คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter V : Dragon ship (เรือมังกร)
หลังจากที่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ราวหนึ่งชั่วโมง
พวกเขาหกคนก็ไปอยู่พร้อมกันที่ห้องโถงใหญ่ตามที่เซเนสได้นัดไว้
บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งหกเปลี่ยนไป
เพราะพวกเขารู้สึกตึงเครียดและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
อาการนี้ทำให้ท้องไส้รู้สึกปั่นป่วนเหมือนตอนที่คุณต้องออกไปพูดสุนทรพจน์หน้าชั้น
อาการนั้นแหละที่พวกเขากำลังรู้สึกอยู่
“ถ้าให้ชั้นพูดนะ
ตอนนี้พวกเราก็เหมือนอินเดียนน่า
โจนส์ที่จะต้องไปตะลุยสถานที่ลึกลับที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้บนแผนที่โลก
เพื่อจะหาขุมทรัพย์อันล้ำค่า” ซีกกี้ว่า “ต่างกันตรงที่พวกเราใช้แส้กันไม่เป็น”
“นายก็ดูหนังอย่างนั้นด้วยเหรอเนี่ย
ซีกกี้” ไดอาน่าพูด
“ก็ทำไมล่ะบ้านชั้นไม่ได้อยู่หลังเขานี่ แล้วทำไมจะดูไม่ได้”
“ฮะฮะ เลิกทะเลาะกันเถอะน่าทั้งสองคน” เควินพูดอย่างอารมณ์ดี
“ขอโทษที่ข้าปล่อยให้พวกเจ้าต้องเป็นฝ่ายรอ” เสียงของเซเนสแทรกเข้ามาท่ามกลางวงสนทนาของเด็กทั้งหก “หวังว่าพวกเจ้าคงจะไม่ถือสาแก่ความไม่ตรงเวลาของข้านะ”
เขาเดินเข้ามาจากทางเดินข้างๆห้องโถงในทันทีที่สิ้นเสียง
และราฟาเอลก็ได้เดินตามเข้ามาด้วยเหมือนปกติ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
พวกเราเองก็เพิ่งจะมาไม่นานเองครับ”แม็กซ์พูด
“ใช่ครับ แค่แป๊บเดียวเองครับ” ซีกกี้พูดเสริม พลางทำท่าให้เซเนสรู้ว่าเขาพูดมาจากใจจริง
“ขอบใจสำหรับความใจกว้างของพวกเจ้าด้วยละกัน” เซเนสนั่งลงบนเก้าอี้นุ่นใกล้ๆตัวเขา แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามานี่
ก็เพราะข้ามีเรื่องอยู่สามเรื่องที่จะต้องบอกก่อนที่พวกเจ้าจะเริ่มออกเดินทาง”
“สามเรื่อง?” เควินย้ำ เขายืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ที่อีกฟากของห้อง
“สำหรับเรื่องแรก เรื่องของโซล” เซเนสหยุดพูดไปชั่วขณะ “อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าคนรุ่นนี้ไม่มีใครรู้ว่ามันมีรูปร่างเป็นอย่างไรกันแน่
แต่สิ่งที่ถูกบันทึกไว้ก็คือ มันจะตอบสนองต่อผู้ที่เหมาะสมกับมันเท่านั้น”
“คุณหมายความว่าพวกเราจะต้องเดินทางหามันไปทั่วทวีป
เพื่อที่จะให้มันตอบสนองอย่างนั้นเหรอครับ” เควินถามกลับในทันทีเมื่อเซเนสพูดจบ
เซเนสมองเควินอย่างชื่นชมเพราะเขาสามารถที่จะรู้ถึงความนัยที่เขาสื่อออกมาได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ
“ทั้งถูกและไม่ถูกนะเควิน ถ้าหากพวกเจ้าต้องค้นหาโซลด้วยการเดินกันมั่วๆแบบไร้ทิศทางอย่างที่เจ้าพูดแล้วล่ะก็
มันจะต้องเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เป็นแน่”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ
ที่ว่ามันจะตอบสนองกับผู้ที่เหมาะสมกับมันเท่านั้น
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันกำลังตอบสนองอยู่ เพราะรูปร่างหน้าตาของมันเราก็ไม่รู้
คือโรสหมายความว่าคุณพอจะแนะวิธีสังเกตได้บ้างมั้ยคะ” โรสถามขึ้นมาบ้าง
“ถามได้ดีมาก โรส”เซเนสเอ่ยชม “โซล
เป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากเวทมนต์
เพราะฉะนั้นการที่พวกเจ้าจะรับรู้มันได้พวกเจ้าจะต้องทำใจให้สงบและเปิดใจให้กว้างแล้วตอนนั้นพวกเจ้าก็จะรู้สึกถึงมันได้เอง เหมือนกับตอนที่พวกเจ้าเรียนรู้การใช้พลังอย่างเมื่อเช้านี้”
ทุกคนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจดีแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นแล้วเรื่องที่สองล่ะคะ
หวังว่าคงจะเป็นเรื่องดีนะคะ” ไดอาน่าเอ่ย
“จะว่าเป็นเรื่องดีก็ได้นะ ไดอาน่า
พวกเจ้าจะต้องเดินทางด้วยพาหนะที่ข้าได้ทำการจองเอาไว้แล้ว”
“พาหนะแบบไหนเหรอครับ” ซีกกี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที
“หึหึ
เรื่องนั้นข้าขอปิดไว้เป็นความลับก่อนแต่ข้าคิดว่าจะต้องเป็นที่ถูกใจพวกเจ้าอย่างแน่นอน”เซเนสตอบอย่างอารมณ์ดี แต่นั่นก็ทำให้ซีกกี้อยากรู้มากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“รถม้าใช่มั้ย” ซีกกี้ตะโกนขึ้นมาเผื่อว่าเขาจะเดาถูกบ้าง
“เสียใจด้วยนะซีกกี้
เจ้าไม่มีวันเดาถูกหรอก”
“งั้นเรือด่วนล่ะ”ซีกกี้รีบพูดต่อทันที
“ช่างเขาเถอะครับ แล้วเรื่องที่สามล่ะ”เควินพูดตัดบทเมื่อเห็นว่าถ้าปล่อยให้ซีกกี้ทายต่อไปแล้วล่ะก็มันคงจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน
“อืม
เรื่องนี้สำคัญมากนะ ข้าอยากให้พวกเจ้าระลึกเอาไว้เสมอ”เซเนสพูดด้วยเสียงที่ดูจริงจังขึ้นมาทันที
และนั่นก็ทำให้พวกเขาตั้งใจฟังกันมากขึ้นกว่าเดิม “พวกเจ้าจะต้องไม่เปิดเผยว่าเป็นผู้ที่มาจากต่างโลกและมาเพื่อช่วยเหลือโลกแห่งนี้”
และนั่นก็ทำให้พวกเขาทั้งหกมองหน้ากันด้วยความงง
งัน
เพราะพวกเขาคิดว่าถ้าให้คนอื่นๆรู้ว่าพวกเขามาช่วยโลกแล้วล่ะก็มันน่าจะง่ายกว่าไม่ใช่หรือไงในการขอความช่วยเหลือเรื่องต่างๆระหว่างการเดินทาง
ไดอาน่าจึงตัดสินใจถาม
“มีเหตุผลอะไรหรือคะ”
“เพราะพวกปีศาจน่ะสิ
พวกมันมีสายอยู่ทั่วไปหมด แม้แต่มนุษย์บางคนก็ยอมสวามิภักดิ์กับมัน
เพราะฉะนั้นจงอย่าได้ไว้ใจใครง่ายๆเสียล่ะ”
เซเนสพูดด้วยความรำคาญใจอย่างช่วยไม่ได้
เพราะเขาคิดว่าปีศาจนั้นมีแต่พวกที่ก่อความเสื่อมเสียเท่านั้น
“ซารัส”
แม็กซ์พูดด้วยความเกลียดชัง
“นั่นก็ด้วย” เซเนสกล่าว
“ถ้างั้นทั้งหมดก็มีแค่นี้ใช่มั้ยคะ โซล
พาหนะ แล้วก็เรื่องปิดบังสถานะของตัวเอง”ดรูว์เอ่ยขึ้น
“ถูกต้องแล้ว
เรื่องที่ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าข้าก็ได้บอกไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็...” เซเนสดีดนิ้ว
แล้วสัมภาระที่ประกอบไปด้วยเสบียงอาหารและเงินก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเด็กทั้งหก จนถึงตอนนี้คนที่ยังตกใจกับการที่เห็นเวทมนต์ของเซเนสก็เหลือเพียงแค่ดรูว์กับโรสเท่านั้น
ทั้งสองคนอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เธอสองคนนี่นะ
ถ้าไม่รีบปรับตัวให้มันเร็วๆแล้วล่ะก็ระหว่างทาง
ฉันว่าเธอต้องหัวใจวายตายแน่ๆเลยล่ะ” ไดอาน่าว่า
“แหม ใครจะเหมือนสตรีเหล็กอย่างเธอล่ะจ๊ะ” ดรูว์เอ่ยขึ้น
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น
ที่ภายนอกปราสาทก็เกิดเสียงดังขึ้นมาจนกลบเสียงของทั้งสองเสียสนิท
เสียงนั้นเหมือนกับเสียงลมพายุที่กำลังพัดกระหน่ำกระแทกชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง
ทำให้พวกผู้หญิงต่างตกใจกลัวว่าปราสาทลอยฟ้าแห่งนี้จะถูกพัดจนร่วงลงกระแทกกับพื้นดิน
“พายุงั้นเหรอ ตอนนี้เนี่ยนะ” แม็กซ์ตะโกนแข่งกับเสียงดังข้างนอกปราสาท
“ไม่ใช่หรอก”เซเนสถามอย่างสนอกสนใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนเข้ามาว่า
“ท่านเซเนส พวกเรามาตามที่ท่านสั่งไว้แล้ว
จะให้ส่งคนลงไปขนสัมภาระให้รึเปล่าครับ”
“ไม่ต้องหรอก เด็ทเทอร์
พวกเรากำลังจะออกไปกันแล้ว”
เซเนสพูดด้วยท่าทางธรรมดาแต่เสียงที่ทุกคนได้ยินนั้นดังก้องเข้าไปในโสตประสาท
และดังยิ่งกว่าเสียงพายุนั่นเสียอีก
“เวทมนต์อีกแล้วล่ะสิเนี่ย” ซีกกี้บ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่ยกมือขึ้นมาปิดที่หู
เซเนสเดินไปเปิดประตูที่หน้าปราสาททำให้พวกเขาทุกคนเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในโลกจริงๆอีกครั้งหนึ่ง
ทุกคนยืนตะลึงกับภาพที่เห็น
“โว้ว พระเจ้า” ซีกกี้อุทาน
สิ่งที่พวกเขากำลังยืนแหงนหน้ามองอยู่นั้นคือมังกรที่กำลังบินอยู่บนฟ้าและพวกมันมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่ตัว
ขนาดของมันมหึมามาก ใหญยิ่งกว่าเครื่องบินไหนๆที่พวกเขาเคยเห็นเสียอีก
“มีจริงๆเหรอเนี่ย มังกรเนี่ยนะ” โรสพูดอย่างไม่ค่อยไว้วางใจกับสิ่งที่เธอเห็นนัก
มังกรสี่ตัวกำลังบินอยู่บนฟ้าอยู่ตัวละมุมเป็นรูปสี่เหลี่ยม
ที่ตัวของพวกมันถูกผูกด้วยเชือกที่มีขนาดใหญ่ด้วยกันหลายเส้น
และเส้นเชือกจากมังกรแต่ละตัวถูกโยงไปที่ตรงกลางวงซึ่งผูกติดไว้กับสิ่งก่อสร้างที่เหมือนเรือโจรสลัดในโลกแห่งความจริง
เพียงแต่ว่ามันไม่มีธงรูปหัวกระโหลกเท่านั้น
เรือลอยฟ้าลำนั้นมีขนาดใหญ่พอๆกับมังกรหนึ่งตัวเลยทีเดียว
มังกรเหล่านั้นบินลงมาต่ำมากเสียจนเกือบชนกับปราสาทของเซเนส และตอนนั้นเองทำให้พวกเขาได้เห็นว่ามีคนนั่งคุมอยู่ที่หัวของมังกรแต่ละตัว
พวกเขาเหล่านั้นกำลังบังคับให้พวกมังกรบินลงที่บริเวณลานกว้างหน้าปราสาท
“พระเจ้าช่วย
นี่เราต้องนั่งเจ้าสิ่งนี้ไปเหรอเนี่ย” ไดอาน่าเอ่ยขึ้น
“ถูกต้องแล้ว เรือมังกรนี่เป็นสิ่งที่ใครๆก็ต่างใฝ่ฝันว่าต้องนั่งให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
พวกเจ้าโชคดีมากนะที่จะได้นั่งมันในอีกไม่กี่วินาทีนี้แล้ว” เซเนสรู้สึกตื่นเต้นแทนพวกเขาทั้งหก
แต่ปฏิกริยาตอบรับของทั้งหกต่อสิ่งที่เห็นกลับออกไปทางหวาดกลัวเสียมากกว่า
และคนที่ดูว่าจะกลัวมากกว่าคงอื่นคงเป็นดรูว์ เพราะคำพูดมากมายก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเธอ
ราวกับว่าเธอเสียสติไปแล้ว
“แล้วมันจะไม่กินพวกเราเหรอ”
“ถ้าเกิดมันพยศขึ้นมาแล้วสะบัดเชือกจนหลุดล่ะ”
“แล้วถ้าเกิดอยู่ๆมันรู้สึกเหนื่อย
มันจะไม่หยุดบินไปเฉยๆเลยเหรอ”
“คุณไว้ใจสัตว์อย่างนี้ได้ยังไงกันน่ะ”
“มันไม่ทำให้เราเวียนหัวเหรอ
ถ้าเกิดมันแกว่งมากๆล่ะจะทำไงดี ฉันเมาเรือนะ”
“ฉันกลัวความสูง”
“ฉันอยากกลับบ้าน”
ไดอาน่าเห็นดังนั้นจึงคว้าบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเธอแล้วยัดมันลงไปในปากของดรูว์ในทันที
และนั่นทำให้ดรูว์หยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่ง
“เคี้ยวหมากฝรั่งไปซะจะได้เลิกกังวลเสียที” ไดอาน่าพูดพลางส่งห่อกระดาษให้ดรูว์ “เอ้านี่ เผื่อเธอคายทิ้ง”
“ขอบใจ”
ดรูว์เอ่ยและก็เงียบลงไปในทันที
“ไม่เป็นไรแน่เหรอ ไดอาน่า
เรื่องดรูว์น่ะ ถ้าเขาไม่อยากขึ้นฉันสามารถหาอย่างอื่นมาให้ได้นะ” เซเนสถามด้วยความกังวลเป็นห่วง
“อ้อ รายนั้นอย่าเป็นห่วงไปเลยค่ะ
เขาก็แค่ตื่นเต้นมากไปหน่อยเท่านั้นเอง เดี๋ยวเขาก็โอเคเองแหละค่ะ” ไดอาน่าบอก
“ถ้าเช่นนั้นก็ขึ้นไปกันเลยมั้ย” เซเนสถามความเห็นจากทุกคน และก็ไม่มีใครปฏิเสธ
นอกจากดรูว์ซึ่งเกาะไดอาน่าเอาไว้ไม่ยอมห่าง แต่เธอก็พยักหน้าเป็นการตอบตกลง
เซเนสจึงดีดนิ้วอีกครั้งแล้วและตอนนี้พวกเขาทุกคนก็ถูกย้ายขึ้นมาอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือพร้อมกับสัมภาระต่างๆแล้ว
ทุกคนรีบมองสำรวจไปรอบๆเรืออย่างสนอกสนใจ
แม้แต่ดรูว์เองก็เหมือนกัน บนเรือนั่นถูกประดับประดาอย่างหรูหรา
เหมือนกับเป็นเรือสำราญในโลกแห่งความจริง
“กรี๊ด ดูทางนี้สิ” โรสเรียกทุกคน “มีสระน้ำด้วย
เยี่ยมยอดไปเลย”
“ว้าว จริงด้วยแฮะ” ซีกกี้พูด
“หรูจังเลย อย่างกับเรือไททานิกแน่ะ” แม็กซ์ว่า
“แต่ตอนสุดท้ายมันก็จมไม่ใช่เหรอไง
อย่าพูดเป็นลางอย่างนั้นสิแม็กซ์” ไดอาน่ายิ้มเจื่อนๆ
“นั่นสินะ ขอโทษที”แม็กซ์พูดแล้วจึงนำมือมาลูบหัวตัวเอง
“แต่คนน้อยจังเลยนะ
ทั้งๆที่เป็นเรือสำราญแท้ๆ” เควินพูดในขณะที่กำลังมองไปรอบๆ
“อืม
ยังไงก็สู้เรือสำราญที่ฉันเคยไปไม่ได้หรอก”
ดรูว์เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เคยชินกับเรือแล้ว
“ตกลงทุกคนคงจะชอบเรือลำนี้ใช่มั้ยล่ะ
แต่รอให้มันลอยขึ้นก่อนเถอะพวกเธอจะชอบมันยิ่งกว่านี้อีก” เซเนสยิ้มอย่างมีความสุข “แล้วขณะที่อยู่บนเรือนี้อยากจะทำอะไรก็ทำซะนะ
ฉันจะรับผิดชอบในส่วนของพวกเธอเอง
ตอนนี้พวกเธอสามารถที่จะไปไหนมาไหนในเรือนี้ก็ได้เพราะพวกเธอเป็นแขกพิเศษของฉัน”
“ขอบคุณค่ะเซเนส
คุณทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นสำหรับพวกเรามากจริงๆ” ไดอาน่ากล่าว
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องไปแล้วล่ะนะ
ข้าคงต้องคิดถึงพวกเจ้ามากแน่ๆสหายน้อยของข้า”
เซเนสเอ่ย
แล้วทุกคนก็เดินเข้าไปกอดเขาอย่างรักใคร่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาใจดีกับเด็กทั้งหกมากจริงๆ
ซึ่งซีกกี้ก็ได้ยกให้เขาเป็นคุณตาในอุดมคติของเด็กทุกคนด้วยซ้ำไป
“ลาก่อนค่ะ หวังว่าเราคงจะได้พบกันใหม่นะคะ” ดรูว์เอ่ย
“แล้วพบกันนะครับ” ซีกกี้พูดอย่างเศร้าๆ
“พวกเราทุกคนรักคุณมากๆเลยค่ะ” โรสพูดขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปกอดเซเนสอีกครั้ง
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ” แม็กซ์กล่าว
“ไว้เจอกันคราวหน้านะคะ”ไดอาน่าพูดขึ้นบ้าง
“ตลอดเวลามานี้ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลรุ่นน้องของผมอย่างดีเยี่ยมมาตลอด” เควินเอ่ย
หลังจากที่ทุกคนกล่าวลาจบเซเนสก็เดินจากไปพร้อมๆกับราฟาเอล
เธอโบกมือให้พวกเขาด้วยความรักใคร่เช่นกัน และทุกคนก็โบกมือตอบเป็นการอำลาอีกครั้ง
แล้วเซเนสก็หายตัวกลับออกไปจากเรือในทันที
“ว้า ไปซะแล้ว” ซีกกี้พูดอย่างเสียดาย
“เขาเป็นคนดีมากเลยนะ” แม็กซ์ว่า
ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่ง
แต่งตัวด้วยชุดที่เป็นเหมือนเครื่องแบบทหารของโลกนี้
เดินเข้ามาถามว่า “พวกคุณมาในนามของท่านผู้จัดการใช่มั้ยครับ”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างเลิกลั่ก
ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนี้กำลังพูดถึงใครอยู่
“ผู้จัดการอะไรของคุณน่ะ” เควินถาม
ชายคนนั้นก็ตอบอย่างกระฉับกระเฉงว่า
“ก็คนที่พวกคุณเพิ่งจะคุยด้วยเมื่อตะกี้ยังไงล่ะครับ
ท่านเซเนส ซีราสที่เป็นต้นคิดเรื่องเรือมังกรนี้ไง”
พอชายคนนั้นพูดจบ
เด็กทั้งหกก็มองหน้ากันอีกครั้งแต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม
พวกเขากำลังรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“คุณล้อเล่นรึเปล่า” ซีกกี้ถาม
“ผมจะหลอกพวกคุณทำไมล่ะ”
“ให้ตายเหอะ
สมกับที่เป็นคุณตาในอุดมคติของนายเลยแฮะ ซีกกี้ ทั้งรวยทั้งเก่งทั้งใจดีอีก
สุดยอดเกินไปแล้ว” แม็กซ์ว่า
“ใช่ค่ะพวกเรามาในนามของคุณเซเนส” ไดอาน่าพูดด้วยความดีใจ
“ถ้าอย่างนั้นตามผมมาเลยครับ เดี๋ยวผมจะพาไปยังห้องของพวกคุณ
ซึ่งเป็นห้องที่ดีที่สุดบนเรือลำนี้”
เขาผายมือเป็นการเชื้อเชิญแขกระดับ วีไอพี ทั้งหกอย่างนอบน้อม
และทุกคนก็เดินตามชายคนนั้นไปโดยไร้ข้อกังขา
“ถ้าไม่นับเรื่องทวดอนาคอนด้านั่น ฉันว่าพวกเราเหมือนมาเที่ยวกันเลยแฮะ” ซีกกี้พูดขณะเดินลงบันไดไปในตัวเรือ
“จะนับเจ้างูนั่นก็ได้นี่นา
ถ้าเราไปกับทัวร์ที่แอฟริกา” แม็กซ์หันมาพูดกับซีกกี้โดยที่ระวังไม่ให้เท้าตัวเองไปเตะดรูว์ซึ่งอยู่ด้านหน้า
“ลองคิดดูซิ
ถ้าฉันบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มย่างก้าวเข้ามาในโลกนี้
แล้วเอาไปเขียนเป็นหนังสือ แล้วใช้นามสมมติคนในเรื่องเป็นชื่ออื่นแทน
หลังจากนั้นก็เอาไปเสนอสำนักพิมพ์ นายคิดว่าเขาจะรับซื้อมั้ยล่ะ” ซีกกี้ถามแม็กซ์
“อืม...ถ้าพูดถึงโครงเรื่องแล้วล่ะก็
มันก็ดีอยู่แล้วนะ แต่มันมีปัญหาอยู่ตรงที่...”แม็กซ์พูด
“ตรงไหนล่ะ” ซีกกี้ถามอย่างสงสัย
“ตรงที่นายเป็นคนเขียนไงล่ะ
เพราะภาษาที่นายใช้มันห่วยบรรลัยเลย นายมักจะตกวิชาภาษาไม่ใช่เหรอไง” แม็กซ์หัวเราะทันทีที่พูดจบ
“เจ้าบ้านี่” ซีกกี้ทำเป็นไม่พอใจแต่ตัวเขาเองก็หัวเราะด้วยเหมือนกัน
“ขอโทษที ฉันบังเอิญได้ยินที่พวกนายพูดกันเมื่อกี้” ดรูว์พูดขึ้นเมื่อเธออยู่ที่บันไดขั้นเดียวกับซีกกี้ “ให้ฉันเขียนด้วยได้มั้ยล่ะ
ฟังดูน่าสนุกดีนะ”
“แน่นอนเลยจ๊ะ คนสวย” ซีกกี้ตอบอย่างทะเล้น “สำหรับหุ้นส่วนในอนาคต
เรามาจับมือทำสัญญาก่อนดีมั้ย”
ซีกกี้ยื่นมือออกมาให้ดรูว์ ซึ่งเธอก็รับไว้ด้วยความเต็มใจ
“งั้นฉันไปก่อนนะ จะไปคุยกับโรสต่อ”
“เชิญเลย ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” ซีกกี้บอก
แล้วดรูว์ก็รีบวิ่งนำลงไปที่บันไดขั้นต่ำกว่าเพื่อเข้าไปคุยกับโรสอย่างเร่งรีบผิดปกติ
แม็กซ์หัวเราะเบาๆ แต่ซีกกี้ก็ได้ยินเสียงของเขา
จึงถามว่า “หัวเราะอะไรของนายน่ะ”
“เปล่านี่” แม็กซ์พูดแล้วก็หัวเราะต่อ
“อะไรของนายน่ะ” ซีกกี้ผลักแม็กซ์ลงไปข้างหน้า
“ทำบ้าอะไรของนายน่ะ
เกือบตกลงไปแล้วนะเมื่อกี้” แม็กซ์ว่า
“แล้วตกลงเมื่อกี้นายหัวเราะอะไรล่ะฟะ” ซีกกี้ทำหน้าจริงจังมากกว่าเดิมเล็กน้อย
“เออ นายนี่มันซื่อบื้อจริงๆเลยว่ะ
ดรูว์แอบชอบนายอยู่ รู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย” แม็กซ์ตบหัวซีกกี้เบาๆ
“จริงอ่ะ”
ซีกกี้ตกตะลึงกับสิ่งที่แม็กซ์เพิ่งบอก เขาไม่รู้ตัวมาก่อนเลยด้วยซ้ำไป “ฉันแทบไม่รู้จักเขาเลยนะเว้ย”
“รู้จักมั้ย รักแรกพบ น่ะ รักแรกพบ บื้อๆอย่างนายเข้าใจเปล่าเนี่ย” แม็กซ์เอานิ้วจิ้มหัวซีกกี้รัวๆ
“บ้าดิ่ ฉันชอบคนอื่นไม่ได้หรอก......ฉันมีคนที่ชอบแล้ว” เมื่อซีกกี้พูดถึงตอนนี้ก็ต้องเงียบลงไป
เพราะเขาดันไปชอบผู้หญิงคนเดียวกับที่แม็กซ์ชอบ ซีกกี้มองหน้าของแม็กซ์เพื่อดูว่าเขาจะมีปฏิกริยาอย่างไร
แม็กซ์เองก็รู้ดีว่าซีกกี้เองก็ชอบไดอาน่าเหมือนเขา
แม็กซ์จึงพูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก
อยากพูดก็พูดออกมาเถอะ ฉันรู้น่ะว่านายชอบใครอยู่”
เขามองลงไปยังไดอาน่าซึ่งอยู่ที่บันไดขั้นต่ำกว่า
“ฉันก็รู้ว่านายก็ชอบเธอเหมือนกัน” ซีกกี้พูด
“มันไม่มีทางที่จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปอยู่แล้วล่ะ” แม็กซ์หยุดเดินแล้วจึงพูดขึ้นมา
“สุดท้ายคนที่เป็นผู้เลือกก็คือไดอาน่าสินะ”ซีกกี้หยุดยืนอยู่ข้างๆแม็กซ์
“ถ้านายว่างั้น แล้วคิดว่าเธอจะเลือกใครล่ะ”แม็กซ์พูด
“ก็ฉันสิ”
ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมๆกันแล้วก็มองหน้ากันอย่างแปลกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย
“ฉันต่างหาก”พวกเขาพูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้งแล้วคราวนี้ทั้งสองก็มองหน้ากันด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความแปลกใจที่เพิ่มระดับมากขึ้น
“ทำไมนาย”
พวกเขาพูดพร้อมกันเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ทำให้ซีกกี้กับแม็กซ์หัวเราะออกมาอย่างอั้นเอาไว้ไม่อยู่
“ฮะ ฮะ
เรานี่เข้าคู่กันเหมือนเป็นดาราตลกเลยแฮะ พูดพร้อมกันซะขนาดนี้” ซีกกี้หัวเราะ
“ถ้าเราพูดพร้อมกันอีกครั้ง
ฉันว่าฉันได้หัวเราะตายแน่เลยล่ะ” แม็กซ์พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
หลังจากที่พวกเขาเลิกหัวเราะกันแล้ว
ทั้งสองก็มองหน้ากันและกันด้วยสายตาที่ต่างจากก่อนหน้านี้ เป็นสายตาของมิตรภาพที่เพื่อนมีต่อกันและกัน
เขาทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานเกินกว่าที่จะมาทะเลาะกันด้วยเรื่องผู้หญิง
“ฉันชอบสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้
อย่าพยายามเปลี่ยนมันเลยเถอะนะ” แม็กซ์ว่า
“ก็ดี
นอกจากว่าไดอาน่าจะตัดสินใจเลือกฉันขึ้นมา” ซีกกี้พูด
“ฉันต่างหากล่ะ” แม็กซ์พูดด้วยท่าทางขึงขัง แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันอีกครั้ง
ดังจนทำให้เพื่อนๆที่อยู่ข้างหน้าหันมามองว่าพวกเขาเป็นอะไรไป
ในระหว่างที่แม็กซ์กับซีกกี้กำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น
ชายนำทางก็ได้พาพวกเขาลงมาจนถึงชั้นที่เป็นที่พักของเหล่าบรรดาแขกวีไอพีทั้งหลาย
ชั้นนั้นเป็นชั้นที่กว้างมากกว่าชั้นอื่นๆ และยังถูกตกแต่งประดับประดาไว้ได้อย่างแตกต่างกับชั้นอื่นอย่างเห็นได้ชัด
มันหรูหรามาก โคมไฟสีทองถูกแขวนไว้ที่ผนังสองข้างทางเดิน
ซึ่งที่พื้นก็ปูไว้ด้วยพรมสีแดงกำมะหยี่
ระยะห่างระหว่างแต่ละประตูก็กว้างมากเหลือเกินและนั่นก็บ่งบอกถึงขนาดของห้องที่พวกเขาคิดว่ามันต้องกว้างมากๆแน่
“โอ้โหแฮะ ในชีวิตนี้ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ามาในที่อย่างนี้หรอกนะ” แม็กซ์ว่า
“ว้าว นี่มันหรูกว่าเรือไหนๆที่
โรสเคยขึ้นเลยนะเนี่ย”
โรสเดินนำขึ้นไปที่ด้านหน้าเพื่อไปดูห้องต่างๆอย่างสนอกสนใจ
“ท่านเซเนสจองห้องให้พวกคุณ สองห้องนะครับ”ชายคนนั้นพูดแล้วจึงมอบลูกแก้วลูกเล็กๆให้กับพวกเขาแต่ละคน “นี่ไงล่ะ กุญแจ คุณแค่ถือมันไว้ก็จะสามารถเข้าไปในห้องได้แล้ว ลูกแก้วสีชมพูสำหรับห้องของคุณผู้หญิง
ส่วนสีฟ้าสำหรับคุณผู้ชาย”
“เดี๋ยวก่อนสิ ที่ว่าถือแล้วเข้าห้องได้
นี่คงไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะต้องเดินทะลุประตูหรอกนะคะ”ไดอาน่ารีบถามในทันที
“ครับ เป็นอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ คุณสามารถที่จะเดินผ่านประตูเข้าไปได้เลย”
“สมกับเป็นเรือของเซเนสเลยนะนี่” เควินว่า
“ถ้าอย่างนั้นห้องสำหรับผู้หญิงอยู่ที่ด้านซ้ายมือนี้
ส่วนพวกผู้ชายก็จะอยู่ห้องตรงกันข้าม ตรงนี้ล่ะ”
เขาชี้มือไปยังห้องที่มีประตูคริสตัลสีชมพูและสีฟ้าตามลำดับ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนล่ะนะ
แต่ถ้าหากมีเรื่องขาดตกบกพร่องอะไรก็สามารถเรียกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
“ยังไงล่ะ อย่าบอกนะว่าคุณมีหูทิพย์” ซีกกี้เป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง
“เปล่าหรอกครับ สิ่งที่พวกคุณต้องทำก็แค่ถือลูกแก้วเอาไว้แล้วก็เรียกชื่อผมขึ้นมา
อย่างนี้ไงล่ะ”
เขานำลูกแก้วสีเขียวอีกลูกขึ้นมาแล้วพูดว่า “เดทเทอร์” ทันใดนั้นก็มีเสียงกังวานดังขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาเอง
แล้วเขาก็หยิบลูกแก้วอีกลูกที่กำลังส่งเสียงอยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเป็นลูกแก้วสีขาวใสให้ทุกคนดู
“อ้อ เหมือนกับวอร์คกี้ ทอร์คกี้น่ะเอง” แม็กซ์บอก
“ตกลงแล้วคุณชื่อ เดทเทอร์ เหรอครับ” เควินถาม
“ถูกต้อง เดทเทอร์เป็นชื่อของผมเอง ผมเป็นหนึ่งในลูกเรือของเรือมังกรลำนี้ ตอนนี้ผมเองคงต้องไปแล้ว
แต่ถ้ามีอะไรก็ให้เรียกได้ตลอดเวลาเลยนะ เพราะนานๆทีผมจะได้ตอบแทนท่านเซเนสโดยการดูแลแขกคนสำคัญของเขาแบบนี้ที” เขาพูดแล้วจึงโค้งให้พวกเขาก่อนที่จะเดินจากไป
พวกเขามองดูกัปตันเดทเทอร์เดินจากไปจนลับสายตาแล้ว
ดรูว์ก็พูดขึ้นมาว่า “การที่มาทำหน้าที่ยอดมนุษย์ช่วยโลกนี้มันดูง่ายกว่าที่คิดนะ
สบายเกินไปหน่อยด้วย ฉันว่า”
“อืมนั่นสิ โรสเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไรอย่างนี้หรอกนะ
คิดว่าต้องเดินตะลุยไปตามที่ต่างๆเองด้วยซ้ำไป”
“ถ้ารู้อย่างนี้
ฉันก็รีบรับปากตั้งแต่แรกแล้วล่ะ” ซีกกี้บอก “แต่จะมีปัญหาอยู่ที่ว่า มันจะสบายอย่างนี้ตลอดไปรึเปล่า”
“ไม่มีทางอยู่แล้ว
อีกฝ่ายเป็นถึงปีศาจนะมันไม่มีทางยอมอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ได้แค่ภาวนาให้มันเป็นอย่างนี้ให้นานที่สุด” ไดอาน่าว่า
“ใช่ พี่ก็ว่างั้น
ถึงตอนนี้พวกปีศาจจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา
แต่ซักวันมันก็จะต้องไหวตัวทันแน่ๆและเมื่อถึงตอนนั้นความสบายอย่างนี้ก็จะไม่มีอีกต่อไป” เควินพูด
“งั้นมัวรออะไรล่ะ เราขึ้นไปที่ด้านบนกันดีกว่า
ไปใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มที่สุดกันเถอะ” โรสบอกด้วยท่าทางตื่นเต้นที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นสิ ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ไปดูข้างบนกันเถอะ” แม็กซ์พูด
“เชิญเลย
แต่ฉันจะเข้าไปที่ห้องก่อนดีกว่า”
ดรูว์พูดพลางกำลูกแล้วสีชมพูไว้ในมือ
“อืมฉันด้วย” ไดอาน่าว่า
“แต่แน่ใจเหรอว่า มันจะเดินผ่านได้น่ะ” ดรูว์พูดขณะยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องสีชมพู
“เอาเหอะน่า ไม่เข้าฉันเข้าก่อนล่ะกัน” ไดอาน่าบอกแล้วจึงเดินทะลุผ่านประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย ไม่ได้ล้อเล่นแฮะ” ซีกกี้มองอย่างแปลกประหลาดใจ
“รอฉันด้วยสิ” ดรูว์บอกแล้วจึงเดินตามเข้าไปในทันที
หลังจากที่ไดอาน่าและดรูว์เดินเข้าไปในห้องแล้ว
โรสจึงพูดว่า“แล้วพวกเราสี่คนจะขึ้นไปข้างบนรึเปล่าเนี่ย”
“แหงสิ ใครจะไปยอมนอนกัน
ไม่ใช่ทุกวันนะที่จะได้มาอยู่ในที่อย่างนี้น่ะ” แม็กซ์พูดแล้วจึงวิ่งขึ้นบันไดไป
ซีกกี้เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปในทันที
“หึ สมเป็นคู่หูคู่ฮากันเลยนะ” โรสว่า
“งั้นเราก็ขึ้นไปที่ข้างบนกันเถอะนะ” เควินเอ่ยขึ้น
“แหมพี่เควิน
ไม่ต้องทำตัวเครียดมากก็ได้นะ
โรสเห็นพี่ทำตัวเครียดมาตลอดเลยตั้งแต่มาที่โลกนี้แล้ว ทำไมเหรอคะ”
“ก็เปล่านี่ พี่ไม่ได้เครียดอะไรขนาดนั้น
พี่ก็แค่ใช้ความคิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“งั้นเหรอ แต่โรสว่า พี่คิดว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นรุ่นพี่ของพวกเรา
พี่ก็ต้องคอยดูแลพวกเราไม่ให้เป็นอะไรไปใช่มั้ยคะ”
“ฮะ ฮะ ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เธอพูดนะ” เควินยอมรับในที่สุด
“งั้นก็เลิกเป็นห่วงพวกเราสิคะ
จะได้ไม่ต้องคิดมากขนาดนี้ มันมีอย่างอื่นที่ให้ต้องคิดมากกว่าอีก
แล้วอีกอย่างถ้าพี่ไม่เลิกทำอย่างนี้อีกล่ะก็ ระวังหน้าผากจะย่นนะคะ”
โรสนำมือไปจับที่หน้าผากของเควินแล้วจึงมองเข้าไปในดวงตาของเควิน
เธอกำลังยิ้มอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ให้เขา
“อา จริงด้วยสินะ” เควินตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้านบนกันเถอะนะคะ จะได้ไปดูอะไรดีๆกันต่อ”
โรสว่าแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปพร้อมๆกับเควิน
ตอนนี้แม็กซ์และซีกกี้ได้ขึ้นมาถึงบนดาดฟ้าแล้ว
พวกเขาสังเกตเห็นว่าเรือลำนี้กำลังลอยอยู่บนฟ้าด้วยแรงลากของมังกรทั้งสี่ ความเร็วของเรือนั้นก็คงที่จนไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากแรงของสิ่งมีชีวิต
“โห
ไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่ามันบินขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
ซีกกี้ว่า
“ระบบกันสั่นสะเทือนของที่นี่ก้าวหน้ากว่าที่โลกจริงเยอะเลยแฮะ” แม็กซ์พูดพลางเดินไปดูที่ขอบเรือด้านหนึ่ง
“เฮ้ยเดี๋ยวก็ถูกลมพัดตกลงไปหรอก” ซีกกี้รีบวิ่งเข้าไปฉุดแม็กซ์อย่างตกใจ
“ไม่หรอกน่า ดูสิ
ไม่มีลมเหมือนตอนที่อยู่ในปราสาทของเซเนสเลย
สงสัยคงมีคนร่ายมนต์ป้องกันมันไว้มั้งเนี่ย” แม็กซ์สะบัดแขนออกจากมือของซีกกี้แล้วจึงไปยืนพิงที่ขอบเรือมองออกไปข้างนอก
“จริงด้วยสิ ไม่มีลมกระโชกเหมือนตอนแรก” ซีกกี้ชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอกบ้าง
“ดูสิ ที่นี่อย่างกับป่าอเมซอนเลยแฮะ” แม็กซ์พูดเมื่อเห็นถึงสภาพของธรรมชาติที่อยู่ด้านล่าง
ที่ด้านล่างของเรือมังกรเป็นป่าทึบที่ไร้ซึ่งความสิ้นสุด
สีเขียวขจีอันแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่
แม่น้ำที่ไหลผ่านป่าก็มีจำนวนมากมาย บ้างก็เป็นสายใหญ่ที่มีลำน้ำสายเล็กๆไหลมารวมกัน
หรือไม่ก็เป็นสายน้ำเดี่ยวๆไหลไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย
ที่สุดขอบฟ้าก็มีภูเขาตั้งตระหง่านเรียงรายราวกับกำแพงยักษ์ยาวไปสุดสายตา ฝูงสัตว์ป่าที่มีรูปร่างแปลกๆก็วิ่งผ่านที่ราบสีเขียวชอุ่ม
บางตัวกำลังหาอาหารกินอยู่
และฝูงนกมากมายบินผ่านเรือมังกรไปอย่างไม่เกรงกลัว
นกเหล่านี้มีลวดลายสวยยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยเห็นในโลกแห่งความจริงเลยเสียอีก
“ว้าว มหัศจรรย์สัตว์โลกเลยนะเนี่ย”
ซีกกี้มองป่าด้านล่างด้วยความหลงใหลในธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของโลกแห่งนี้
“ลองถ่ายวิดีโอ
ไปขายพวกช่องดิสคัฟเวอรี่สิ โรสว่าต้องทำเงินได้ดีแน่ๆ” โรสพูดขึ้นมา
แม็กซ์และซีกกี้ก็ต้องตกใจเพราะพวกเขาไม่ทันรู้ตัวว่าเธอและเควินมายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่
“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะ โรส พี่เควิน” ซีกกี้ว่า
“ก็ให้เสียงไปแล้วไงน่ะเมื่อกี้” โรสตอบ
“พวกนายนี่ก็ตกใจง่ายเกินกว่าที่คิดเหมือนกันนะเนี่ย” เควินหัวเราะเบาๆ แล้วจึงมองออกไปที่ด้านนอกต่อ
“เฮ้ยนายเห็นไอ้ตัวนั้นมั้ย
ไอ้ตัวใหญ่ๆบนต้นไม้น่ะ” แม็กซ์ตบหัวซีกกี้แล้วจึงชี้ไปที่สัตว์ตัวหนึ่งซึ่งมีรูปร่างเหมือนกอริลล่า
แต่มีขนสีขาวและมีเขายาวๆบนหัวตรงกลางหน้าผากหนึ่งเขา ตัวของมันใหญ่มีขนาดใหญ่มาก
เพราะขนาดที่พวกเขาเห็นจากบนเรือนั้นก็สามารถมองเห็นหน้าของมันได้ชัดแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงถ้าลงไปดูใกล้ๆจริงๆ
“โว้ว ล้อเล่นน่ะ
ไอ้ทวดอนาคอนด้าว่าใหญ่แล้วนะเนี่ย แต่ไอ้ตัวนั้นมันต้องใหญ่มากแน่ๆ” ซีกกี้มองด้วยท่าทางทึ่งสุดๆ
“ดีที่พวกเราไม่ต้องไปอยู่ข้างล่างนั้นน่ะนะ” โรสว่า
ขณะที่พวกเขากำลังมีความสุขอยู่กับธรรมชาติที่อยู่เบื้องล่างนั้น
ที่ด้านหลังของเรือมังกรกลับมีสิ่งหนึ่งกำลังบินตามมาในระยะห่างออกไปราวสองกิโลเมตร
สิ่งนั้นจ้องมองมายังเรือมังกรด้วยสายตาอันแหลมคมของมัน
มันวางแผนที่จะก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ขึ้น
โดยมีผู้คนจำนวนมากบนเรือเป็นพยานในการกระทำของมัน รวมไปถึงเด็กทั้งหกคนเช่นกัน
และในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่จะหยั่งรู้ถึงภยันตรายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้เลย
จบ ChapterV
ความคิดเห็น