คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter III : Gain power (กำเนิดพลัง)
หลังจากการนอนอย่างเต็มอิ่มตลอดคืน
ในห้องนอนที่อบอุ่นและแสนจะสบาย ไดอาน่าก็ลุกขึ้นมาจากเตียงนอน
และเห็นว่าเควินกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่คนเดียว ด้วยนิสัยของเธอ
เธอจึงเดินเข้าไปทัก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยก็ตาม
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่เควิน”
เควินหันกลับมามองไดอาน่าและพูดว่า “อืม สวัสดีตอนเช้า เอ่อ....เธอ.......”เขาพยายามที่จะนึกชื่อของไดอาน่าให้ออก
“ไดอาน่าค่ะ” เธอรีบพูดขึ้นในทันที
“อืม ไดอาน่า ขอโทษทีนะ พี่ความจำไม่ค่อยจะดีหรอก ได้แต่สั่งคนอื่นอยู่บ่อยๆ
แบบว่า...”เขาพยายามจะแก้ตัว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
ก็คนที่เป็นประธานนักเรียนอย่างพี่คงต้องมีอะไรให้คิดมากเป็นธรรมดา
แล้วนี่อยู่ๆพวกเราก็หายตัวไปอีก คนที่อยู่อีกโลกหนึ่งคงจะต้องเป็นห่วงกันแทบตายแน่ๆเลย” ไดอาน่าเอามือเท้าไว้ที่ขอบหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก
“ที่นี่สวยดีนะ ไม่เหมือนที่ๆเราจากมา เงียบสงบอย่างเหลือเชื่อ
พี่ล่ะชอบที่แบบนี้มากเลย”เควินเอ่ย
“ก็คงจะใช่มั้งคะ ถ้าไม่รวมไอ้ทวดอนาคอนด้านั่น
ที่นี่ก็คงจะน่าอยู่มากเลยล่ะ” ไดอาน่ายิ้มแห้งๆ
เควินเงียบไปซักพักแล้วจึงพูดว่า “เธอคิดว่ายังไงล่ะ เราเชื่อใจเซเนสได้มั้ย
เพราะดูเหมือนว่าเขาจะรู้ด้วยนะว่าเรามาจากอีกโลกหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆก็ตาม”
ไดอาน่ามองเควินแล้วจึงตอบไปว่า “แม็กซ์กับซีกกี้คิดว่าเขาเป็นคนที่เชื่อใจได้ และลางสังหรณ์ของพวกนี้ไม่เคยผิดเลยด้วย”
“หึๆ พวกเธอนี่เชื่อใจกันดีนะ เป็นอะไรกันเหรอพวกเธอสามคนน่ะ”
“ก็แค่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แค่นั้นแหละค่ะ” ไดอาน่าก้มหน้าลงหลบจากสายตาของเควิน
“แม็กซ์หรือซีกกี้ล่ะที่เธอชอบ”
เควินถามราวกับว่ารู้ใจของไดอาน่า
ไดอาน่าถึงกับหน้าแดงในทันที “นี่มันก็สายแล้ว รีบไปปลุกคนอื่นดีกว่า” เธอพยายามจะเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของเธอ
เควินเห็นดังนั้นจึงหัวเราะเบาๆ
“นั่นสินะ เจ็ดโมงกว่าแล้ว เธอไปปลุกพวกเขาเถอะ” เควินปล่อยเธอไป
ไดอาน่าจึงถือโอกาสปลีกตัวออกมาในทันที แล้วเธอก็รีบไปปลุกคนอื่นๆ และเมื่อทุกคนตื่นแล้ว พวกเขาก็ได้เดินกลับไปยังห้องทำงานของเซเนสเพื่อที่จะหาตัวเขา
แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างในแล้วก็ไม่เจอใครอยู่ในห้องนั้นเลย
“เซเนสไปอยู่ไหนกันเนี่ย”แม็กซ์พูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะเขายังตื่นไม่เต็มที่
และโดยที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า รอบๆตัวของพวกเขาก็กลายเป็นอีกห้องหนึ่ง
ภายในชั่วพริบตาเดียว
“โว้ว เมื่อกี้มันอะไรอีกเนี่ย”
ซีกกี้หายจากอาการสลึมสลือในทันที
“เวทมนต์ของข้าเอง พ่อหนุ่มน้อย”
เสียงของเซเนสดังขึ้น
ทุกคนหันไปหาเขา
และก็เห็นว่าในตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องรับประทานอาหาร ซึ่งถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเครื่องโลหะสีเงิน
เซเนสนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว
พอที่จะนั่งได้รอบโต๊ะหลายสิบคนเลยทีเดียว
“เอาล่ะ มาร่วมทานอาหารเช้ากับข้าสิ ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ” เซเนสกวักมือเรียกทุกคนเป็นการเชื้อเชิญ
“ให้ตายเถอะ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จกล้วยปิ้ง
อาหารมากขนาดนี้เลยเหรอ มื้อเช้าเนี่ยนะ” ซีกกี้อุทานออกมา
เพราะจำนวนอาหารที่อยู่บนโต๊ะนั่นมากมายมหาศาลยิ่งนัก และดูน่ากินมากเสียด้วย
“มากขนาดนี้ เอาไปให้พวกประเทศโลกที่สาม ได้สบายเลยนะเนี่ย” โรสเอ่ย
“แหม เธอก็ อย่าเพิ่งทำตัวเป็นแม่พระตอนนี้เลยเถอะ
ถ้าเธอไม่กินนี่ เธอก็ไม่มีชีวิตรอดไปช่วยพวกโลกที่สามกันหรอกน่า” ดรูว์พูด
แล้วทุกคนก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้
และจัดการทานอาหารด้วยความหิวโหย
เซเนสเองก็ดูมีความสุขมากทีเดียวที่เห็นเด็กๆเหล่านี้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
“โฮะๆๆ พวกเจ้านี่กินเก่งกันดีจังนะ” เซเนสหัวเราะชอบใจ เพราะเขาไม่ค่อยมีแขกมาเยี่ยมนานแล้ว
หลังจากที่พวกเขาทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย
ซีกกี้ก็พูดขึ้นว่า “เฮ้อ อิ่มขนาดนี้
วันนี้ทั้งวันฉันกินอะไรไม่ลงแล้วล่ะ”
“แล้วจะคอยดู”
ไดอาน่าแหย่ซีกกี้เล่นๆ
“เอาล่ะๆ สหายน้อย ข้าว่าถึงเวลาที่จะพูดเรื่องจริงจังกันหน่อยแล้วล่ะ” เซเนสกล่าว
ทุกคนเงียบแล้วมองไปยังเซเนสเป็นสายตาเดียวกัน
“นั่นสินะ เราสัญญากับคุณไว้นี่นา”แม็กซ์ว่า
“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง
ก็ช่วยเล่าให้คนแก่อย่างข้าฟังหน่อยก็แล้วกัน เผื่อว่าอาจมีอะไรที่ข้าจะสามารถช่วยพวกเจ้าได้”
ทุกคนตัดสินใจให้แม็กซ์เป็นคนเล่าเรื่อง
เพราะแม็กซ์เองก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องความฝันของเขาให้คนอื่นฟังทั้งหมดเช่นกัน แม็กซ์เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ความฝันของเขาขณะที่ยังอยู่ที่โลกแห่งความจริงจนถึงตอนที่พวกเขาถูกนำมาปล่อยไว้ที่ห้องของเจ้าหญิง
และได้ไปเจอกับงูยักษ์ที่อยู่ในบึงข้างๆปราสาท เซเนสสนใจเป็นอย่างมากเมื่อแม็กซ์เล่าเรื่องของงูยักษ์
โดยมีเควินคอยเล่าเหตุการณ์ในส่วนของเขาด้วยตัวเอง
“เหลือเชื่อจริงๆ เจ้ารอดมาจากงูยักษ์ อาซาริส
ตัวนั้นได้ ทั้งๆที่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น”เซเนสพูดด้วยความทึ่งในความสามารถในการเอาตัวรอดของเควิน
“มันเหมือนกับเป็นเรื่องของโชคมากกว่านะ ผมว่า” เควินกล่าว
“แล้วพี่ไปเอามีดพับอันนั้นมาจากไหนล่ะ” ซีกกี้ถามเพราะการที่คนอย่างประธานนักเรียนจะพกมีดพับนั้น
มันเป็นเรื่องที่ไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องนี้......พี่ไปยึดมาจากพวกนักเรียนอันธพาลน่ะ”เควินตอบ
“เหมือนที่เฟอร์เรร่าได้บอกเอาไว้อย่างไม่มีผิดเลย” เซเนสพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงพูดกับพวกเขาว่า “ในเมื่อพวกเจ้ารักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้กับข้า
ดังนั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องตอบแทนความไว้ใจที่พวกเจ้ามีให้แก่ข้าด้วยการเล่าเรื่องในส่วนที่ข้ารู้ล่ะนะ”
“เรื่องที่คุณรู้” แม็กซ์พูดย้ำเป็นเชิงคำถาม
เควินเงียบลงในทันที
เขาไม่ค่อยไว้ใจชายคนนี้มากเท่าคนอื่นๆอยู่แล้ว
“ใช่แล้ว
ข้ารู้ถึงการมีอยู่ของพวกเจ้าตั้งแต่ก้าวแรกที่พวกเจ้าเหยียบเข้ามาในโลกแห่งนี้แล้ว” เซเนส กล่าว
“หมายความว่ายังไง ที่คุณรู้”
ซีกกี้ถามอย่างสงสัย
“ถ้าจะให้เล่าแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาว” เซเนสลุกขึ้นยืน “ทางที่ดีข้าคิดว่าให้พวกเจ้าดูกันเองดีกว่า”
เขาดีดนิ้วแล้วพวกเขาทั้งหมดก็กลับมาอยู่ที่ห้องทำงานของเซเนสอีกครั้ง
เซเนสยื่นม้วนกระดาษม้วนหนึ่งให้กับซีกกี้ เขารีบจัดการคลี่มันออกมาอ่านทันที
ภายในม้วนกระดาษมีตัวอักษรเขียนเอาไว้ว่า
เรียนท่านอาจารย์เซเนสที่เคารพ
เหตุที่เราเขียนจดหมายมาในครั้งนี้
ก็เพราะว่าเรามีเรื่องอยากให้ท่านช่วย คือว่าพักนี้เรามีเรื่องที่ไม่ค่อยจะสบายใจอยู่เรื่องหนึ่ง ระยะนี้เราฝันเห็นคนกลุ่มหนึ่ง
เป็นเด็กหนุ่มสาวในวัยเดียวกับตัวเรา พวกเขามีกันทั้งหมด 6 คน
พวกเขาเข้ามาอยู่ในห้องของเราตอนที่เราไม่อยู่ แต่ก็ถูกทหารไล่ออกไป
พวกเขาวิ่งหนีออกมาจากปราสาทด้วยทางท่อระบายน้ำ ที่มี อาซาริส คอยเฝ้าอยู่
แต่พวกเขาก็รอดออกไปได้
นี่มันหมายความว่าเช่นไร ท่านอาจารย์พอจะคาดเดาอะไรได้บ้างหรือไม่
เพราะท่านน่าจะรู้ดีว่าเราสามารถมองเห็นอนาคตได้ผ่านทางความฝัน
แต่ฝันนั่นมันคืออะไรกันแน่ พวกเขาเข้ามาในห้องของเราซึ่งมีการคุ้มกันได้อย่างไร
เรากลัวมาก ท่านอาจารย์ โปรดรีบติดต่อกลับมาด้วยเถิด
เฟอร์เรร่า คอนเนติ
หลังจากที่อ่านจบ
ซีกกี้ก็ม้วนจดหมายเก็บตามเดิม และส่งคืนเซเนสไป
“ตกลงแล้ว คุณบอกเธอไปว่าไงครับ”เขาถาม
“นางส่งจดหมายนี้มาให้ข้า ก่อนที่นางจะสิ้นพระชนม์ ราวสี่วัน
ซึ่งช่วงนั้นข้าก็ไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ ข้าจึงยังไม่ได้ตอบจดหมายของนางไป
แม้กระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังไม่มีโอกาส” เขาทำหน้าเศร้าๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“ก็พอๆ กับที่ผมเริ่มฝันถึงเจ้าหญิงแล้วก็มาที่โลกนี้น่ะสิ”แม็กซ์ว่า
“แล้วทำไม มหาเสนาบดีถึงต้องฆ่าองค์หญิงด้วยล่ะ ใครสั่งเขามา”ไดอาน่าถามด้วยความขุ่นเคือง เพราะเธอรู้สึกสงสารเจ้าหญิงมาก
“เรื่องต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนเล่าให้เอง”เซเนสทำสีหน้าเคร่งขรึม
“ในอดีต ยามที่อาณาจักรต่างๆเพิ่งที่จะเริ่มก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน
โลกของเราถูกแบ่งออกเป็นสี่ทวีป นั่นคือทวีปเวอเรน ที่พวกเราอยู่กันในตอนนี้ ทวีปกรูติค ทวีปเยอโรน และทวีปเทรคลัส ทวีปทั้งสี่ต่างมีอาณาจักรเป็นของแต่ละทวีปเอง
ในตอนแรกเริ่มนั้น อาณาจักรทั้งสี่ต่างอยู่กันอย่างสงบสุข
ไม่มีการรุกรานซึ่งกันและกัน จนเมื่อวันหนึ่ง ปากนรก
ซึ่งอยู่ภายใต้ทวีปเทรคลัสได้เปิดขึ้นโดยไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
พวกปีศาจได้หลุดขึ้นมามากมายจนนับไม่ถ้วน แต่พวกมันก็มีผู้นำอยู่หนึ่ง ตน ผู้นำของพวกมันเป็นปีศาจที่มีสมองและมีความทะเยอทะยานสูง
ในเวลาไม่ถึงเดือน พวกมันก็สามารถยึดเอาอาณาจักรเทรคลัสให้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของมันได้สำเร็จ
พวกมันจึงยิ่งเหิมเกริมมากขึ้น พยายามที่จะบุกรุกอีกสามทวีปที่เหลือ
แต่พวกมันก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ เพราะทวีปทั้งสาม
ได้ผนึกกำลังช่วยกันต่อต้านพวกปีศาจเอาไว้ พวกมันถอยร่นกลับไปตั้งหลักที่ทวีปเทรคลัส
หลังจากนั้นอีกครึ่งปีพวกมันก็วางแผนที่จะรุกรานทวีปอื่นๆอีกครั้ง และคราวนี้พวกมันก็ได้เตรียมพร้อมกันมากขึ้น
เหล่าปีศาจก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ มันพร้อมที่จะรบอีกครั้งหนึ่งแล้ว เมื่ออีกสามทวีปได้ข่าว ก็ได้มีการประชุมใหญ่เกิดขึ้น
พวกเขาได้สั่งให้มีการสร้างอาวุธที่ทรงพลังเอาไว้ต่อกรกับพวกปีศาจ
สมาพันธ์เวทมนต์จึงได้สร้างของชิ้นหนึ่งขึ้นมา มันมีชื่อว่า โซล มันมีรูปร่างเป็นอย่างไรในตอนนี้ไม่มีใครรู้
แต่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า แค่การใช้โซลเพียงแค่ครั้งเดียว ก็สามารถกำจัดเหล่าปีศาจไปได้ถึงพันตัว
จนเมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ถูกทำลายจนหมดสิ้น แต่ฝ่ายมนุษย์เองก็มีการสูญเสียกันไปไม่น้อยเช่นกัน
หลังจากนั้นโซลก็ได้แตกกระจายออกไปเป็นสามส่วน และหายสาบสูญไป มีผู้คนมากมายที่พยายามตามหามัน
แต่ก็ไม่มีใครที่ค้นพบมันอีกเลย และยังมีการบันทึกไว้ว่าในวันที่โซลแตกกระจายไปนั้น
เหนือน่านฟ้าของทวีปทั้งสามได้มีดาวหางประหลาดพุ่งผ่านไป
และนั่นก็ทำให้คนมากมายเชื่อว่า โซล ทั้ง สามส่วน นั้นอยู่ที่ ทวีปเวอเรน ทวีปกรูติค
และทวีปเยอโรน”
เซเนสหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ซีกกี้จึงฉวยโอกาสถามเขาว่า
“แล้วที่เล่ามา มันเกี่ยวกับเราตรงไหนกันล่ะครับ”
เซเนสได้ยินดังนั้นจึงเล่าต่ออีกว่า “และในประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกไว้ว่าผู้ที่สามารถใช้โซลได้นั้น
คือคนที่มาจากโลกต่างเท่านั้น”
“ใครกันจะบ้าสร้างของที่ตัวเองใช้ไม่ได้ขึ้นมาอย่างนั้นกันน่ะ”ซีกกี้บ่นหลังจากที่ฟังเซเนสเล่าจนจบ
จนถึงตอนนี้ทุกคนก็พยายามคิดทบทวนในสิ่งที่พวกเขาได้ฟังและพยายามที่จะเชื่อมโยงเรื่องทั้งหมดกับพวกเขา
แต่คนที่คิดได้ก่อนใครก็คือเควิน เขาพูดว่า
“ถ้าคนที่ใช้โซล เมื่อครั้งก่อน คือคนจากต่างโลกเหมือนพวกเรา
ถ้าอย่างนั้น คนที่อาจจะ....... ไม่สิ..... คนที่จะสามารถหาโซลจนพบ
และใช้มันได้ก็คือพวกเราใช่มั้ย คุณเซเนส”
ทุกคนได้ยินที่เควินพูดอย่างชัดเจน
“เป็นไปไม่ได้น่า
พวกเราเนี่ยนะ โลกนี้ก็ดูสวยดีนี่นา ไม่เห็นจะต้องใช้ โซลอะไรนั่นเลยนิ่”ซีกกี้พูดพลางมองที่เซเนส กลัวว่าเขาจะพูดอะไรขึ้นมาอีก
เซเนสขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ตอนนี้พวกปีศาจในอดีตกาลได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วด้วยฝีมือของใครบางคน
และวันแห่งสงครามของโลกทั้งสองก็จะต้องบังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งเร็วๆนี้”
ซีกกี้ถึงกับหน้าเสีย
เมื่อได้ยินสิ่งที่เซเนสพูด
“ถ้างั้นก็........เรื่องที่พี่เควินพูดก็...........”แม็กซ์รอปฏิกริยาจากเซเนส
“ถูกต้องแล้ว ข้ากำลังขอร้องให้พวกเจ้า มนุษย์จากโลกต่าง
ได้โปรดช่วยโลกนี้ด้วย เพราะนอกจากพวกเจ้าแล้วคงไม่มีใครที่สามารถทำได้อีก
พวกเจ้าคือความหวังสุดท้ายของข้าแล้ว” เซเนสพูดด้วยท่าทางกังวลเป็นอย่างมาก
“เราเข้าใจดีว่าคุณรู้สึกอย่างไร แต่ขอเวลาให้พวกเราคิดบ้างเถอะครับ”เควินเอ่ย
“สมมติว่าถ้าเราตอบตกลง แล้วเราจะช่วยคุณได้ยังไง
เพราะแค่เฉพาะตัวพวกเราเองยังแทบจะเอาไม่รอดเลย คุณก็รู้นี่” ไดอาน่ากล่าว
เซเนสยิ้มให้ไดอาน่า แล้วพูดว่า “สาวน้อย ข้าเองก็ได้เตรียมอะไรบางอย่างให้พวกเจ้าแล้วเหมือนกัน”
ทุกคนเงียบไป พวกเขาต่างมองหน้ากันและกัน
“เอาไงดีล่ะทีนี้”ซีกกี้ถาม
“ฉันอยากกลับบ้าน แค่นั้นเองนะ”ดรูว์คร่ำครวญ
“โรสก็เหมือนกัน แต่จะปล่อยเขาไว้อย่างนั้นน่ะเหรอ” โรสถาม
“เขาดูสิ้นหวังมากเลยนะ”ไดอาน่าว่า
“ใช่ โรสรู้สึกสงสารเขามากเลยนะทั้งๆที่เขาอยากจะช่วยผู้คนของเขามากขนาดนั้น
แต่ก็ทำไม่ได้”โรส บอก
“แต่พวกเราสามารถที่จะทำได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมล่ะ” แม็กซ์ถามอย่างไม่ค่อยพอใจ
เขาอยากที่จะช่วยชายคนนี้เป็นอย่างมาก
“มันก็ใช่ แต่มันอันตรายนะ”ดรูว์เอ่ย
“เอาล่ะ ตอนนี้พี่มีเรื่องที่จะถามทุกคนหน่อย”เควินพูดคั่นกลางเอาไว้ระหว่างการสนทนา “ถ้าหากว่ามีคนมาขอความช่วยเหลือจากเรา แล้วพวกเธอจะสามารถเพิกเฉยกับคำขอนั้นได้เชียวเหรอ
ถึงพี่จะรู้จักพวกเธอได้ไม่นาน แต่พี่ว่า พวกเธอน่ะ ไม่ใช่คนประเภทนั้นหรอก
ใช่มั้ย”
“พี่พยายามจะสื่ออะไรกันแน่”แม็กซ์ถาม
“ถ้าหากว่าเราปล่อยเรื่องนี้ไปโดยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
พวกน้องจะรู้สึกอย่างไรล่ะ พี่ถามแค่นี้”
“กังวล”โรสตอบ
“ไม่สบายใจ”
ดรูว์พูดอย่างเห็นด้วย
“ใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้น พี่ก็เลยจะเสนอว่า เราจะช่วยเขา
พร้อมกับข้อแลกเปลี่ยนที่ว่า หลังจากที่ภารกิจลุล่วงแล้วเขาจะต้องพาเรากลับบ้าน”
“อ้อ ยื่นหมูยื่นแมวให้แก่กัน”
ซีกกี้กล่าว
ทุกคนมองหน้าเควินด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน
แต่โดยรวมๆแล้วพวกเขารู้สึกชื่นชมกับความเป็นผู้นำของเขา
“ปีศาจเชียวนะ” ไดอาน่าพูดเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ทุกคนก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว
จึงเดินกลับไปหาเซเนสซึ่งกำลังรอคำตอบจากพวกเขาอยู่
เควินเป็นคนเริ่มพูดคนแรก “ คุณจะต้องพาเรากลับบ้าน”
เซเนสตกตะลึง
แต่ก็ยังคงวางท่าทีนิ่งเฉยอยู่
ความรู้สึกผิดหวังของเขาถูกสื่อออกมาทาง
สีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักในตอนนี้
“แต่เป็นหลังจากที่พวกเราช่วยโลกนี้แล้ว” แม็กซ์เป็นคนพูดต่อจนจบ เซเนสมีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที
เขายิ้มอย่างห้ามไม่อยู่
ทุกคนรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขาดีใจมากจริงๆ
“ขอบใจพวกเจ้ามาก
ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะมอบบางสิ่งให้พวกเจ้าแล้วล่ะ ตามข้ามาเถอะ” เขายิ้มแล้วเดินนำพวกเขาออกจากห้องไปอย่างกระตือรือร้น
“นี่เขาจะให้อะไรแปลกๆอีกล่ะเนี่ย” ดรูว์พูดกับโรสเบาๆ
“โถ่ ดรูว์ตอนนี้เธอยังไม่รู้อีกเหรอเนี่ย เขาเป็นจอมเวทย์นะ” โรสทำตาโตใส่ดรูว์
“เป็นจอมเวทย์แล้วไงล่ะ” ดรูว์ถาม
“ให้ตายเถอะ เธอนี่คิดช้าจังเลย เขาก็จะให้เวทมนต์กับพวกเราไง” โรสตอบ และหัวเราะกับท่าทางของ
ดรูว์เมื่อได้ยินเรื่องที่เธอพูด
ซักพักหนึ่ง พวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องที่มีประตูสีขาวหมดจด
ไร้ซึ่งสิ่งสกปรก และมันก็ไม่มีที่จับ
“นี่มันประตูแน่รึเนี่ย
หรือเป็นระบบอัตโนมัติ”
ซีกกี้พูดในขณะที่มองประตูอย่างพินิจพิจารณา
เซเนสนำมือไปสัมผัสกับบานประตูสีขาวด้วยปลายนิ้ว
แล้วประตูทั้งบานก็สลายกลายเป็นเศษผงร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น
“ใครกันจะบ้าขนาดสร้างประตูที่ต้องตามทำความสะอาดทุกครั้งที่เข้าไปเนี่ย”ซีกกี้บ่น
แต่ก็ต้องหยุดเพราะเขานึกได้ว่าคนที่สร้างอาจจะเป็นเซเนส
“เฮ้อ นายระวังปากไว้บ้างก็ดีนะ ซีกกี้” แม็กซ์ว่า
ภายในห้องนั้นมีลูกแก้วลูกใหญ่
ตั้งอยู่บนแท่นกลางห้อง ภายในลูกแก้วมีแสงสว่างสีทอง ส่องประกายไปมาอย่างโชติช่วง
ทุกคนมองไปยังลูกแก้วอย่างสงสัย
“ทีนี้ พวกเจ้าแต่ละคนเอามือไปสัมผัสที่ลูกแก้วสิ” เซเนสเอ่ย
ทุกคนทำตาม
พวกเขาไปยืนล้อมเป็นวงกลมแล้วนำมือมาสัมผัสที่ลูกแก้วอย่างแนบสนิท ความรู้สึกอบอุ่นที่อยู่ในลูกแก้วส่งทอดต่อไปยังพวกเขาทั้งหก
พวกเขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
“เครื่องทำความร้อน รุ่น เดอะ เหรอเนี่ย” ซีกกี้เอ่ย
เซเนสเริ่มท่องเวทมนต์ในทันที “เวเนอูซาเรส บาฮาเอซทีอามอส
ซอเซท เมทธีนอาซ”
เมื่อเขาท่องมนต์จนจบ
ลูกแก้วก็ส่องแสงสว่างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้พวกเขาต้องหลับตาลง
แสงสีทองไล้โลมไปตามร่างกายของเด็กทั้งหก ทำให้พวกเขารู้สึกร้อนรุ่มอยู่ภายใน
ตอนนี้พวกเขาลอยขึ้นเหนือจากพื้นพร้อมๆกับลูกแก้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าปล่อยมือออกมา
จนเมื่อแสงสีทองได้แผ่ซ่านไปทั่วตัวของคนทั้งหกแล้ว
ลูกแก้วก็ค่อยๆลดแสงลงอย่างช้าๆ พร้อมๆกับที่ทุกคนลอยกลับลงมาบนพื้นห้องอีกครั้ง
พวกเขาลืมตาขึ้น
แล้วค่อยๆปล่อยมือออกจากลูกแก้วทีละคน
“ว้าว เมื่อกี้มันเยี่ยมชะมัดเลยแฮะ” ซีกกี้พูดไปพร้อมๆกับที่ดูมือทั้งสองข้างของตัวเอง
“เวทมนต์ได้เลือกผู้ที่จะใช้มันแล้ว” เซเนสกล่าว
“แล้วมันใช้ยังไงล่ะคะ” โรสถาม
“จงเปิดใจ และรู้สึกถึงมัน
เพียงเท่านี้เจ้าก็จะรู้ว่าควรจะทำอย่างไร”เซเนสตอบอย่างคลุมเครือ
ทันใดนั้นเองที่หน้าห้องก็มีปีศาจตนหนึ่งเดินเข้ามา
มันมีตาสีแดง รูปร่างเหมือนมนุษย์ เว้นแต่ว่ามันมีสีผิวที่ดำเข้ม
และร่างกายของมันก็ใหญ่กว่าคนธรรมดามากนัก
“เฮ้ย มันมาจากไหนกันล่ะเนี่ย”
แม็กซ์ร้องขึ้นมาอย่างตกใจ
“จงรู้สึกถึงมัน” ไดอาน่าพูดพึมพำ
แล้วเจ้าปีศาจก็วิ่งเข้ามาหาเธอเป็นคนแรก
แต่ไดอาน่ากลับไม่มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่น้อย เธอตวัดมือไปข้างหน้า
ผ่านอากาศที่ว่างเปล่า และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด
ปีศาจตัวนั้นก็กระเด็นถอยกลับไปราวกับว่าถูกแรงกระแทกซึ่งมองไม่เห็นกระทำเข้ากับตัวของมัน
มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นแทน คราวนี้มันวิ่งไปหาเควิน
“ลองคบเพลิงดูละกัน” เควินพูด
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาสามารถทำอะไรได้ แล้วคบเพลิงที่แขวนอยู่ที่หน้าห้องก็กลายสภาพเป็นกลุ่มแสงระยิบระยับสีเขียวลอยมาอยู่ในมือของเควิน
เขาขว้างกลุ่มแสงนั่นไปหาเจ้าปีศาจในทันที
กลุ่มแสงนั้นก็กลายสภาพกลับเป็นคบเพลิงอันเดิมในขณะที่ลอยไปกระแทกปีศาจตัวนั้นอย่างรุนแรง จนมันต้องล้มทรุดลงไป
จนถึงตอนนี้เจ้าปีศาจนั่นมึนงงและสับสนเป็นอย่างมาก
“นี่เมื่อกี้ทำได้ยังไงน่ะ พี่เควิน ไดอาน่า” ซีกกี้รีบถามพวกเขาเป็นการใหญ่
แต่ยังไม่ทันที่ซีกกี้จะได้คำตอบ
ปีศาจตัวนั้นก็คว้าคบเพลิงอีกอันแล้วเขวี้ยงไปหาดรูว์อย่างรวดเร็ว
เธอร้องด้วยความตกใจ และยกมือขึ้นมาข้างหน้า
แล้วคบเพลิงที่กำลังพุ่งตรงมาหาเธอนั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศ
ราวกับว่าเวลาของมันหยุดลงไป
“เยี่ยมที่สุดเลย”
ดรูว์พูดอย่างพอใจเมื่อเห็นผลงานของเธอซึ่งกำลังค้างอยู่ในอากาศ
เจ้าปีศาจกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
จนทำให้ทุกคนรู้สึกหวั่นไหว
แล้วมันก็สร้างลูกไฟสีเขียวขึ้นมาในมือและขว้างไปยังโรสซึ่งยืนแยกตัวอยู่คนเดียว
แต่เธอกลับยิ้มแล้วพูดว่า “นึกว่าวันนี้จะไม่ได้ลองใช้พลังซะแล้ว” ก่อนที่จะรับลูกไฟนั้นหายเข้าไปในมือของเธอ และนั่นก็ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก
“พลังดูดกลืนงั้นหรือ”
เซเนสซึ่งมองอย่างใกล้ชิด พูดขึ้นมา
“เปล่าหรอกค่ะ มันเป็นอะไรที่เจ๋งกว่านั้นมาก” โรสตอบแล้วลูกไฟที่หายเข้าไปในมือของเธอก็ปรากฏขึ้นมาในมือเธออีกครั้ง
เธอตวัดมือขว้างลูกไฟนั่นกลับไปหาเจ้าปีศาจ
“พลังในการสะท้อนนั่นเอง”เซเนสพูดอย่างรู้ดี
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นถึงตัว”
โรสเอ่ยเมื่อลูกไฟลอยกลับไปถูกตัวเจ้าปีศาจเข้าอย่างจัง
เจ้าปีศาจตัดสินใจวิ่งหนีออกไปทางประตูห้อง
ซีกกี้เห็นดังนั้นจึงตะโกนขึ้นว่า “เฮ้ จะหนีไปไหนน่ะ
ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันทำอะไรได้บ้าง”
เขาตั้งใจจะวิ่งไปหาเจ้าปีศาจแต่กลับมีอีกบุคคลหนึ่งที่ไปถึงเร็วกว่า
นั่นคือตัวเขาเอง ซีกกี้มองอีกร่างของตัวเองอย่างตกตะลึง “เฮ้ย
นี่ฉันตายไปแล้วเหรอเนี่ย”
“จะบ้าเรอะ เมื่อกี้อีกร่างของนายเพิ่งไปโผล่ที่หน้าประตูเองนะ ด้วยพลังของนายไง” ไดอาน่าบอก
ซีกกี้ได้ยินที่ไดอาน่าพูดก็โล่งใจ เขาจึงรีบบังคับให้อีกร่างของตัวเองเตะเข้าที่กลางท้องของเจ้าปีศาจอย่างแรง
มันกระเด็นไปกระแทกกับผนัง แล้วจึงตกลงมาที่พื้น
“โห แรงควายชัดๆ นี่ฉันทำเหรอเนี่ย” ซีกกี้อุทาน
เจ้าปีศาจนั่นร้องอย่างเจ็บปวดและรีบคว้าเอาคบเพลิงที่ดรูว์หยุดเอาไว้กลางอากาศขว้างไปหาแม็กซ์ผู้ซึ่งยืนขวางอยู่ที่หน้าประตู
“อา ฉันรอมานานแล้ว” แม็กซ์พูดแล้วทำท่ายิงปืนด้วยมือเปล่าไปยังคบเพลิงที่กำลังลอยใกล้เข้ามา คบเพลิงอันนั้นถึงกับแตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆด้วยแรงระเบิด
“เอาล่ะ ทีนี้จะยอมอยู่เฉยๆได้หรือยัง เจ้าปีศาจ” แม็กซ์ถามอย่างดุดัน
เจ้าปีศาจตัวนั้น นิ่งเงียบ
และอยู่ๆมันก็กลายร่างเป็นราฟาเอล ภูตสาวของเซเนส
นางยิ้มให้แก่เด็กทั้งหกและพูดว่า “เป็นการใช้พลังครั้งแรกที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
“ข้าเองก็เห็นด้วยกับเจ้านะ ราฟาเอล เด็กพวกนี้มีพรสวรรค์จริงๆ
ข้าแนะนำเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็สามารถเข้าใจแถมยังประยุกต์ใช้พลังได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย” เซเนสพูดชื่นชมพวกเขาจากใจจริง
“แล้วตกลงพลังเมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่ครับ” แม็กซ์ถาม
“มันคือความสามารถพิเศษของผู้ที่เป็นจอมเวทย์น่ะ พลังของเจ้าก็คือ
การระเบิดสิ่งของได้ด้วยพลังจิต (destruction) และซีกกี้ พลังของเจ้าก็คือ
การสร้างร่างจิตแยกออกมาจากตัวของเจ้าเอง (astral
projection) เควิน พลังของเจ้ายังไม่แน่ชัดนัก
แต่ข้าคิดว่าจากการที่เจ้าใช้พลังแบบนั้น พลังของเจ้าน่าจะเป็น การเคลื่อนย้ายผ่านมิตินะ
(teleport) ในไม่ใช่ช้าเจ้าก็จะสามารถไปไหนมาไหนได้ด้วยการข้ามมิติ
นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ โรส
เธอมีความสามารถในการสะท้อนพลัง (reflection)
แต่ของเจ้าจะแปลกกว่าปกติอยู่นิดหน่อยตรงที่เจ้าดูดพลังเหล่านั้นเข้าไปไว้ในอีกมิติหนึ่ง
แล้วเจ้าก็จะสามารถเก็บพลังไว้ใช้เมื่อไหร่ก็ได้
ดรูว์ เจ้ามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว
เจ้าสามารถที่จะหยุดเวลาของสิ่งต่างๆได้ (freezing
time) แม้แต่กับมนุษย์เองก็ตามนะ
ส่วนเจ้า ไดอาน่า เจ้าสามารถที่จะเคลื่อนย้ายสิ่งของได้อย่างใจนึก (telekinesis) แต่เจ้ากลับมีความคิดที่แปลกไปกว่านั้นเจ้าทำมันกับศัตรูเลย
และนั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน”
เซเนสอธิบายให้พวกเขาฟังทีละคน ซึ่งแต่ละคนเมื่อได้ฟังแล้วก็อึ้งไปตามๆกัน พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องราวพวกนี้จะมีจริง
“ว้าว เยี่ยมไปเลยแฮะ” ซีกกี้บอกก่อนที่จะลองสร้างร่างจิตขึ้นมาอีกครั้ง
และไล่เตะแม็กซ์เป็นการใหญ่
จบ
chapter III
ความคิดเห็น