสว่างบางอย่างที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ดรูว์จึงพูดว่า “ทางออกงั้นเหรอไงน่ะ”
ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่ออีก
เด็ทเทอร์ก็รีบพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “อืม ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดนะ
ทันทีที่เราออกไปจากที่นี่ได้ เรือเราคงต้องร่วงลงไปอย่างแน่นอน”
ดรูว์รีบเกาะไดอาน่าทันทีหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เด็ทเทอร์เพิ่งพูดออกมา
“ไม่นะฉันกลัวความสูง”
“ถ้าอย่างงั้น โรสว่าทุกคน รีบเกาะอะไรที่มันมั่นคงกว่าแขนคนอื่นไม่ดีกว่าหรือไง” โรสพูดแล้วจึงรีบไปเกาะเสากระโดงเรือพร้อมๆกับลูกเรือคนอื่นๆ
แสงสว่างนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
แต่ละคนที่อยู่บนดาดฟ้าพากันสูดลมหายใจเข้ากันเฮือกใหญ่
พยายามที่จะควบคุมความตื่นกลัวที่ทำให้ใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนให้ได้
บางคนถึงกับหน้าซีด แต่ก็ไม่มีใครกล้าละสายตาจากแสงสว่างนั้นเลย ทุกคนกัดปากแน่น
พร้อมที่จะเข้าสู่การร่วงหล่นครั้งใหญ่แล้ว
“พระเจ้าช่วยลูกช้างด้วยเถิด”
ซีกกี้พึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ
ในตอนนี้เรือเริ่มที่จะเคลื่อนคล้อยเข้าสู่แสงสว่างนั้นแล้ว
ทุกคนพยายามจะลืมตาเอาไว้แต่ก็ทำได้อย่างยากลำบากเพราะแสงสว่างนั้นจ้าเหลือเกิน
เรือก็เคลื่อนออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ หลายคนกลั้นหายใจเอาไว้ แม็กซ์กุมมือโรสไว้แน่นด้วยมือข้างซ้าย
ส่วนมือข้างขวาใช้ยึดจับเสาเรืออยู่เหมือนกับว่าเวลาผ่านไปช้าเกินกว่าปกติ
ทุกคนตื่นเต้น หัวใจของพวกเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก และเมื่อแสงสว่างเริ่มจางลงพร้อมๆกับที่หัวเรือเอียงไปด้านหน้า
ทุกคนต่างรู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์ไว้กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
“ไม่น้า....................................................” ดรูว์กรีดร้องด้วยความกลัวอย่างสุดขั้วหัวใจ
หลายคนก็กรีดร้องเช่นเดียวกัน
เรือกำลังตกลงไปอย่างรวดเร็วและจากที่แม็กซ์เห็นตอนนี้เรือลำนี้ต้องอยู่ห่างจากผืนดินขึ้นมาหลายกิโลเมตรอย่างแน่นอน
กลุ่มเมฆขาวโพลนก็รุมล้อมพวกเขาทำให้ไม่มีใครทราบว่าพื้นข้างล่างจะเป็นหินหรือน้ำ แต่สิ่งเดียวที่ทุกคนทำได้ตอนนี้ก็คือกำมือให้แน่นและภาวนาให้มีชีวิตรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
ตอนนี้เรือกำลังคว่ำหัวลง
พร้อมกับดิ่งพสุธาด้วยความเร็วชนิดที่รถแข่งยังต้องอายม้วนกลับไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด
ไม่ทันใดทุกคนก็หลุดออกมาจากกลุ่มเมฆ
และสังเกตเห็นว่าพื้นข้างล่างนั้นเป็นท้องทะเลสีฟ้าอันกว้างใหญ่
“กรี๊ด.........................................”ดรูว์ยังคงร้องออกมาทั้งๆที่หลับตาอยู่
“ดูสิ ข้างล่างนั่น”
ไดอาน่ารีบบอกดรูว์ด้วยความตกใจ
“อะไร”
“ระวัง!”ไดอาน่าตะโกนออกมาพร้อมๆกับที่เรือกระแทกลงบนผืนน้ำอย่างแรง
จมดิ่งลงไปใต้ทะเล ตอนนี้พวกเธอทั้งสองพยายามกลั้นหายใจเอาไว้
เพราะการตกลงมาของเรือทำให้เกิดกระแสน้ำดึงพวกเขาลงไปที่ด้านล่างด้วย ไม้จำนวนมากปริแตกออกมา
รวมทั้งเสากระโดงเรือที่ ไดอาน่ากับดรูว์เกาะอยู่ด้วย
เศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างช้าๆ พวกเธอเองก็เช่นกัน ครั้งนี้ทั้งสองกลับรู้สึกเหมือนว่าเวลานั้นผ่านไปช้ากว่าปกติ
ดรูว์เริ่มที่จะสำลักน้ำ ไดอาน่าเองก็เช่นกัน
แต่ในที่สุดพวกเธอก็โผล่ขึ้นมาพ้นผิวน้ำจนได้ ไดอาน่าเห็นคนจำนวนประปรายเกาะแผ่นไม้อยู่
แต่ก็ไม่เห็น เควิน แม็กซ์ ซีกกี้ และโรสเลยซักคนเดียว
“คนอื่นๆล่ะ?”
ดรูว์รีบถามขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มตั้งสติได้แล้ว
“ฉันไม่รู้” ไดอาน่าส่ายหน้าที่แสดงออกถึงความเป็นกังวลของเธออย่างหมดแรง
“เดี๋ยวก่อนสิ ลองดูรอบๆให้ดีก่อน” ดรูว์ซึ่งเห็นอาการของไดอาน่ารีบพูดปลอบใจขึ้นมาทันที
“ฉันดูแล้ว แต่ไม่เจอใครเลยนอกจากคนอื่นๆ” ไดอาน่าตอบอย่างสิ้นหวัง
แต่ก่อนที่ดรูว์จะพูดอะไรขึ้นมา
ท้องฟ้าที่ดูสงบในตอนแรกกลับกลายเป็นมืดครึ้ม พร้อมกับมีฟ้าแลบปรากฏขึ้นมา
ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นในท้องทะเลก็ก่อตัวสูงกว่าปกติเพราะแรงลม ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วมากเสียจนพวกเธอตั้งตัวไม่ทัน
“ไม่นะ ทำไมต้องตอนนี้ด้วยล่ะ”
ดรูว์โอดครวญ
ฝนโหมกระหน่ำลงมาบนผืนน้ำ
คลื่นโถมซัดไดอาน่าและดรูว์ที่เกาะเสาเรืออย่างบ้าคลั่งแต่พวกเธอก็กอดเสาไม้ไว้แน่น
เพราะทันทีที่เธอปล่อยนั่นก็หมายถึงชีวิต ไม่มีใครรู้ว่าฝนที่กระหน่ำตกลงมานั้นยาวนานเท่าไร
แต่ก่อนที่การเดินทางทางทะเลอันยาวนานของพวกเธอใกล้จะจบลง สิ่งที่พวกเธอรู้ก็คือตอนนี้ฝนเริ่มซาลงแล้ว
และที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอนั้นคือ เกาะขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้ปกคลุมอยู่เต็มไปหมด
“ดรูว์ ดูนั่นสิ”
ไดอาน่าตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“อะไรเหรอ”
ดรูว์ที่กำลังนอนกอดเสาไม้อยู่ พูดด้วยความรู้สึกเหนื่อย
“เกาะไง พวกเรารอดตายแล้ว”
“ไหนเกาะ จริงๆนะ ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย”ดรูว์ตาโตขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินคำว่าเกาะ
“ถ้าเธอฝันฉันก็ฝันเหมือนเธอนั่นแหละ” ไดอาน่ารีบปล่อยเสาไม้และรีบว่ายเข้าฝั่งในทันที
ดรูว์เองก็เช่นกัน พวกเธอสองคนอยู่ห่างจากชายหาดออกไปเพียงไม่กี่เมตร
ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าในทะเลนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่อีกนอกจากพวกเธอ
“ไดอาน่า ข้างหลัง”
ดรูว์กรีดร้องอย่างตกใจ
ไดอาน่ารีบหันไปดูและเห็นว่ามีอะไรบางอย่างกำลังแหวกว่ายน้ำเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
เธอยังไม่เห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไร
แต่ที่เธอรู้ในตอนนี้ก็คือเธอต้องรีบว่ายให้เร็วที่สุด
“ดรูว์ทำอะไรซักอย่างสิ เร็วๆเข้า มันจะมาถึงฉันอยู่แล้ว” ไดอาน่าโวยวายเหมือนคนเสียสติ
“อะไรยังไงล่ะ ฉันจะไปช่วยเธอได้ยังไง”
“ลืมไปแล้วเรอะไง หยุดมันสิ หยุดมัน!!”
ไดอาน่าร้องเพราะสัตว์ตัวนั้นกำลังจะกระโจนขึ้นมาจากน้ำเพื่อกัดเธอ
ดรูว์เห็นดังนั้นจึงรีบสะบัดมือทั้งสองข้างของเธอไปยังสัตว์ตัวนั้น
ก่อนที่มันจะงับไดอาน่า ซึ่งกำลังหลับตาสนิทด้วยความตึ่นกลัว
“นี่ ลืมตาได้แล้วไดอาน่า” ดรูว์ว่า
ไดอาน่าจึงลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆและเห็นว่าที่ด้านหน้าของเธอคือสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งมีรูปร่างเหมือนปลาไหลมอร์เรย์ที่มีครีบอันใหญ่โตเกินปกติ
หยุดนิ่งอ้าปากค้างพร้อมที่จะงับเธออยู่เหนือผิวน้ำ
“ปลาไหลอะไรกันน่ะ” ไดอาน่าอุทานแต่ก็ไม่รอให้ดรูว์ตอบกลับมา
เธอรีบว่ายน้ำหนีเข้าฝั่งในทันที
ในที่สุดทั้งสองคนก็ขึ้นมาบนฝั่งทั้งๆที่ตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเล
พวกเธอเดินลากขาอย่างหมดแรงขึ้นฝั่งไปและพยายามอยู่ให้ห่างออกมาจากน้ำทะเลให้มากที่สุด
ก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาบนผืนทรายด้วยความเหนื่อยล้าอย่างสุดขีด
“ฟิ้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเราจะยังมีชีวิตรอดออกมาได้” ไดอาน่าถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“นั่นสิ ถ้านี่เกิดที่โลกจริงป่านนี้พวกเราได้ลงข่าวไปแล้วล่ะนะ”
“ก็จริงอยู่.....แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อไปดีล่ะ
ที่นี่ที่ไหนฉันก็ไม่รู้ แล้วยังจะเรื่องของพวกซีกกี้อีก
แค่คิดฉันก็หมดแรงแล้วนะเนี่ย โอ๊ย ปวดหัว”
“แล้วไงล่ะ ใช่ว่าพวกเราจะทิ้งพวกนั้นไปได้เฉยๆซะเมื่อไหร่
พวกนั้นคงไม่ตายง่ายๆหรอกนะ” ดรูว์ลุกขึ้นมานั่งมองออกไปที่ชายทะเล และสังเกตเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวที่ปลายหาดแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า
“นั่นมันอะไรกันน่ะ”
“ไหนๆ”
ไดอาน่ารีบมองหาสิ่งที่ดรูว์กำลังพูดถึง
“คนที่รอดงั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่ไปดูก็ไม่รู้หรอกน่า”
ไดอาน่าจูงมือดรูว์ลุกขึ้นเดินไปยังปลายหาดทันที
ตึง
ทันใดนั้นก็มีเสียงพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่หนักมากๆตกลงมาบนพื้น
ตึง
และที่สำคัญเสียงนั้นดังอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้ไดอาน่าและดรูว์ถึงกับมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด
“นั่นมันอะไรกันแน่น่ะ” ไดอาน่าถามด้วยความตื่นตระหนก
แต่ดรูว์ไม่ตอบกลับมา
สายตาของเธอจดจ้องอยู่ที่ป่าบริเวณกลางเกาะและมือเธอก็ชี้ไปยังต้นไม้ที่หนาทึบซึ่งกำลังโยกไปมาอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่เห็นว่าอะไรคือต้นตอของเสียงกันแน่ และที่แน่ๆเสียงการสั่นสะเทือนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย
“.....ไม่นะ”ไดอาน่ายกมือขึ้นมาปิดปาก
พร้อมกับกลั้นหายใจต่อสิ่งที่เธอกำลังจะเห็นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี่
แนวการสั่นไหวของต้นไม้เปลี่ยนทิศทางมายังที่ๆพวกเธอทั้งสองคนยืนอยู่
เสียงยิ่งดังกระหึ่มยิ่งขึ้น ทำเอาเด็กทั้งสอง ยืนแน่นิ่ง แต่ภายในนั้น ใจของพวกเธอกลับเต้นแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆเสียอีก
ไดอาน่ากลืนน้ำลาย
โสตประสาททั้งหมดของเธอจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า “หนี....”
แต่ไม่มีใครขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่ไดอาน่าเอง จนเธอเริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม “หนี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
แล้วทั้งสองจึงวิ่งไปยังปลายหาด ตามที่เธอตั้งใจไว้ในครั้งแรก
พวกเธอวิ่งอย่างสุดชีวิต ด้วยแรงทั้งหมดที่มีเหลืออยู่
ทันใดนั้นเอง
ที่ด้านหลังของพวกเธอก็ปรากฏเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายกับพยาธิ ส่วนปากของมันกลวงใหญ่และขนาดของมันนั้นต่างกับพยาธิโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะมันมีลำตัวมหึมา ใหญ่เทียบเท่ากับรถไฟเลยทีเดียว
มันเลื้อยเข้าหาเด็กสาวทั้งสองอย่างรวดเร็วและฟาดลำตัวลงมาหาพวกเธอในทันที
ถึงแม้ว่าจะไม่โดน แต่แรงสั่นสะเทือนที่เกิดตามมาก็ทำให้เด็กสาวทั้งสองต้องเสียหลักล้มลง
“กรี๊ด!! พยาธิยักษ์” ดรูว์ร้องออกมาอย่างตกใจสุดขีด
แต่ก่อนที่ไดอาน่าจะได้พูดอะไรออกไป
พยาธิยักษ์ตัวนั้นก็ได้เลื้อยเข้ามาอยู่ที่ด้านหน้าของเธอแล้ว
มันส่ายหัวไปมาอย่างบ้าคลั่งและพร้อมที่จะเขมือบเธออยู่ทุกขณะ
“ดรูว์หยุดมันสิ หยุดมัน!!”
ไดอาน่าตะโกนอย่างเสียสติ พร้อมๆกับที่น้ำตาแห่งความกลัวของเธอได้เอ่อล้นออกมา
“ฉันลองแล้ว มันตัวใหญ่เกินไป”
ดรูว์เองก็กลัวไม่แพ้ไดอาน่าเช่นกัน เธอพยายามที่จะถอยหนีอย่างช้าๆ
แต่โชคไม่เข้าข้างเธอ เพราะเจ้าพยาธิตัวนั้นได้พุ่งหัวของมันมายังตัวดรูว์ในทันทีและเขมือบเธอเข้าไปทั้งตัว
ทั้งๆที่เธอกำลังกรีดร้องอยู่อย่างนั้น
“ไม่น้า........................”
ไดอาน่าร้องสุดเสียง เธอทั้งตกใจและตื่นกลัว เพราะเพื่อนของเธอคนนี้ถูกพยาธิกินเข้าไปแล้วทั้งตัว
เธอยืนนิ่งแข็งทื่อ กำลังช็อกกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป
พยาธิยักษ์ตัวนั้นก็ไม่รอโอกาสอื่นอีกต่อไป
มันรีบพุ่งหัวของมันไปหาไดอาน่าในทันที
แต่ทว่า ก่อนที่มันจะได้ลิ้มรสของเด็กสาวคนนี้
ก็มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและผลักไดอาน่าให้ถอยออกไป และคนคนนั้นก็คือแม็กซ์นั่นเอง
เขาพยายามที่จะวิ่งพาไดอาน่าออกไปให้ไกลที่สุดให้พ้นจากระยะของพยาธิยักษ์ตัวนั้น
“เดี๋ยว! ดรูว์.......
ดรูว์.... ถูกมันกิน.....กินไป ช่วยเขา....”
ไดอาน่าพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยความลำบาก “เมื่อกี้.....มัน.........กิน.......” เธอหน้าซีดเซียวและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“ชู่ว์............เงียบเถอะไดอาน่า ให้ฉันจัดการเอง” แม็กซ์นำมือไปสัมผัสที่ปากของไดอาน่าและพูดอย่างใจเย็น
เพื่อเป็นการปลอบไดอาน่าที่กำลังขวัญเสียอยู่ “นั่งพักอยู่ตรงนี้แหละ
เดี๋ยวฉันกลับมา”
หลังจากที่พูดเสร็จ
เขาจึงวิ่งกลับออกไปยังหาดทรายเพื่อไปเผชิญหน้ากับพยาธิยักษ์อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อมันเห็นแม็กซ์ ก็รีบรี่เข้ามาหาในทันที
แต่แทนที่เขาจะเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับมัน เขากลับยืนนิ่งล่อมันให้เข้ามาหา “เข้ามาสิ ไอ้สัตว์เดรัจฉาน เข้ามาเลย มากินฉันไปด้วยสิ”
และมันก็ไม่รอช้า มันรีบเขมือบแม็กซ์เข้าไปในท้องของมันอีกคนทันที
“กรี๊ด ไม่นะ แม็กซ์”
ไดอาน่าร้องขึ้นมาด้วยความตกใจอีกครั้งหนึ่ง และรีบวิ่งไปหาเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นทั้งที่เธอยังกลัวๆกล้าๆอยู่ นี่เธอกำลังจะเสียเพื่อนถึงสองคนภายในวันเดียวเลยเหรอนี่
จากความกลัวในตอนแรกก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธแค้น
ไดอาน่ากำมือแน่น และกัดริมฝีปากไว้
เธอต้องการที่จะช่วยเพื่อนทั้งสองของเธอออกมาให้ได้ ไดอาน่าฟาดมือลงไปยังด้านหน้าของเธอ
และพยาธิยักษ์ก็ถูกฟาดอย่างแรงด้วยพลังของเธอ มันรู้สึกเจ็บ
และโกรธจัดแล้วในตอนนี้
“แค่นี้มันยังไม่พอหรอก ไอ้สัตว์นรก” ไดอาน่าตวัดแขนออกไปอีกที และเจ้าพยาธิก็กระเด็นออกไปอีกครั้ง
“เอาเพื่อนฉันคืนมานะ” เธอตะโกนลั่น อย่างโกรธแค้น
แต่เจ้าพยาธิก็ยังไม่ลดละความพยายามของมันในการที่จะกำจัดไดอาน่า
มันรีบตวัดหัวของมันอย่างรวดเร็ว และฟาดลงมาที่ไดอาน่า แต่ก่อนที่จะโดนตัวเธอ
ร่างทั้งร่างของเจ้าพยาธิก็ระเบิดขึ้นมาอย่างแรง
เศษเนื้อของมันกระจายไปทั่วพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ที่ตัวไดอาน่าที่พยายามจะใช้แขนบังเอาไว้
“อะไรน่ะ เมื่อกี้”
ไดอาน่าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ก็บอกแล้วไงว่าให้นั่งอยู่ที่เดิม ดรูว์น่ะฉันจะช่วยออกมาเอง”
เสียงของคนๆหนึ่งที่ฟังคุ้นหูดังมาจากทิศที่เจ้าพยาธิยักษ์เคยอยู่ แม็กซ์นั่นเอง
แต่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ที่ข้างกายของเขาก็มีดรูว์ที่ยืนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่
“แม็กซ์ ดรูว์ พวกเธอยังไม่ตายจริงๆเหรอเนี่ย” ไดอาน่ารีบรี่เข้าไปหาทั้งสองทันที
“ก็อย่างที่เห็นล่ะนะ ยังครบสามสิบสองประการอยู่” แม็กซ์ยิ้มให้กับไดอาน่าที่กำลังเป็นห่วงพวกเขาอย่างมาก
“งั้นที่เธอยอมให้มันกินเข้าไปง่ายๆเมื่อกี้ก็..........”ไดอาน่าเอ่ย
“เพื่อที่จะเข้าไปช่วยดรูว์และระเบิดมันจากข้างในยังไงล่ะ” แม็กซ์ตอบ
“ฮะ ฮะ ฉันน่าจะรู้นะ”
ไดอาน่าหัวเราะให้กับตัวเอง “แต่เล่นเอาใจหายใจคว่ำไปเลยนะเมื่อกี้”
“อา แต่จะว่าไปแล้วเห็นอีกสามคนบ้างมั้ยล่ะ
ฉันไม่เห็นพวกนั้นเลย ” แม็กซ์ถาม
ไดอาน่ายักไหล่เป็นเชิงปฏิเสธ
เพราะเธอเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสามบ้าง
หรือบางทีพวกเขาอาจไม่ได้อยู่บนเกาะแห่งนี้ก็เป็นได้
จบChapter VI
ความคิดเห็น