คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter IV : Lesson (บทเรียน)
หลังจากที่พวกเด็กทั้งหก
ได้พลังเวทย์มาแล้ว
ทุกๆคนก็พยายามที่จะฝึกใช้พลังให้คล่องมากขึ้นโดยการจับคู่ซ้อมกัน
จนเวลาล่วงเลยมานานหลายชั่วโมง พวกเขาก็สามารถใช้พลังได้คล่องขึ้นมากกว่าตอนแรกแล้ว และก็ยังมีพัฒนาการที่รวดเร็วจนน่าตกใจอีกด้วย
“ดรูว์ ระวัง”
ไดอาน่าตะโกนขณะที่เธอใช้พลังจิตควบคุมสิ่งของภายในห้องฝึกให้ลอยไปมาพลาด
และของเหล่านั้นก็พุ่งตรงเข้าไปหาดรูว์
ดรูว์หันมา
และสะบัดมือทั้งสองไปยังทิศทางเดียวกับสิ่งของเหล่านั้น อย่างใจเย็น
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ล้วนเคลื่อนไหวอยู่ต่างก็หยุดค้างในอากาศทันที
“ระวังหน่อยสิ ไดอาน่า”เธอตำหนิ
“แฮะๆ ขอโทษที่เมื่อกี้เร่งพลังมากเกินไปหน่อย” ไดอาน่าแก้ตัวพลางใช้พลังบังคับให้ของต่างๆกลับลงที่เดิม
“ดูท่าเธอจะเก่งขึ้นนะ แต่ขอโทษทีนะ
ช่วยระวังอย่าให้โดนฉันได้มั้ย เดี๋ยวนางงามในอนาคตคนนี้จะเสียโฉมไป” ดรูว์บอก
ไดอาน่ายิ้มแหยๆอย่างหมั่นไส้ “งั้นก็บอกมาสิว่าเธอสวยตรงไหนฉันจะได้ระวังเป็นพิเศษ
เพราะจนถึงตอนนี้ฉันไม่เห็นมันในตัวเธอเลย”
“เธอนี่ก็มีนิสัยน่ารักแต่ปากเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ” ดรูว์ยิ้มพร้อมกับมีรังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมออกมา
“ก็แหงสิ
ไม่ได้เจอกันตั้งสองปี แล้วจู่ๆเราก็ต้องหลุดมาอยู่ที่โลกนี้ด้วยกัน แต่ฉันก็จำได้ว่าเธอน่ะเป็นโรคหลงตัวเองมาตั้งนานแล้ว” ไดอาน่าบอกแกล้งทำเป็นไม่สนใจกับรังสีอำมหิต ของดรูว์
“เอาเถอะๆ แล้วตกลง โรสไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะเนี่ย” ดรูว์เปลี่ยนเรื่องพูด เพราะเธอรู้ดีว่าทะเลาะกับไดอาน่าไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
“เอ...เห็นบอกว่าจะไปฝึกกับพวกผู้ชายที่ดาดฟ้าน่ะ”
“ต๊าย ร้ายกาจนัก ฉวยโอกาสเก่งมากมาย” ดรูว์ว่า
“ก็เธอช้าเองนี่นา แล้วตกลงจะขึ้นไปข้างบนด้วยกันรึเปล่า”ไดอาน่าถาม
“ก็ดีเหมือนกัน ฝึกมาแล้วทั้งวัน ฉันอยากพักบ้างแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเซเนสเขาจะปล่อยเราไปเมื่อไหร่”
“แต่อยู่ที่นี่ก็สบายดีนะ ฉันว่า”
ไดอาน่าพูดแล้วจึงเดินนำขึ้นไปบนดาดฟ้าของปราสาท
ขณะเดียวกันที่ลานด้านบน
เด็กสี่คนกำลังฝึกซ้อมกันอย่างแข็งขัน โดยที่แม็กซ์จับคู่กับซีกกี้
และโรสจับคู่กับเควิน
เซเนสเองก็คอยนั่งจับตาดูอย่างใกล้ชิด อยู่ในสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่บนดาดฟ้า
“พร้อมนะ โรส” เควินถาม
“เข้ามาเลยค่ะ พี่เควิน”
เธอตะโกนตอบกลับมาอย่างเข้มแข็ง
เควินได้ยินดังนั้น
จึงเรียกก้อนหินขนาดเท่ากำมือให้กลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียวด้วยพลังของเขา
แล้วจึงขว้างมันไปยังโรสซึ่งตั้งท่ารออยู่แล้ว
กลุ่มแสงนั้นกลับคืนกลายเป็นก้อนหินเหมือนเดิมก่อนที่จะชนโรส
แต่เธอก็ได้รับก้อนหินก้อนนั้นให้หายเข้าไปในอีกห้วงมิติหนึ่ง
เควินยังคงไม่ละสายตาไปจากโรสเพราะเขารู้ว่าโรสจะปล่อยมันกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ และทันใดนั้นเอง เธอก็ขว้างก้อนหินก้อนนั้นกลับคืนไปหาเควิน
เขาจึงเรียกให้ก้อนหินนั้นมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้เมื่อเขาขว้างออกไป
ก้อนหินก็หายไปต่อหน้าต่อตาโรส
“หายไปที่ไหนน่ะ” โรสพูดด้วยความตกใจ
ก้อนหินก้อนนั้นไปโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของโรส
และกำลังพุ่งเข้าไปหาเธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
แต่เควินก็เรียกก้อนหินก้อนนั้นให้กลับไปหาเขาในทันที ก่อนที่มันจะทำอันตรายให้แก่ใคร
“ว้า กี่ครั้งๆ ก็แพ้เหมือนเดิม”
โรสพูดเมื่อรู้ตัวว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้นี้
“อย่าคิดมากไปเลย ตอนนี้เธอเองก็เก่งแล้ว แต่ที่เธอขาดก็คือประสบการณ์เท่านั้น” เควิน พยายามพูดปลอบใจเธอ
“ที่เควินพูดนั้นก็ถูกต้องแล้ว
ที่เจ้าขาดไปก็คือประสบการณ์เพียงเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นก็อย่าคิดมากไปเลย”เซเนสที่คอยสังเกตอยู่ก็แสดงความเห็นขึ้นมา แต่โรสก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นซักนิด
ทางด้านแม็กซ์และซีกกี้ ชายทั้งสองฝึกซ้อมกันอย่างรุนแรงมากกว่าคู่อื่นๆ
“ย่าห์” ซีกกี้ตะโกน
แล้วจึงใช้ร่างจิตของเขาเตะใส่แม็กซ์เข้าที่ท้องจนเขาต้องกระเด็นถอยไปหลายก้าว
แต่ในขณะเดียวกันแม็กซ์ก็จับซีกกี้ที่ข้อเท้าของร่างจิต
แล้วระเบิดมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ร่างจิตของซีกกี้ไม่มีเลือดพุ่งออกมาให้ขยะแขยงและไม่มีอาการของความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
ส่วนตัวแม็กซ์เองก็กระเด็นล้มลงไปในภายหลังเพราะผลกระทบจากแรงระเบิดของตัวเอง
แม็กซ์ยิ้มที่มุมปากแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า
“ในที่สุดฉันก็รู้จุดอ่อนของนาย ซีก”
“อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลยน่า เพราะจนถึงตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บเลยซักนิด
ส่วนร่างจิตของฉันก็สามารถสร้างอีกกี่รอบก็ได้”
“ใครว่า ถ้าอย่างนั้นทำไมนายถึงเหงื่อออกมากถึงขนาดนั้นล่ะ” แม็กซ์พูดอีกครั้ง
และครั้งนี้ทำให้ซีกกี้ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เขาเหงื่อออกท่วมทั่วตัว
โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวมาก่อน “เหนื่อยใช่มั้ยล่ะ
การควบคุมร่างจิตของนาย”
“แล้วไง ฉันก็แค่จัดการศัตรูให้เร็วที่สุดแค่นั้นแหละน่า”ซีกกี้ตอบ
“นั่นก็จริง แต่ถ้าเกิดศัตรูของนายอึดกว่าที่คิดล่ะ”แม็กซ์ว่า
ซีกกี้หน้านิ่วคิ้วขมวด
เขาคิดหาคำตอบสำหรับปัญหานี้ไม่ได้
เขาพูดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
เซเนสเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “ซีกกี้ พลังของเจ้านั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เจ้าคิดนัก
หลังจากนี้ข้าอยากให้เจ้าใช้จินตนาการกับมันให้มากหน่อยนะ
แล้วเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าบอก”
ซีกกี้ฟังแล้วก็คิดตาม
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“แม็กซ์เจ้าฉลาดมากที่พยายามหาจุดอ่อนของศัตรูในขณะที่ต่อสู้
แต่ว่าอย่าให้มันนานไปนัก”
เซเนสพูดแล้วจึงยิ้มให้แม็กซ์
“ฮะฮะ นั่นสินะครับ”
แม็กซ์รับคำติชมอย่างไม่ขะเขิน
และตอนนั้นเอง
ดรูว์กับไดอาน่าก็ได้ขึ้นมาถึงด้านบนพอดี
พวกเธอเห็นว่าคนที่เหลือยังไม่หยุดฝึกซ้อมกัน ดรูว์จึงพูดว่า “ให้ตายเถอะ ทำไมพวกเธอถึงได้อึดกันถึงขนาดนี้เนี่ย”
เซเนสสังเกตเห็นการมาของทั้งสองจึงพูดขึ้นว่า “ดีแล้วพวกเจ้ามาได้ถูกเวลาพอดีเลย
พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างล่ะราฟาเอล”
“พวกเขาทั้งสองมีพัฒนาการที่รวดเร็วมากค่ะท่านเซเนส
คุณไดอาน่าสามารถใช้พลังได้มากกว่าที่ฉันคาดคิดไว้ว่าจะเห็นภายในสองสามชั่วโมงเสียอีก
ส่วนคุณดรูว์นั้นก็สามารถที่จะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบข้างได้ในเพียงรวดเดียว” ราฟาเอลพูดด้วยความชื่นชม
“ตอนนี้พวกเจ้าพร้อมแล้ว”
เซเนสพูดอย่างเรียบๆสั้นๆ “แต่ก่อนที่พวกเจ้าจะไปกันข้ามีเรื่องที่อยากจะถามพวกเจ้าเสียหน่อย”
“พวกเราต้องไปกันแล้วเหรอครับ”ซีกกี้พูดอย่างเสียดาย
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
โรสถามเมื่อเห็นว่าเซเนสเงียบไป
“พวกเจ้ามีใครบ้างที่สามารถตอบได้ว่าเวทมนต์นั้นเป็นสิ่งที่จะยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดไหน” เซเนสถาม
ทุกคนเงียบ
เพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ตอนนี้พวกเขาเป็นแค่เพียงจอมเวทย์ฝึกหัดเท่านั้น
และตลอดที่ผ่านมาพวกเขารู้แค่ว่าเวทมนต์นั้นเป็นสิ่งยิ่งใหญ่แต่จะยิ่งใหญ่ถึงขนาดไหนนั้นพวกเขาก็ไม่อาจรู้ได้
เซเนสเห็นทุกคนเงียบจึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้น
ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นก่อนละกันแล้วพวกเจ้าก็จะได้เรียนรู้ด้วยตัวของพวกเจ้าเอง”
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเพราะพวกเขารู้ดีว่าเซเนสเป็นจอมเวทย์อันดับหนึ่งและตอนนี้พวกเขาจะได้เห็นเซเนสใช้เวทย์มนต์แล้ว
มันคงเป็นเรื่องที่น้อยคนเท่านั้นที่จะได้เห็นอย่างแน่นอน
เซเนสเดินออกไปบนกลางลานกว้าง
เขาวาดมือเป็นเส้นตรงขนานกับพื้นโลกที่ด้านหน้าของเขา แล้วไม้เท้าซึ่งมีคริสตัลประดับอยู่ที่ปลายยอดก็ปรากฏขึ้นมา
มันยาวพอๆกับความสูงของเซเนส
เขานำปลายไม้เท้ากระทบลงบนพื้น
แล้วรอบๆตัวของเขาก็สว่างไสวขึ้นด้วยลวดลายของดาวหกแฉก แสงสีทองส่องขึ้นมาจากพื้นปราสาท
เขาเริ่มท่องคาถาที่ว่า “เมซาส โคเซอุส”
ทันใดนั้นเด็กทั้งหกรวมไปถึงราฟาเอลก็ตกอยู่ภายใต้เกราะกำบังสีเขียวอ่อนๆ
แต่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา เพราะใจของพวกเขากำลังจดจ่ออยู่กับเซเนส
เซเนสเริ่มท่องมนต์ต่อว่า “เบลสก้า”
แล้วลูกไฟก็ปรากฏขึ้นที่ปลายของดาวหกแฉกที่ด้านหนึ่ง
“ซาลวาส” ผลึกน้ำแข็งก็ลอยขึ้นมาอยู่เหนือปลายแฉกอันถัดไป
“เอิร์ลธิน” พายุทรายพัดขึ้นที่แฉกอีกข้าง
“โวลเร็ด”
สายลมพัดเป็นวงอยู่ที่อีกแฉกหนึ่ง
“ควอลต้า”
แสงระยิบระยับสีขาวปรากฏขึ้นมาเป็นแฉกที่ห้า
“กราบลิส”
สายฟ้าแลบขึ้นมาจากปลายของแฉกสุดท้าย
ในตอนนี้แต่ละปลายของเพนทาแกรมก็มีธาตุต่างๆปรากฏขึ้นมาครบแล้ว
เซเนสจึงพูดต่อว่า “จงเป็นหนึ่งเดียวกัน”
แล้วรอบๆตัวของทุกคนก็เกิดสภาพของบรรยากาศที่ปั่นป่วนขึ้น
ลมพัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้าก็มืดครึ้มลง
สายฟ้าแลบขึ้นก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง ฝุ่นลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
บดบังการมองเห็นต่างๆของเด็กทั้งหก ราวกับว่าพวกเขากำลังตกอยู่ท่ามกลางพายุทราย
แต่พวกเขาก็หาได้ละทิ้งความพยายามที่จะมองไปยังเซเนสไม่ เซเนสกำลังยกมือสูงขึ้น
พร้อมๆกับที่ธาตุทั้งหกลอยขึ้นมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียวที่เหนือหัวของเขา
เป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่ส่องแสงสว่างจ้าจนแสบตา จนพวกเขาต้องหรี่ตาลง
หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลุ่มก้อนพลังงานนั้นได้ระเบิดออกมาอย่างแรง
มันเข้าโจมตีทุกอนุภาคของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในรัศมี 7 กิโลเมตร จนเมื่อแสงนั้นจางหายไป
เด็กทั้งหกก็พบว่าพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือความวางเปล่าที่กว้างใหญ่บนผิวโลก
ทุกสิ่งทุกอย่างสูญสลายไปพร้อมๆกับการระเบิดเมื่อกี้
ทุกคนอ้าปากค้างกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็น
“น...น...นี่มัน”แม็กซ์อ้ำอึ้ง
ตาเบิกโพล่งอย่างตกใจ
“รุนแรงเกินไปแล้ว”
โรสนำมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง
“ไม่น่าน่ะ”ดรูว์พูดอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
“เมื่อกี้มัน เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ”
ไดอาน่าเข่าอ่อนในทันที แต่แม็กซ์คว้าเธอไว้ก่อนที่จะล้มลงไป
“นี่น่ะเหรอ เวทมนต์ เจ๋งที่สุด”
ซีกกี้มีปฏิกริยาต่างจากคนอื่น เขาตื่นเต้นมากกับสิ่งที่ได้เห็นจนตัวสั่น
แต่ก็มีคนที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้บ้างเหมือนกัน
เควินเขาทำสีหน้าไม่ชอบใจอย่างมาก “
ทำไมคุณต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย แล้วชีวิตของคนอื่นๆล่ะ”เขากล่าว
เซเนสไม่ตอบคำถามของเควิน แต่กลับพูดว่า
“ ไบรห์ม ทรัสต์” แล้วทุกสิ่งรอบๆตัวพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เหมือนกับการฉายวิดีโอย้อนกลับหลัง สิ่งต่างๆกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนกับแต่ก่อน
ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
จนถึงตอนนี้ทุกคนก็ยังตกใจไม่หาย
พวกเขาเห็นในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้มากเหลือเกินในช่วงสองวันนี้
“นี่ยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น สหายน้อย เพราะเวทมนต์นั้นคือนิยามของคำว่าไม่มีที่สิ้นสุด
ข้าสามารถที่จะเรียกภูติประจำสถานที่ต่างๆมาจัดการกับเจ้าได้
ข้าสามารถสั่งให้พวกเจ้าหายไปในอีกมิติหนึ่งตลอดกาล
หรือแม้แต่ส่งพวกเจ้าลงไปในนรกก็ได้” เซเนสกล่าว “แล้วทีนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วหรือยังล่ะ”
ทุกคนได้แต่พยักหน้า
พวกเขาพูดไม่ออกเลยเมื่อเห็นสิ่งที่เซเนสเพิ่งจะทำเมื่อกี้
เซเนสได้พิสูจน์ให้เด็กทั้งหกเห็นแล้วว่า
คำว่า “จอมเวทย์อันดับหนึ่ง” ไม่ใช่ราคาคุยโม้อย่างแน่นอน
เขาแสดงความสามารถได้อย่างน่าทึ่งและสมเกียรติยิ่งนัก
“แต่เวทมนต์ที่รุนแรงขนาดนี้ ก็ใช่ว่าจะมีคนใช้กันดาษดื่นหรอกนะ
เพราะถ้าคนที่ใช้ไม่แกร่งพอ เวทมนต์มันจะกลับมาเล่นงานผู้ใช้เอง” เซเนสอธิบายเมื่อเห็นว่าพวกเขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก “แล้วพลังของพวกเจ้าเองก็เช่นกัน
มันไม่ใช่พลังที่ใครๆก็สามารถจะใช้ได้
มันเป็นพลังที่มีแต่พวกเจ้าเท่านั้นที่จะใช้ได้”
“เพราะเป็นคนต่างโลกเหรอครับ”
ซีกกี้ถาม
“เพราะเป็นผู้ที่ข้าเลือกต่างหากล่ะ”เซเนสพูดแล้วจึงยิ้มให้กับพวกเขาอย่างอ่อนโยน
พวกเขาได้ยินดังนั้นก็เริ่มสบายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
พวกเขาได้รับการไว้วางใจจากจอมเวทย์อันดับหนึ่งและนั่นไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆเลยในโลกใบนี้
“เอาล่ะ อีกหนึ่งชั่วโมง ข้าอยากให้พวกเจ้าไปพบข้าที่บริเวณห้องโถงใหญ่เพราะตอนนั้นเป็นเวลาอันเหมาะสมสำหรับการเดินทาง
แล้วระหว่างนี้พวกเจ้าอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่พวกเจ้าแล้วล่ะ” เซเนสพูดแล้วก็เดินจากไปพร้อมๆกับราฟาเอล
ทิ้งให้เด็กทั้งหกยืนอยู่ตามลำพัง
“ฉันไม่คิดเลยว่าเวทมนต์มันจะบะลึ้มฮึ้มอะไรขนาดนี้เลยนะเนี่ย” ดรูว์พูด
“แล้วพวกปีศาจพวกนั้นล่ะ มันใช้เวทมนต์แบบนี้ได้รึเปล่า”โรสบอกอย่างไม่ค่อยสบายใจ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆแล้วพวกเราจะไปทำอะไรมันได้ล่ะ
มันเหมือนมดดำไปสู้กับตัวกินมดยังไงยังงั้น”ซีกกี้เอ่ย
“หาคำอุปมาได้ทุเรศมากเลย ซีกกี้”
ดรูว์ว่า
“งั้นก็อย่าพึ่งคิดอย่างนั้นสิ ใช่ว่ามันจะไม่มีทางซะหน่อย” แม็กซ์พยายามที่จะกู้ความมั่นใจของทุกคนกลับคืนมา
“ที่แม็กซ์พูด ถูกต้องแล้ว
ตอนนี้พวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับลูกเจี๊ยบ แต่วันข้างหน้าพวกเราทุกคนจะต้องเติบโตขึ้น
และพี่ก็มั่นใจว่า พวกเราสามารถทำในสิ่งที่เซเนสทำได้ ถ้าพวกเราพยายามมากพอนะ” เควินกล่าว
“แหมพี่เควินถ้าไม่มีพี่พวกเราก็คงมาไม่ได้จนถึงขนาดนี้นะเนี่ย โรสดีใจจังที่มีพี่อยู่กับพวกเราแบบนี้น่ะ” โรสบอก
“นั่นสินะ ถ้าเราท้อตอนนี้ก็เท่ากับพวกเราแพ้ไปแล้วครึ่งทาง” แม็กซ์บอก
“เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจ พวกเราเอามือมารวมกันที่ตรงกลางสิ” ซีกกี้พูด แล้วจึงนำมือออกมาวางที่กลางวง
คนอื่นๆก็นำมือมาวางซ้อนๆกันขึ้นมา โดยที่มีแม็กซ์วางเป็นคนสุดท้าย
“เพื่อชัยชนะของพวกเรา เพื่อช่วยโลกนี้
และเพื่อที่เราจะได้กลับบ้าน” ซีกกี้ตะโกนขึ้น
และทุกคนก็กำมือชูขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับใบหน้าที่ดูเบิกบานและมีพลังมากกว่าเดิม
“งั้นตอนนี้ฉันไปนอนก่อนดีกว่า แค่ใช้พลังไปเมื่อกี้
รู้สึกหมดแรงยังไงก็ไม่รู้”
ดรูว์พูดแล้วจึงเดินหายเข้าไปในปราสาทพร้อมกับคนอื่นๆ
ในตอนนั้นเองก็มีคนคนหนึ่งในกลุ่มที่มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
คนคนนั้นเหลือบมองไปยังแม็กซ์และซีกกี้ แล้วก็ถอนหายใจออกมา
“ซีกกี้ แม็กซ์ อยู่กับฉันก่อน”
คนคนนั้นพูดขึ้นมา
ชายหนุ่มทั้งสอง หันหลังกลับไปมอง
ก็เห็นเด็กสาวที่ร้องเรียกพวกเขา เธอคนนั้นก็คือ ไดอาน่านั่นเอง เธอมองพวกเขาทั้งสองคน
ด้วยสายตาที่เป็นกังวล
“มีอะไรงั้นหรือ ได” แม็กซ์ถามขึ้นมาเมื่อรู้ว่าไดอาน่ามีเรื่องที่เป็นกังวลอยู่
“ฉันมีเรื่องที่อยากจะพูดกับพวกนายก่อนที่จะไม่มีโอกาส” ไดอาน่าตอบอย่างแผ่วเบา เธอมองมายังพวกเขาด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน
ผมอันยาวสลวยสีน้ำตาลเรื่อๆของเธอถูกพัดพลิ้วไปตามกระแสลมที่โบกโชยมา
ในตอนนี้เธอดูงดงามราวกับเทพธิดาเลยทีเดียว
“ตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่เธอสวยจนเปล่งประกายได้ถึงขนาดนี้” แม็กซ์คิดอยู่ในใจ เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นความงดงามของไดอาน่า
ซีกกี้เองก็เช่นกัน เขาคิดไม่ต่างไปจากแม็กซ์ เพราะชายทั้งสองคนนั้นต่างก็หลงรัก
ไดอาน่ามาตั้งแต่สมัยยังเด็ก จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดปีแล้ว
ตั้งแต่ที่พวกเขาทั้งสามคนได้เป็นเพื่อนสนิทกัน เพียงแต่ว่าชายทั้งสองไม่กล้าที่จะเปิดเผยความในใจออกมาให้อีกฝ่ายรู้
เพราะพวกเขาต่างก็รู้สึกว่าถ้าพูดออกไปแล้ว
มิตรภาพที่พวกเขาทั้งสามพยายามรักษามาเป็นเวลานาน จะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน
“ฉันมีเรื่องที่จะขอร้องเธออยู่อย่าง” ไดอาน่าพูดขึ้น
เสียงของเธอดึงชายทั้งสองให้หลุดออกมาจากภวังค์ของตนเอง
“ไดอาน่า ฉัน....” ซีกกี้เผลอพูดขึ้นมา
แต่ไดอาน่าทำเป็นไม่สนใจ เธอพูดต่อว่า“ในการเดินทางต่อจากนี้
ฉันอยากให้พวกเธอสัญญาว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
พวกเธอทั้งสองคนจะต้องไม่เสี่ยงชีวิตตัวเอง เพื่อช่วยฉัน”
“ทำไมล่ะ”
ซีกกี้รีบถามกลับในทันที
“ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ที่พวกเธอสองคนเป็นฝ่ายที่ดูแลฉันมาตลอด
จำได้มั้ยว่าตอนที่ฉันไปเล่นน้ำที่ทะเลกับพวกเธอเมื่อตอนอายุ 8 ปี
แล้วฉันก็เกิดตะคริวกินขาขึ้นมา จนต้องร้องขอความช่วยเหลือ
เธอสองคนก็พยายามที่จะว่ายไปช่วยฉัน จนตัวเองต้องจมน้ำไป
สุดท้ายแล้วคนที่ไม่เป็นอะไรเลยก็คือฉัน
ส่วนพวกเธอกลับต้องนอนซมอยู่อีกตั้งหลายชั่วโมง
รู้มั้ยฉันมักโทษตัวเองเสมอกับเรื่องนั้นน่ะ”
“พวกเราก็แค่อยากช่วยเธอเอง เธอไม่เห็นต้องโทษตัวเองเลยนี่นา” แม็กซ์บอก
“ฉันคิดอย่างนั้นไม่ได้หรอก เพราะถ้าพวกเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมา
โดยที่มีฉันเป็นต้นเหตุล่ะก็ ฉันก็คงทนอยู่ต่อไปไม่ได้
ฉันไม่อยากที่จะเสียพวกเธอไป พวกเธอเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน” ไดอาน่าเริ่มพูดอย่างสะอึกสะอื้น
น้ำตาซึมจนเธอต้องเอามือมาปาดออกไป
แม็กซ์กับซีกกี้ได้แต่ยืนฟังอย่างเงียบๆ
ใจของพวกเขาเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินว่าเธอคิดกับพวกเขาแค่เพื่อนเท่านั้น
ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้มากกว่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสัญญา” แม็กซ์พูด
ซีกกี้ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับโมโห เขามองหน้า แม็กซ์อย่างไม่พอใจ
“พวกเราจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ โดยที่จะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง”แม็กซ์พูดออกมาอย่างนั้น
แต่ใจเขาก็ไม่ได้คิดที่จะทำตามที่พูดเลยแม้แต่น้อย เขาพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อไดอาน่าอยู่แล้ว
ซีกกี้ที่คบกับเขามานาน ก็เริ่มคิดได้ว่าแม็กซ์เองก็คงคิดเช่นเดียวกับเขา
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา
“พวกเธอสัญญาแล้วนะ”
ไดอาน่ายิ้มอย่างโล่งอกแล้วจึงเดินเข้ามาโอบกอดชายทั้งสองอย่างห่วงใย
และนั่นก็ทำให้แม็กซ์กับซีกกี้ต้องรู้สึกปวดใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะพวกเขาเป็นได้แค่เพื่อนของเธอเท่านั้น
จบ
Chapter IV
ความคิดเห็น